ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกาม ตอนที่ 4







                      กระทู้ที่เขียนในตอนนี้จะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องของการเดินทางในวันที่ 5  ที่ผมเที่ยวชมโบราณสถานในเมืองพุกามสไตล์เที่ยวดะแวะไปเรื่อย ๆ  ตามแบบคนชอบดูของเก่า   ในตอนนี้จะเป็นการตะลุยดูโบราณสถานในย่านเมืองเก่าของพุกาม (Old  Bagan)  ซึ่งเป็นย่านที่มีโบราณสถานที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนเมืองพุกามจะต้องแวะไปชมให้ได้    โดยผมจะพาเพื่อน ๆ ร่วมนั่งซ้อนท้ายรถผมไปตระเวนดูโบราณสถานจากย่านนยองอูไปเรื่อย ๆ จนถึงย่านเมืองเก่าพุกามตั้งแต่สายจนจรดเย็นย่ำกันเลยนะครับ    ถ้าใครชอบเที่ยวสไตล์ลุย ๆ ไปดูโบราณสถานไม่เลือกว่าจะสำคัญหรือเป็นโบราณสถานเล็ก ๆ ที่มีผู้เข้าไปเยี่ยมชมน้อยก็แสดงว่าคุณมาถูกกระทู้แล้วนะครับ   เพราะผมจะเปิดเผยให้เห็นโบราณสถานในเมืองพุกามหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยไปกันหรือเพื่อน ๆ ชาวพันทิปไม่เคยลงในห้องบลูแพลนเนตให้ชมอย่างจุใจจนตาแฉะกันไปข้างหนึ่งเลยนะครับ    ถ้าพร้อมแล้วไปทำความรู้จักกับทริปของผมก่อนนะครับ

สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกาม   9  วัน  (วันที่ 19 - 27  ต.ค.  59)  ของผมมีดังนี้ครับ
                               วันแรก   :   เดินทางจากกรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์   และเดินทางต่อไปเมืองพิลอูลวิน  เที่ยวยามเย็นที่เมืองพิลอูลวิน
                               วันที่ 2   :   เที่ยวพิลอูลวิน
                               วันที่ 3   :   เดินทางจากเมืองพิลอูลวินไปเมืองพุกาม  และเที่ยวยามเย็นที่เมืองพุกาม
                               วันที่ 4   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านนยองอู และทางตอนใต้ของเมืองพุกาม
                               วันที่ 5   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม  (Old  Bagan)
                               วันที่ 6   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม  (์New  Bagan)
                               วันที่ 7   :   เที่ยวภูเขาไฟโปปา  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
                               วันที่ 8   :   เดินทางจากเมืองพุกามไปเมืองมัณฑะเลย์  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานในเมืองสกาย
                               วันที่ 9   :   เดินทางกลับกรุงเทพฯ


วันที่ 5   :  เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม  (Old  Bagan)

                                วันนี้ผมออกจากโรงแรมที่พักสายราว  9  โมงกว่า  เช่าขี่รถจักรยานไฟฟ้าขี่ลัดเลาะเที่ยวชมโบราณสถานจากละแวกใกล้เจดีย์ชเวซิกอนไปยังโบราณสถานที่อยู่ในย่านเมืองเก่าของพุกาม   เรียกว่าวันนี้ที่ผมขี่รถไปเที่ยวเป็นย่านที่มีโบราณสถานสำคัญและมีขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายแห่งเรียงรายกันให้ต้องแวะชมกันเป็นเวลานานสองนานเลยครับ    วันนี้ผมจึงเที่ยวเก็บโบราณสถานที่ชมได้น้อยกว่าเมื่อวาน  เพราะแต่ละที่นี่ต้องใช้เวลาเดินดูเดินชมกันนานสักหน่อย    จุดหมายแรกที่พบเดินทางไปชมของวันนี้ก็คือ  วัดถ้ำกยันสิทธา  (Kyanzittha  Umin)   ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักไปราว  2  ก.ม.  ใช้เวลาขี่รถแป๊บเดียวประมาณ  7  นาทีก็ถึงแล้วครับ



ถ้าใครต้องการเดินทางมาเที่ยวชมวัดถ้ำกยันสิทธาต้องสังเกตป้ายสีเหลืองเหมือนในภาพด้านล่างให้ดีนะครับ  เพราะเป็นป้ายบอกทางให้เราเลี้ยวขวาเข้าไปยังโบราณสถาน  (ถ้าเรามาจากย่านนยองอูทางเข้าไปชมโบราณสถานจะอยู่ทางขวามือ  ฝั่งเดียวกับเจดีย์ชเวซิกอน)  โดยอยู่เลยทางเข้าเจดีย์ชเวซิกอนมาเล็กน้อย



