ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกาม ตอนที่ 2







                              กระทู้ที่เขียนในตอนนี้เป็นการเที่ยวในเมืองพิลอูลวินเป็นวันที่ 2  นะครับของทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกามทั้งหมด   9   วันของผม     โดยตอนนี้จะไปเที่ยวลุยเมืองพิลอูลวินกันทั้งวันเลย    เมืองที่ใคร ๆ  หลายคนมักมองข้ามคิดแค่ว่ามีอากาศเย็น ๆ และตึกรามบ้านช่องเป็นแบบอังกฤษสวย ๆ เพียงเท่านั้น    แต่แท้จริงแล้วเมืองนี้มีเสน่ห์ให้ค้นหามากกว่าที่คุณคิด  สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้ก็มีอยู่มากมายทั้งภายในเมืองและนอกเมืองออกไป   เรียกว่าถ้าจะเที่ยวให้ทั่วจริง ๆ ควรมีเวลา  3  วันน่าจะพอดี   โดยในตอนนี้ผมจะพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในและนอกเมืองพิลอูลวินกันครับ    ถ้าพร้อมแล้วทำความรู้จักกับทริปของผมก่อนนะครับ

สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกาม   9  วัน  (วันที่ 19 - 27  ต.ค.  59)  ของผมมีดังนี้ครับ
                               วันแรก   :   เดินทางจากกรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์   และเดินทางต่อไปเมืองพิลอูลวิน  เที่ยวยามเย็นที่เมืองพิลอูลวิน
                               วันที่ 2   :   เที่ยวพิลอูลวิน
                               วันที่ 3   :   เดินทางจากเมืองพิลอูลวินไปเมืองพุกาม  และเที่ยวยามเย็นที่เมืองพุกาม
                               วันที่ 4   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านนยองอู และทางตอนใต้ของเมืองพุกาม
                               วันที่ 5   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม  (Old  Bagan)
                               วันที่ 6   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม  (์New  Bagan)
                               วันที่ 7   :   เที่ยวภูเขาไฟโปปา  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
                               วันที่ 8   :   เดินทางจากเมืองพุกามไปเมืองมัณฑะเลย์  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานในเมืองสกาย
                               วันที่ 9   :   เดินทางกลับกรุงเทพฯ


วันที่ 2   :   เที่ยวพิลอูลวิน

                               วันนี้เช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ต่อจากเมื่อวาน  ออกจากโรงแรมในเวลา  8.30  น.  จุดหมายแรกไปเที่ยวที่ใกล้ ๆ ก่อนก็คือ  วัดจีน  (Chinese  Temple)  ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักไปเพียง  2  ก.ม.  ขี่รถไปใช้เวลา  5  นาทีก็ถึงแล้ว  



                               วัดจีนแห่งนี้เป็นเพียงวัดจีนเพียงแห่งเดียวภายในเมืองพิลอูลวิน   เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก  ตัววัดตั้งอยู่ทางขวาของริมถนน   ใกล้ ๆ กับโรงแรมกันดักไรก์ (Candacraig  Hotel)   ผมขี่ไปชมวัดนี้ตอนสายก็เห็นเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวพม่ามาชมวัดกันปะปราย   ด้านหน้าประตูทางเข้าวัดจะมีแผงขายดอกไม้เมืองหนาว  ต้นไม้  และผลไม้ต่าง ๆ  เราสามารถนำรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์จอดใกล้ประตูทางเข้าวัดได้เลยนะครับ

ประตูทางเข้าวัดจีน   มุมนี้ถ่ายจากในวัดเห็นถนนหน้าประตูทางเข้าวัด

  

เดินจากประตูวัดเข้ามา  จะเจอรูปปั้นพระสังกัจจายน์องค์สีขาวประทับนั่ง  ด้านซ้ายจะเป็นเก๋งจีนและเจดีย์ทรงถะที่สูงตระหง่าน  ด้านหน้าที่จะเป็นวิหารของวัด



เดินเข้ามาในวัดจะเจอกับวิหาร  ซึ่งหน้าวิหารมีรูปปั้นสิงโตสีขาวขนาดใหญ่อยู่ทั้ง  2  ด้าน  และมีเสามังกร   ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป  พระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ตามคติความเชื่อแบบจีน  เช่น  เจ้าแม่กวนอิม  พระสังกัจจายน์  พระอรหันต์จี้กง  ซึ่งเป็นเคารพสักการะของคนจีน







