แจ้ง (22) (แฟนตาซี)

กระทู้สนทนา
“...ฉันไม่แน่ใจ มันอยู่ไกลเกินไป”

ใหญ่พยายามเพ่งตามองไปยังทิศทางที่อีกอร่าชี้ แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เธอเร่งบินไปยังจุดที่พบเห็นอะไรบางอย่างเมื่อครู่ แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม มันไม่ได้ลอย หรือบินไปจากจุดที่ถูกพบเห็นเป็นครั้งสุดท้าย แต่หายไปด้วยวิธีการบางอย่าง และนอกจากนั้นแล้ว

“ลลิ้นชักสีเงินนั่นก็หายไปด้วย”

“เธอแน่ใจหรือ” และจากดวงตาที่ไม่เท่ากันคู่นั้นซึ่งจ้องมองมา เขาก็รู้คำตอบ และรู้ว่าตัวเองไม่ควรจะตั้งข้อสงสัยตั้งแต่แรก

“มมันเคยอยู่ตรงนี้ กใกล้กับที่ฉันเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวเมื่อครู่ มมันคล้ายกับจะเป็น...” 'รร่างของมนุษย์' แต่เธอไม่ได้พูดออกมา เพราะคิดว่ามันจะยิ่งไม่เป็นผลดีกับเด็กหนุ่ม “ไมม่รู้สิ...ออะไรสักอย่าง”

การหายไปของลิ้นชักสีเงินที่แผ่กระจายอันตรายออกมาอย่างรุนแรงนั้นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่การต้องสูญเสียจุดหมายบางอย่าง ตำแหน่งแห่งที่ภายในความว่างเปล่าอันไร้สิ้นสุดนี้ ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งดี หรือไม่ดีก็ตาม ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

“อะไรที่เธอว่า มันอาจจะเป็น...แมว ได้ไหม” เขานึกถึงมันขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แมวประหลาดสีเหลืองที่ไม่มีที่มาที่ไปตัวนั้น ดวงตาของมันสุกสกาวลึกล้ำ ไม่สนใจสิ่งใด วางท่าจนราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในจักรวาลแห่งนี้จะสำคัญไปกว่าตัวมันเองอีกแล้ว

“มไม่ใช่ ฉฉันแน่ใจ” นอกจากว่าแมวตัวนั้นจะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ 'ซซึ่งก็อาจเป็นไปได้' ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ มนุษย์แมว มาก่อนเลยก็ตาม แต่เธอคือ ผู้ช่วย และผู้ช่วยที่ดีต้องมีใจเปิดกว้างเสมอ ไม่ว่าความคิดของ เจ้านาย จะล้ำหน้า หรือแปลกประหลาดเพียงใดก็ตาม เธอก็มีหน้าที่ต้องคอยช่วยเหลือ พยายามรักษาชีวิตของเจ้านาย และตัวเองให้อยู่รอดจนกว่าการทดลองจะประสบความสำเร็จ

หรือไม่ก็จนกว่าจะถึงเวลาต้องออกตามหาเจ้านายคนใหม่

เธอนึกทบทวนถึงเรื่องห้องหนังสือลึกลับที่เขาเล่าให้ฟัง ซึ่งเธอรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างประหลาด บางทีอาจเป็นเพราะตัวเธอได้เคยพบเห็น และเป็นส่วนหนึ่งของห้องทดลองในรูปแบบต่างๆ มามากมาย

ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง เครื่องชนอนุภาคขนาดยักษ์ ที่เจ้านายคนแรกของเธอคาดหวังว่าจะสามารถตรวจพบ อนุภาคเทพเจ้า อย่างที่เขาเรียกได้ การก่อสร้างวงท่อเร่งอนุภาคที่ทำงานด้วยแม่เหล็กยิ่งยวดนั้นนับเป็นความเพลิดเพลินประการหนึ่ง เมื่อลำอนุภาคทั้งสองลำถูกเร่งจนเข้าใกล้ความเร็วแสงอยู่ภายในท่อนั้นกลับค่อนข้างจะน่าเบื่อไปหน่อยสำหรับเธอ เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเพียงค่าตัวเลขจำนวนมาก ที่ได้จากเครื่องวัดอันละเอียดอ่อน แสดงออกมาบนหน้าจอเท่านั้น และในท้ายที่สุด ความตื่นเต้นก็เกิดขึ้น เสียงเตือนภายในหัวของเธอได้กรีดร้องโหยหวนขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อสิ่งที่เกิดจากการชนนั้นไม่ใช่อนุภาคใดใด แต่กลายเป็นสิ่งที่เจ้านายของเธอเรียกด้วยความหวาดกลัวว่า หลุมดำ

