'อุเทน' อัด สนช.มีธง คลอดร่าง ก.ม.ลูกคดีอาญานักการเมือง
ข่าวที่มา
http://www.thairath.co.th/content/1004565
"อุเทน" สับ สนช.คลอดร่าง ก.ม.ลูกคดีอาญานักการเมือง มีธงเลือกปฏิบัติชัดเจน แปลกใจสอดไส้ในวาระที่ 2 แต่กลับไม่มี สนช.ติดใจสงสัย เปรียบเป็น "สภาไล่ล่าแม่มด" บิดเบือนหลักนิติธรรมใช้ศาลบังหน้า จี้แก้ไข ก.ม.อาญาทั่วไปให้เท่าเทียม ยุให้ใช้ ม.44 สั่งคดี หรือหมายหัวบุคคลไม่ให้เล่นการเมืองไปเลย
เมื่อวันที่ 14 ก.ค.60 นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีสาระสำคัญในมาตรา 24 ที่ไม่ให้นับอายุความของคดีในระหว่างที่จำเลยหลบหนีคดี และในมาตรา 26 - 27 ว่าด้วยการให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาไต่สวนคดีลับหลังจำเลยได้ว่า นอกเหนือที่จะขัดต่อหลักการสากลของการพิจารณาคดีในเรื่องของการละเมิดสิทธิจำเลยหรือผู้ที่ถูกกล่าวหาแล้ว ก็ยังถือว่าเป็นกฎหมายที่ออกมาแบบมีธง เพื่อมุ่งเล่นงานและเลือกปฏิบัติเฉพาะนักการเมืองอย่างชัดเจน โดยทราบมาว่ามีการสอดไส้แก้ไขสาระสำคัญส่วนนี้ในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 แต่ สนช.ก็รับลูกลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ โดยแทบที่จะไม่มีสมาชิกท่านใดติดใจสงสัยในบทบัญญัติที่เพิ่มเติมมาแต่อย่างใด ทั้งที่หลักการของการบังคับใช้กฎหมายไม่ควรมีผลย้อนหลังในการให้โทษ
“สนช.ไม่ใช่ทำตัวเป็นเพียงสภาตรายางเท่านั้น ยังทำตัวเป็นสภาไล่ล่าแม่มดอีกด้วย โดยใช้อำนาจที่มีตรากฎหมายที่นอกจากจะไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมแล้ว ก็ยังเป็นการเลือกปฏิบัติ เจาะจงเล่นงานบุคคลเป็นการเฉพาะโดยใช้กระบวนการยุติธรรมมาบังหน้าเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ซึ่งจะเป็นการขยายปมความขัดแย้งในอนาคตด้วย” นายอุเทนระบุ
นายอุเทน ยังกล่าวต่อว่า หากยึดบรรทัดฐานนี้ก็ต้องนำไปปรับกับการพิจารณาคดีของทุกกลุ่มในสังคม ทุกอาชีพ ทุกชนชั้น ไม่ว่าข้าราชการ เอกชน หรือประชาชนทั่วไป ด้วยหลักการที่ว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาไม่ใช่มีเฉพาะนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้นที่หลบหนีคดี บุคคลทั่วไปก็มีพฤติกรรมหลบเลี่ยง หนีคดีเช่นกัน แต่ไม่ตกเป็นข่าว จนหมดอายุความก็มีเป็นจำนวนมาก แต่การที่ผู้มีอำนาจในปัจจุบันต้องการหรือเจาะจงเอาผิดที่บุคคลใด ก็ควรเสนอให้ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ระบุชื่อบุคคลนั้นไปให้ชัดเจน รวมทั้งการเติมข้อกำหนดเพื่อการจำกัดสิทธิของนักการเมือง ที่ทำผิดในกฎหมายลูกฉบับต่างๆ ไปด้วยเลยหรือตรากฎหมายได้ไปเลยว่า ไม่ให้บุคคลใดบ้างเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งตามข่าวก็มีการระบุความเห็นของสมาชิก สนช.บางราย ที่ระบุว่าบทบัญญัติที่แก้ไขนี้จะมีผลให้คดีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลจำหน่ายออกจากสารบบชั่วคราว เนื่องจากนายทักษิณหลบหนีอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่หนีคดี แต่ที่ออกมาท้วงเพราะต่อไป การออกกฎหมายจะยึดกรณีนี้เป็นตัวอย่าง บ้านเมืองก็จะวุ่นวายและอยู่ยาก เพราะกฎหมายต้องใช้บังคับได้กับทุกคนอย่างเสมอภาค.