ลักษณะพระพุทธรูปของวัดจะสร้างสไตล์แบบพม่า  แต่พระอรหันต์และพระโพธิสัตว์องค์ข้าง ๆ พระพุทธรูปสร้างแบบจีน  

ที่ผนังด้านบนภายในของวิหารมีภาพจิตรกรรมที่เขียนเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ตอนประสูติถึงปรินิพพานโดยเขียนสไตล์แบบพม่า  ไปดูกันครับว่าภาพพุทธประวัติของบ้านเขาจะแตกต่างจากของบ้านเราอย่างไงกันครับ....   ผู้ชาย  




ด้านขวาสุดของภาพก่อนนะครับจะเป็นภาพพุทธประวัติตอนประสูติ   เห็นพระนางสิริมหามายากำลังเหนี่ยวกิ่งต้นสาละภายในสวนลุมพินี  พระนางสิริมหามายาแต่งกายเวอร์ชั่นแบบเจ้าหญิงราชนิกูลพม่า  ถัดว่าเป็นภาพตอนเจ้าชายสิทธัตถะประลองศรสำเร็จศิลปศาสตร์ 108  อย่างจากครูวิศวามิตร    ต่อมาเป็นภาพเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จประพาสในเมืองกบิลพัสด์ุแล้วพบเทวทูตทั้ง 4




ภาพพุทธประวัติตอนเสด็จออกผนวช   ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเมาลีเพื่อออกผนวช   มีนายฉันนะตามเสด็จด้วย




ด้านขวาสุดจะเป็นภาพพุทธประวัติตอนบำเพ็ญทุกรกิริยา   ต่อมาเป็นภาพนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส  และสุดท้ายเป็นภาพเหตุการณ์ก่อนตรัสรู้  มีพญาวัสดีมารยกพลหมู่มารมาขัดขวางพระสิทธัตถะก่อนที่จะตรัสรู้




และสุดท้ายเป็นภาพพุทธประวัติตอนปลงอายุสังขาร และปรินิพพานภายในสาลวโนทยานของกรุงกุสินารา



ผมไหว้สักการะพระพุทธรูปและเหล่าพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ภายในวิหารเสร็จแล้ว  ก็เดินออกมาชมบริเวณรอบ ๆ วัด  ใกล้ประตูทางเข้าบริเวณสระน้ำจะมีรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมและรูปปั้นตัวละครในเรื่องไซอิ๋ว  



ถัดมามีอาคารหนึ่งหลังชั้นเดียวยาวต่อเนื่องกันสีชมพู   มีร้านตั้งอยู่ติดกัน  2  ร้าน   ร้านแรกในภาพด้านล่างก็คือ ร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีสิ่งของต่าง ๆ แบบจีน ๆ  นะครับ    



ถัดมาเป็นร้านให้เช่าชุดแบบจีน  ซึ่งมีทั้งชายและหญิง  และบริการถ่ายภาพกับสถานที่ด้วยครับ  จะได้เข้ากับบรรยากาศเพื่อใครต้องการอยากได้ภาพเป็นที่ระลึกก็มาใช้บริการกันได้   แต่ผมอ่านภาษาพม่าไม่ออกจึงไม่รู้ว่าป้ายที่ติดอยู่หน้าร้านบอกราคาค่าบริการอย่างไง


  

ต่อมาจากอาคารหลังสีชมพูที่เป็นร้านให้เช่าชุดถ่ายรูปก็จะเห็นเจดีย์ทรงถะสูงตระหง่าน   ซึ่งสามารถขึ้นไปข้างบนได้มีบันไดทางขึ้นเพื่อไปชมวิววัดแห่งนี้ได้   แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปชมนะครับ   ใกล้ ๆ กับเจดีย์ทรงถะก็มีสวนดอกไม้  เก๋งจีน  และประตูกั้นฉากอยู่ตั้งในบริเวณใกล้ ๆ กัน







ผมใช้เวลาในการเที่ยวชมวัดจีนเพียง  20  นาทีก็ขี่รถไปเที่ยวชมสถานที่อื่นต่อ   จุดหมายต่อไปจะได้ดูตึกเก่าสีแดงที่เป็นโรงแรมสวยตามสไตล์แบบอังกฤษที่มักเห็นเป็นภาพโชว์เสมอ   เป็นจุดหมายหนึ่งที่ใครมาเที่ยวพิลอูลวินแล้วไม่ควรพลาดชมนะครับ  



