พิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรศรีอยุธยา

พระราชพิธีราชาภิเษก ยุค กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
อ้างอิงจากบันทึกคำให้การขุนหลวงหาวัด 
เรื่องพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ พระมหากษัตริย์ รัชกาลสุดท้าย
แห่งอาณาจักรศรีอยุธยา
.....ในเมื่อจุลศักราชได้ ๑๑๒๐ ปีขานสำเรจธิศก เดือน ๓ ขึ้น ๑๐ วัน ๗ จึ่งอัคมหาเสนาแลมหาปะโรหิตทั้งปวง จึ่งตั้งการราชาภิเศกตามอย่างธรรมเนียม ครั้นได้วันเพชฤกษแล้ว จึ่งตั้งการพิธีครบครันอันการมะโหรศพนั้น มีงานกานทั้งปวงเปนอันมาก จึ่งตั้งพิธีสรง ๓ วัน จึ่งสวดพระปริตแล้ว ถวายพรพระแล้วถวายไทยทานแล้วฉัน ครั้นแล้วจึ่งตั้งพิธีพราหมณ์ ๓ วัน แล้วเชิญเสด็จขึ้นบนเตียงทอง จึ่งมหาปุโรหิตราชครูอันมีชื่อทั้ง ๘ คนคือ พระครูพิราม พระครูมเหธง พระครูวิเชฐ์ พระครูมโหสถ พระครูรามราชา พระครูสังขาราม พระครูกฤษนา พระครูกฤษณราชา ทั้ง ๘ คน จึ่งเข้ามาอ่านพระเวทแล้วจึ่งถวายพรทั้งแปดทิศ แล้วจึ่งเสด็จขึ้นเบญจาสนามอาสิภาคสรงสะหัศธาราน้ำดั้นน้ำดาษแล้วจึ่งเปลื้องเครื่องที่ทรงนั้น ออกให้แก่พราหมณ์ แล้วจึ่งเสด็จขึ้นบนภัทรบิฐอันทำด้วยไม้มะเดื่อ ราชครูทั้ง ๘ คนจึ่งร้องถวายพระพรทั้ง ๘ ทิศ แล้วตั้งอาหุระดีซักสายสิญจน์ แล้วเสด็จขึ้นบนเตียงทอง จึ่งถวายเครื่องเบญจกุกกุธภัณฑ์ทั้ง ๕ ทั้งเครื่องมหาพิไชยสงครามทั้ง ๕ แล้วมหาปโรหิตทั้ง ๘ คน จึ่งป่าวมหาสังข์ทักขิณาวัฎ จึ่งตีกลองอินทเภรี แล้วจึ่งลอยพระเคราะห์ ครั้นแล้วจึ่งคุมมหาเสนาบดีผู้ใหญ่และทั้งมหาปโรหิตราชครูทั้ง ๘ คนจึ่งร้องถวายอาณาจักรเวรภิภพ ให้เสด็จขึ้นครอบครองราชาอาสน์แลราชบัลลังก์ตามที่ตามอย่างกระษัตริย์แต่ก่อนมา
     พระองค์เสด็จขึ้นสู่บนราชาอาสน์ราชบัลลังก์อันปูลาดพระยี่ภู่ บนพระยี่ภู่นั้น ปูหนังราชสีห์ แล้วจึ่งมหาปโรหิตราชครูทั้ง ๘ คนนั้น ถวายพรที่น่าราชบัลลังก์มีเตียงตั้งเครื่องราชอุปะโภคแลเครื่องเบญจ์กุกกุธภัณฑ์ แลพานทองประดับสองชั้นใส่รองพระสุพรรณบัตรสมญาแล้ว มีพานพระขันหมากทองประดับเชิงครุฑถมราชาวดี เครื่องใมประมีพระเต้ากรอบทองพระคนทีทองแลพานพระสุพรรณะศรีและพระสุพรรณาราชอุปโภคต่างๆ เป็นอันมากตั้งซ้ายสี่แถว ขวาสี่แถว แล้วมีพระเศวตรฉัตรซ้ายขวาข้างละสองคัน จึ่งมีกำภูฉัตรข้างละสี่คัน อันอดแลระบายและคันนั้นหุ้มทองประดับตั้งซ้ายสี่แถว ขวาสี่แถว