สืบเนื่องมาจากเพื่อนในแผนกอื่นให้งานที่ไม่เกี่ยวกับงานของทีมเรา ให้เราทำต่อแล้วส่งเมลล์ต่อให้ supplier
หัวหน้าเราก็ไม่ว่าอะไร ให้เราทำส่งไปตามนั้น ทั้งที่ตลอดเวลาที่เข้ามาทำงานหลายปีไม่เคยต้องทำงานแบบนี้
ไม่เคยต้องดีลกับ supplier โดยตรง แม้จะมี cc เมลล์แต่ไม่เคยตอบกลับใด ๆ
งานที่เราทำเกี่ยวกับการดลกับลูกค้ามากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาใด เพราะเรารู้ว่าควรตอบไม่ควรตอบสิ่งใดให้ลูกค้า
ส่วนงานใหม่นี้ ที่ผ่านมาหลายเดือนต้องมาเอกสารส่ง supplier ทุกเดือน ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร
แม้จะรู้สึกว่างานเราไม่เกี่ยวกับที่ต้องดีลกับ supplier โดยตรงเลย แต่เพื่อนแผนกนั้นเขาบอกว่าหัวหน้าแผนกเราคนก่อนที่ลาออกไป
หลายปี เขาทำมาก่อน แม้จะขัดแย้งในใจอยู่บ้าง เราก็ทำมาตลอดหลายเดือน โดยไม่รู้เลยว่าในเอกสาร excel นั้นคือข้อมูลอะไร
ไม่รู้สิ่งที่ทำมันถูกหรือมันผิด ไม่มีใครบอกได้ ไม่มีใครสอนว่าวิธีนี้ถูกหรือว่าผิด ไม่มีใครเช็คให้ ก็ค่อนข้างเครียดตั้งแต่รับงานมา
แม้งานจะไม่ยากอะไร แต่ก็รู้สึกว่า route ที่เราต้องส่งโดยตรง supplier นั้นมันแปลก ๆ อยู่ เหมือนเอาคอไปวางบนเขียง
และไม่อาจจะแก้ไขอะไรได้เลย หากวันนึงที่พลาดขึ้นมา
จนล่าสุดงานก็พลาดจริง ๆ supplier mail โดยตรงมาที่เราว่าถามใน 3 คำถาม และส่ง to มาที่น้องที่แผนกนั้นด้วย
เท่ากับว่า to 2 คน จากเวลา 9 โมงเช้า เราก็หาคำตอบ 2 ใน 3 คำถามนั้นได้ เพราะเช็คข้อมูลแล้ว
ส่วนอีกคำถามเราตอบไม่ได้จริง ๆ เราก็เลยตอบเมลล์ supplier ไป 2 ใน 3 นั้น และบอกไปอย่างชัดเจนว่า
เราไม่ได้อยู่แผนกนั้น เราไม่ทราบว่าอีก 1 ข้อที่ถามมานั้นคืออะไร เรารุ้ว่า supplier คงไม่รู้หรอกว่าเราอยู่แผนกไหน
แต่เราถือว่าที่ผ่านมาหลายเดือน ทางแผนกนั้นไม่เคยแนะนำเลยว่า เมลล์จากเรา เราอยู่ในส่วนงานใดนั้น
เราก็เลยแจ้งเขาเองโดยตรง และเราตอบเมลล์ไปที่น้องคนนั้นว่า ไม่ควรให้ supplier เมลล์มาที่เราโดยตรง
เพราะเราไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะตอบคำถามทั้งหมดได้ แต่น้องสามารถเอาสิ่งที่ supplier ถามนั้นมาถามทีมงานเราได้
น้องคนนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร
ตอนบ่ายหัวหน้าเราก็เรียกเราไปว่า ๆ ไม่สมควรจะตอบ supplier ไปแบบนั้น เราก็ยอมรับ
เพราะคิดอยู่แล้วว่างานที่เราไม่ช่ำชอง ไม่เชี่ยวชาญคงพลาดสักวัน เราไม่รู้จักอะไรในเอกสาร excel นั้นเลย
