ส่วนตัวแล้วผมชอบกิน Sushi แบบดั้งเดิมมากกว่า Fusion หรือ Modern Sushi แบบที่มีมากมายในปัจจุบัน และมีไม่กี่ร้านที่ผมที่สามารถทำ Modern Sushi ได้อร่อยครับ และ 1 ในร้านที่ผมประทับใจอย่างร้านนี้จะอยู่ห่างจากใจกลางโตเกียว มาแถบชิบะ
ส่วนร้านอื่นที่ผมชื่นชอบจะมีร้าน Tenzushi ใน Fukuoka, Yoshino ที่ Nagoya ครับ และ Taheizushi ที่ Kanazawa
ร้านนี้ผมแวะประจำถ้าเกิดอยากจะช้อปปิ้งที่ Mitsui Outlet Park Makuhari ร้านนี้ก็อยู่ไม่ไกลจาก Outlet เดินทางจาก Tokyo Station ประมาณ 50 นาที - 1 ชั่วโมง มีชื่อว่าร้าน Sushiei (寿司栄) ครับ นั่งมาลงสถานี Chiba/Higashi-Chiba Station ก็ได้แล้วต่อ Taxi ประมาณ 1,000-1,200 Yen ผมค่อนข้างประทับใจกับวัตถุดิบ ฝีมือการปั้น และความสามารถในการ mix and match วัตถุดิบต่างๆเป็น Modern Sushi ได้อย่างลงตัว ร้านนี้ติด Top 15 Sushi ในญี่ปุ่นทางเวปไซต์ Tabelog ด้วยครับ
ผมชอบร้านนี้มากทั้งในเรื่องของคุณภาพและราคาที่เหมาะสม ถ้าจำไม่ผิดร้านนี้ราคา Omakese อยู่ที่ 15,000 - 20,000 Yen สำหรับมื้อเย็น รู้สึกที่ผมสั่งจะเป็นชุด 20,000 Yen ซึ่งราคานี้มีอาหารทั้งหมด 24 ชนิดครับ เรียกได้ว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว และวัตถุดิบที่ให้นั้นก็คุณภาพเยี่ยม แถมจองคิวไม่ยาก เนื่องจากออกจากตัวเมืองพอสมควร แต่ตอนผมไปส่วน counter ก็มีลูกค้าเกือบเต็ม แถมถ้าใครชื่นชอบสาเก ที่นี่จะมี สาเก Kiss of Fire ครับ ที่ขึ้นชื่อในแถบ Ishikawa ซึ่งผมว่าเป็นหนึ่งในสาเกพรีเมี่ยมที่รสชาติดีมากครับ และร้านนี้สามารถจับคู่ Sake กับ Sushi ได้อย่างลงตัวด้วยครับ
ประจำ Counter ครับ
สาเก Kiss of fire ที่ผมชอบมากครับ เป็นสาเกทางแถบภูมิภาค Ishikawa ครับ อยู่แถบตอนเหนือของโตเกียว เป็นสาเก Premium เรียกกันว่า Junmai daiginjo ซึ่งเป็นสาเกคุณภาพสูงของญี่ปุ่น เมล็ดข้าวที่นำมาทำนั้นถูกขัดจนมีน้ำหนักลดลงครึ่งนึง (Rice-Polishing Ratio = 0.5) เป็นสาเกที่ใช้ความพยายามในการบ่มค่อนข้างมากครับ เป็นสาเกที่แนะนำให้กินคู่กับ Sashimi รสชาติจะอยู่ที่ค่อนข้าง Dry หรือเรียกว่า Semi dry มีกลิ่นหอมครับ
อาหาร Otsumami ที่เสิร์ฟมีด้วยกันถึง 11 ชนิดครับ
1. Uni - ไข่หอยเม่น
2. Shirako + Karasumi - เป็นจานที่ผมเริ่มสัมผัสการสร้างสรรค์เมนูของที่นี่ เสปิร์มปลา cod โรยด้วย ไข่ปลากระบอกญี่ปุ่นป่น ทำได้เยี่ยมครับ