แล้วจึ่งตั้งอภิรุมแลธงทองแลพัดโบกจามรทานตวัน แลบังสูริยบังแทรก แลพัดชะนีคันนั้นหุ้มทองทั้งสิ้น ตั้งซ้ายสี่แถว ขวาสี่แถว ตรงที่นั่งบัลลังก์มานั้น มีเตียงซ้ายขวาประดับแล้วจึ่งปูสุจนีแล้วจึ่งตั้งพานทองสองชั้น ประดับสำหรับ รองพระราชสาส์น ตามอย่างธรรมเนียมมา แล้วพระองค์จึ่งทรงภูษาพื้นแดงประดับทรงฉลองพระองค์อย่างน้อยชั้นใน จึ่งทรงทรับนอกอย่างเทศกรองทอง ประดับสังเวียนยก จึ่งทรงพระมหามงกุฎประดับเพชร แลตาบทิพยตาบหน้าประดับสังวาลประดับจึ่งทรงพระธรรมรงค์เพชรราคาค่ากรุง แล้วจึ่งทรงพระแสงบาตราใจเพชร
     ครั้นได้เพลาก็เสด็จออก จึ่งพระโคมฆ้องกลองแตรสังข์ชักม่านทองส่องไข ครั้นเสด็จออกจึ่งหยุดประโคมแล้ว เสด็จอยู่บนราชบัลลังก์ อันเหล่ามหาเสนาบดีแลอำมาตย์ราชครูน้อยใหญ่ จึ่งกราบถวายบังคมสามที แล้วจึ่งนั่งตามตำแหน่ง อันมหาราชครูแลหมู่ภิมุข อำมาตยืราชเสนาบดีทั้งปวงนั้นตั้งเครื่องอุปโภคพานทองแลเจียดตามบันดาศักิด ตามตำแหน่งซ้าย ๘ แถว ขวา ๘ แถว ขุนนางประมาณสี่ร้อย ชั้นล่างลงมามีทหารซ้ายขวาข้างละพัน ใส่หมวกทองใส่เสื้อเกราะเสนากุฎ สรรพาวุธครบมือ ข้างปราสาทซ้ายขวานั้น มีโรงช้างสำอางบังสำหรับผูกช้างต้นแลช้างทรง เครื่องช้างนั้น ทองประดับเครื่องฝรั่งเศส มีข่ายทองปกหน้าภู่ห้อยผ้าปกหลังกรองเชิงประดับสี่ท้าวแลทองรัดงา เครื่องกินนั้นตะข้องน้ำทอง ถาดเงินมีฝาใส่หญ้ากล้วยอ้อย มีสปทนแลกระตักเงินขอทองรองหญ้าพานเงิน ช้างตลุงลายซ้ายแปด ขวาแปด ประดาประดับตามหลั่นกัน ม้าต้นซ้ายขวาน่าถานผูกมหาเนาวรัตน์เครื่องกินตะค่องน้ำถาดเงินรงหญ้าถั่วเข้ามีสัประทนแส้ไม้คอนคันเงินมารองซ้าย ๘ ขวา ๘ ผูกเครื่องเปนหลั่นกันลงมาตามที่ ฝ่ายราชครูมหาปโรหิตแลเสนาผู้ใหญ่ จึ่งชูพานทองประดับใส่พระนามพระสุพรรณบัตรสมยาตามเรื่องกระษัตริยแต่ก่อนมา จึ่งอ่านพระนามถวายสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีสรรเพช บรมมหาจักรพพรดิราชาธิราชราเมศวรธราบดี ศรีสฤษฎิรักษสังหารจักรวาฬธิเบนทร หะริหะรินทราธาดาธิบดีศรีวิบุลย์คุณอัคนิตวิจิตรรูจี ตรีภูวนาทิตยฤทธิพระหมเทพบดินทร ภูมินทราธิราชรัตนากาศ สมมุติวงษองคเอกาทษฐรถ วิสุทธิยโสตรบรมไตรยโลกนารถอาชาวไศรย สมุทยดะโรมรรตอะนันตคุณ วิบูลย์สุนทรธรรมมิกราชเตโชไชยไตรยโลกรารถ บดินทรอรินทราธิราชชาติ พิพิธทศพลญาณ สมรรตะมะหรรตผาริตทวิไชยไอสุริยาธิปัต ขัดติยวงษองค์รามาธิเบศ ฌลกเชฐวิสทุทธมกุฎรัตนดลกเมาลีศรีประทุมสุริยวงษ องค์สรรเพชพุทธางกูรสมเด็จบรมบพิตร พระเจ้ากรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุธยามหาดิลกภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อันนี้พระนามเรื่องกษัตริย์แต่ก่อนมาจึ่งสมมุตินามว่าพระบรมเอกทัศราชาอันประเสริฐ