จนเรื่องรุนแรงขึ้น เพื่อนแผนกนั้นเอาเรื่องมาฟ้องหัวหน้าเราซ้ำเข้าไปอีก ว่าเราไม่ควรตอบ supplier แบบนั้น ๆ
หัวหน้าเราก็ว่าเราแล้ว หัวหน้าเราบอก ยังไงข้อมูลที่ส่งไปผิด ทางทีมเราจะแก้ไขให้ได้
และต่อไปจะไม่ให้เราดีลผ่าน supplier โดยตรงอีก ต้องผ่านแผนกนั้นเท่านั้น
และนั่นคือ จุดเริ่มของสงครามเย็นต่อมา เพราะสุดท้ายเพื่อนแผนกนั้นแทบไม่มีใครคุยกับเราอีกเลย
รวมทั้งเราโดนเพื่อนสนิทในแผนกนั้นด่าเรา ไล่เรา พูดออกมาว่าเกลียดเรา
เราก็บอกเขาว่า เราไม่ตั้งใจนะ เราขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน เราไม่รู้ว่ามันจะกระทบอะไรบ้าง
แต่เราก็แก้ไขเอกสารส่งไปให้ใหม่แล้ว อยากให้แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
เป็นเพื่อนกัน ต้องทำกันขนาดนี้เหรอ เราไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลาย หัวหน้าเราก็ว่าเราแล้ว
เราก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่เราก็ทำดีที่สุดในการแก้ปัญหานั้นแล้ว เอาเป็นว่า เราขอโทษ
เขาก็ไล่ตะเพิดเรา และบอกให้อยู่ห่าง ๆ เค้าไว้
เราไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันแย่หรือใหญ่แค่ไหน เพราะหัวหน้าเราเคลียร์ให้ แม้เราจะไม่ได้ใบเตือน เราก็รู้สึกทุกอย่างไม่เคลียร์เสียเลย
===============
จากจุดนั้น เรากับแผนกนั้นมองหน้ากันแทบไม่ติดเลย เราเสียใจ เสียความรู้สึก
เพราะที่ผ่านมา เราไม่เคยนินทาใคร ไม่เคยให้ร้ายใคร ตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด
แม้จะมีผิดใจงานกับใครบ้าง เราก็ไม่เอามาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว แต่ตอนนี้
เราไม่มีกำลังใจ ไม่มีสมาธิใด ๆ เพราะแผนกนั้นเราก็สนิท กินข้าวกัน คุยเล่นกันได้
แต่วันนี้มันสถานการณ์แย่มาก ๆ ค่ะ เราก็ท้อ จนอยากลาออก แต่นึกถึงลูกก็สงสารที่เราจะเป็นตัวอย่างว่าแก้ปัญหาชีวิตไม่ได้แล้วชิงลาออก
มันสับสน ร้องไห้หลายรอบแล้ว เราไม่สามารถร่วมวงกินข้าวกับเค้าได้เลย เพราะมองหน้าไม่ติด
อยากหาทางลงให้ตัวเอง แต่มันมืดมนไปหมดค่ะ มันไม่สบายใจ ทีมเราก็ให้กำลังใจเราดี
เราน้อยใจมาก ที่เราพยายามตั้งใจทำงาน ไม่นินทาใคร ไม่ว่าร้ายใคร แล้วเหมือนต้องโดนหักหลังแบบนี้
แม้ว่าจะมีคนที่เขาไม่ชอบเราให้ร้ายอะไร เราไม่เคยสนใจ เรารู้ตัวเองดี ว่าไม่เคยคิดร้ายใคร
พอตอนนี้คือ เฟลมาก ๆ อยากให้ผ่านความรู้สึกนี้ไปสักที เพราะมันท้อมากค่ะ
เราควรคิดอย่างไร แก้ไขสถานการณ์อย่างไรดีคะ
