http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1421023119
ผู้ใช้อำนาจถอดถอน
บทนำมติชน
เป็นข่าวออกมาขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กำลังดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจากรัฐบาลที่แล้ว โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เผยว่า มีข้อเสนอน่าสนใจจากประชาชนส่งเข้ามายังตน ให้เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดเรื่องการถอดถอน จากเดิมที่เป็นอำนาจของ ส.ว.ฝ่ายเดียว ให้เป็นการร่วมกันของ 2 สภา คือวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร หากสภาถอดถอนไม่สำเร็จ ให้ประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจเป็นผู้ลง
มติถอดถอน ซึ่งจะมีผลให้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต เป็นแนวทางหนึ่งที่จะเข้าไปสู่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ
จุดที่น่าสังเกตในปัญหาการถอดถอนนักการเมือง ได้แก่ เรื่องของบุคคลที่จะมาใช้อำนาจถอดถอน เรื่องของกระบวนการที่ไม่เป็นระบบขึ้นกับดุลพินิจของผู้ใช้อำนาจมากเกินไป เรื่องของบุคคล มักจะถูกโต้แย้งเรื่องความเป็นกลาง ซึ่งแสดงออกในลักษณะต่างๆ อาทิ การแสดงทัศนคติทางลบต่อบุคคลที่ถูกร้อง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เมื่อมีอำนาจถอดถอนอยู่ในมือ จึงน่าเกรงว่าอาจใช้อคติทางการเมือง มากกว่าเหตุผล หรือเรื่องของกระบวนการที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันในแต่ละคดี ส่อว่ามีนัยยะทางการเมือง ซึ่งเมื่อเกิดการโต้แย้ง หน่วยงานก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ มักใช้วิธีแถลงปฏิเสธอย่างง่ายๆ ว่า ไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งที่มีข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ ยิ่งทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาและไม่น่าเชื่อถือ
ข้อเสนอของนายบวร ศักดิ์จะน่าสนใจอย่างมาก หากสภาผู้แทนฯและวุฒิสภามาจากเลือกตั้งทั้งสองสภา เพราะถือว่าเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงกับประชาชน ซึ่งจะทำให้มีความชอบธรรมสูง แต่ปัญหาก็จะเกิดขึ้นอีกเช่นกัน หากสภาผู้แทนฯหรือวุฒิสภามาจากการสรรหา ซึ่งหากจะต้องไปตรวจสอบผู้มาจากเลือกตั้งจะเกิดปัญหาโต้แย้งได้ทันที หากผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญต้องการให้การถอด ถอนนักการเมืองเป็นที่ยอมรับ ก็น่าจะพิจารณาต้นตอของปัญหา คือเรื่องของบุคคลที่ใช้อำนาจถอดถอนจะต้องเชื่อมโยงกับประชาชนในทางใดทาง หนึ่งเพื่อจะได้ควบคุมการใช้อำนาจได้ ขณะเดียวกันกระบวนการต้องโปร่งใส เป็นระบบ มีระเบียบแบบแผน เป็นมาตรฐานเดียวกัน และตรวจสอบได้ โต้แย้งได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนการตัดสิทธิตลอดชีวิต ควรมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน
ผู้ใช้อำนาจถอดถอน : บทนำมติชน
ผู้ใช้อำนาจถอดถอน
บทนำมติชน
เป็นข่าวออกมาขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กำลังดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจากรัฐบาลที่แล้ว โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เผยว่า มีข้อเสนอน่าสนใจจากประชาชนส่งเข้ามายังตน ให้เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดเรื่องการถอดถอน จากเดิมที่เป็นอำนาจของ ส.ว.ฝ่ายเดียว ให้เป็นการร่วมกันของ 2 สภา คือวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร หากสภาถอดถอนไม่สำเร็จ ให้ประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจเป็นผู้ลง
มติถอดถอน ซึ่งจะมีผลให้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต เป็นแนวทางหนึ่งที่จะเข้าไปสู่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ
จุดที่น่าสังเกตในปัญหาการถอดถอนนักการเมือง ได้แก่ เรื่องของบุคคลที่จะมาใช้อำนาจถอดถอน เรื่องของกระบวนการที่ไม่เป็นระบบขึ้นกับดุลพินิจของผู้ใช้อำนาจมากเกินไป เรื่องของบุคคล มักจะถูกโต้แย้งเรื่องความเป็นกลาง ซึ่งแสดงออกในลักษณะต่างๆ อาทิ การแสดงทัศนคติทางลบต่อบุคคลที่ถูกร้อง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เมื่อมีอำนาจถอดถอนอยู่ในมือ จึงน่าเกรงว่าอาจใช้อคติทางการเมือง มากกว่าเหตุผล หรือเรื่องของกระบวนการที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันในแต่ละคดี ส่อว่ามีนัยยะทางการเมือง ซึ่งเมื่อเกิดการโต้แย้ง หน่วยงานก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ มักใช้วิธีแถลงปฏิเสธอย่างง่ายๆ ว่า ไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งที่มีข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ ยิ่งทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาและไม่น่าเชื่อถือ
ข้อเสนอของนายบวร ศักดิ์จะน่าสนใจอย่างมาก หากสภาผู้แทนฯและวุฒิสภามาจากเลือกตั้งทั้งสองสภา เพราะถือว่าเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงกับประชาชน ซึ่งจะทำให้มีความชอบธรรมสูง แต่ปัญหาก็จะเกิดขึ้นอีกเช่นกัน หากสภาผู้แทนฯหรือวุฒิสภามาจากการสรรหา ซึ่งหากจะต้องไปตรวจสอบผู้มาจากเลือกตั้งจะเกิดปัญหาโต้แย้งได้ทันที หากผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญต้องการให้การถอด ถอนนักการเมืองเป็นที่ยอมรับ ก็น่าจะพิจารณาต้นตอของปัญหา คือเรื่องของบุคคลที่ใช้อำนาจถอดถอนจะต้องเชื่อมโยงกับประชาชนในทางใดทาง หนึ่งเพื่อจะได้ควบคุมการใช้อำนาจได้ ขณะเดียวกันกระบวนการต้องโปร่งใส เป็นระบบ มีระเบียบแบบแผน เป็นมาตรฐานเดียวกัน และตรวจสอบได้ โต้แย้งได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนการตัดสิทธิตลอดชีวิต ควรมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน