JJNY : 5in1 ปชน.ชี้ปมปลัดหนีคดี│‘ปชน.’ใช้สิทธิดำเนินคดี│ปกรณ์วุฒิชี้ ต้องดูกมธ.│ส.อ.ท.ขอกกพ.ช่วย│ผู้นำใหม่ฮิซบอลเลาะห์

สส.ปชน.ชี้ปมปลัดหนีคดีตากใบ สะท้อนวัฒนธรรมลอยนวล ตบหน้ากระบวนการยุติธรรม
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1151133

 
'รอมฎอน' ชี้ปมปลัดอำเภอท่าอุเทนหนี 'คดีตากใบ' กลับมาทำงานได้ปกติ ตอกย้ำวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล ตบหน้ากระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ เรียกร้อง รมว.มหาดไทย-กลาโหม ตรวจสอบคลายข้อข้องใจประชาชน ย้ำจำเป็นเร่งแก้กฎหมายอายุความ
 
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2567 นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีปลัดอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม หนึ่งในผู้ต้องหา "คดีตากใบ" ที่หลบหนีคดีจนคดีขาดอายุความไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567 กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ว่า กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลเป็นสิ่งที่ฝังรากลึกมาก ชนิดที่ว่าการหนีหมายจับคดีร้ายแรงของข้าราชการกลายเป็นเรื่องปกติ โดยไม่มีการต้องแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ในอีกทางหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่าการกลับมาทำงานของข้าราชการรายนี้เป็นการตบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระบวนการยุติธรรมไทยเอง เพราะที่ผ่านมาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่การติดตามตัวตามหมายจับจะไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น การกลับมาเช่นนี้เป็นการยืนยันในข้อสงสัยว่าการหนีคดีเหล่านั้นจะมีการรู้เห็นเป็นใจของข้าราชการหรือไม่
 
นายรอมฎอน กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานต้นสังกัดของข้าราชการที่หลบหนีคดีไป ทั้งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม ให้ตรวจสอบทางวินัยเพื่อพิจารณาว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดรู้เห็นเป็นใจในการช่วยหนีคดีหรือไม่ และขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภูมิธรรม เวชยชัย เร่งตรวจสอบเพื่อคลายข้อข้องใจของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้และญาติของผู้ที่สูญเสียในเหตุการณ์ตากใบ ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีการละเลยเพิกเฉยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
 
นายรอมฎอน กล่าวอีกว่า กรณีนี้ยังทำให้เห็นปัญหาของระบบยุติธรรมของไทยเรื่องอายุความในคดีอาญาที่เอื้อให้กับการลอยนวลพ้นผิด เป็นข้อบ่งชี้ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยเรื่องอายุความในมาตรา 95 ซึ่งตนในฐานะ สส. ด้านหนึ่งจะเร่งนำไปหารือในอนุกรรมาธิการยุติธรรมตากใบ ที่เป็นผลจากมติสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่มอบหมายให้กรรมาธิการการกฎหมายฯ จัดตั้งขึ้นมา 
 
นายรอมฎอน กล่าวด้วยว่า อีกด้านหนึ่ง ตนเตรียมจัดทำร่างแก้ไขกฎหมายว่าด้วยอายุความ ซึ่งปัจจุบันมีข้อถกเถียงอยู่ว่าควรเป็นการแก้ไขเฉพาะกรณีอายุความที่เกี่ยวกับฐานความผิดร้ายแรงให้ไม่มีอายุความเลย หรือจะเป็นการแก้ไขการนับอายุความในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม เช่น พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเสร็จแล้วส่งให้อัยการก็เริ่มนับใหม่ เมื่ออัยการทำสำนวนถึงศาลก็นับใหม่ คือเริ่มนับใหม่ทุกครั้งที่มีความคืบหน้าของคดี ซึ่งทั้งหมดนี้คงต้องมีการอภิปรายถกเถียงกันเพื่อทำข้อเสนอ กลั่นกรองกฎหมาย รับฟังความเห็น และพัฒนาร่างกฎหมายต่อไป

ที่สำคัญที่สุด กรณีนี้ปลัดท่าอุเทน ยืนยันว่าจำเป็นแล้วที่เราต้องแก้กฎหมาย ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ พอขาดอายุความแล้วกลับมาโดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแสดงว่าช่องโหว่กฎหมายเรา ทำให้ความรับผิดรับชอบของแม้กระทั่งข้าราชการไม่ต้องทำอะไรเลย ทำให้เรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องผิดปกติเป็นเรื่องปกติแบบนี้ได้อย่างไร” นายรอมฎอน กล่าว



พรรคประชาชน ใช้สิทธิดำเนินคดี ผู้กล่าวหาเป็น BRN ชี้เลยเถิดจากการวิจารณ์โดยสุจริต
https://www.matichon.co.th/politics/news_4871379

