.......โย หิ โกจิ ภิกขะเว อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนั้น,
สัตตะ วัสสานิ. ตลอด ๗ ปี,
ตัสสะ ทวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง. ผู้นั้นพึงหวังผลทั้ง ๒ อันใดอันหนึ่ง,
ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา คือพระอรหัตตผลในปัจจุบันชาตินี้ ๑,
สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา. หรือเมื่ออุปาทิ (คือสังโยชน์) ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี๑ (คือผู้นั้นจะได้อรหัตตผล หรืออนาคามิผล ในปัจจุบันชาตินี้เป็นแน่)
ติฏฐันตุ ภิกขะเว สัตตะวัสสานิ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ๗ ปียกไว้,
โย หิ โกจิ ภิกขะเว อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนั้น,
ฉะ วัสสานิ. ตลอด ๖ ปี,
ตัสสะ ทวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง. ผู้นั้นพึงหวังผลทั้ง ๒ อันใดอันหนึ่ง,
ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา คือพระอรหัตตผลในปัจจุบันชาตินี้ ๑,
สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา. หรือเมื่ออุปาทิ (คือสังโยชน์) ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี๑ (คือผู้นั้นจะได้อรหัตตผล หรืออนาคามิผล ในปัจจุบันชาตินี้เป็นแน่)..
...........................................................................................................................................................................................................................................
.................ติฏฐันตุ ภิกขะเว อัฑฒะมาสัง. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายกึ่งเดิอนยกไว้,
โย หิ โกจิ ภิกขะเว อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนั้น,
สัตตาหัง. ตลอด ๗ วัน,
ตัสสะ ทวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง. ผู้นั้นพึงหวังผลทั้ง ๒ อันใดอันหนึ่ง,
ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา คือพระอรหัตตผลในปัจจุบันชาตินี้ ๑,
สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา. หรือเมื่ออุปาทิ (คือสังโยชน์) ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี๑ (คือผู้นั้นจะได้อรหัตตผล หรืออนาคามิผล ในปัจจุบันชาตินี้เป็นแน่)
เอกายะโน ภิกขะเว อะยัง มัคโค. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นที่ไปอันเอก,
สัตตานัง วิสุทธิยา. เพื่อความหมดจดวิเศษของสัตว์ทั้งหลาย,
โสกะปะริเทวานัง สะมะติกกะมายะ เพื่อก้าวล่วงเสียซึ่งความโศกและความร่ำไร,
ทุกขะโทมะนัสสานัง อัฏฐังคะมายะ. เพื่ออัศดงค์ดับไปแห่งทุกข์และโทมนัส,
ญายัสสะ อะธิคะมายะ. เพื่อบรรลุญายธรรม,
นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ. เพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง,
ยะทิทัง จัตตาโร สะติปัฏฐานาติ. ทางนี้คือสติปัฏฐาน ๔ อย่าง ด้วยประการฉะนี้,
อิติ ยันตัง วุตตัง. คำอันใดที่กล่าวแล้วอย่างนี้,
อิทะเมตัง ปะฏิจจะ วุตตันติ. คำอันนั้น ที่อาศัยทางอันเอก(คือสติปัฏฐาน๔) นี้กล่าวแล้ว ด้วยประการฉะนี้,
อิทะมะโวจะ ภะคะวา อัตตะมะนา เต ภิกขู. ภิกษุเหล่านี้มีใจยินดี,
ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุนติ. เพลิดเพลินนักซึ่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยประการฉะนี้แลฯ,
สติปัฎฐาน๔หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เป็นหนึ่งเดียวในพระไตรปิฎกที่พระพุทธองค์ทรงรับรองการบรรลุธรรมในระยะเวลาที่แน่นอน7ปี
สัตตะ วัสสานิ. ตลอด ๗ ปี,
ตัสสะ ทวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง. ผู้นั้นพึงหวังผลทั้ง ๒ อันใดอันหนึ่ง,
ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา คือพระอรหัตตผลในปัจจุบันชาตินี้ ๑,
สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา. หรือเมื่ออุปาทิ (คือสังโยชน์) ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี๑ (คือผู้นั้นจะได้อรหัตตผล หรืออนาคามิผล ในปัจจุบันชาตินี้เป็นแน่)
ติฏฐันตุ ภิกขะเว สัตตะวัสสานิ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ๗ ปียกไว้,
โย หิ โกจิ ภิกขะเว อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนั้น,
ฉะ วัสสานิ. ตลอด ๖ ปี,
ตัสสะ ทวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง. ผู้นั้นพึงหวังผลทั้ง ๒ อันใดอันหนึ่ง,
ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา คือพระอรหัตตผลในปัจจุบันชาตินี้ ๑,
สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา. หรือเมื่ออุปาทิ (คือสังโยชน์) ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี๑ (คือผู้นั้นจะได้อรหัตตผล หรืออนาคามิผล ในปัจจุบันชาตินี้เป็นแน่)..
...........................................................................................................................................................................................................................................
.................ติฏฐันตุ ภิกขะเว อัฑฒะมาสัง. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายกึ่งเดิอนยกไว้,
โย หิ โกจิ ภิกขะเว อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนั้น,
สัตตาหัง. ตลอด ๗ วัน,
ตัสสะ ทวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง. ผู้นั้นพึงหวังผลทั้ง ๒ อันใดอันหนึ่ง,
ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา คือพระอรหัตตผลในปัจจุบันชาตินี้ ๑,
สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา. หรือเมื่ออุปาทิ (คือสังโยชน์) ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี๑ (คือผู้นั้นจะได้อรหัตตผล หรืออนาคามิผล ในปัจจุบันชาตินี้เป็นแน่)
เอกายะโน ภิกขะเว อะยัง มัคโค. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นที่ไปอันเอก,
สัตตานัง วิสุทธิยา. เพื่อความหมดจดวิเศษของสัตว์ทั้งหลาย,
โสกะปะริเทวานัง สะมะติกกะมายะ เพื่อก้าวล่วงเสียซึ่งความโศกและความร่ำไร,
ทุกขะโทมะนัสสานัง อัฏฐังคะมายะ. เพื่ออัศดงค์ดับไปแห่งทุกข์และโทมนัส,
ญายัสสะ อะธิคะมายะ. เพื่อบรรลุญายธรรม,
นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ. เพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง,
ยะทิทัง จัตตาโร สะติปัฏฐานาติ. ทางนี้คือสติปัฏฐาน ๔ อย่าง ด้วยประการฉะนี้,
อิติ ยันตัง วุตตัง. คำอันใดที่กล่าวแล้วอย่างนี้,
อิทะเมตัง ปะฏิจจะ วุตตันติ. คำอันนั้น ที่อาศัยทางอันเอก(คือสติปัฏฐาน๔) นี้กล่าวแล้ว ด้วยประการฉะนี้,
อิทะมะโวจะ ภะคะวา อัตตะมะนา เต ภิกขู. ภิกษุเหล่านี้มีใจยินดี,
ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุนติ. เพลิดเพลินนักซึ่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยประการฉะนี้แลฯ,