สวัสดีคร้า วันนี้ยายจะพาไปเที่ยว พัทลุง เมืองทางผ่านที่แสนสงบสุข จุดเริ่มต้นของภารกิจด่วน ! ในการไปเยี่ยมหลาน 2 คน ก่อนอื่นต้องย้อนความก่อน ยายมีเพื่อนสนิทสมัยเรียนปริญญาโท หลังจากเรียนจบแล้วเพื่อนยายย้ายจากกทม.กลับไปช่วยธุรกิจของที่บ้านที่พัทลุง จึงได้สัญญากันว่าจะมีการไปเที่ยวบ้านกันเกิดขึ้น ผ่านไป 7 ปี! (‘-_-) จนเพื่อนยายมีลูก 2 คน จริงๆมีคุยกันทาง Facebook บ้าง เป็นครั้งคราวก็เกิดการผลัดผ่อนกันเรื่อยไป วันหนึ่งเพื่อนยายก็พูดลอย ๆ ว่า “แกลูกคนโตฉันเข้าอนุบาลแล้วนะ” เพื่อนยายพูดแค่นั้น กึก! ยายดำเนินการวางแผนจองตั๋วเครื่องบินเพื่อไปหาเพื่อนทันที ต่อไปจะเป็นแผนการท่องเที่ยวแบบเร่งด่วนของยาย เผื่อใครที่มีเวลาน้อยก็สามารถไปเที่ยวได้สบาย ๆ
เช้าวันแรก
ยายเลือกบินไปกับพี่ณเดชน์ (Air Asia) วิธีการเลือกสายการบินนี้จะเปรียบเทียบที่ราคาถูกที่สุดในช่วงเวลาที่ต้องการนะ เพราะถ้าราคาโปรโมชั่นคงจะไม่สะดวกสำหรับคนเวลาจำกัด ถึงสนามบินตรัง ช่วงสายแดดไม่จัดมาก (ขอกราบขอบคุณพระพิรุณที่เว้นช่วงโปรยปรายให้ยายได้เที่ยวอย่างสะดวกสบาย /I\ ) ทริปนี้ ยายไปกัน 3 คน มียาย ลุง แล้วก็เพื่อนสนิทของลุงกะยาย โดยจะเรียกว่า เมียน้อย คุณเมียน้อยของยายทำการจองรถAvanza ไว้กับ รถเช่าตรัง บอกกันตรงนี้เลย ว่าพวกพี่เค้าบริการดี รถใหม่ป้ายแดง ราคาไม่แพง อันนี้ยายแนะนำ ถ้าใครจะใช้บริการ (อันนี้นอกเรื่อง คือ คุณเมียน้อยจะซื้อรถใหม่ ลังเลระหว่าง Freed กะ Avanza เลยขอว่าอยากลองขับ Avanza เพราะจริงๆไปแค่ 3 คน เช่า yaris ก็ไปได้ใสๆ ) รับรถเรียบร้อยมุ่งตรงไปกินอาหารขึ้นชื่อของเมืองตรัง คือ ติ่มซำ + หมูย่าง ที่ร้าน “เลตรัง 2” จริงๆก็มีหลายร้านนะที่ขึ้นชื่อ ก็ลองสอบถามอากู๋ (google) กันตามอัธยาศัย เอาละอิ่มท้องเต็มพุงก็เริ่มต้นเดินทางเข้าจังหวัดพัทลุงกันเลย ยายมุ่งหน้าไปที่อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เปิด GPS เพื่อนที่คุ้นเคยร่วมทุกข์สุขกันมาหลายทริป แต่ทริปนี้หนักไปทางทุกข์ ! มากกว่า ตอนยายดูทางก็นึกตะหงิด ๆ ว่าเองไอ้ทางนี้ 10 กม. ทำไมมันใช้เวลา 30 นาทีหว่า แต่ก็ไม่เอะใจ ไปไหนไปกัน...ลุย! เมื่อทางลาดยางหมดไปเป็นทางลูกรังเริ่มรู้สึกละ เอาน่าๆไปเถอะ ถือซะว่าขับรถชมสวนยาง แต่... ขอเชิญชมภาพทางที่คุณนาย GPS พายายไปจ๊ะ
