เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี Set Index เคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบ (1698 - 1707 จุด) เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆที่จะขับเคลื่อนตลาด
และ ปัจจัยต่างๆที่เก็งกันมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ผลการประชุม FOMC คงดอกเบี้ย ตามคาด และ ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
ในเดือนธันวาคม นอกจากนั้นแล้ว ประธานเฟดคนใหม่ คุณ Jerome powell ก็ไม่ได้พลิกโผ ตามที่ตลาดคาดการณ์ ดังนั้นจังทำให้นักลงทุน
เทขายทำกำไรออกมา และ ทำให้ดัชนี SET Index ปิดตัวไปที่ระดับ 1701 จุด -0.46 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่
Fundamental
เอเชียเช้านี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดขยับขึ้น 12.74 จุด หรือ +0.04% แตะที่ 28,616.35 จุดในวันนี้ สอดคล้องทิศทางดัชนี
ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่ง ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
ยังคงเพิ่มขึ้น
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ย.) ด้วยปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล อิงค์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นแอปเปิลทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ หุ้นแอปเปิลยังหนุนดัชนี
NASDAQ ปิดทำนิวไฮครั้งที่ 63 ของปีนี้ ซึ่งทุบสถิติเดิมที่เคยทำนิวไฮได้สูงสุดจำนวน 62 ครั้งในปี 2523
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,539.19 จุด เพิ่มขึ้น 22.93 จุด หรือ +0.10%
ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,764.44 จุด เพิ่มขึ้น 49.49 จุด หรือ +0.74%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,587.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.99 จุด หรือ +0.31%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์, NASDAQ และ S&P500 ปิดทำนิวไฮในวันเดียวกันเป็นครั้งที่ 25 ของปีนี้
ด้วยแรงหนุนจากการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นแอปเปิล หลังแอปเปิลเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.
ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัท ในระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 2.6 เมื่อคืนนี้
แอปเปิลระบุว่า บริษัทมีกำไร 2.07 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.87 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้ของแอปเปิลอยู่ที่
ระดับ 5.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 5.07 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ แอปเปิลสามารถจำหน่าย iPhone รวม 46.7 ล้านเครื่องในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 46 ล้านเครื่อง
โดยยอดขาย iPhone ในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 22 ก.ย. แต่ไม่รวม iPhone X ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 3 พ.ย.
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนบางส่วนจากข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดตัวดัชนีดังกล่าวในปี 2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 58.5
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งแม้จะต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์
ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 310,000 ตำแหน่ง แต่ก็เป็นการบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยนักลงทุนจับตาตัวเลข
จ้างงานนอกภาคเกษตรอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า
มีโอกาสกว่า 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 4.1% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.2%
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน พุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว
หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ
นักลงทุนยังจับตาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ สามารถผลักดันกฎหมายปฏิรูประบบภาษี
ได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากที่สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสได้เปิดเผยรายละเอียดร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงเป้าหมาย
ในการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน
"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันและดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนต่าง
ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึงแม้ในระหว่างวัน แรงบวกในตลาดหุ้นยุโรปจะถูกสกัดจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ
บริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่บางรายก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 1.12 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 396.06 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,517.97 จุด เพิ่มขึ้น 7.47 จุด หรือ +0.14%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,478.86 จุด เพิ่มขึ้น 37.93 จุด หรือ +0.28%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,560.35 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับอานิสงส์จากการที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยค่าเงิน
ยูโรร่วงลง -0.4118% สู่ระดับ 1.1605 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1658 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพฤหัสบดี ส่วนภาพรวมตลอดทั้งสัปดาห์
ที่ผ่านมานั้น ยูโรอ่อนค่าลงราว 0.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์
หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล ร่วงลง 4.1% หลังธนาคารยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสรายนี้ เปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 3 ของทางธนาคารทรุดฮวบลง 15%
สู่ระดับ 932 ล้านยูโร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ
หุ้นเวสตัส วินด์ ซิสเต็มส์ บริษัทผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่ของเดนมาร์ก ดิ่งลง 8.8% หลังสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงแผนปรับแก้กฎเกณฑ์การลดหย่อนภาษีสำหรับพลังงานหมุนเวียนด้วย
โดยในตลาดหุ้นสเปน หุ้นซีเมนส์ กาเมสซา รีนิวเอเบิล อีเนอร์จี ผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่ของสเปน ร่วงลง 3.6%
หุ้นเรโนลต์ พุ่งขึ้น 3.9% หลังผู้ผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศสเปิดเผยว่า บริษัทได้ซื้อหุ้นบางส่วนของตนกลับคืนมาจากรัฐบาลแดนน้ำหอ
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET Day เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET index ได้ย่อตัวลงไปทดสอบเส้น EMA25 วัน แล้วปรากฏว่าสามารถรับอยู่ และดัชนีได้ฟื้นตัว
ขึ้นมาเล็กน้อย ปิดแท่งเทียนไปแบบ "Hammer" แท่งสีแดง และในมุมมอง Bullish ในกรณีที่เป็นเช่นนี้ แท่งเทียนวันจันทร์ อาจจะมีการฟื้นตัว
ขึ้นมาได้ // แต่หากมองในมุม Bearish ก็เห็นเป็น กาสามตัว "Three Black Crows" หากวันนี้หลุดเส้น EMA25 วัน ลงไป ก็มีความเป็นไปได้
ที่ดัชนีจะพักฐาน อีกครั้ง
S50Z17 Day เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบ 1077-1084 จุด) โดยลักษณะการเคลื่อนไหว คงยังอยู่ใต้เส้น EMA25 วัน
และได้ปิดแท่งเทียนไปแบบ Bearish in neck ซึ่งต้องมาดูว่า ดัชนีจะสามารถฟื้นตัวขึ้นมาเหนือเส้น EMA25 วัน ได้หรือไม่ หากไม่ฟื้นตัว
และย่อตัวลงต่อ ก็จะกลายเป็นรูปแบบ Bearish Separating line เข้าสู่โหมดพักฐาน อีกครั้ง
S50 TF60 min ตลอดทั้งวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ (1077-1084 จุด) เลื้อยเลียคลอเคลียบริเวณเส้น 200 วัน
กับ Support line ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า บริเวณนี้ดัชนีจะสามารถฟื้นตัวขึ้นไปได้หรือไม่ //หากฟื้นตัวได้ ก็อาจจะกลับไปทดสอบ 1100 อีกครั้ง
แต่หากไม่ฟื้นตัว และร่วงหลุด Support line ลงไปอาจจะเผชิญกับแรงเทขายออกมาอย่างรุนแรง และ เกิดสัญญาณ dead cross ตามมา
และ กลายเป็นรูปแบบกลับตัว Head & Shoulder ก็เป็นได้
Resistance 1088 1091 1096 1100 / 1707 1711 1717
Supprt 1080 1077 1073 1066 / 1695 1690 1686
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ
กู๊ดมอนิ่ง ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call (6 Nov 17)
เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี Set Index เคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบ (1698 - 1707 จุด) เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆที่จะขับเคลื่อนตลาด
และ ปัจจัยต่างๆที่เก็งกันมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ผลการประชุม FOMC คงดอกเบี้ย ตามคาด และ ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
ในเดือนธันวาคม นอกจากนั้นแล้ว ประธานเฟดคนใหม่ คุณ Jerome powell ก็ไม่ได้พลิกโผ ตามที่ตลาดคาดการณ์ ดังนั้นจังทำให้นักลงทุน
เทขายทำกำไรออกมา และ ทำให้ดัชนี SET Index ปิดตัวไปที่ระดับ 1701 จุด -0.46 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่
Fundamental
เอเชียเช้านี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดขยับขึ้น 12.74 จุด หรือ +0.04% แตะที่ 28,616.35 จุดในวันนี้ สอดคล้องทิศทางดัชนี
ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่ง ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
ยังคงเพิ่มขึ้น
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ย.) ด้วยปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล อิงค์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นแอปเปิลทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ หุ้นแอปเปิลยังหนุนดัชนี
NASDAQ ปิดทำนิวไฮครั้งที่ 63 ของปีนี้ ซึ่งทุบสถิติเดิมที่เคยทำนิวไฮได้สูงสุดจำนวน 62 ครั้งในปี 2523
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,539.19 จุด เพิ่มขึ้น 22.93 จุด หรือ +0.10%
ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,764.44 จุด เพิ่มขึ้น 49.49 จุด หรือ +0.74%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,587.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.99 จุด หรือ +0.31%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์, NASDAQ และ S&P500 ปิดทำนิวไฮในวันเดียวกันเป็นครั้งที่ 25 ของปีนี้
ด้วยแรงหนุนจากการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นแอปเปิล หลังแอปเปิลเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.
ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัท ในระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 2.6 เมื่อคืนนี้
แอปเปิลระบุว่า บริษัทมีกำไร 2.07 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.87 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้ของแอปเปิลอยู่ที่
ระดับ 5.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 5.07 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ แอปเปิลสามารถจำหน่าย iPhone รวม 46.7 ล้านเครื่องในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 46 ล้านเครื่อง
โดยยอดขาย iPhone ในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 22 ก.ย. แต่ไม่รวม iPhone X ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 3 พ.ย.
