กระทู้ที่เขียนในตอนนี้เป็นการเที่ยวในเมืองพิลอูลวินเป็นวันที่ 2 นะครับของทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกามทั้งหมด 9 วันของผม โดยตอนนี้จะไปเที่ยวลุยเมืองพิลอูลวินกันทั้งวันเลย เมืองที่ใคร ๆ หลายคนมักมองข้ามคิดแค่ว่ามีอากาศเย็น ๆ และตึกรามบ้านช่องเป็นแบบอังกฤษสวย ๆ เพียงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเมืองนี้มีเสน่ห์ให้ค้นหามากกว่าที่คุณคิด สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้ก็มีอยู่มากมายทั้งภายในเมืองและนอกเมืองออกไป เรียกว่าถ้าจะเที่ยวให้ทั่วจริง ๆ ควรมีเวลา 3 วันน่าจะพอดี โดยในตอนนี้ผมจะพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในและนอกเมืองพิลอูลวินกันครับ ถ้าพร้อมแล้วทำความรู้จักกับทริปของผมก่อนนะครับ
สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกาม 9 วัน (วันที่ 19 - 27 ต.ค. 59) ของผมมีดังนี้ครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ และเดินทางต่อไปเมืองพิลอูลวิน เที่ยวยามเย็นที่เมืองพิลอูลวิน
วันที่ 2 : เที่ยวพิลอูลวิน
วันที่ 3 : เดินทางจากเมืองพิลอูลวินไปเมืองพุกาม และเที่ยวยามเย็นที่เมืองพุกาม
วันที่ 4 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านนยองอู และทางตอนใต้ของเมืองพุกาม
วันที่ 5 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม (Old Bagan)
วันที่ 6 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม (์New Bagan)
วันที่ 7 : เที่ยวภูเขาไฟโปปา และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
วันที่ 8 : เดินทางจากเมืองพุกามไปเมืองมัณฑะเลย์ และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานในเมืองสกาย
วันที่ 9 : เดินทางกลับกรุงเทพฯ
วันที่ 2 : เที่ยวพิลอูลวิน
วันนี้เช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ต่อจากเมื่อวาน ออกจากโรงแรมในเวลา 8.30 น. จุดหมายแรกไปเที่ยวที่ใกล้ ๆ ก่อนก็คือ
วัดจีน (Chinese Temple) ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักไปเพียง 2 ก.ม. ขี่รถไปใช้เวลา 5 นาทีก็ถึงแล้ว
วัดจีนแห่งนี้เป็นเพียงวัดจีนเพียงแห่งเดียวภายในเมืองพิลอูลวิน เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ตัววัดตั้งอยู่ทางขวาของริมถนน ใกล้ ๆ กับโรงแรมกันดักไรก์ (Candacraig Hotel) ผมขี่ไปชมวัดนี้ตอนสายก็เห็นเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวพม่ามาชมวัดกันปะปราย ด้านหน้าประตูทางเข้าวัดจะมีแผงขายดอกไม้เมืองหนาว ต้นไม้ และผลไม้ต่าง ๆ เราสามารถนำรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์จอดใกล้ประตูทางเข้าวัดได้เลยนะครับ
ประตูทางเข้าวัดจีน มุมนี้ถ่ายจากในวัดเห็นถนนหน้าประตูทางเข้าวัด
เดินจากประตูวัดเข้ามา จะเจอรูปปั้นพระสังกัจจายน์องค์สีขาวประทับนั่ง ด้านซ้ายจะเป็นเก๋งจีนและเจดีย์ทรงถะที่สูงตระหง่าน ด้านหน้าที่จะเป็นวิหารของวัด
เดินเข้ามาในวัดจะเจอกับวิหาร ซึ่งหน้าวิหารมีรูปปั้นสิงโตสีขาวขนาดใหญ่อยู่ทั้ง 2 ด้าน และมีเสามังกร ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ตามคติความเชื่อแบบจีน เช่น เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ พระอรหันต์จี้กง ซึ่งเป็นเคารพสักการะของคนจีน
ลักษณะพระพุทธรูปของวัดจะสร้างสไตล์แบบพม่า แต่พระอรหันต์และพระโพธิสัตว์องค์ข้าง ๆ พระพุทธรูปสร้างแบบจีน
ที่ผนังด้านบนภายในของวิหารมีภาพจิตรกรรมที่เขียนเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ตอนประสูติถึงปรินิพพานโดยเขียนสไตล์แบบพม่า ไปดูกันครับว่าภาพพุทธประวัติของบ้านเขาจะแตกต่างจากของบ้านเราอย่างไงกันครับ....
