ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกาม ตอนที่ 5


             กลับมารีวิวอีกครั้งกับทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพุกามและพิลอูลวิน  ตอนที่  5   หลังจากห่างหายไปนานเนื่องจากงานที่พันรัดตัวบวกกับเดินสายเที่ยวดะทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ตลอด   ช่วงนี้ว่าง ๆ เห็นว่ากระทู้รีวิวเที่ยวพม่าเริ่มไม่ค่อยมีก็เลยรีวิวให้ต่อนะครับ  เผื่อมีท่านใดสนใจอยากตามรอยเที่ยวดะแบบผมบ้าง   กระทู้นี้อาจไม่ถูกใจใครบ้างก็ได้เพราะสไตล์การเที่ยวของผมจะเน้นอยู่ที่เมืองนั้น ๆ นานหน่อยแล้วเจาะลึกชมสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนั้นจนเกือบทั่วนะครับ  โดยในตอนนี้จะเน้นชมโบราณสถานในเมืองพุกามย่านใกล้กับ  New  Bagan   หากใครเป็นนักเที่ยวผู้ชื่นชอบชมโบราณสถานแล้วไม่ว่าโบราณสถานนั้นจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก  มีชื่อเสียงหรือไม่  แสดงว่าคุณมาชมถูกกระทู้แล้วนะครับ  เพราะผมจะเปิดเผยให้เห็นโบราณสถานอื่น ๆ ในเมืองพุกามหลายแห่งที่เพื่อน ๆ ชาวพันทิปยังไม่เคยลงในห้องบลูแพลนเนตให้เพื่อน ๆ ชมกันอย่างจุใจเลยครับ  
             แต่ถ้าใครไม่ได้เป็นคอชอบชมของเก่าแล้วแหละก้อ  คุณก็อาจดูภาพและข้อมูลเผิน ๆ ก็ได้ครับ  เผื่อคุณมีเวลาว่างพอในการเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองพุกามแล้ว  คุณอาจเลือกบรรจุสถานที่ท่องเที่ยวอื่นที่ผมรีวิวใส่ไปเพิ่มเติมทริปของคุณก็ได้นะครับ    กระทู้นี้อาจจะยาวเกินไป  แต่ผมคิดว่าคนที่ต้องการไปเที่ยวเมืองพุกามก็คงต้องการข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้ในการวางแผนเที่ยวนะครับ   ดังนั้นผมจึงรีวิวข้อมูลละเอียดนิดนึงนะครับ  (หากไม่ชอบอย่าว่ากันนะครับ)
             ถ้าพร้อมแล้วก็ไปทำความเข้าใจทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกามของผมก่อนนะครับ  
                               วันแรก   :   เดินทางจากกรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์   และเดินทางต่อไปเมืองพิลอูลวิน  เที่ยวยามเย็นที่เมืองพิลอูลวิน
                               วันที่ 2   :   เที่ยวพิลอูลวิน
                               วันที่ 3   :   เดินทางจากเมืองพิลอูลวินไปเมืองพุกาม  และเที่ยวยามเย็นที่เมืองพุกาม
                               วันที่ 4   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านนยองอู และทางตอนใต้ของเมืองพุกาม
                               วันที่ 5   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม  (Old  Bagan)
                               วันที่ 6   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม  (์New  Bagan)
                               วันที่ 7   :   เที่ยวภูเขาไฟโปปา  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
                               วันที่ 8   :   เดินทางจากเมืองพุกามไปเมืองมัณฑะเลย์  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานในเมืองสกาย
                               วันที่ 9   :   เดินทางกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 6   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม  (์New  Bagan)


               วันนี้ผมออกเดินทางจากโรงแรมสายหน่อยเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่น   9.30  น.  เพราะวันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจฝนตกเทลงมาแต่เช้า  ก่อนจะหยุดตกได้ก็ปาไป  9  โมงกว่าแล้ว   เนี่ยถ้าใครวางแผนจะเที่ยวเมืองพุกามวันนี้วันเดียวมีหวังขาดทุนแน่ ๆ เพราะเริ่มต้นเที่ยวได้ช้า  มาช่วงปลายหน้าฝนก็อย่างนี้หวังอากาศเป็นใจทุกวันได้ยาก    สถานที่แรกที่ขี่  E - bike  ไปเที่ยวชมก็ต่อมาจากเมื่อวานที่จบทริปที่มิงคลาเซดี  วันนี้เที่ยวต่อในย่านใกล้กับเมืองใหม่พุกาม   ขี่รถไปที่แรกคือ  กุบโยคจีที่หมู่บ้านมยิงกาบา (Gu Byauk Gyi)    โบราณสถานที่ชื่อว่า กุบโยคจีนี้มี  2  แห่งนะครับ   แห่งแรกอยู่ใกล้ ๆ กับวิหารอโลพยี   ซึ่งผมก็ได้ไปชมในวันต่อมานะครับ    