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนบางส่วนจากข้อมูลภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดตัวดัชนีดังกล่าวในปี 2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 58.5
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งแม้จะต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์
ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 310,000 ตำแหน่ง แต่ก็เป็นการบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยนักลงทุนจับตาตัวเลข
จ้างงานนอกภาคเกษตรอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า
มีโอกาสกว่า 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 4.1% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.2%
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน พุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว
หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ
นักลงทุนยังจับตาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ สามารถผลักดันกฎหมายปฏิรูประบบภาษี
ได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากที่สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสได้เปิดเผยรายละเอียดร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงเป้าหมาย
ในการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน
"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันและดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนต่าง
ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึงแม้ในระหว่างวัน แรงบวกในตลาดหุ้นยุโรปจะถูกสกัดจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ
บริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่บางรายก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 1.12 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 396.06 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,517.97 จุด เพิ่มขึ้น 7.47 จุด หรือ +0.14%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,478.86 จุด เพิ่มขึ้น 37.93 จุด หรือ +0.28%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,560.35 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับอานิสงส์จากการที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยค่าเงิน
ยูโรร่วงลง -0.4118% สู่ระดับ 1.1605 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1658 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันพฤหัสบดี ส่วนภาพรวมตลอดทั้งสัปดาห์
ที่ผ่านมานั้น ยูโรอ่อนค่าลงราว 0.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์
หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล ร่วงลง 4.1% หลังธนาคารยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสรายนี้ เปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 3 ของทางธนาคารทรุดฮวบลง 15%
สู่ระดับ 932 ล้านยูโร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ
หุ้นเวสตัส วินด์ ซิสเต็มส์ บริษัทผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่ของเดนมาร์ก ดิ่งลง 8.8% หลังสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงแผนปรับแก้กฎเกณฑ์การลดหย่อนภาษีสำหรับพลังงานหมุนเวียนด้วย
โดยในตลาดหุ้นสเปน หุ้นซีเมนส์ กาเมสซา รีนิวเอเบิล อีเนอร์จี ผู้ผลิตกังหันลมรายใหญ่ของสเปน ร่วงลง 3.6%
หุ้นเรโนลต์ พุ่งขึ้น 3.9% หลังผู้ผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศสเปิดเผยว่า บริษัทได้ซื้อหุ้นบางส่วนของตนกลับคืนมาจากรัฐบาลแดนน้ำหอ
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET Day เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET index ได้ย่อตัวลงไปทดสอบเส้น EMA25 วัน แล้วปรากฏว่าสามารถรับอยู่ และดัชนีได้ฟื้นตัว
ขึ้นมาเล็กน้อย ปิดแท่งเทียนไปแบบ "Hammer" แท่งสีแดง และในมุมมอง Bullish ในกรณีที่เป็นเช่นนี้ แท่งเทียนวันจันทร์ อาจจะมีการฟื้นตัว
ขึ้นมาได้ // แต่หากมองในมุม Bearish ก็เห็นเป็น กาสามตัว "Three Black Crows" หากวันนี้หลุดเส้น EMA25 วัน ลงไป ก็มีความเป็นไปได้
ที่ดัชนีจะพักฐาน อีกครั้ง
S50Z17 Day เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบ 1077-1084 จุด) โดยลักษณะการเคลื่อนไหว คงยังอยู่ใต้เส้น EMA25 วัน
และได้ปิดแท่งเทียนไปแบบ Bearish in neck ซึ่งต้องมาดูว่า ดัชนีจะสามารถฟื้นตัวขึ้นมาเหนือเส้น EMA25 วัน ได้หรือไม่ หากไม่ฟื้นตัว
และย่อตัวลงต่อ ก็จะกลายเป็นรูปแบบ Bearish Separating line เข้าสู่โหมดพักฐาน อีกครั้ง
S50 TF60 min ตลอดทั้งวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ (1077-1084 จุด) เลื้อยเลียคลอเคลียบริเวณเส้น 200 วัน
กับ Support line ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า บริเวณนี้ดัชนีจะสามารถฟื้นตัวขึ้นไปได้หรือไม่ //หากฟื้นตัวได้ ก็อาจจะกลับไปทดสอบ 1100 อีกครั้ง
แต่หากไม่ฟื้นตัว และร่วงหลุด Support line ลงไปอาจจะเผชิญกับแรงเทขายออกมาอย่างรุนแรง และ เกิดสัญญาณ dead cross ตามมา
และ กลายเป็นรูปแบบกลับตัว Head & Shoulder ก็เป็นได้
Resistance 1088 1091 1096 1100 / 1707 1711 1717
Supprt 1080 1077 1073 1066 / 1695 1690 1686
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