คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เป็นเทคนิคทาง Forensic science / Forensic psychology ครับ คือส่วนหนึ่งในแง่เครื่องมือทางการทำ Criminal profiling (Offender profiling) คือทดสอบสมมติฐานเพื่อสร้างแบบแผนเชิงพฤติกรรมของอาชญากรหรือบุคคล/กลุ่มบุคคลเป้าหมาย และเพื่อทดสอบแนวสมมติฐานใช้พยากรณ์ความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ของเหตุที่ยังไม่เกิดครับ (ด้วย Routine activity theory ใน Forensic psychology)
ในความเป็นจริง Visualization Board นี้ เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนระดับนึงเท่านั้น เพราะถ้าเทียบกับสมมติฐานที่พิสูจน์ได้แล้วจากเหตุการณ์ทางไทม์ไลน์ที่เกิดไปแล้ว อาชญากรแต่ละรายอาจให้ผลไม่เหมือนกัน คืออาจจะพบว่าเหตุมีลักษณะว่าสัมพันธ์กับ routine หรือไม่สัมพันธ์เลยก็ได้ จะได้ผลเฉพาะในรายที่สัมพันธ์ครับ เพราะถ้าไม่ อาชญากรรายนั้นอาจไม่ถึงกับมีแรงผลักดันอะไรในระดับ agenda คือเป็น random เฉย ๆ ก็ได้ (เหมือนเทียบระหว่าง คนที่ปล้นเป็นนิสัย/กิจวัตร VS. คนที่ปล้น ก็แค่ปล้นขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้ทำอีกในเวลาใกล้เคียงกัน ..รายหลังบอร์ดนี้อาจใช้ไม่ได้ผลครับ)
ในหนัง ด้วยความเป็นพร็อบตกแต่งฉาก และการให้ใช้งานในบทภาพยนตร์ ที่ออกแบบมาให้มันใช้ได้ผลในเนื้อเรื่อง/การผูกบท/การวางแผนการพลิกผันของเหตุการณ์ มันหวือหวาดีเท่านั้นเองครับ
ถ้าจะลองทำ Visualization Board แบบนี้สำหรับตัวเองก็ได้ครับ พยากรณ์ตัวเองล่วงหน้าเลยว่าอยากให้ทำอะไรในช่วงเวลาถัดไป ก็จะพบว่า "เราแหกการทำ profiling แบบนี้เมื่อไหร่ก็ได้" แค่เลือกทำอะไรที่เราไม่ได้แปะเติมเข้าไปบนกระดานเท่านั้นเอง (เช่น ลองทำ profiling สมมติไปว่า อีก 1 ชั่วโมงเราจะต้มมาม่ากิน, แต่ถ้าในช่วงเวลาก่อนจะถึงกำหนด แฟนโทรมาจิกให้พาไปร้านอาหาร เป็นปัจจัย/ตัวแปรนอกเหนือออกไปแทรกเข้ามา กระดานนี้ก็ล่มครับ รื้อทำใหม่อีก)
ตารางเรียนตารางสอน ก็คล้าย ๆ กันครับ นักเรียนออกกลางคันมีเยอะแยะไป ไม่มีครูคนไหนพยากรณ์ได้เป๊ะหรอกครับ
ทางเศรษฐศาสตร์ เดี๋ยวนี้ฮิตครับ "เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม" (Behavioral economics), เอาทรรศน์นี้มองก็ได้ครับ, หรือทางวิทยาการคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต เทรนด์เรื่อง Big data / Deep data ก็มาแนว ๆ นี้ แต่วิเคราะห์ได้จากเฉพาะร่องรอยแบบรูปธรรม (เช่นถ้าผมเข้าร้านสะดวกซื้อ แล้วซื้อของสามอย่างเป็น 1.ครีมโกนหนวด 2.น้ำอัดลม 3.ถ่านไฟฉาย ..แล้วมีคนคิดจะลองทำ profiling ผมว่าเป็นคนอย่างไรหรือผมเอาของแต่ละอย่างไปใช้ด้วยกัน/แยกกันใช้/เอาไปทำอะไรบ้าง.. จากของสามอย่างนี้, ก็จะพบว่ามันไม่ได้ผลนักหรอกครับ แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือที่ไร้ประโยชน์แบบสิ้นเชิง)
การ visualization หรือ realization แบบนี้ ก็เหมือนที่ใช้ทำ mind map, ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง คือมิติทาง Spatial thinking/Spatial intelligence ใน "วิทยาการการรู้" หรือ Cognitive science ครับ ซึ่งกำลังเป็น trending ในการพัฒนา AI และการจำลองโครงสร้างประสาทวิทยา (Neuroscience) (พวก Artificial neural network, deep learning, deep neural network อะไรพวกนี้ครับ)