ทั้งที่พยายามทำงานออกมาให้ดีที่สุด แต่สุดท้ายก็พลาดและรู้สึกสถานการณ์มันแย่มากค่ะ ท้อและเครียดมาก ขอคำแนะนำค่ะ
หัวหน้าเราก็ไม่ว่าอะไร ให้เราทำส่งไปตามนั้น ทั้งที่ตลอดเวลาที่เข้ามาทำงานหลายปีไม่เคยต้องทำงานแบบนี้
ไม่เคยต้องดีลกับ supplier โดยตรง แม้จะมี cc เมลล์แต่ไม่เคยตอบกลับใด ๆ
งานที่เราทำเกี่ยวกับการดลกับลูกค้ามากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาใด เพราะเรารู้ว่าควรตอบไม่ควรตอบสิ่งใดให้ลูกค้า
ส่วนงานใหม่นี้ ที่ผ่านมาหลายเดือนต้องมาเอกสารส่ง supplier ทุกเดือน ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร
แม้จะรู้สึกว่างานเราไม่เกี่ยวกับที่ต้องดีลกับ supplier โดยตรงเลย แต่เพื่อนแผนกนั้นเขาบอกว่าหัวหน้าแผนกเราคนก่อนที่ลาออกไป
หลายปี เขาทำมาก่อน แม้จะขัดแย้งในใจอยู่บ้าง เราก็ทำมาตลอดหลายเดือน โดยไม่รู้เลยว่าในเอกสาร excel นั้นคือข้อมูลอะไร
ไม่รู้สิ่งที่ทำมันถูกหรือมันผิด ไม่มีใครบอกได้ ไม่มีใครสอนว่าวิธีนี้ถูกหรือว่าผิด ไม่มีใครเช็คให้ ก็ค่อนข้างเครียดตั้งแต่รับงานมา
แม้งานจะไม่ยากอะไร แต่ก็รู้สึกว่า route ที่เราต้องส่งโดยตรง supplier นั้นมันแปลก ๆ อยู่ เหมือนเอาคอไปวางบนเขียง
และไม่อาจจะแก้ไขอะไรได้เลย หากวันนึงที่พลาดขึ้นมา
จนล่าสุดงานก็พลาดจริง ๆ supplier mail โดยตรงมาที่เราว่าถามใน 3 คำถาม และส่ง to มาที่น้องที่แผนกนั้นด้วย
เท่ากับว่า to 2 คน จากเวลา 9 โมงเช้า เราก็หาคำตอบ 2 ใน 3 คำถามนั้นได้ เพราะเช็คข้อมูลแล้ว
ส่วนอีกคำถามเราตอบไม่ได้จริง ๆ เราก็เลยตอบเมลล์ supplier ไป 2 ใน 3 นั้น และบอกไปอย่างชัดเจนว่า
เราไม่ได้อยู่แผนกนั้น เราไม่ทราบว่าอีก 1 ข้อที่ถามมานั้นคืออะไร เรารุ้ว่า supplier คงไม่รู้หรอกว่าเราอยู่แผนกไหน
แต่เราถือว่าที่ผ่านมาหลายเดือน ทางแผนกนั้นไม่เคยแนะนำเลยว่า เมลล์จากเรา เราอยู่ในส่วนงานใดนั้น
เราก็เลยแจ้งเขาเองโดยตรง และเราตอบเมลล์ไปที่น้องคนนั้นว่า ไม่ควรให้ supplier เมลล์มาที่เราโดยตรง
เพราะเราไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะตอบคำถามทั้งหมดได้ แต่น้องสามารถเอาสิ่งที่ supplier ถามนั้นมาถามทีมงานเราได้
น้องคนนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร
ตอนบ่ายหัวหน้าเราก็เรียกเราไปว่า ๆ ไม่สมควรจะตอบ supplier ไปแบบนั้น เราก็ยอมรับ
เพราะคิดอยู่แล้วว่างานที่เราไม่ช่ำชอง ไม่เชี่ยวชาญคงพลาดสักวัน เราไม่รู้จักอะไรในเอกสาร excel นั้นเลย