               ขี่รถจากโรงแรมที่พักไปราว  8  ก.ม.  ขี่แป๊บเดียวก็ถึง   ขนาดว่าฝนเพิ่งหยุดตกไม่นาน มาถึงก็เจอกรุ๊ปทัวร์จีนลงมาเที่ยวที่นี่  ดูแล้วช่างคึกคักไปด้วยผู้คน  เสียงดังจนวุ่นวายและหาตำแหน่งถ่ายภาพโบราณสถานโดยไม่ติดคนได้ยาก  


โบราณสถานแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่โต   มองจากภายนอกคิดว่าไม่น่าสนใจอะไร  แต่พอได้เข้าไปชมภายในเจติยวิหารแล้ว  กลับพบภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยังค่อนข้างสมบูรณ์มากและงดงามมากแห่งหนึ่งของพุกาม   ถ้าให้ผมเปรียบเทียบภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ไปชมมาทุกแห่งในเมืองพุกาม  ผมว่าที่นี่ภาพจิตรกรรมฝาผนังสมบูรณ์และงดงามมากที่สุดนะครับ  เสียดายว่าเจ้าหน้าที่เข้าไม่ให้ถ่ายภาพจิตรกรรมข้างในนะครับ  เห็นเดินคุมกันแน่นหนาเหลือเกินก็เลยไม่มีภาพจิตรกรรมภายในมาฝากท่านผู้ชมนะครับ   แนะนำว่าใครมาเที่ยวเมืองพุกามควรพกไฟฉายมาด้วยจะดีมาก  เวลาชมภาพจิตรกรรมฝาผนังในเจติยวิหารที่มืด ๆ หรือเวลาปีนบันไดขึ้นไปชมวิวบนวิหารต่าง ๆ จะได้มองเห็น   อย่าคิดว่าอาศัยแสงไฟฉายจาก Smart phone จะช่วยได้นะครับ  เพราะผมก็คิดอย่างนั้นมาก่อนเลยไม่ได้เตรียมมา  สุดท้ายแสงจากโทรศัพท์ก็ยังไม่สว่างเพียงพอในการชมได้   ผมเห็นไกด์ชาวพม่าพกติดตัวกันเกือบทุกคน  มืออาชีพเค้าย่อมรู้ว่าต้องใช้อะไร  เรามือสมัครเล่นเลยพลาด  55555 ..... อมยิ้ม21อมยิ้ม21อมยิ้ม21

เดินดูเจติยวิหารของกุบโยคจีกันดีกว่านะครับ   


อาคารเจติยวิหารของกุบโยคจีสร้างเป็นอาคารทรงยอดศิขรขนาดเล็ก  ภายในอาคารสามารถเดินเข้าไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในได้  ข้างในส่วนใหญ่เขียนวาดเรื่องอดีตพระพุทธเจ้าเป็นภาพยอดฮิตของเค้าเหมือนที่พบในวิหารแห่งอื่น ๆ ในเมืองพุกาม   ต่างกันแค่ที่นี่จะสมบูรณ์และสีสดชัดเจนกว่า   บริเวณตัวอาคารเจติยวิหารก็ยังหลงเหลือลวดลายปูนปั้นให้เราได้ชมกันด้วยนะครับ  

ลวดลายประดับตรงซุ้มหน้าต่างของอาคาร

ลายปูนปั้นกาบบนกาบล่างตรงมุมผนังด้านนอกของอาคารเจติยวิหาร

จากจุดนี้เดินไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับโบราณสถานที่น่าสนใจอีกแห่งมีชื่อว่า  มยาเซดี (Myazedi  Pagoda)   เรียกว่ามาจุดเดียวได้ชมเพิ่มเป็น  2  จุดคุ้มนะครับไม่เสียแรงขี่รถมาไกลจากโรงแรม  


มยาเซดีนับว่าเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของพุกาม  เพราะสถานที่แห่งนี้นักโบราณคดีได้พบจารึกมยาเซดี  ซึ่งเป็นจารึกที่กล่าวถึงการสร้างวัดแห่งนี้   เพื่อน ๆ ฟังแล้วอาจสงสัยว่าแล้วมันจะสำคัญได้อย่างไงใช่ไหมครับ  เพราะเกือบทุกที่เค้าก็ทำจารึกบอกประวัติการสร้างวัดกันทั้งนั้น  

