จะมีให้เห็นมั้ยน้อ
หุ้นไทยโค้งท้าย ลุ้น Santa Rally ดันดัชนี
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปีแล้ว นักลงทุนหลายคนรอเก็งกำไร จากปรากฏการณ์ Santa Rally ที่เชื่อว่าตลาดหุ้นมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าลดลง ซึ่งจะตรงกับช่วงหลังเทศกาลวันคริสต์มาสไปจนถึงวันปีใหม่พอดี ส่วนในปีนี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยหรือไม่
โดย “ชยนนท์ รักกาญจนันท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา เปิดเผยว่า จากสถิติย้อนหลังช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในเดือน ธ.ค. ตลาดหุ้นทั่วโลกมักจะปรับบวกได้ต่อเนื่อง มีเพียงปี 2023 ที่มีการปรับฐาน
และหากดูสถิติย้อนหลัง 10 ปี เดือนที่ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้มากที่สุดคือเดือน ก.ค. รองลงมาเป็นเดือน ธ.ค. ซึ่งนักลงทุนมักเชื่อว่า จะเกิดปรากฏการณ์ Santa Rally ที่ตลาดหุ้นจะปรับขึ้นได้ช่วงสัปดาห์ท้ายของปี
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม โดยในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งตัวเลขการเปิดรับตำแหน่งงานว่าง ล่าสุดที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจยังต้องการจ้างงาน
โดย Oxford Economics คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐในแง่ตัวเลขค้าปลีกและตัวเลขแรงงาน ยังไปได้ดี ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้เฟดลดดอกเบี้ยลงได้ประมาณ 0.25% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ลดลงและค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดีขึ้นได้
“สภาพโดยรวมตลาดทั่วโลก น่าจะไม่ได้ปรับฐานลงได้ง่ายนัก แต่หลังจากช่วงเดือน ม.ค. ต้องรอติดตามการขึ้นรับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค. จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ว่าตลาดจะมีการตอบรับอย่างไร”
“ชยนนท์” กล่าวว่า สำหรับการลงทุนช่วงเดือน ธ.ค. ประเมินว่า ฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐปัจจุบัน ในมุม Valuation ค่อนข้างแพง อย่าง P/E ของดัชนี S&P 500 อยู่ +2 Standard Deviation (SD) ระยะยาวอาจจะปรับขึ้นได้ แต่ระยะสั้นยังไม่แนะนำ ทั้งนี้ ตลาดที่มองว่าน่าสนใจในปัจจุบัน คือตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากหุ้นมีกำไรต่อหุ้น (EPS) เติบโตต่อเนื่อง และตลาดมีการปรับฐานในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
รวมถึงแนะนำตลาดหุ้นเวียดนามสามารถลงทุนได้ในระยะสั้น ทั้งกลุ่มส่งออก และเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี ระยะยาวต้องติดตามว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของทรัมป์ด้วยหรือไม่
“ส่วนตลาดหุ้นไทยได้รับแรงสนับสนุนจากกองทุน Thai ESG ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท และลดระยะเวลาถือครองลงเหลือ 5 ปี อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าเม็ดเงินที่จะเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ไม่มากนัก เนื่องจากกองทุนสามารถลงในกองทุนตราสารหนี้ได้ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่ปรับลดลง แต่ก็ไม่ได้ขึ้นแรงนัก Upside น่าจะอยู่ที่ตลาดอื่นมากกว่า”