ถนนทางเข้าไปชมโบราณสถานแห่งนี้จะเป็นทางดินที่ต้องขี่รถเข้าไปประมาณ  400  เมตรก็จะถึงประตูทางเข้าของโบราณสถานเหมือนในภาพด้านล่าง  ให้จอดรถที่แนวกำแพงของวัดใกล้กับประตูทางเข้าได้เลย



ซุ้มประตูทางเข้าวัดทำเป็นซุ้มโค้งที่เตี้ย  ถ้าใครตัวสูงมากอาจต้องก้มเดินเข้าไปข้างในวัด  เดินลอดซุ้มประตูเข้าไปข้างในจะเจอวิหารวัดถ้ำ



เมื่อเดินลอดซุ้มประตูมาแล้ว  ข้าง ๆ ประตูทางเข้าวัดถ้ำก็จะมีป้ายบอกข้อมูลของโบราณสถานให้นักท่องเที่ยวอ่านก่อนเข้าไปชมได้




วัดถ้ำกยันสิทธา  แม้ชื่อจะมีชื่อของพระเจ้ากยันสิทธา  กษัตริย์ของอาณาจักรพุกาม  แต่นักโบราณคดีเขาก็สันนิษฐานกันว่าโบราณสถานแห่งนี้ไม่น่าจะสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากยันสิทธา  แต่น่าจะสร้างในยุคต้นของอาณาจักรพุกามในสมัยพระเจ้าอโนรธา    



ลักษณะโบราณสถานแห่งนี้สร้างเป็นอาคารเตี้ย ๆ ที่ก่ออิฐอยู่ใต้ดินครึ่งหนึ่งและบนพื้นดินอีกครึ่งหนึ่ง   ส่วนระเบียงทางเดินข้างในอาคารก็แคบและมืดมีลักษณะคล้ายถ้ำ  เข้าใจว่าอาจสร้างไว้เพื่อให้พระสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระได้ใช้ในการปลีกวิเวกนั่งสมาธิกรรมฐาน   หากเพื่อน ๆ คนใดต้องการมาชมวัดถ้ำแห่งนี้ควรพกไฟฉายมาด้วยจะดีกว่า  เพราะข้างในมืดมากจริง ๆ  เสียดายที่ผมลืมพกไฟฉายมาจากเมืองไทยก็เลยต้องใช้แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องเอา



ไฮไลต์ของการชมโบราณสถานแห่งนี้ไม่ได้อยู่ที่มาชมอุโมงค์ถ้ำที่มืดมิดข้างในวิหาร  แต่จุดน่าสนใจของโบราณสถานแห่งนี้ก็คือ  ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ผนังวิหารที่ยังค่อนข้างสมบูรณ์ดีอยู่  แต่น่าเสียดายที่ทางการพม่าเข้าห้ามนักท่องเที่ยวถ่ายรูปภาพเขียนสีเหล่านี้เพราะหวั่นเกรงว่าแสงแฟลตจากกล้องถ่ายรูปจะช่วยทำลายภาพเขียนสีได้   แต่ผมก็แอบถ่ายมาบ้างเพราะเห็นนักท่องเที่ยวฝรั่งที่มาเป็นกรุ๊ป  4 - 5  คนกับไกด์ชาวพม่าก็หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาแอบถ่ายเหมือนกัน  ดีที่ว่าโบราณสถานแห่งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ของทางพม่าเดินสอดส่องดูนักท่องเที่ยวเข้าชมเหมือนโบราณสถานแห่งอื่น ๆ ที่เคยไปชมมาเมื่อวาน




ภาพจิตรกรรมภายในวิหารวัดถ้ำแห่งนี้ส่วนใหญ่วาดเป็นภาพพุทธประวัติ  อดีตพระพุทธเจ้า  รอยพระบาท  และเจดีย์จุฬามณี  แต่ผมว่าฝีมือการวาดยังไม่สวยงามเท่าเจติยวิหารแห่งอื่น ๆ ที่ผมเคยไปชมมาเมื่อวานในย่านตอนใต้ของเมืองพุกามสักเท่าไหร่

ชมวัดถ้ำแห่งนี้เสร็จแล้ว   ผมก็ขี่รถต่อไปชมโบราณสถานแห่งต่อไป  ขี่รถตามถนนบากัน - นยองอูได้เพียงแป๊บเดียวก็เห็นป้ายบอกทางเข้าโบราณสถานอยู่ริมทางด้านขวาของถนน   เรียกว่าผมเห็นป้ายบอกทางเข้าชมโบราณสถานไม่ได้เป็นต้องขี่รถแวะเข้าไปชมสักหน่อยเดี๋ยวจะไม่ได้สไตล์ตะลุยเดี่ยวขี่เที่ยวดะแวะไปเรื่อย ๆ จริงไหมครับ อมยิ้ม15อมยิ้ม15



โบราณสถานที่เป็นเป้าหมายต่อไปที่ผมขี่รถแวะเข้าไปมี  3  แห่งอยู่ติด ๆ กันเลยก็คือ  โบราณสถานที่มีชื่อว่า  ธาจะยอฮิต (Tha Gyar Hit) ธาจะยอโฟน (Tha Gyar Pone)  และลอว์กาจันทอร์  (Lawka Chan Thar)