‘ปกรณ์วุฒิ’ แจงปมจ่อฟ้องคนกล่าวหาเป็นพรรคบีอาร์เอ็น บอกเลยเถิดเกินไป แต่จะอยู่ในหลักการที่ยึดถือ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ระบุว่าพรรค ปชน.จะฟ้องบุคคลที่ออกมากล่าวหาว่าพรรค ปชน.เป็นแนวร่วมของขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือบีอาร์เอ็น ในส่วนนี้รายละเอียดเป็นอย่างไรว่า คงพูดได้แค่รายละเอียดภาพกว้าง เพราะคนที่ดูเรื่องนี้คือ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. ที่ดูฝ่ายกฎหมาย แต่พรรค ปชน.ยังมีหลักการเช่นเดิมคือเราไม่เห็นด้วยกับการฟ้องปิดปาก แต่เราก็พิสูจน์ด้วยการเตรียมยื่นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการ SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation)

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ยืนยันว่าการป้องกันการ SLAPP นั้น เราไม่ได้เอาคำว่า “หมิ่นประมาท” ออกจากสารระบบกฎหมายไทย เราไม่ได้บอกว่าใครจะพูดอะไรก็ได้ เพียงแค่ฐานของความผิดจะต้องได้สัดส่วนกับการทำความผิดนั้น รวมถึงยืนยันว่าการดำเนินการทางกฎหมายของพรรค ปชน.ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามจะอยู่ในหลักการที่พรรคยึดถือแน่นอน

เรื่องนี้พรรคประเมินแล้วว่ามันเลยเถิดจากการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไปแล้ว และมีการทำกันอย่างเป็นระบบ ฉะนั้น เราจึงตัดสินใจว่าจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิในการดำเนินคดี โดยเหตุผลที่ตัดสินใจฟ้องในกรณีนี้คือ เรื่องความรู้สึกของคนที่ได้เห็นและรับชมคลิปดังกล่าว ทุกคนรู้อยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต นี่คือการกล่าวหาว่าเราอยู่เบื้องหลังกลุ่มบางกลุ่มที่ก่อความไม่สงบ ซึ่งถือว่าเลยเถิดไปมาก จึงคิดว่าไม่ควรปล่อยให้กระบวนการที่ทำกันเป็นระบบ ซึ่งพยายามทำให้ประชาชนเข้าใจแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว” นายปกรณ์วุฒิระบุ
 


ปกรณ์วุฒิ ชี้เปิดสมัยวิสามัญหรือไม่ ต้องดู กมธ.ร่วมประชามติ หากตั้งใจจริงวันเดียวก็เสร็จ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4871448

ปกรณ์วุฒิ ชี้เปิดประชุมวิสามัญหรือไม่ ต้องดู กมธ.ร่วมประชามติ บอกหากตั้งใจจริงวันเดียวก็เสร็จ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม 7 แพคเกจ จะต้องมีการเสนอให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดประชุมสมัยวิสามัญหรือไม่ว่า มีการพูดคุยกันหากเป็นช่วงต้นของสมัยประชุมหน้าน่าจะเหมาะสม เราไม่ได้เร่งรีบมาก แต่หากจะเป็นช่วงสมัยวิสามัญหรือไม่ ต้องรอคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งน่าจะพิจารณาเสร็จสิ้นในช่วงปิดสมัยประชุม คิดว่าน่าจะมีความจำเป็นต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า กมธ.ร่วมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติมีการพิจารณาครั้งแรกในวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งคงต้องรอดูท่าที หากดูเนื้อหาแล้วมีความตั้งใจจริงวันเดียวก็คงพิจารณาเสร็จ
 


ส.อ.ท.ขอกกพ. ลดเงินประกันไฟฟ้าเพิ่ม วอนช่วยธุรกิจรอดมากกว่าความมั่นคงการไฟฟ้า
https://www.matichon.co.th/economy/news_4871464

ส.อ.ท.ขอกกพ. ลดเงินประกันไฟฟ้าเพิ่ม วอนช่วยธุรกิจรอดมากกว่าความมั่นคงการไฟฟ้า

กรณี คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปรับปรุงเงื่อนไขการวางเงินประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ได้แก่ ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3 กิจการขนาดกลาง ประเภท 4 กิจการขนาดใหญ่ และประเภท 5 กิจการเฉพาะอย่าง ที่มีประวัติการชำระค่าไฟฟ้าดี

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ขอขอบคุณ กกพ. ในมติ การลดเงินประกันการใช้ไฟฟ้าในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน สอท. ขอเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยลดเงินประกันให้มากขึ้น
ด้วยเหตุผล…

1.ธุรกิจกำลังต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจที่คุกคามมากมายต้องการสภาพคล่องมากขึ้น

2.ภาครัฐ ควรสนับสนุนการอยู่รอดของภาคธุรกิจ มากกว่า ความมั่นคง(ที่มากเกินไป) ของรัฐวิสาหกิจที่จำหน่ายไฟฟ้า

3.การไฟฟ้าฯ สามารถติดตามและประเมินความเสี่ยงของลูกค้าภาคธุรกิจได้จากการชำระค่าไฟฟ้าทุกเดือน และมีมาตรการตัดไฟฟ้า เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงอยู่แล้ว

วงเงินไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท จากเงินประกันค่าไฟฟ้า 53,000 ล้านบาท ที่จมอยู่กับการไฟฟ้าจะถูกดึงกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่