ด้านขวาสุดของภาพก่อนนะครับจะเป็นภาพพุทธประวัติตอนประสูติ เห็นพระนางสิริมหามายากำลังเหนี่ยวกิ่งต้นสาละภายในสวนลุมพินี พระนางสิริมหามายาแต่งกายเวอร์ชั่นแบบเจ้าหญิงราชนิกูลพม่า ถัดว่าเป็นภาพตอนเจ้าชายสิทธัตถะประลองศรสำเร็จศิลปศาสตร์ 108 อย่างจากครูวิศวามิตร ต่อมาเป็นภาพเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จประพาสในเมืองกบิลพัสด์ุแล้วพบเทวทูตทั้ง 4
ภาพพุทธประวัติตอนเสด็จออกผนวช ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเมาลีเพื่อออกผนวช มีนายฉันนะตามเสด็จด้วย
ด้านขวาสุดจะเป็นภาพพุทธประวัติตอนบำเพ็ญทุกรกิริยา ต่อมาเป็นภาพนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส และสุดท้ายเป็นภาพเหตุการณ์ก่อนตรัสรู้ มีพญาวัสดีมารยกพลหมู่มารมาขัดขวางพระสิทธัตถะก่อนที่จะตรัสรู้
และสุดท้ายเป็นภาพพุทธประวัติตอนปลงอายุสังขาร และปรินิพพานภายในสาลวโนทยานของกรุงกุสินารา
ผมไหว้สักการะพระพุทธรูปและเหล่าพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ภายในวิหารเสร็จแล้ว ก็เดินออกมาชมบริเวณรอบ ๆ วัด ใกล้ประตูทางเข้าบริเวณสระน้ำจะมีรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมและรูปปั้นตัวละครในเรื่องไซอิ๋ว
ถัดมามีอาคารหนึ่งหลังชั้นเดียวยาวต่อเนื่องกันสีชมพู มีร้านตั้งอยู่ติดกัน 2 ร้าน ร้านแรกในภาพด้านล่างก็คือ ร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีสิ่งของต่าง ๆ แบบจีน ๆ นะครับ
ถัดมาเป็นร้านให้เช่าชุดแบบจีน ซึ่งมีทั้งชายและหญิง และบริการถ่ายภาพกับสถานที่ด้วยครับ จะได้เข้ากับบรรยากาศเพื่อใครต้องการอยากได้ภาพเป็นที่ระลึกก็มาใช้บริการกันได้ แต่ผมอ่านภาษาพม่าไม่ออกจึงไม่รู้ว่าป้ายที่ติดอยู่หน้าร้านบอกราคาค่าบริการอย่างไง
ต่อมาจากอาคารหลังสีชมพูที่เป็นร้านให้เช่าชุดถ่ายรูปก็จะเห็นเจดีย์ทรงถะสูงตระหง่าน ซึ่งสามารถขึ้นไปข้างบนได้มีบันไดทางขึ้นเพื่อไปชมวิววัดแห่งนี้ได้ แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปชมนะครับ ใกล้ ๆ กับเจดีย์ทรงถะก็มีสวนดอกไม้ เก๋งจีน และประตูกั้นฉากอยู่ตั้งในบริเวณใกล้ ๆ กัน
ผมใช้เวลาในการเที่ยวชมวัดจีนเพียง 20 นาทีก็ขี่รถไปเที่ยวชมสถานที่อื่นต่อ จุดหมายต่อไปจะได้ดูตึกเก่าสีแดงที่เป็นโรงแรมสวยตามสไตล์แบบอังกฤษที่มักเห็นเป็นภาพโชว์เสมอ เป็นจุดหมายหนึ่งที่ใครมาเที่ยวพิลอูลวินแล้วไม่ควรพลาดชมนะครับ
แต่รู้สึกตึกเก่าหลังสีแดงสวย ๆ นี้จะอยู่ลึกลับซับซ้อนหน่อยนะครับ แอบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ทางโค้งเล็ก ๆ ของถนน ถ้าไม่ทราบก็จะไม่คิดว่าถนนเล็ก ๆ ทางดินนั้นข้างในมีตึกเก่าสวย ๆ ตั้งอยู่ด้วย เพราะกว่าผมจะหาเจอก็ต้องถามคนในท้องถิ่นในละแวกนั้น เพราะเราเลี้ยวเข้าซอยของโรงแรมดังกล่าวไม่ถูก ทางวิ่งเข้าไปถนนก็ไม่ดีเป็นทางดินและเป็นหลุมบ่อมีน้ำขังในหลุมด้วย จะมีก็แต่พวกคนขับรถม้าที่พานักท่องเที่ยวมาเที่ยวจะทราบดีว่าตึกเก่าหลังนี้อยู่ที่ไหน เพราะเห็นเขาพานักท่องเที่ยวชาวพม่ามาเที่ยวถ่ายรูปที่ตึกนี้กัน ผมนั่งถ่ายรูปต้องนานก็ไม่เห็นมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปกันเลย สงสัยจะไม่รู้เส้นทางเข้าเหมือนผมในตอนแรก ไปดูความสวยงามของตึกเก่าสีแดงของ
โรงแรมกันดักไรก์ (Candacraig Hotel) หรืออีกชื่อคือ โรงแรมธิริ มเยง (Thiri Mํyaing) กันครับว่าจะสวยงามแค่ไหนฮิฮิ....