เธอคิดว่าหลุมดำนี้อาจนำไปใช้แก้ปัญหาขยะตามเมืองใหญ่ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะหลังจากที่รอดชีวิตมาเพียงคนเดียวได้อย่างหวุดหวิด เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บกวาดสิ่งใด เพราะทั้งเครื่องมือขนาดยักษ์ ห้องทดลอง และพื้นที่โดยรอบได้ถูกกลืนหายเข้าไปภายในหลุมดำนั้นจนหมด เพียงแต่เธอต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการจัดการกับหลุมดำที่ไม่เสถียรนั้นในภายหลัง จึงคิดว่ามันคงยุ่งยากเกินไปที่จะนำไปใช้จริง

หรือการสร้าง เครื่องกรองน้ำจากจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่เจ้านายซึ่งเป็นคู่รัก และเป็นครั้งแรกที่เธอต้องมีเจ้านายพร้อมกันถึงสองคน เชื่อว่าจะสามารถสร้าง สารก่อชีวิตอมตะ ขึ้นมาได้ การทดลองทั้งหมดถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด แม้แต่กับผู้ช่วยอย่างเธอ และพวกเขายังได้ใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่เมื่อการทดลองดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ เจ้านายทั้งสองกลับต้องมาจบชีวิตลงพร้อมกันภายหลังการดื่มฉลอง ทำให้รายละเอียดของการทดลองกลายเป็นความลับไปตลอดกาล

ซึ่งภายหลังเธอได้ตรวจพบยาพิษร้ายแรงต่างชนิดกันจากในแก้วเครื่องดื่ม และภายในตับของทั้งคู่ บางทีพวกเขาอาจจะเตรียมเครื่องดื่มผิดพลาด เผลอใส่ส่วนผสมที่เป็นพิษลงไป ทั้งๆ ที่ต่างก็รู้ว่าความเป็นอมตะนั้นยังคงมีข้อจำกัดจากความเสียหายทางกายภาพของร่างกาย ความเจ็บป่วยรุนแรง รวมไปถึงสารพิษที่สามารถก่อให้เกิดการล้มเหลวของกระบวนการสำคัญภายในร่างกายด้วย

หรือการทดลองเกี่ยวกับ น้ำซุปแห่งชีวิต ที่ในตอนแรกเธอเข้าใจว่าเป็นสูตรอาหารประเภทหนึ่ง แต่เจ้านายในตอนนั้นของเธอได้อธิบายให้ฟังอย่างออกรสว่า มันคือสารเคมีที่ละลายรวมกันอยู่ในน้ำ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจะก่อให้เกิดสารประกอบอินทรีย์ขั้นพื้นฐานขึ้น และจาก ซุป ของสารประกอบอินทรีย์ขั้นพื้นฐานที่เข้มข้นนี้ สารประกอบอินทรีย์ที่มีความซับซ้อน หรือชีวิตในเบื้องแรกก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

ครั้งนั้นทุกอย่างจบลงด้วยดี ไม่มีการระเบิด ไม่มีใครต้องตาย ถึงแม้การทดลองทั้งหมดจะล้มเหลว เจ้านายของเธอได้กลายเป็นพ่อครัวเจ้าของห้องอาหารยอดฮิตที่ขายซุปสารพัดชนิด โดยเฉพาะเมนูเด็ดที่มีชื่อว่า น้ำซุปแห่งชีวิต ทั้งสองจากกันด้วยรอยยิ้ม และท้องที่แน่นตึง ก่อนที่เธอจะออกตามหาเจ้านายคนใหม่ต่อไป

เธอเคยเป็นแม้กระทั่งผู้ช่วยของผีดูดเลือดตระกูลเก่าแก่โบราณนางหนึ่ง ซึ่งเลิกดื่มเลือด และหันมาให้ความสนใจกับการเมืองของมหานครเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะชอบห้องทดลองมากกว่า แต่เธอก็ตั้งใจทำงานนั้นอย่างเต็มที่ จนสุดท้ายเจ้านายกลับเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญากันด้วยดี ซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจ

การเป็นผู้ช่วยนั้นไม่อาจทอดทิ้งเจ้านายได้หากไม่มีการยินยอมพร้อมใจ และบันทึกลงในเอกสารอย่างเป็นทางการ เพราะหากมีประวัติว่าเคยทอดทิ้งเจ้านายมาก่อน ก็จะส่งผลกระทบกับการหางานในอนาคตของเธอ