'อุเทน' อัด สนช. มีธง คลอดร่าง ก.ม.ลูกคดีอาญานักการเมือง
ข่าวที่มา http://www.thairath.co.th/content/1004565
"อุเทน" สับ สนช.คลอดร่าง ก.ม.ลูกคดีอาญานักการเมือง มีธงเลือกปฏิบัติชัดเจน แปลกใจสอดไส้ในวาระที่ 2 แต่กลับไม่มี สนช.ติดใจสงสัย เปรียบเป็น "สภาไล่ล่าแม่มด" บิดเบือนหลักนิติธรรมใช้ศาลบังหน้า จี้แก้ไข ก.ม.อาญาทั่วไปให้เท่าเทียม ยุให้ใช้ ม.44 สั่งคดี หรือหมายหัวบุคคลไม่ให้เล่นการเมืองไปเลย
เมื่อวันที่ 14 ก.ค.60 นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีสาระสำคัญในมาตรา 24 ที่ไม่ให้นับอายุความของคดีในระหว่างที่จำเลยหลบหนีคดี และในมาตรา 26 - 27 ว่าด้วยการให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาไต่สวนคดีลับหลังจำเลยได้ว่า นอกเหนือที่จะขัดต่อหลักการสากลของการพิจารณาคดีในเรื่องของการละเมิดสิทธิจำเลยหรือผู้ที่ถูกกล่าวหาแล้ว ก็ยังถือว่าเป็นกฎหมายที่ออกมาแบบมีธง เพื่อมุ่งเล่นงานและเลือกปฏิบัติเฉพาะนักการเมืองอย่างชัดเจน โดยทราบมาว่ามีการสอดไส้แก้ไขสาระสำคัญส่วนนี้ในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 แต่ สนช.ก็รับลูกลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ โดยแทบที่จะไม่มีสมาชิกท่านใดติดใจสงสัยในบทบัญญัติที่เพิ่มเติมมาแต่อย่างใด ทั้งที่หลักการของการบังคับใช้กฎหมายไม่ควรมีผลย้อนหลังในการให้โทษ
“สนช.ไม่ใช่ทำตัวเป็นเพียงสภาตรายางเท่านั้น ยังทำตัวเป็นสภาไล่ล่าแม่มดอีกด้วย โดยใช้อำนาจที่มีตรากฎหมายที่นอกจากจะไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมแล้ว ก็ยังเป็นการเลือกปฏิบัติ เจาะจงเล่นงานบุคคลเป็นการเฉพาะโดยใช้กระบวนการยุติธรรมมาบังหน้าเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ซึ่งจะเป็นการขยายปมความขัดแย้งในอนาคตด้วย” นายอุเทนระบุ
นายอุเทน ยังกล่าวต่อว่า หากยึดบรรทัดฐานนี้ก็ต้องนำไปปรับกับการพิจารณาคดีของทุกกลุ่มในสังคม ทุกอาชีพ ทุกชนชั้น ไม่ว่าข้าราชการ เอกชน หรือประชาชนทั่วไป ด้วยหลักการที่ว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาไม่ใช่มีเฉพาะนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้นที่หลบหนีคดี บุคคลทั่วไปก็มีพฤติกรรมหลบเลี่ยง หนีคดีเช่นกัน แต่ไม่ตกเป็นข่าว จนหมดอายุความก็มีเป็นจำนวนมาก แต่การที่ผู้มีอำนาจในปัจจุบันต้องการหรือเจาะจงเอาผิดที่บุคคลใด ก็ควรเสนอให้ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ระบุชื่อบุคคลนั้นไปให้ชัดเจน รวมทั้งการเติมข้อกำหนดเพื่อการจำกัดสิทธิของนักการเมือง ที่ทำผิดในกฎหมายลูกฉบับต่างๆ ไปด้วยเลยหรือตรากฎหมายได้ไปเลยว่า ไม่ให้บุคคลใดบ้างเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งตามข่าวก็มีการระบุความเห็นของสมาชิก สนช.บางราย ที่ระบุว่าบทบัญญัติที่แก้ไขนี้จะมีผลให้คดีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลจำหน่ายออกจากสารบบชั่วคราว เนื่องจากนายทักษิณหลบหนีอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่หนีคดี แต่ที่ออกมาท้วงเพราะต่อไป การออกกฎหมายจะยึดกรณีนี้เป็นตัวอย่าง บ้านเมืองก็จะวุ่นวายและอยู่ยาก เพราะกฎหมายต้องใช้บังคับได้กับทุกคนอย่างเสมอภาค.