จนเรื่องรุนแรงขึ้น เพื่อนแผนกนั้นเอาเรื่องมาฟ้องหัวหน้าเราซ้ำเข้าไปอีก ว่าเราไม่ควรตอบ supplier แบบนั้น ๆ
หัวหน้าเราก็ว่าเราแล้ว หัวหน้าเราบอก ยังไงข้อมูลที่ส่งไปผิด ทางทีมเราจะแก้ไขให้ได้
และต่อไปจะไม่ให้เราดีลผ่าน supplier โดยตรงอีก ต้องผ่านแผนกนั้นเท่านั้น
และนั่นคือ จุดเริ่มของสงครามเย็นต่อมา เพราะสุดท้ายเพื่อนแผนกนั้นแทบไม่มีใครคุยกับเราอีกเลย
รวมทั้งเราโดนเพื่อนสนิทในแผนกนั้นด่าเรา ไล่เรา พูดออกมาว่าเกลียดเรา
เราก็บอกเขาว่า เราไม่ตั้งใจนะ เราขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน เราไม่รู้ว่ามันจะกระทบอะไรบ้าง
แต่เราก็แก้ไขเอกสารส่งไปให้ใหม่แล้ว อยากให้แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
เป็นเพื่อนกัน ต้องทำกันขนาดนี้เหรอ เราไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลาย หัวหน้าเราก็ว่าเราแล้ว
เราก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่เราก็ทำดีที่สุดในการแก้ปัญหานั้นแล้ว เอาเป็นว่า เราขอโทษ
เขาก็ไล่ตะเพิดเรา และบอกให้อยู่ห่าง ๆ เค้าไว้
เราไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันแย่หรือใหญ่แค่ไหน เพราะหัวหน้าเราเคลียร์ให้ แม้เราจะไม่ได้ใบเตือน เราก็รู้สึกทุกอย่างไม่เคลียร์เสียเลย
===============
จากจุดนั้น เรากับแผนกนั้นมองหน้ากันแทบไม่ติดเลย เราเสียใจ เสียความรู้สึก
เพราะที่ผ่านมา เราไม่เคยนินทาใคร ไม่เคยให้ร้ายใคร ตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด
แม้จะมีผิดใจงานกับใครบ้าง เราก็ไม่เอามาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว แต่ตอนนี้
เราไม่มีกำลังใจ ไม่มีสมาธิใด ๆ เพราะแผนกนั้นเราก็สนิท กินข้าวกัน คุยเล่นกันได้
แต่วันนี้มันสถานการณ์แย่มาก ๆ ค่ะ เราก็ท้อ จนอยากลาออก แต่นึกถึงลูกก็สงสารที่เราจะเป็นตัวอย่างว่าแก้ปัญหาชีวิตไม่ได้แล้วชิงลาออก
มันสับสน ร้องไห้หลายรอบแล้ว เราไม่สามารถร่วมวงกินข้าวกับเค้าได้เลย เพราะมองหน้าไม่ติด
อยากหาทางลงให้ตัวเอง แต่มันมืดมนไปหมดค่ะ มันไม่สบายใจ ทีมเราก็ให้กำลังใจเราดี
เราน้อยใจมาก ที่เราพยายามตั้งใจทำงาน ไม่นินทาใคร ไม่ว่าร้ายใคร แล้วเหมือนต้องโดนหักหลังแบบนี้
แม้ว่าจะมีคนที่เขาไม่ชอบเราให้ร้ายอะไร เราไม่เคยสนใจ เรารู้ตัวเองดี ว่าไม่เคยคิดร้ายใคร
พอตอนนี้คือ เฟลมาก ๆ อยากให้ผ่านความรู้สึกนี้ไปสักที เพราะมันท้อมากค่ะ
เราควรคิดอย่างไร แก้ไขสถานการณ์อย่างไรดีคะ