และในอีกหลายห้องทดลอง หลายห้องใต้ดิน หลายห้องใต้หลังคา แม้กระทั่งรถม้า กับอีกหลายเจ้านายในเวลาต่อมา ทั้งหมดนั้นทำให้เธอได้ข้อสรุป ไม่ว่าพวกมันจะแปลก น่ามหัศจรรย์ หรือชวนสยดสยองสักแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นไม่ใช่ตัวการทดลองที่เห็น ไม่ใช่งานที่ถูกสั่งให้ทำ แต่เป็นทัศนคติของเจ้าของห้องทดลอง ของเจ้านาย และความสามารถในการประเมินอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงที่ไม่อาจเกิดขึ้นด้วย

มันทำให้เธอรู้สึกกับห้องหนังสือแบบนั้น คิดว่ามันเองก็ต้องเป็นห้องทดลองอีกแห่งหนึ่งที่ต้องมีเจ้านายอยู่เช่นกัน และเจ้านายที่ว่านั้น คิดจะทำอะไรกันแน่

'หหรือที่ฉันเห็น ออาจจะเป็นร่างของนักเขียนคนที่ว่า' แต่จากประสบการณ์ยาวนานที่ผ่านมา เธอเชื่อว่าร่างนั้นไม่ควรจะสามารถออกมาภายนอกห้องทดลองได้ อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ในตอนนี้

“แล้ว...เราจะทำอย่างไรกันต่อดี”

“ฉฉันก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน” เธอตอบ ทั้งที่ไม่ควรจะตอบออกไปแบบนั้น การไร้จุดหมายอาจหนักหนาเกินไป และหากเขาเกิดสติแตกขึ้นมา สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม

“...ถ้าอย่างนั้น เราก็คงต้องลอยกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ก่อนสินะ”

ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เธอเองก็ไม่อาจคาดเดา ดูเหมือนเขาจะรับมือกับความว่างเปล่านี้ได้ดีขึ้น แต่สำหรับตัวเธอในตอนนี้กลับได้ข้อสรุปที่ไม่ค่อยดีนักจากข้อมูลที่มี

พวกเธอเข้ามาติดอยู่ในความว่างเปล่านี้โดยผ่านช่องลับที่เปิดออกจากใต้ที่นั่งคนขับรถม้า เมื่อช่องลับถูกปิดลง ด้านในของประตูกลยังอยู่ตรงนั้นก็เพราะพวกเธอเกาะมันเอาไว้ และเธอพบลิ้นชักสีเงินนั้น ก็เมื่อมันถูกเปิดออกจากภายในห้องหนังสือ ซึ่งดูเหมือนจะอยู่ด้านนอกของความว่างเปล่านี้เช่นกัน เมื่อลิ้นชักถูกปิด เมื่อพวกเธอไม่ได้เฝ้าดู มันก็หายไปจากความว่างเปล่า

ประตูกลเองก็คงเป็นเช่นเดียวกัน พวกเธอจะไม่มีวันหามันพบ

'ดดูเหมือนว่าทางเข้าออกของความว่างเปล่านี้จะถูกเปิดได้จากภายนอกเท่านั้น' แต่มันยังเป็นเพียงสมมติฐาน และมีข้อมูลสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ขัดแย้งกันอยู่

“ลลองนึกให้ดีอีกทีได้ไหม วว่าเธอเข้าไปในห้องหนังสือนั้นได้อย่างไร” คำตอบของคำถามนี้มีความสำคัญ เพราะมันอาจเป็นวิธีเดียวที่จะพาพวกเธอออกไปจากความว่างเปล่านี้จากทางด้านในได้

“...ฉัน ไม่รู้ ฉันจำอะไรไม่ได้เลย” เขาอึกอัก ”รู้แต่ว่าตอนนั้นกำลังสับสนมาก จนเกือบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ฉันฝัน หรือเพ้ออะไรไปเรื่อย ก่อนที่สุดท้ายจะตื่นขึ้นมาในห้องประหลาดนั่น”

มันเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่เขามีให้ในตอนนี้ ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

“...ฉฉันจะลองบินขึ้นไปเรื่อยเรื่อย” เขาพยักหน้าเห็นด้วย “ชช่วยกันมองหาอะไรที่สะดุดตาด้วยละกัน” ที่จริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องบอก เพราะมันคงเป็นเรื่องยากที่จะมองไม่เห็นอะไรก็ตามภายในความว่างเปล่าแบบนี้

ร่างของเธอกำลังลอยขึ้น โดยฉุดดึงเขาไปด้วย “เอ่อ...”

“มมีอะไรอีกล่ะ” เธอถามโดยไม่หันมามอง

“เธอบอกว่าจะเล่าเกี่ยวกับครอบครัวของเธอไง ในเมื่อตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว...”