ขณะที่ “สรพล วีระเมธีกุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า Santa Rally ปีนี้ อาจจะมี แต่ไม่แรงนัก โดยวิเคราะห์ได้ 3 ประเด็น 1.หลังจากวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ต้องติดตามว่าหุ้น DELTA จะติด Cash Balance ต่ออีกหรือไม่ เพราะหากติดต่อเนื่อง โอกาสที่ DELTA จะหลุดจาก SET 50 จะสูงมากขึ้น และจะดึง SET Index ปรับลดลงด้วย 2.ติดตามการประชุมเฟด เพื่อประเมินทิศทาง Dot Plot ในปี 2568 จะอยู่โซนล่างบริเวณ 3.25% หรือโซนด้านบนที่ 4.00%
“หาก Dot Plot อยู่โซนล่างหุ้นไทยมี Santa Rally แน่นอน แต่หากอยู่ที่โซนบน แล้ว DELTA ติด Cash Balance ต่ออีก โอกาสที่จะมี Santa Rally คงจะไม่มี”
ฟาก “ภราดร เตียรณปราโมทย์” รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเดือน ธ.ค. น่าจะแกว่งในกรอบ 1,380-1,460 จุด มูลค่าซื้อขายไม่ได้มากนัก เนื่องจากจะเป็นช่วงเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส นักลงทุนต่างชาติอาจจะหยุดเทรด ทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เบาบาง ขณะเวลาช่วงที่เหลือของปี คาดเม็ดเงินไหลเข้ากองทุน Thai ESG ไหลเข้าตลาดหุ้นไม่เต็มที่ เพราะอาจถูกแบ่งเข้าไปในตลาดตราสารหนี้ครึ่งหนึ่ง รวมถึงตลาดหุ้นยังถูกกดดันจากการขายกองทุน LTF ที่ครบกำหนด
“Santa Rally หุ้นไทย ยังหวังอยู่ แม้ว่าช่วงท้ายปีต่างชาติอาจจะชะลอการซื้อขาย แต่ยังหวังว่าเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ที่น่าจะไหลเข้ามา หากการเพิ่มทุนหุ้นการบินไทยได้ข้อสรุป นักลงทุนอาจจะสะสมหุ้น เพื่อหวังผลที่จะเกิด January Effect ในระยะถัดไป ที่หุ้นมักขึ้นได้ดีมีการปรับพอร์ตเดือน ม.ค.”
https://www.prachachat.net/finance/news-1710985#m4g90cnhenn4prbhwk
หุ้นไทยโค้งท้าย ลุ้น Santa Rally ดันดัชนี
หุ้นไทยโค้งท้าย ลุ้น Santa Rally ดันดัชนี
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปีแล้ว นักลงทุนหลายคนรอเก็งกำไร จากปรากฏการณ์ Santa Rally ที่เชื่อว่าตลาดหุ้นมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าลดลง ซึ่งจะตรงกับช่วงหลังเทศกาลวันคริสต์มาสไปจนถึงวันปีใหม่พอดี ส่วนในปีนี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยหรือไม่
โดย “ชยนนท์ รักกาญจนันท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา เปิดเผยว่า จากสถิติย้อนหลังช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในเดือน ธ.ค. ตลาดหุ้นทั่วโลกมักจะปรับบวกได้ต่อเนื่อง มีเพียงปี 2023 ที่มีการปรับฐาน
และหากดูสถิติย้อนหลัง 10 ปี เดือนที่ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้มากที่สุดคือเดือน ก.ค. รองลงมาเป็นเดือน ธ.ค. ซึ่งนักลงทุนมักเชื่อว่า จะเกิดปรากฏการณ์ Santa Rally ที่ตลาดหุ้นจะปรับขึ้นได้ช่วงสัปดาห์ท้ายของปี
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม โดยในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งตัวเลขการเปิดรับตำแหน่งงานว่าง ล่าสุดที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจยังต้องการจ้างงาน
โดย Oxford Economics คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐในแง่ตัวเลขค้าปลีกและตัวเลขแรงงาน ยังไปได้ดี ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้เฟดลดดอกเบี้ยลงได้ประมาณ 0.25% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ลดลงและค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดีขึ้นได้