3. Shime Saba - ปลาซาบะดอง
4. Kawahagi liver - ตับปลาหน้าวัวสับ
5. Manjudai - หอยตลับยักษ์
หน้าตาของหอยครับ
6. Hotate - หอยเชลล์ ทานคู่กับเกลือที่ป่นละเอียดมากๆ เหมือนน้ำตาล icing บ้านเรา รสไม่เค็มจัดอร่อยครับ
7. Tairagai + Karasumi - ผมค่อนข้างชอบไข่ปลากระบอกญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เมนูนี้นำมาทานคู่กับ หอยกาบญี่ปุ่นครับ
8. Black Truffle + Sturgeon Cavier + Fugu Shirako - จานนี้เป็นจานที่ผมประทับใจที่สุดครับ การนำเอาเห็ดทรัฟเฟิล มาทานคู่กับเสปิร์มของปลาปักเป้าและคาร์เวีย ผมว่ามันเป็นอะไรที่เข้ากันมากๆ กลิ่นโชยของเห็ดทรัฟเฟิล ความมันของเสปิร์มปลาปักเป้าที่ผ่านการย่างส่วนนอกให้กรอบนิดๆ และความเค็มของไข่ปลาคาร์เวีย เข้ากันมากๆครับ
Black Truffle
น่าทานมั้ยครับ
9. Amaebi + Ikura + Uni + Shoyu foam - จานนี้ก็เด็ดครับในการเอากุ้งหวาน ไข่ปลาแซลมอน ไข่หอยเม่น และปรุงด้วยซอส Shoyu แบบโฟม เสียตรงที่ซอสเค็มไปหน่อย ทำรสชาติหายไปบางส่วน
ผมว่าเมนูนี้ ผสมกันหนักไปหน่อยครับ แถมซอสโฟมรสชาติออกเค็มไปครับ
10. Kobakokani - ปูหิมะตัวเมียครับ เป็นเมนูยอดฮิตหน้าหนาวที่ญี่ปุ่น ไข่จะมีทั้งข้างนอกและข้างใน เป็นเมนูที่ผมชอบมากครับ
11. Karasumi + Kani Miso - เนื่องจากเป็นหน้าหนาวครับ เมนูที่ใช้ไข่ปลากระบอกจะค่อนข้างเยอะ อย่างเมนูนี้นำมาทานกับ มันปูก็อร่อยเช่นกันครับ
ในส่วนของ Main course นั้นมีทั้งหมด 13 อย่างด้วยกันครับ
1. Toro + Menegi sushi - เป็นต้นอ่อนของหัวหอมห่อด้วยเนื้อปลาทูน่าส่วนท้องย่างครับ อร่อยมากๆครับคำนี้ ทำให้ผมเริ่มตื่นเต้นกับการนำเสนอ Sushi ที่นี่ครับ
2. Kaki - หอยนางรมญี่ปุ่น ตัวนี้จะมันไม่เยอะครับ เพราะเนื้อค่อนข้างจะไม่อ้วน แต่ผมชอบแบบนี้ รสจะเข้มกว่าแบบตัวใหญ่ๆ ที่ขายทั่วไปครับ
3. Nodoguro sushi - ปลา Blackthroat Seaperch เป็นปลาเนื้อขาวประจำหน้าหนาว จะมีความมันและ Juicy ในตัว เสิร์ฟกับซอสพอนซึในหัวไชเท้าเข้ากันมากๆครับ ที่นี่ทำเป็นแบบย่างหนังนิดๆครับ อร่อยดีครับ แต่ผมเคยทานอีกร้านนึงที่นำไปนึ่งกับสาเก อันนั้นก็อร่อยมากๆครับ
4. Shiroebi sushi - กุ้งขาวเล็กสับ