หลุมลึกเป็นศอก ถ้าหวืดลงไปละก็ 3 ชีวิตจบเห่ ยายดันทุรังไปได้ครึ่งทาง 5 กม. ต้องลงรถไปโบกกันเป็นระยะเพื่อไม่ให้หล่นหลุม สุดท้ายเจอหลุมสุดโหด ไม่ไหวขนาดเดินยังข้ามลำบากเลย Avanza เลิกคุย ตัดสินใจก็ถอยรถกลับ แล้วคุณนาย GPS พายายไปเส้นทางใหม่ลาดยาง นิ้งเลย แล้วทำไมไม่พาตรูมาแต่แรก ยายนั่งคอตกหมดกัน ตำแหน่งเนวิเกเตอร์ยอดเยี่ยม 7 ปีซ้อน (อันนี้แต่งตั้งให้ตัวเอง ^_^) มาเสียที่พัทลุงนี้แหละ T^T อยู่ ๆ ลุงกับคุณเมียน้อยก็พากันหัวเราะขึ้นมาแล้วบอกว่า “นี้ๆตาแว่น พวกเราไม่ได้ตื่นเต้นกันแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ 555” ปิ๊ง! ยายเลยกลับไปคิดถึงอาการที่หัวใจที่มันเต้นโครมๆ เมื่อตะกี้ นี้ก็เพิ่งจะเบาลงไป แล้วยายก็ยิ้มออก จริงด้วยเรามัวแต่ตื่นเช้า -> ขับรถมาทำงาน -> นั่งโต๊ะ -> ขับรถกลับบ้าน -> เข้านอน วนเวียนอยู่อย่างนี้ มานานมากจนหลงลืมความรู้สึกเหล่านี้ไปซะสนิทเลย ยายไม่ได้บอกให้ทุกคนขับรถไปเสี่ยงอันตรายแบบยายนะ แต่ประเด็นที่อยากบอก คือ ความรู้สึกที่มันหายไปต่างหาก ลองกลับไปค้นดูกันนะ ว่า เราลืมความรู้สึกอะไรตกหล่นไปในวิถีคนเมืองกันบ้างรึป่าว อีกอย่างคุณเมียน้อยบอกยายว่า “แกตัดสินใจละ เอา Avanza นี้หละ ผ่านทางตะกี้มาได้ ก็ไม่ต้องดูไรแระ” นี้ก็เป็นข้อดีอีกอย่างที่ได้จากการลุยสวนยางครั้งนี้ คือ คุณเมียน้อยได้ Avanza เป็นรถใหม่
ในที่สุดก็มาถึง อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า อุทยานนี้กว้างมากกินพื้นที่ 2 จังหวัด คือพัทลุงกับนครศรีธรรมราช เรามากันที่ อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง พอมาถึงลงรถจะไปจ่ายค่าเข้าอุทยาน คนไทย คนละ 20 บาท เจอคุณพี่เจ้าหน้าที่คนสวยใจดี (ขอกราบขอบพระคุณคะ /I\ )