แต่รู้สึกตึกเก่าหลังสีแดงสวย ๆ นี้จะอยู่ลึกลับซับซ้อนหน่อยนะครับ  แอบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ทางโค้งเล็ก ๆ ของถนน  ถ้าไม่ทราบก็จะไม่คิดว่าถนนเล็ก ๆ ทางดินนั้นข้างในมีตึกเก่าสวย ๆ ตั้งอยู่ด้วย    เพราะกว่าผมจะหาเจอก็ต้องถามคนในท้องถิ่นในละแวกนั้น   เพราะเราเลี้ยวเข้าซอยของโรงแรมดังกล่าวไม่ถูก   ทางวิ่งเข้าไปถนนก็ไม่ดีเป็นทางดินและเป็นหลุมบ่อมีน้ำขังในหลุมด้วย   จะมีก็แต่พวกคนขับรถม้าที่พานักท่องเที่ยวมาเที่ยวจะทราบดีว่าตึกเก่าหลังนี้อยู่ที่ไหน   เพราะเห็นเขาพานักท่องเที่ยวชาวพม่ามาเที่ยวถ่ายรูปที่ตึกนี้กัน    ผมนั่งถ่ายรูปต้องนานก็ไม่เห็นมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปกันเลย   สงสัยจะไม่รู้เส้นทางเข้าเหมือนผมในตอนแรก    ไปดูความสวยงามของตึกเก่าสีแดงของ โรงแรมกันดักไรก์  (Candacraig  Hotel) หรืออีกชื่อคือ โรงแรมธิริ มเยง  (Thiri  Mํyaing)     กันครับว่าจะสวยงามแค่ไหนฮิฮิ....  อมยิ้ม16อมยิ้ม16อมยิ้ม16


ขี่รถผ่านทางโค้งของถนนทางดินที่อยู่ในซอกเข้ามาจะเจอกับประตูทางเข้าของโรงแรมกันดักไรก์   เจอภาพอย่างงี้รับรองมาไม่ผิดแน่ครับ



ขี่รถวิ่งตามทางเข้าไปถึงตัวอาคารสีแดงของโรงแรมได้เลยครับ   พนักงานที่นี่คงชินเพราะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปตึกนี้กันบ่อย   ผมขี่เข้าไปก็ไม่เห็นพนักงานตัดต้นไม้และเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเขาจะสนใจอะไร  ทำนองอยากมาชมมาถ่ายรูปก็มา  ข้าไม่สนใจรับรู้อะไรหรือหวงห้ามอะไรชมได้ฟรีเต็มที่



เราสามารถขี่รถไปจอดข้างในติดกับตึกสีแดงได้เลยนะครับ   ผมมาก็เห็นมีนักท่องเที่ยวชาวพม่ากำลังถ่ายรูปตึกของโรงแรมกับรถม้าที่จ้างพามาอยู่






มุมตึกเก่าสีแดงใกล้ ๆ ที่หลายคนมักไม่เคยเห็นมุมด้านนี้




คนพม่าก็ชอบมาเที่ยวที่ตึกเก่านี้เหมือนกัน  แต่ผมเจอแค่นักท่องเที่ยวกรุ๊ปนี้ชุดเดียว  ไม่เจอใครเลย  ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมีใครมาแย่งซีนบดบังวิวของเรา

  

รถม้าคู่กับตึกเก่าสีแดงดูเข้ากับบรรยากาศสไตล์วินเทจดีจริง ๆ



มุมด้านหน้าของตึกเก่าเป็นมุมมหาชนที่เรามักเห็นอยู่เสมอในภาพถ่ายโฆษณาการท่องเที่ยวของเมืองพิลอูลวินหรือหนังสือคู่มือท่องเที่ยวก็จะถ่ายมุมนี้กัน   แต่น่าเสียดายตอนผมถ่ายดันมีต้นไม้อะไรก็ไม่รู้มาบังทัศนียภาพการมองตึกได้เห็นเด่นชัดไปซะได้





เสียดายว่าตัวตึกทรุดโทรมไปมาก  สีลอกไปเยอะ  ถ้านำมาบูรณะดี ๆ รับรองว่าจะสวยมากเลยครับ...
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่