ในความเป็นจริง Visualization Board นี้ เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนระดับนึงเท่านั้น เพราะถ้าเทียบกับสมมติฐานที่พิสูจน์ได้แล้วจากเหตุการณ์ทางไทม์ไลน์ที่เกิดไปแล้ว อาชญากรแต่ละรายอาจให้ผลไม่เหมือนกัน คืออาจจะพบว่าเหตุมีลักษณะว่าสัมพันธ์กับ routine หรือไม่สัมพันธ์เลยก็ได้ จะได้ผลเฉพาะในรายที่สัมพันธ์ครับ เพราะถ้าไม่ อาชญากรรายนั้นอาจไม่ถึงกับมีแรงผลักดันอะไรในระดับ agenda คือเป็น random เฉย ๆ ก็ได้ (เหมือนเทียบระหว่าง คนที่ปล้นเป็นนิสัย/กิจวัตร VS. คนที่ปล้น ก็แค่ปล้นขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้ทำอีกในเวลาใกล้เคียงกัน ..รายหลังบอร์ดนี้อาจใช้ไม่ได้ผลครับ)
ในหนัง ด้วยความเป็นพร็อบตกแต่งฉาก และการให้ใช้งานในบทภาพยนตร์ ที่ออกแบบมาให้มันใช้ได้ผลในเนื้อเรื่อง/การผูกบท/การวางแผนการพลิกผันของเหตุการณ์ มันหวือหวาดีเท่านั้นเองครับ
ถ้าจะลองทำ Visualization Board แบบนี้สำหรับตัวเองก็ได้ครับ พยากรณ์ตัวเองล่วงหน้าเลยว่าอยากให้ทำอะไรในช่วงเวลาถัดไป ก็จะพบว่า "เราแหกการทำ profiling แบบนี้เมื่อไหร่ก็ได้" แค่เลือกทำอะไรที่เราไม่ได้แปะเติมเข้าไปบนกระดานเท่านั้นเอง (เช่น ลองทำ profiling สมมติไปว่า อีก 1 ชั่วโมงเราจะต้มมาม่ากิน, แต่ถ้าในช่วงเวลาก่อนจะถึงกำหนด แฟนโทรมาจิกให้พาไปร้านอาหาร เป็นปัจจัย/ตัวแปรนอกเหนือออกไปแทรกเข้ามา กระดานนี้ก็ล่มครับ รื้อทำใหม่อีก)
ตารางเรียนตารางสอน ก็คล้าย ๆ กันครับ นักเรียนออกกลางคันมีเยอะแยะไป ไม่มีครูคนไหนพยากรณ์ได้เป๊ะหรอกครับ
ทางเศรษฐศาสตร์ เดี๋ยวนี้ฮิตครับ "เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม" (Behavioral economics), เอาทรรศน์นี้มองก็ได้ครับ, หรือทางวิทยาการคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต เทรนด์เรื่อง Big data / Deep data ก็มาแนว ๆ นี้ แต่วิเคราะห์ได้จากเฉพาะร่องรอยแบบรูปธรรม (เช่นถ้าผมเข้าร้านสะดวกซื้อ แล้วซื้อของสามอย่างเป็น 1.ครีมโกนหนวด 2.น้ำอัดลม 3.ถ่านไฟฉาย ..แล้วมีคนคิดจะลองทำ profiling ผมว่าเป็นคนอย่างไรหรือผมเอาของแต่ละอย่างไปใช้ด้วยกัน/แยกกันใช้/เอาไปทำอะไรบ้าง.. จากของสามอย่างนี้, ก็จะพบว่ามันไม่ได้ผลนักหรอกครับ แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือที่ไร้ประโยชน์แบบสิ้นเชิง)
การ visualization หรือ realization แบบนี้ ก็เหมือนที่ใช้ทำ mind map, ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง คือมิติทาง Spatial thinking/Spatial intelligence ใน "วิทยาการการรู้" หรือ Cognitive science ครับ ซึ่งกำลังเป็น trending ในการพัฒนา AI และการจำลองโครงสร้างประสาทวิทยา (Neuroscience) (พวก Artificial neural network, deep learning, deep neural network อะไรพวกนี้ครับ)
แสดงความคิดเห็น
การนำภาพหลายๆภาพมาแปะผนังแล้วหาความเชื่อมโยงกันในพวกหนังสืบสวน เค้าเรียกว่าอะไรครับ
และมีการนำไปใช้กับเรื่องอื่นๆไหมครับ
ภาพตัวอย่างจากหนัง Xmen first class