เราเข้าไปเจอนักศึกษากลุ่มใหญ่สัก 15-20 คน เห็นจะได้ น่าจะมาเข้าค่ายเรื่องดูนกกันนะ ยายไปยืนแอบฟังเค้าคุยกันเรื่องนกอยู่ และอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า นี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว ฝั่งพัทลุงนี้มี 2 จุดที่ให้เข้าไปชม คือ ถ้ำวังมัจฉา เดินไปจากที่จอดรถ 2 กม . และจุดชมวิวผาผึ้ง เดินไปจากที่จอดรถ 300 ม. เราก็ต้องไปที่ไกลก่อน จึงเลือกเดินไปที่ถ้ำวังมัจฉาก่อน คือแบบทั้งอุทยานมีเดินกันอยู่ 3 คน น้องๆนักศึกษาก็เข้าที่พัก แหม ได้ยินเสียงนกเสียงแมลงชัดเจน สมใจยาย แต่ ... อีกแระ เมื่อเดินบนทางปูนอย่างดีหลายหอบไปถึงหน้าถ้ำ คือ ทางเข้ามันอยู่ไหนอะ ปีนหากันอยู่แพรบนึง อ่าเจอละ เพื่อนหันมาถามยาย “แกไม่เข้าได้ป่าววะ” ยายส่ายหน้าทันที “มาลำบากขนาดนี้ต้องเข้าแก” ในถ้ำมืดมากต้องเปิดไฟโทรศัพท์ 3 เครื่อง แล้วค่อยๆเดินไป ได้ 20 เมตร ... น้ำท่วม จบกัน ไปต่อไม่ได้ เสียดายมาก แต่คนที่ดีใจเห็นจะเป็นคุณเมียน้อยกะลุงที่ไม่ต้องไปต่อ
ทางเข้าถ้ำจะอยู่หลังต้นไม้ที่เห็นจะต้องหย่อนตัวลงไป
เอาละ เรากลับไปจุดชมวิวผาผึ้งก็ได้ ขากลับลงมาเจอป้ายบอกทาง จุดชมวิวผาผึ้ง 300 ม. เอ ป้ายอยู่นี้ ทางขึ้นไปไหนละ สงสัยเดินไปทางนี้ ยายก็เดินนำเลย หันไปบอกคณะว่า “แกทางนี้มีรอยคนเดินขึ้นไปมันเรียบ ๆ ฉันอ่านพี่รพินทร์ ไพรวัลย์มาแล้ว ฉันมั่นใจทางนี้แหละ” เดินไปครึ่งชั่วโมง 300 ม. ครึ่งชั่วโมง งะ..ตำแหน่งเนวิเกเตอร์ยอดเยี่ยม 7 ปีซ้อน หมดจริงๆแน่ คุณเมียน้อยหันมาค้อนๆ ถามยายว่า “แก 300 ม. ใช่เหรอแบบนี้” ยายต้องกลั้นใจตอบแบบไม่สบตาและเสียงค่อนข้างเบาว่า “ใช่แก เค้าวัดแนวดิ่ง ” ก่อนที่สถานการณ์ของขาทั้ง 6 ข้างจะแย่ไปกว่านี้ เราเจอบันได เย้! ถึงแล้วแน่เรย รีบอดทนไต่บันไดอย่างมีความหวัง เฮือก...มาถึงครึ่งทาง ครึ่งทางอีกแล้วหรา คุณเมียน้อยกับลุงบอกไม่ไหวแล้ว ขาสั่นไปหมดแล้วไม่ไปแล้วนะ นั่งรอตรงนี้ ตอนนี้บังคับขาไม่ได้แล้วมันสั่นเองแล้ว ยายจึงได้เก็บภาพมาแค่นี้
คือ จุดชมวิวจริง ๆ อยู่บนยอดนู้นนนนน สุดขอบภาพอะ
เอาน่าขอแก้ตัวอีกสักที ยายเจอทางลงอีกทาง เป็นบันไดปูนทอดยาวลงไป รีบชักชวนคุณเมียน้อยกะลุงทันที จึงโดนถามกลับมาว่า “แกถ้าลงไปแล้ว ไปโผล่นครศรีธรรมราชจะทำไง” โห เสียเซลฟ์สุด ๆ นี้ยายหมดความเชื่อถือแล้วใช่ไหม บอกทางผิด 2 ครั้งติดกันเท่านั้นเอง แต่...ไม่จ้า ครั้งนี้ยายประสบความสำเร็จ ทางลงไปโผล่ข้างที่จอดรถเลย 😊 เพื่อไถ่โทษในความผิดอันใหญ่หลวงยายรับอาสาขับรถไปถึงรีสอร์ทเองจ้า เราเลือกพักที่ ศรีปากประ สวย...ลืมเหนื่อยเลย