     แล้วจึ่งมหาประโรหิตทั้ง ๘ นั่นจึ่งอ่านพระเวทถวายพระพร แล้วจึ่งประโคมฆ้องกลองแลอินทเภรี แลแตรสังข์มะโหรีปี่พาทย์ทั้งปวงเปนอันมากแล้วจึ่งตีกลองโยนส่งเสด็จเข้าข้างในฝ่ายข้างในนั้นฉลองพระโอฐษ์ ๔ คนคือ ท้าวทรงกันดาร ท้าวอินสรแสง ท้าวสมศักดิ์ ท้าววรจันทร์ ทั้ง ๔ คนนี้จึ่งทูลถวายพระอรรคมเหษีแลพระสนมชาวแม่พระกำนั้นสิบสองกรม แล้วถวายผ้าทรง ถวายอาภรณถวายฤกษที่เสดจออกเลียบพระนคร ครั้นได้กฤษแล้วพระองค์เสดจออกเลียบพระนคร จึ่งมีพระโองค์การตรังสั่งมหาเสนาบดีผู้ใหญ่ ให้กะเกณฑ์ผู้คนเกณฑ์แห่แหนให้ครบสิ่ง ฝ่ายมหาเสนาบดีกะเกณฑ์ให้ตั้งกระบวนทัพใหญ่เป็นกระบวนมหาพยุหบาทตรา ฝ่ายพระยายมราชกรมเมือง แลทำมรงก็ไปตรวจตราให้ทำทาง แลปราบที่ทางทั้งรอบกรุง ให้กั้นราชวัดปักฉัตรแลดอกไม้ แล้วส่าดน้ำทั้งรอบกรุงจึ่งให้มีการมะโหรศพ ทั้งรอบกรุงให้ราชภูมินทแลโต่เสนดูกำกับ จึ่งตั้งกระบวนทับ น่านั้นปืนใหญ่แห่ไปซ้ายขวาคือ มหาฤกษมหาไชยแลปราบหงษาชวาพ่ายพิรุณสังหารมารประไลย มหาจักรมหากาลแล้วพิรุณสังหารมารพินาศ แล้วพินาศสังหารมารวิไชย อันปืนใหญ่เหล่านี้ แห่เปนซ้ายขวากันอันว่านายปืนใหญ่นั้นคือกรุงพานิชฤทธิสำแดงได้คุมแห่ไปซ้ายขวา แล้วจึ่งถึงทับน่าแปดทับหลังแปดทับ ทับน่านั้นมีธงขาวเปนต้น แล้วธรแดงธรเหลืองแห่น่าไปเปนอันมาก แล้วจึ่งถึงทหารใส่เสื้อเสนากุฎแลใส่หมวกทองมือถือ อาวุธหอกดาบโล่เขนธนูน่าไม้ แลปืนน้อยปืนใหญ่ แลปืนขานกยางแห่ไปเปนชั้น ๒ เปนหลั่น ๒ กันมาตามที่ตามทางแล้วจึ่งมีช้างแพนแลช้างเขน มีคนขี่ถืออาวุธแลขอ แต่งตัวใส่เสื้อเกราะกำมะหยี่แดงขลิบทอง ใส่หมวกทองบนหลังนั้น มีคนถือปืนแล้วแห่ไปตามที่
     ในกระบวนทับมียกกระบัตรเกียกกายนายทับนั้น ผู้มีชื่อตามตำแหน่งน่าแปดทับหลังแปดทับแล้วจึ่งถึงทับ แสงนอกแสงในซ้ายขวานั้น คือ ม้าห้อแลม้าอาษาเกราะทองแลม้าเครื่อง ม้าไชยนั้นคนขี่แต่งตัวใส่เสื้อเกราะแพรใส่หมวกมือถือทวนแลธนูแห่ไปซ้ายขวา แล้วจึ่งถึงม้าพระที่นั่งเกณฑ์มีชื่อม้าที่นั่งเอกซ้ายขวา คือเจ้าพระยาอาชาไนยไชยชาติราชพาหะนะนั้นผูกอานแลเครื่องมหาเนาวรัตนเกณฑ์ม้าพระที่นั่ง