5. Akagai sushi - หอยแครงญี่ปุ่น ที่นี่ใช้หอยแครงที่มีคุณภาพ สดและกรอบ แถมยังมีวิธีการแล่ที่แปลกไปจากที่อื่นด้วย ดีครับคำนี้
6. Murasaki and Bafun Uni Sushi - ไข่หอยเม่นญี่ปุ่นครับที่นี่จัดให้ทั้งสองชนิดคล้ายๆกับที่ Yoshitake ที่เคยเสนอก่อนหน้า
7. Toro Millefeuille sushi - คำนี้เป็นอีกคำที่ผมประทับใจครับสำหรับที่นี่ครับ ทางร้านจะแล่ปลาทูน่าส่วนท้องบางๆนำมาซ้อนกันหลายๆชั้น เหมือนขนม Millefeuille (มีล์ยเฟย) ของฝรั่งเศสครับ นำเสนอได้ดีมากครับ คำนี้มีอีกที่คือ Sushi Sho Masa ครับ ที่นั่นจะหั่นชิ้นหนากว่าที่นี่ โดยส่วนตัวผมชอบที่นี่มากกว่า
8. Kohada sushi - ปลา Kohada ดองน้ำส้ม ร้านนี้ทำได้มาตรฐานร้านซูชิ high end ทั่วไปครับ แต่ผมว่าตัวปลากระด้างไปนิดนึงครับ
9. Sawara sushi - ปลาอินทรีย์ญี่ปุ่น จานนี้ผมค่อนข้างเฉยๆ คำนี้ผมประทับใจที่ Sushi Minato ที่ Asahikawa มากกว่าที่ แล่เป็นแบบ Millefeuille แถมร้านนั้นเป็นอีกร้านนึงที่ราคายอดเยี่ยม คุ้มค่า
10. Tamago - ไข่หวาน จานนี้ผมค่อนข้างเฉยๆครับ
11. Kegani sushi - เนื้อและมันของปูขน ประทับใจอีกแล้วครับกับความสดของเมนูนี้ ซอสโฟมที่ผมบอกว่าเค็มไปนิด ทำให้รสชาติตกลงไปหน่อยครับ จริงๆแทบไม่ต้องเติมซอส Shoyu เลย แค่รสมันๆหวานๆของมันปู และรสชาติหวานของเนื้อปูก็เพียงพอแล้วครับ
12. Kinmedai soup - ซุปปลาตาเดียว
13. Ankimo Rice - เป็นข้าวหน้าตับของปลาอังโกะ (Monk Fish)
ในส่วนของขนมนั้นมี Gooseberry มาให้ครับผม ซึ่งที่นั่นค่อนข้างถือว่าเป็นผลไม้ชั้นเยี่ยมครับ ผิดจากบ้านเราที่หาได้ค่อนข้างง่าย
โดยรวมแล้วผมคิดว่าถ้าคิดจะไปช้อปปิ้ง Outlet ในแถบ Chiba ร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี รับรองหายเหนื่อยครับสำหรับ 1 day trip ส่วนตัวแล้วผมประทับใจมาก ถ้ากลับไปโตเกียวอีกก็จะไปแวะร้านนี้บ่อยครั้ง ส่วนตัวคิดว่าจองไว้จะดีกว่าครับ เพราะเดินทางไกล และต้องนั่ง counter ครับ เนื่องจากเชฟก็ค่อนข้างคุยเยอะและสนุกด้วยครับ เป็นร้านที่ผมแนะนำจริงๆครับ
รสชาติ: 4.1/5.0
การบริการ: 4.0/5.0
บรรยากาศร้าน: 3.7/5.0
ความคุ้มค่า: 3.8/5.0
ราคา: 15,000 - 20,000 Yen for Omakase Course
Tabelog link:
https://tabelog.com/en/chiba/A1201/A120101/12019424/
Location on Google map:
https://goo.gl/maps/J5gtpYfZCzv
ขอบคุณมากครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้P.S. ติดตามรีวิวอื่นๆได้ทาง http://www.facebook.com/LuxeBelly/ ครับ
[CR] LuxeBelly Review - Sushiei (寿司栄): หนึ่งในร้าน Modern Sushi ที่ติดอันดับ Top 15 Sushi ของญี่ปุ่น โดย Tabelog
ส่วนร้านอื่นที่ผมชื่นชอบจะมีร้าน Tenzushi ใน Fukuoka, Yoshino ที่ Nagoya ครับ และ Taheizushi ที่ Kanazawa
ร้านนี้ผมแวะประจำถ้าเกิดอยากจะช้อปปิ้งที่ Mitsui Outlet Park Makuhari ร้านนี้ก็อยู่ไม่ไกลจาก Outlet เดินทางจาก Tokyo Station ประมาณ 50 นาที - 1 ชั่วโมง มีชื่อว่าร้าน Sushiei (寿司栄) ครับ นั่งมาลงสถานี Chiba/Higashi-Chiba Station ก็ได้แล้วต่อ Taxi ประมาณ 1,000-1,200 Yen ผมค่อนข้างประทับใจกับวัตถุดิบ ฝีมือการปั้น และความสามารถในการ mix and match วัตถุดิบต่างๆเป็น Modern Sushi ได้อย่างลงตัว ร้านนี้ติด Top 15 Sushi ในญี่ปุ่นทางเวปไซต์ Tabelog ด้วยครับ
ผมชอบร้านนี้มากทั้งในเรื่องของคุณภาพและราคาที่เหมาะสม ถ้าจำไม่ผิดร้านนี้ราคา Omakese อยู่ที่ 15,000 - 20,000 Yen สำหรับมื้อเย็น รู้สึกที่ผมสั่งจะเป็นชุด 20,000 Yen ซึ่งราคานี้มีอาหารทั้งหมด 24 ชนิดครับ เรียกได้ว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว และวัตถุดิบที่ให้นั้นก็คุณภาพเยี่ยม แถมจองคิวไม่ยาก เนื่องจากออกจากตัวเมืองพอสมควร แต่ตอนผมไปส่วน counter ก็มีลูกค้าเกือบเต็ม แถมถ้าใครชื่นชอบสาเก ที่นี่จะมี สาเก Kiss of Fire ครับ ที่ขึ้นชื่อในแถบ Ishikawa ซึ่งผมว่าเป็นหนึ่งในสาเกพรีเมี่ยมที่รสชาติดีมากครับ และร้านนี้สามารถจับคู่ Sake กับ Sushi ได้อย่างลงตัวด้วยครับ
ประจำ Counter ครับ
สาเก Kiss of fire ที่ผมชอบมากครับ เป็นสาเกทางแถบภูมิภาค Ishikawa ครับ อยู่แถบตอนเหนือของโตเกียว เป็นสาเก Premium เรียกกันว่า Junmai daiginjo ซึ่งเป็นสาเกคุณภาพสูงของญี่ปุ่น เมล็ดข้าวที่นำมาทำนั้นถูกขัดจนมีน้ำหนักลดลงครึ่งนึง (Rice-Polishing Ratio = 0.5) เป็นสาเกที่ใช้ความพยายามในการบ่มค่อนข้างมากครับ เป็นสาเกที่แนะนำให้กินคู่กับ Sashimi รสชาติจะอยู่ที่ค่อนข้าง Dry หรือเรียกว่า Semi dry มีกลิ่นหอมครับ
อาหาร Otsumami ที่เสิร์ฟมีด้วยกันถึง 11 ชนิดครับ
1. Uni - ไข่หอยเม่น
2. Shirako + Karasumi - เป็นจานที่ผมเริ่มสัมผัสการสร้างสรรค์เมนูของที่นี่ เสปิร์มปลา cod โรยด้วย ไข่ปลากระบอกญี่ปุ่นป่น ทำได้เยี่ยมครับ