เรานัดเพื่อนสนิทยายทานข้าวที่รีสอร์ทเพราะที่นี้เค้ามีร้านอาหาร วิวยอ เป็นที่ขึ้นชื่อของแถวนี้เลย สัก 4-5 โมงละ เพื่อนยายโทรมาบอกว่า เราควรจะไปดูสะพานตินลสูลานนท์กันก่อนดีกว่า เพราะค่ำแล้วจะมองอะไรไม่เห็น ที่แรกยายกะว่าไปดูกลางคืนมีวิวไฟสวยดีออก (ความคิดคนกรุงเทพ ที่มีแสงไฟตลอด 24 ชม) ขับรถออกไปจากรีสอร์ทนิดเดียว
แค่ขับรถเปิดกระจก เอาหน้าบานๆโต้ลมดูวิวของทะเลสาบสงขลาก็สวยมากแล้วอะคะ จู่ๆ ตอนที่ขับรถอยู่บนสะพาน ลุงพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “นี้คือท้องฟ้าเดียวกับที่ กทม. ใช่ไหม ทำไมมันถึงกว้างและสวยอย่างนี้หละ เราเพิ่งรู่ว่าที่จริงแล้วท้องฟ้ามันกว้างขนาดนี้เลยหรอ”
ในที่สุดก็มาถึงเวลาที่ยายรอคอย กินข้าวเย็นจ้า ที่ร้านวิวยอ อาหารอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว อาหารขึ้นชื่อก็มี ใบเหลียงผัดไข่ ต้มกะทิสายบัว ตำสายบัวกุ้งสด ฯ มีดนตรีสดสไตล์เพื่อชีวิตบรรเลงเพิ่มบรรยากาศด้วย อิ่มกันแล้วก็ออกไปเดินตลาดน้ำลำปำ ไปถึงเกือบ 2 ทุ่มเห็นจะได้ ตลาดวายจ๊ะ เค้าเก็บของกันหมดแระ ไม่เป็นไร กลับรีสอร์ทเอาแรงเพราะพรุ่งนี้ต้องออกเรือไปทุ่งบัวแดงแต่เช้าตรู่ คุณเมียน้อยกะลุงเค้าอยากไปนั่งฟังเพลงกินบรรยายกาศตามประสาหนุ่ม ๆ ส่วนยายอาบน้ำ สวดมนต์นอนตามประสาคนสูงวัย
[CR] ทริปด่วน พัทลุง 2 วัน 1 คืน / วันแรก
เช้าวันแรก
ยายเลือกบินไปกับพี่ณเดชน์ (Air Asia) วิธีการเลือกสายการบินนี้จะเปรียบเทียบที่ราคาถูกที่สุดในช่วงเวลาที่ต้องการนะ เพราะถ้าราคาโปรโมชั่นคงจะไม่สะดวกสำหรับคนเวลาจำกัด ถึงสนามบินตรัง ช่วงสายแดดไม่จัดมาก (ขอกราบขอบคุณพระพิรุณที่เว้นช่วงโปรยปรายให้ยายได้เที่ยวอย่างสะดวกสบาย /I\ ) ทริปนี้ ยายไปกัน 3 คน มียาย ลุง แล้วก็เพื่อนสนิทของลุงกะยาย โดยจะเรียกว่า เมียน้อย คุณเมียน้อยของยายทำการจองรถAvanza ไว้กับ รถเช่าตรัง บอกกันตรงนี้เลย ว่าพวกพี่เค้าบริการดี รถใหม่ป้ายแดง ราคาไม่แพง อันนี้ยายแนะนำ ถ้าใครจะใช้บริการ (อันนี้นอกเรื่อง คือ คุณเมียน้อยจะซื้อรถใหม่ ลังเลระหว่าง Freed กะ Avanza เลยขอว่าอยากลองขับ Avanza เพราะจริงๆไปแค่ 3 คน เช่า yaris ก็ไปได้ใสๆ ) รับรถเรียบร้อยมุ่งตรงไปกินอาหารขึ้นชื่อของเมืองตรัง คือ ติ่มซำ + หมูย่าง ที่ร้าน “เลตรัง 2” จริงๆก็มีหลายร้านนะที่ขึ้นชื่อ ก็ลองสอบถามอากู๋ (google) กันตามอัธยาศัย เอาละอิ่มท้องเต็มพุงก็เริ่มต้นเดินทางเข้าจังหวัดพัทลุงกันเลย ยายมุ่งหน้าไปที่อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เปิด GPS เพื่อนที่คุ้นเคยร่วมทุกข์สุขกันมาหลายทริป แต่ทริปนี้หนักไปทางทุกข์ ! มากกว่า ตอนยายดูทางก็นึกตะหงิด ๆ ว่าเองไอ้ทางนี้ 10 กม. ทำไมมันใช้เวลา 30 นาทีหว่า แต่ก็ไม่เอะใจ ไปไหนไปกัน...ลุย! เมื่อทางลาดยางหมดไปเป็นทางลูกรังเริ่มรู้สึกละ เอาน่าๆไปเถอะ ถือซะว่าขับรถชมสวนยาง แต่... ขอเชิญชมภาพทางที่คุณนาย GPS พายายไปจ๊ะ
หลุมลึกเป็นศอก ถ้าหวืดลงไปละก็ 3 ชีวิตจบเห่ ยายดันทุรังไปได้ครึ่งทาง 5 กม. ต้องลงรถไปโบกกันเป็นระยะเพื่อไม่ให้หล่นหลุม สุดท้ายเจอหลุมสุดโหด ไม่ไหวขนาดเดินยังข้ามลำบากเลย Avanza เลิกคุย ตัดสินใจก็ถอยรถกลับ แล้วคุณนาย GPS พายายไปเส้นทางใหม่ลาดยาง นิ้งเลย แล้วทำไมไม่พาตรูมาแต่แรก ยายนั่งคอตกหมดกัน ตำแหน่งเนวิเกเตอร์ยอดเยี่ยม 7 ปีซ้อน (อันนี้แต่งตั้งให้ตัวเอง ^_^) มาเสียที่พัทลุงนี้แหละ T^T อยู่ ๆ ลุงกับคุณเมียน้อยก็พากันหัวเราะขึ้นมาแล้วบอกว่า “นี้ๆตาแว่น พวกเราไม่ได้ตื่นเต้นกันแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ 555” ปิ๊ง! ยายเลยกลับไปคิดถึงอาการที่หัวใจที่มันเต้นโครมๆ เมื่อตะกี้ นี้ก็เพิ่งจะเบาลงไป แล้วยายก็ยิ้มออก จริงด้วยเรามัวแต่ตื่นเช้า -> ขับรถมาทำงาน -> นั่งโต๊ะ -> ขับรถกลับบ้าน -> เข้านอน วนเวียนอยู่อย่างนี้ มานานมากจนหลงลืมความรู้สึกเหล่านี้ไปซะสนิทเลย ยายไม่ได้บอกให้ทุกคนขับรถไปเสี่ยงอันตรายแบบยายนะ แต่ประเด็นที่อยากบอก คือ ความรู้สึกที่มันหายไปต่างหาก ลองกลับไปค้นดูกันนะ ว่า เราลืมความรู้สึกอะไรตกหล่นไปในวิถีคนเมืองกันบ้างรึป่าว อีกอย่างคุณเมียน้อยบอกยายว่า “แกตัดสินใจละ เอา Avanza นี้หละ ผ่านทางตะกี้มาได้ ก็ไม่ต้องดูไรแระ” นี้ก็เป็นข้อดีอีกอย่างที่ได้จากการลุยสวนยางครั้งนี้ คือ คุณเมียน้อยได้ Avanza เป็นรถใหม่