เธอถอนใจครั้งหนึ่ง แต่ก็เริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมา อย่างน้อยเขาก็พูดถูก พวกเธอไม่มีอย่างอื่นที่ทำได้อีกแล้วในระหว่างนี้

ผู้ช่วย ก็เป็นคนเก่าแก่ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่ไม่เคยรู้มาก่อน

เธอเล่าว่าครอบครัวของเธอไม่มีพลังพิเศษใดใด นอกจากสายตากระจ่างชัด สองมือที่คล่องแคล่ว ร่างกายที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ จิตใจที่เปิดกว้าง ขยัน ตั้งใจทำงาน กับความสามารถในการรับรู้ถึงภัยอันตราย การมีแผนเผชิญเหตุที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และพลังชีวิตที่เปี่ยมล้น ซึ่งเหมาะสมกับความเสี่ยงในการประกอบอาชีพนี้

การได้รับบาดเจ็บ หรือสูญเสียอวัยวะมักเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เจ้านายของพวกเธอส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง หรือไม่ก็ถูกไล่ล่าจากชาวบ้านอยู่เป็นประจำ แผลเป็น และการนำอวัยวะต่างๆ ของบุคคลอื่นมาใช้จึงมีความจำเป็น เพราะผู้ช่วยที่ไม่สมประกอบคงไม่เป็นที่ต้องการ

เพื่อการนั้นระบบภูมิคุ้มกันของพวกเธอจึงมีการพัฒนาให้ไม่เกิดการต่อต้านอวัยวะแปลกปลอมที่นำมาปลูกถ่าย ระบบประสาทก็สามารถลดการรับส่งสัญญาณความเจ็บปวด ระบบเลือดสามารถปรับอัตราการหมุนเวียนเพื่อป้องกันการเสียเลือดได้ในระหว่างทำการผ่าตัด

ตรงส่วนนี้เขาฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก

“พพวกมันยังมีประโยชน์ในการหลบหนีอีกด้วย แมม้ว่าจะบาดเจ็บรุนแรง พพวกฉันก็ยังวิ่งได้สบาย” เธอยิ้มเบี้ยวๆ ยามนึกถึงความหลัง ที่หลายครั้งเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด

“ฉฉันยังมีพี่ชายอยู่อีกคน ตตอนนี้ทำงานอยู่กับนักประดิษฐ์ชื่อดัง ทโทมัส ออัลวา อเอดิสัน นในมหานคร ขเขามีชื่อว่า ออีกอ”

อีกอ กับ อีกอร่า นับว่าเป็นชื่อที่ดี เขาคิดอย่างนั้น “แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะ”

เธอหันมองไปทางอื่น “พพวกท่านจากไปนานแล้ว ตแต่พวกท่านจะยังคงอยู่กับพวกเรา ออยู่ภายในกายของพวกเราเสมอ ตตลอดไป”

เขาคิดว่าคำพูดของเธอคงไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเปรียบเปรยเหมือนทั่วไป แต่คงหมายความตามนั้น คืออาจมีอวัยวะบางส่วนจากร่างของพวกท่านที่ว่าอยู่ภายในร่างกายของเธอกับพี่ มันเป็นความคิดที่ชวนขนหัวลุก แต่คงเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมองจากมุมของครอบครัวเธอเอง

“ตตอนนั้นฉันถึงบอกว่าหน้าอกทั้งสองข้างนี้ยังเป็นของตัวฉันอยู่” เธอหัวเราะ “ยยังมีส่วนอื่นที่ไม่ใช่ของฉันอีกเยอะ”

เขากลืนน้ำลายฝืดๆ ฟังแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าอย่างไรดี หากชีวิตของเธอยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป คงต้องมีชิ้นส่วนของคนอื่นที่เขาไม่อยากรู้ว่าได้มาอย่างไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

คำถามข้อหนึ่งพลันผุดขึ้นมา

“แล้วถ้าอวัยวะในร่างกายของเธอถูกเปลี่ยนไปจนหมด เธอจะยังคงเป็นเธออยู่อีกไหม”

“มแม่บอกว่า พพวกเราไม่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนสมองได้ สสมอง นนั้นคือตัวเรา ดดังนั้นถึงจะเปลี่ยนอย่างอื่นไปจนหมด ฉฉันก็ยังคงเป็นตัวฉัน ตตราบเท่าที่ตัวฉันในนี้ยังคงอยู่” เธอชี้นิ้วไปที่หัว ไม่ใช่หัวใจเหมือนกับที่คนทั่วไปชอบทำ “ตตัวฉันอยู่ในนี้ ทที่ด้านหลังของลูกตาทั้งสอง” เธอว่า

มีคำถามอีกข้อผุดตามมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่