3. Shime Saba - ปลาซาบะดอง
4. Kawahagi liver - ตับปลาหน้าวัวสับ
5. Manjudai - หอยตลับยักษ์
หน้าตาของหอยครับ
6. Hotate - หอยเชลล์ ทานคู่กับเกลือที่ป่นละเอียดมากๆ เหมือนน้ำตาล icing บ้านเรา รสไม่เค็มจัดอร่อยครับ
7. Tairagai + Karasumi - ผมค่อนข้างชอบไข่ปลากระบอกญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เมนูนี้นำมาทานคู่กับ หอยกาบญี่ปุ่นครับ
8. Black Truffle + Sturgeon Cavier + Fugu Shirako - จานนี้เป็นจานที่ผมประทับใจที่สุดครับ การนำเอาเห็ดทรัฟเฟิล มาทานคู่กับเสปิร์มของปลาปักเป้าและคาร์เวีย ผมว่ามันเป็นอะไรที่เข้ากันมากๆ กลิ่นโชยของเห็ดทรัฟเฟิล ความมันของเสปิร์มปลาปักเป้าที่ผ่านการย่างส่วนนอกให้กรอบนิดๆ และความเค็มของไข่ปลาคาร์เวีย เข้ากันมากๆครับ
Black Truffle
น่าทานมั้ยครับ
9. Amaebi + Ikura + Uni + Shoyu foam - จานนี้ก็เด็ดครับในการเอากุ้งหวาน ไข่ปลาแซลมอน ไข่หอยเม่น และปรุงด้วยซอส Shoyu แบบโฟม เสียตรงที่ซอสเค็มไปหน่อย ทำรสชาติหายไปบางส่วน
ผมว่าเมนูนี้ ผสมกันหนักไปหน่อยครับ แถมซอสโฟมรสชาติออกเค็มไปครับ
10. Kobakokani - ปูหิมะตัวเมียครับ เป็นเมนูยอดฮิตหน้าหนาวที่ญี่ปุ่น ไข่จะมีทั้งข้างนอกและข้างใน เป็นเมนูที่ผมชอบมากครับ
11. Karasumi + Kani Miso - เนื่องจากเป็นหน้าหนาวครับ เมนูที่ใช้ไข่ปลากระบอกจะค่อนข้างเยอะ อย่างเมนูนี้นำมาทานกับ มันปูก็อร่อยเช่นกันครับ
ในส่วนของ Main course นั้นมีทั้งหมด 13 อย่างด้วยกันครับ
1. Toro + Menegi sushi - เป็นต้นอ่อนของหัวหอมห่อด้วยเนื้อปลาทูน่าส่วนท้องย่างครับ อร่อยมากๆครับคำนี้ ทำให้ผมเริ่มตื่นเต้นกับการนำเสนอ Sushi ที่นี่ครับ
2. Kaki - หอยนางรมญี่ปุ่น ตัวนี้จะมันไม่เยอะครับ เพราะเนื้อค่อนข้างจะไม่อ้วน แต่ผมชอบแบบนี้ รสจะเข้มกว่าแบบตัวใหญ่ๆ ที่ขายทั่วไปครับ
3. Nodoguro sushi - ปลา Blackthroat Seaperch เป็นปลาเนื้อขาวประจำหน้าหนาว จะมีความมันและ Juicy ในตัว เสิร์ฟกับซอสพอนซึในหัวไชเท้าเข้ากันมากๆครับ ที่นี่ทำเป็นแบบย่างหนังนิดๆครับ อร่อยดีครับ แต่ผมเคยทานอีกร้านนึงที่นำไปนึ่งกับสาเก อันนั้นก็อร่อยมากๆครับ
4. Shiroebi sushi - กุ้งขาวเล็กสับ
5. Akagai sushi - หอยแครงญี่ปุ่น ที่นี่ใช้หอยแครงที่มีคุณภาพ สดและกรอบ แถมยังมีวิธีการแล่ที่แปลกไปจากที่อื่นด้วย ดีครับคำนี้