ในที่สุดก็มาถึง อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า อุทยานนี้กว้างมากกินพื้นที่ 2 จังหวัด คือพัทลุงกับนครศรีธรรมราช เรามากันที่ อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง พอมาถึงลงรถจะไปจ่ายค่าเข้าอุทยาน คนไทย คนละ 20 บาท เจอคุณพี่เจ้าหน้าที่คนสวยใจดี (ขอกราบขอบพระคุณคะ /I\ )
เราเข้าไปเจอนักศึกษากลุ่มใหญ่สัก 15-20 คน เห็นจะได้ น่าจะมาเข้าค่ายเรื่องดูนกกันนะ ยายไปยืนแอบฟังเค้าคุยกันเรื่องนกอยู่ และอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า นี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว ฝั่งพัทลุงนี้มี 2 จุดที่ให้เข้าไปชม คือ ถ้ำวังมัจฉา เดินไปจากที่จอดรถ 2 กม . และจุดชมวิวผาผึ้ง เดินไปจากที่จอดรถ 300 ม. เราก็ต้องไปที่ไกลก่อน จึงเลือกเดินไปที่ถ้ำวังมัจฉาก่อน คือแบบทั้งอุทยานมีเดินกันอยู่ 3 คน น้องๆนักศึกษาก็เข้าที่พัก แหม ได้ยินเสียงนกเสียงแมลงชัดเจน สมใจยาย แต่ ... อีกแระ เมื่อเดินบนทางปูนอย่างดีหลายหอบไปถึงหน้าถ้ำ คือ ทางเข้ามันอยู่ไหนอะ ปีนหากันอยู่แพรบนึง อ่าเจอละ เพื่อนหันมาถามยาย “แกไม่เข้าได้ป่าววะ” ยายส่ายหน้าทันที “มาลำบากขนาดนี้ต้องเข้าแก” ในถ้ำมืดมากต้องเปิดไฟโทรศัพท์ 3 เครื่อง แล้วค่อยๆเดินไป ได้ 20 เมตร ... น้ำท่วม จบกัน ไปต่อไม่ได้ เสียดายมาก แต่คนที่ดีใจเห็นจะเป็นคุณเมียน้อยกะลุงที่ไม่ต้องไปต่อ
ทางเข้าถ้ำจะอยู่หลังต้นไม้ที่เห็นจะต้องหย่อนตัวลงไป
เอาละ เรากลับไปจุดชมวิวผาผึ้งก็ได้ ขากลับลงมาเจอป้ายบอกทาง จุดชมวิวผาผึ้ง 300 ม. เอ ป้ายอยู่นี้ ทางขึ้นไปไหนละ สงสัยเดินไปทางนี้ ยายก็เดินนำเลย หันไปบอกคณะว่า “แกทางนี้มีรอยคนเดินขึ้นไปมันเรียบ ๆ ฉันอ่านพี่รพินทร์ ไพรวัลย์มาแล้ว ฉันมั่นใจทางนี้แหละ” เดินไปครึ่งชั่วโมง 300 ม. ครึ่งชั่วโมง งะ..ตำแหน่งเนวิเกเตอร์ยอดเยี่ยม 7 ปีซ้อน หมดจริงๆแน่ คุณเมียน้อยหันมาค้อนๆ ถามยายว่า “แก 300 ม. ใช่เหรอแบบนี้” ยายต้องกลั้นใจตอบแบบไม่สบตาและเสียงค่อนข้างเบาว่า “ใช่แก เค้าวัดแนวดิ่ง ” ก่อนที่สถานการณ์ของขาทั้ง 6 ข้างจะแย่ไปกว่านี้ เราเจอบันได เย้! ถึงแล้วแน่เรย รีบอดทนไต่บันไดอย่างมีความหวัง เฮือก...มาถึงครึ่งทาง ครึ่งทางอีกแล้วหรา คุณเมียน้อยกับลุงบอกไม่ไหวแล้ว ขาสั่นไปหมดแล้วไม่ไปแล้วนะ นั่งรอตรงนี้ ตอนนี้บังคับขาไม่ได้แล้วมันสั่นเองแล้ว ยายจึงได้เก็บภาพมาแค่นี้