“สภาพโดยรวมตลาดทั่วโลก น่าจะไม่ได้ปรับฐานลงได้ง่ายนัก แต่หลังจากช่วงเดือน ม.ค. ต้องรอติดตามการขึ้นรับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค. จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ว่าตลาดจะมีการตอบรับอย่างไร”
“ชยนนท์” กล่าวว่า สำหรับการลงทุนช่วงเดือน ธ.ค. ประเมินว่า ฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐปัจจุบัน ในมุม Valuation ค่อนข้างแพง อย่าง P/E ของดัชนี S&P 500 อยู่ +2 Standard Deviation (SD) ระยะยาวอาจจะปรับขึ้นได้ แต่ระยะสั้นยังไม่แนะนำ ทั้งนี้ ตลาดที่มองว่าน่าสนใจในปัจจุบัน คือตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากหุ้นมีกำไรต่อหุ้น (EPS) เติบโตต่อเนื่อง และตลาดมีการปรับฐานในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
รวมถึงแนะนำตลาดหุ้นเวียดนามสามารถลงทุนได้ในระยะสั้น ทั้งกลุ่มส่งออก และเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี ระยะยาวต้องติดตามว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของทรัมป์ด้วยหรือไม่
“ส่วนตลาดหุ้นไทยได้รับแรงสนับสนุนจากกองทุน Thai ESG ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท และลดระยะเวลาถือครองลงเหลือ 5 ปี อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าเม็ดเงินที่จะเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ไม่มากนัก เนื่องจากกองทุนสามารถลงในกองทุนตราสารหนี้ได้ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่ปรับลดลง แต่ก็ไม่ได้ขึ้นแรงนัก Upside น่าจะอยู่ที่ตลาดอื่นมากกว่า”
ขณะที่ “สรพล วีระเมธีกุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า Santa Rally ปีนี้ อาจจะมี แต่ไม่แรงนัก โดยวิเคราะห์ได้ 3 ประเด็น 1.หลังจากวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ต้องติดตามว่าหุ้น DELTA จะติด Cash Balance ต่ออีกหรือไม่ เพราะหากติดต่อเนื่อง โอกาสที่ DELTA จะหลุดจาก SET 50 จะสูงมากขึ้น และจะดึง SET Index ปรับลดลงด้วย 2.ติดตามการประชุมเฟด เพื่อประเมินทิศทาง Dot Plot ในปี 2568 จะอยู่โซนล่างบริเวณ 3.25% หรือโซนด้านบนที่ 4.00%
“หาก Dot Plot อยู่โซนล่างหุ้นไทยมี Santa Rally แน่นอน แต่หากอยู่ที่โซนบน แล้ว DELTA ติด Cash Balance ต่ออีก โอกาสที่จะมี Santa Rally คงจะไม่มี”
ฟาก “ภราดร เตียรณปราโมทย์” รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเดือน ธ.ค. น่าจะแกว่งในกรอบ 1,380-1,460 จุด มูลค่าซื้อขายไม่ได้มากนัก เนื่องจากจะเป็นช่วงเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส นักลงทุนต่างชาติอาจจะหยุดเทรด ทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เบาบาง ขณะเวลาช่วงที่เหลือของปี คาดเม็ดเงินไหลเข้ากองทุน Thai ESG ไหลเข้าตลาดหุ้นไม่เต็มที่ เพราะอาจถูกแบ่งเข้าไปในตลาดตราสารหนี้ครึ่งหนึ่ง รวมถึงตลาดหุ้นยังถูกกดดันจากการขายกองทุน LTF ที่ครบกำหนด
“Santa Rally หุ้นไทย ยังหวังอยู่ แม้ว่าช่วงท้ายปีต่างชาติอาจจะชะลอการซื้อขาย แต่ยังหวังว่าเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ที่น่าจะไหลเข้ามา หากการเพิ่มทุนหุ้นการบินไทยได้ข้อสรุป นักลงทุนอาจจะสะสมหุ้น เพื่อหวังผลที่จะเกิด January Effect ในระยะถัดไป ที่หุ้นมักขึ้นได้ดีมีการปรับพอร์ตเดือน ม.ค.”
https://www.prachachat.net/finance/news-1710985#m4g90cnhenn4prbhwk