6. Murasaki and Bafun Uni Sushi - ไข่หอยเม่นญี่ปุ่นครับที่นี่จัดให้ทั้งสองชนิดคล้ายๆกับที่ Yoshitake ที่เคยเสนอก่อนหน้า
7. Toro Millefeuille sushi - คำนี้เป็นอีกคำที่ผมประทับใจครับสำหรับที่นี่ครับ ทางร้านจะแล่ปลาทูน่าส่วนท้องบางๆนำมาซ้อนกันหลายๆชั้น เหมือนขนม Millefeuille (มีล์ยเฟย) ของฝรั่งเศสครับ นำเสนอได้ดีมากครับ คำนี้มีอีกที่คือ Sushi Sho Masa ครับ ที่นั่นจะหั่นชิ้นหนากว่าที่นี่ โดยส่วนตัวผมชอบที่นี่มากกว่า
8. Kohada sushi - ปลา Kohada ดองน้ำส้ม ร้านนี้ทำได้มาตรฐานร้านซูชิ high end ทั่วไปครับ แต่ผมว่าตัวปลากระด้างไปนิดนึงครับ
9. Sawara sushi - ปลาอินทรีย์ญี่ปุ่น จานนี้ผมค่อนข้างเฉยๆ คำนี้ผมประทับใจที่ Sushi Minato ที่ Asahikawa มากกว่าที่ แล่เป็นแบบ Millefeuille แถมร้านนั้นเป็นอีกร้านนึงที่ราคายอดเยี่ยม คุ้มค่า
10. Tamago - ไข่หวาน จานนี้ผมค่อนข้างเฉยๆครับ
11. Kegani sushi - เนื้อและมันของปูขน ประทับใจอีกแล้วครับกับความสดของเมนูนี้ ซอสโฟมที่ผมบอกว่าเค็มไปนิด ทำให้รสชาติตกลงไปหน่อยครับ จริงๆแทบไม่ต้องเติมซอส Shoyu เลย แค่รสมันๆหวานๆของมันปู และรสชาติหวานของเนื้อปูก็เพียงพอแล้วครับ
12. Kinmedai soup - ซุปปลาตาเดียว
13. Ankimo Rice - เป็นข้าวหน้าตับของปลาอังโกะ (Monk Fish)
ในส่วนของขนมนั้นมี Gooseberry มาให้ครับผม ซึ่งที่นั่นค่อนข้างถือว่าเป็นผลไม้ชั้นเยี่ยมครับ ผิดจากบ้านเราที่หาได้ค่อนข้างง่าย
โดยรวมแล้วผมคิดว่าถ้าคิดจะไปช้อปปิ้ง Outlet ในแถบ Chiba ร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี รับรองหายเหนื่อยครับสำหรับ 1 day trip ส่วนตัวแล้วผมประทับใจมาก ถ้ากลับไปโตเกียวอีกก็จะไปแวะร้านนี้บ่อยครั้ง ส่วนตัวคิดว่าจองไว้จะดีกว่าครับ เพราะเดินทางไกล และต้องนั่ง counter ครับ เนื่องจากเชฟก็ค่อนข้างคุยเยอะและสนุกด้วยครับ เป็นร้านที่ผมแนะนำจริงๆครับ
รสชาติ: 4.1/5.0
การบริการ: 4.0/5.0
บรรยากาศร้าน: 3.7/5.0
ความคุ้มค่า: 3.8/5.0
ราคา: 15,000 - 20,000 Yen for Omakase Course
Tabelog link: https://tabelog.com/en/chiba/A1201/A120101/12019424/
Location on Google map: https://goo.gl/maps/J5gtpYfZCzv
ขอบคุณมากครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้