คือ จุดชมวิวจริง ๆ อยู่บนยอดนู้นนนนน สุดขอบภาพอะ
เอาน่าขอแก้ตัวอีกสักที ยายเจอทางลงอีกทาง เป็นบันไดปูนทอดยาวลงไป รีบชักชวนคุณเมียน้อยกะลุงทันที จึงโดนถามกลับมาว่า “แกถ้าลงไปแล้ว ไปโผล่นครศรีธรรมราชจะทำไง” โห เสียเซลฟ์สุด ๆ นี้ยายหมดความเชื่อถือแล้วใช่ไหม บอกทางผิด 2 ครั้งติดกันเท่านั้นเอง แต่...ไม่จ้า ครั้งนี้ยายประสบความสำเร็จ ทางลงไปโผล่ข้างที่จอดรถเลย 😊 เพื่อไถ่โทษในความผิดอันใหญ่หลวงยายรับอาสาขับรถไปถึงรีสอร์ทเองจ้า เราเลือกพักที่ ศรีปากประ สวย...ลืมเหนื่อยเลย
เรานัดเพื่อนสนิทยายทานข้าวที่รีสอร์ทเพราะที่นี้เค้ามีร้านอาหาร วิวยอ เป็นที่ขึ้นชื่อของแถวนี้เลย สัก 4-5 โมงละ เพื่อนยายโทรมาบอกว่า เราควรจะไปดูสะพานตินลสูลานนท์กันก่อนดีกว่า เพราะค่ำแล้วจะมองอะไรไม่เห็น ที่แรกยายกะว่าไปดูกลางคืนมีวิวไฟสวยดีออก (ความคิดคนกรุงเทพ ที่มีแสงไฟตลอด 24 ชม) ขับรถออกไปจากรีสอร์ทนิดเดียว
แค่ขับรถเปิดกระจก เอาหน้าบานๆโต้ลมดูวิวของทะเลสาบสงขลาก็สวยมากแล้วอะคะ จู่ๆ ตอนที่ขับรถอยู่บนสะพาน ลุงพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “นี้คือท้องฟ้าเดียวกับที่ กทม. ใช่ไหม ทำไมมันถึงกว้างและสวยอย่างนี้หละ เราเพิ่งรู่ว่าที่จริงแล้วท้องฟ้ามันกว้างขนาดนี้เลยหรอ”
ในที่สุดก็มาถึงเวลาที่ยายรอคอย กินข้าวเย็นจ้า ที่ร้านวิวยอ อาหารอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว อาหารขึ้นชื่อก็มี ใบเหลียงผัดไข่ ต้มกะทิสายบัว ตำสายบัวกุ้งสด ฯ มีดนตรีสดสไตล์เพื่อชีวิตบรรเลงเพิ่มบรรยากาศด้วย อิ่มกันแล้วก็ออกไปเดินตลาดน้ำลำปำ ไปถึงเกือบ 2 ทุ่มเห็นจะได้ ตลาดวายจ๊ะ เค้าเก็บของกันหมดแระ ไม่เป็นไร กลับรีสอร์ทเอาแรงเพราะพรุ่งนี้ต้องออกเรือไปทุ่งบัวแดงแต่เช้าตรู่ คุณเมียน้อยกะลุงเค้าอยากไปนั่งฟังเพลงกินบรรยายกาศตามประสาหนุ่ม ๆ ส่วนยายอาบน้ำ สวดมนต์นอนตามประสาคนสูงวัย