ผมจะเฉลยให้ฟังนะครับ   ที่จารึกหลักนี้มีความสำคัญมากเพราะเปรียบได้กับจารึกโรเชตต้าของอียิปต์ยังไงยังงั้นแหละครับ  เพราะจารึกหลักนี้เป็นกุญแจไขปริศนาให้นักโบราณคดีสามารถถอดความหมายของภาษาพม่าโบราณ (พุกาม) และภาษาพยู (ศรีเกษตร) ได้สำเร็จโดยเทียบกับภาษามอญ  เนื่องจากจารึกหลักนี้สลักข้อความเหมือนกันทั้ง  4  ด้าน  ด้านละภาษากันคือ  ภาษาพม่าโบราณ (พุกาม)  ภาษาพยู (ศรีเกษตร)  ภาษาบาลี และภาษามอญ   ซึ่งจารึกหลักนี้สร้างขึ้นโดยพระดำริของเจ้าชายราชกุมาร  ไปดูหน้าตาของจารึกกันครับว่าเป็นยังไง  

  
จารึกจัดแสดงไว้ในห้องลูกกรงนี้แหละครับ  อยู่ตรงลานวัดหน้าวิหารเลย


ด้านหน้าห้องลูกกรงนี้ก็มีแผ่นป้ายแสดงความสำคัญจารึกมยาเซดี  พร้อมทั้งจารึกหลักนี้ยังได้รับรองว่าเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในฐานะมรดกความทรงจำของโลกจากยูเนสโกด้วยนะครับ   เหมือนจารึกพ่อขุนรามคำแหงของบ้านเราเปรี๊ยบ ประหลาดใจประหลาดใจ


ภายในพื้นที่วัดมยาเซดีก็มีเจดีย์ประธานสีทองที่ตอนนี้กำลังบูรณะซ่อมแซมอยู่   วัดนี้ผ่านการบูรณะจนไม่ค่อยเหลือสภาพของเก่าแล้วนะครับ  ดู ๆ ไปก็มีแต่ของบูรณะใหม่ทั้งนั้น


ด้านข้างวัดก็มีร้านค้าขายของฝากของที่ระลึกด้วยนะครับ  เป็นดัชนีบ่งชี้ว่าที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวเยอะเหมือนกัน ฮิฮิฮิ... อมยิ้ม21อมยิ้ม21อมยิ้ม21


ชมวัดมยาเซดีเสร็จแล้ว  ผมก็ขี่รถไปเที่ยวชมสถานที่แห่งอื่นต่อ   ที่ต่อไปแวะไป  วัดมนูหะ (Manuha  Temple)  


ขี่รถไปไม่กี่อึดใจก็ถึงแล้ว   โบราณสถานในเมืองพุกามนี้ดีอย่างอยู่ใกล้ ๆ กันเลยไม่เสียเวลาขี่รถไปนาน ๆ เหมือนอย่างเมืองยอร์กยากาตาร์ของอินโดนีเซียที่ไปมา  


วัดนี้เป็นวัดยอดฮิตที่ใครมาเที่ยวเมืองพุกามต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง  เนื่องจากวัดนี้มีความเกี่ยวข้องกับประวัติการแผ่ขยายอำนาจของอาณาจักรพุกามไปยังดินแดนอาณาจักรมอญที่อยู่ตอนใต้ของพุกามแถบปากแม่น้ำอิระวดี    ประวัติเค้ากล่าวว่าวัดนี้สร้างโดยพระเจ้ามนูหะ  กษัตริย์ของอาณาจักรมอญแห่งเมืองสะเทิม   พระองค์ท่านทำสงครามพ่ายแพ้พระเจ้าอโนรธาแห่งอาณาจักรพุกามก็เลยถูกนำตัวมาเป็นเชลยพร้อมด้วยพระมเหสีและเชื้อพระวงศ์อยู่ที่หมู่บ้านมยิงกาบาของเมืองพุกาม  


พระองค์ท่านได้สร้างพระพุทธรูปของวัดให้มีขนาดใหญ่คับแน่นเต็มวิหาร  ดูแล้วอึดอัดเพื่อสะท้อนความรู้สึกที่พระองค์อึดอัดคับข้องใจที่ต้องเป็นเชลยอยู่ในดินแดนของศัตรู    เรียกว่าใครมาชมพระพุทธรูปก็ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอึดอัดจริง ๆ เพราะช่องทางเดินลอดระหว่างนิ้วพระพุทธรูปกับผนังแคบจริง ๆ นักท่องเที่ยวอย่างผมเดินแล้วอึดอัดรำคาญครับ  เพราะเดินลำบากต้องต่อคิวกันเดินและถ่ายรูปก็ยากเพราะพื้นที่จำกัดครับ....อมยิ้ม15อมยิ้ม15อมยิ้ม15

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่