เหล่าม้าต้นอันดีที่นั่งรองทั้งเจดสี อันมีชื่อนั้นคือ ทินกรรัศมีมณีพรรณเหมบังยงหงษ์พิมาน โลหิศดางคสรรพางครัด อะตุลยรัตนปทมราช อันม้าแดงเหล่านี้ทรงวันอาทิตย์ สังขรัสมีศรีประภาสร สะริสุธรเขจรจันดาริทรดาราพาหพิมล รัตนมาลารูปาภิราม อันม้าขาวเห่านี้ทรงวันจันทร์ ชามภูวนัศสหัศรังษีเพาวรัศมี ธรณีสุทธอุดมพิลาพโอกาพย์สพันวสุทธิโชควิโรคดะรุณ อันม้าตะโนดเหล่านี้ทรงวันอังคาร รูปาสวัศดิพัทวิสุตวิสุนทรโสภาสุททินทพ ฌอฬารพรรนามรคยลรัศมีศรีสุทาง อันม้ากเรียวเหล่านี้ทรงวันพุฒ กฤษณรังดาลกาญจนวิจิตร ไหรญทรัตกรนกภูษา จาดูลยะรัตจามณีกรจามรรมาศ อันม้าเหลืองเห่านี้ทรงวันพฤหัศ อนันตสิงหาสนนี้ทรงวันสุกร กาลาคีรีนิลาวันสยามพรรณอังชังโชค กาลอาชวรนานิลสิงขริน รัตนทองม้าดำเหล่านี้ทรงวันเสาร์ ต่างต่างแล้วเดินเปนชั้นๆ หลั่นๆ กันมาตามที่ แต่บันดาม้าแซงนอกแลแซงในแลม้าอาษาเกระทองแลม้าห้อแลม้าใช้แลม้าพระที่นั่งเอกรองบันดาม้าเหล่านี้ พระศรีเสาวภาคยแลหลวงทรงพล ได้คุมดูตรวจตราไปซ้ายขวาเป็นมากแล้ว
     แล้วจึ่งถึงเหล่าราชนิกุลนั้นก็แต่งตัวตามตำแหน่งพนมมือไปซ้ายขวาเปนอันมาก เหล่าเจ้าพระยาแลพระยาหลวงแลขุนหมื่นทั้งปวงนั้น ก็นุ่งห่มตามที่ตามตามตำแหน่งน้อยใหญ่ แล้วถือพัดแห่ไปซ้ายขวาเปนอันมากแล้วจึ่งถึงมหาดเลกหุ้มแพรนั้นกั้นพระกรดขาวเดินไปริมพระยานนุมาศนั้นซ้ายสี่คนขวาสี่คน ฝ่ายหลังพระที่นั่งเห่าตามเสดจข้างหลังนั้นเหล่าตำรวจใน แลเกณฑ์ดาบทองแลหอกทองเดินแห่ไป ฝ่ายหลังพระที่นั่งเปนอันมากคือพระยาพระรามได้ดูแลตรวจตรา แล้วถึงทับพระราชธิดานั้นทรงช้างกูบจำลองกูบทองประดับกระจก แล้วถัดมานั้นพระราชวงษ่แลพระสนมกำนันทั้งปวงนั้นขี่กูบทองต่างต่างบ้างขี่สัปคับทองบ้างเปนชั้นหลั่นตามที่เป็นอันมาก จึงมีขันทีมีชื่อคือราขารแลสังขสุรินได้ดูกำกับฝ่ายข้างกรมฝ่ายแลขุนนางกรมฝ่ายในนั้นได้ดูแลข้างพระสนมกำนันทั้งปวงเปนอันมากแล้วจึ่งถึงข้างเจ้าขรัวนายทั้งสี่คน จึ่งถึงเหล่าเจ้ากรมแลปลัดกรมแลขอเฝ้ามหาดเลกฝ่ายข้างในนั้นก็พฤกพร้อมกันตามเสดตไปเปนอันมาก แล้วจึ่งถึงเหล่าทับหลังแปดทับนั้นมีทั้งแห่แหนตีห้องกลองแลเครื่องสาตราวุธต่างต่างครบมือกันทุกตัวคน ช้างม้าแลรถแห่เป็นชั้นหลั่นกันตามไปเปนอันมาก เปนน่ากันทั้งแปดทับยกเปนกีะบวนตามไป ครั้นตั้งกระบวนแห่สำเร็จแล้ว ฝ่ายมหาเสนาบดีจึ่งเข้าไปกราบทูลฉลอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่