ถนนทางดินที่เขาไปชมโบราณสถานทั้ง  3  ที่กระจายตัวตั้งอยู่ไม่ห่างไกลกันมาก   ถ้าถามผมว่าอันไหนชื่ออะไรผมก็ตอบไม่ได้นะครับ  เพราะด้านหน้าของโบราณสถานไม่มีป้ายชื่อของโบราณสถานปักบอกไว้อีกที   ไปดูภาพกันครับว่าโบราณสถานกลุ่มนี้เป็นอย่างไงบ้าง




โบราณสถานแห่งแรกในกลุ่มนี้ที่ผมจอดรถแวะดูก็เป็นเจติยวิหารขนาดกลางที่ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์  



แต่ลวดลายประดับผนังด้านนอกของเจติยวิหารหลุดร่วงหายไปเกือบหมดแล้ว




บริเวณข้างในเจติยวิหารปิดล็อคไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชม  เพราะพระพุทธรูปภายในชำรุดเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวเช่นเดียวกัน



แต่ผมก็สอดกล้องถ่ายรูปเข้าไปในตะแกรงเหล็กที่เข้ากั้นไม่ให้เข้าชมภายในวิหาร  เห็นว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างเป็นพระองค์ใหญ่ที่บริเวณพระนาภี (ท้อง) ขององค์พระกลับมีพระพุทธรูปองค์เล็กสร้างไว้อยู่ภายในด้วย  ดูแล้วประหลาดดีเหมือนกันเพิ่งเคยเจอแบบนี้แห่งแรกที่วัดนี้   เนี่ยถ้าเราไม่สังเกตก็จะไม่เห็นเลยนะครับ



เสร็จจากการชมโบราณสถานแห่งแรกในกลุ่มนี้แล้ว  ผมก็ขี่รถต่อไปชมโบราณสถานที่อยู่ใกล้กันต่อโดยโบราณสถานแห่งนี้สร้างเป็นเจติยวิหารยอดทรงศิขรเหมือนเช่นโบราณสถานกลุ่มแรกเพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่า  แต่ก็น่าเสียดายที่ยอดทรงศิขรได้หักพังลงจากเหตุแผ่นดินไหวไปแล้ว   ถ้ายอดทรงศิขรยังสมบูรณ์ดีอยู่โบราณสถานแห่งนี้ต้องสวยงามดูน่าชมเป็นอย่างมากแน่ ๆ  ข้าง ๆ เจติยวิหารยอดทรงศิขรก็มีเจติยวิหารยอดทรงเจดีย์แบบพุกามแท้ขนาดย่อม ๆ อยู่อีก  1  องค์



ลวดลวยซุ้มเคล็กที่ประดับอยู่บนกรอบประตูทางเข้าเจติยวิหารหลังนี้มีลวดลายที่ละเอียดและยังคงชัดสมบูรณ์มากกว่าโบราณสถานแห่งแรก




ที่ผนังด้านนอกที่ยังปรากฏลวดลายประดับเสาของผนัง  ลวดลายประดับเชิงด้านล่างของหลังคาที่เป็นรูปหน้ากาลคายพวงอุบะ  รวมทั้งลายกาบบนและลายกาบล่างที่เป็นรูปหน้ากาลประดับในกรอบลวดลายสามเหลี่ยมที่ยังคงชัดอยู่มาก



ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบพุกาม



ที่ผนังด้านในของเจติยวิหารปรากฏภาพวาดอดีตพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่  และช่องแสงของหน้าต่างที่เจติยวิหารก็ทำแปลกตาไปจากโบราณสถานแห่งอื่น  โดยเจาะช่องแสงเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กแทน  ไม่ทำเป็นรูปกากบาทที่นิยมทำกัน



ชื่นชมโบราณสถานแห่งที่ 2  ในกลุ่มนี้เสร็จแล้วผมก็ขี่รถต่อไปบนถนนสายบากัน - นยองอูได้เล็กน้อย ก็เลี้ยวซ้ายขี่รถแวะเข้าไปชมโบราณสถานแห่งต่อไปที่มีชื่อเรียกว่า  ชเวเลคทู  (Shwe  Lawe  Too)   ซึ่งอยู่ห่างจากโบราณสถานธาจะยอโฟน (Tha Gyar Pone) ไปเพียงแค่  500  เมตรเท่านั้น



โบราณสถานแห่งนี้สร้างเป็นเจติยวิหารยอดทรงศิขรที่มีขนาดกลาง  แต่ก็ใหญ่กว่ากลุ่มโบราณสถานธาจะยอโฟนที่ไปชมมาเมื่อกี้   เนี่ยถ้าผมไม่ได้ขี่แวะเข้ามาชมโบราณสถานแห่งนี้คงน่าเสียดายแย่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่