ขี่รถผ่านทางโค้งของถนนทางดินที่อยู่ในซอกเข้ามาจะเจอกับประตูทางเข้าของโรงแรมกันดักไรก์ เจอภาพอย่างงี้รับรองมาไม่ผิดแน่ครับ
ขี่รถวิ่งตามทางเข้าไปถึงตัวอาคารสีแดงของโรงแรมได้เลยครับ พนักงานที่นี่คงชินเพราะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปตึกนี้กันบ่อย ผมขี่เข้าไปก็ไม่เห็นพนักงานตัดต้นไม้และเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเขาจะสนใจอะไร ทำนองอยากมาชมมาถ่ายรูปก็มา ข้าไม่สนใจรับรู้อะไรหรือหวงห้ามอะไรชมได้ฟรีเต็มที่
เราสามารถขี่รถไปจอดข้างในติดกับตึกสีแดงได้เลยนะครับ ผมมาก็เห็นมีนักท่องเที่ยวชาวพม่ากำลังถ่ายรูปตึกของโรงแรมกับรถม้าที่จ้างพามาอยู่
มุมตึกเก่าสีแดงใกล้ ๆ ที่หลายคนมักไม่เคยเห็นมุมด้านนี้
คนพม่าก็ชอบมาเที่ยวที่ตึกเก่านี้เหมือนกัน แต่ผมเจอแค่นักท่องเที่ยวกรุ๊ปนี้ชุดเดียว ไม่เจอใครเลย ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมีใครมาแย่งซีนบดบังวิวของเรา
รถม้าคู่กับตึกเก่าสีแดงดูเข้ากับบรรยากาศสไตล์วินเทจดีจริง ๆ
มุมด้านหน้าของตึกเก่าเป็นมุมมหาชนที่เรามักเห็นอยู่เสมอในภาพถ่ายโฆษณาการท่องเที่ยวของเมืองพิลอูลวินหรือหนังสือคู่มือท่องเที่ยวก็จะถ่ายมุมนี้กัน แต่น่าเสียดายตอนผมถ่ายดันมีต้นไม้อะไรก็ไม่รู้มาบังทัศนียภาพการมองตึกได้เห็นเด่นชัดไปซะได้
เสียดายว่าตัวตึกทรุดโทรมไปมาก สีลอกไปเยอะ ถ้านำมาบูรณะดี ๆ รับรองว่าจะสวยมากเลยครับ...
ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกาม ตอนที่ 2
กระทู้ที่เขียนในตอนนี้เป็นการเที่ยวในเมืองพิลอูลวินเป็นวันที่ 2 นะครับของทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกามทั้งหมด 9 วันของผม โดยตอนนี้จะไปเที่ยวลุยเมืองพิลอูลวินกันทั้งวันเลย เมืองที่ใคร ๆ หลายคนมักมองข้ามคิดแค่ว่ามีอากาศเย็น ๆ และตึกรามบ้านช่องเป็นแบบอังกฤษสวย ๆ เพียงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเมืองนี้มีเสน่ห์ให้ค้นหามากกว่าที่คุณคิด สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้ก็มีอยู่มากมายทั้งภายในเมืองและนอกเมืองออกไป เรียกว่าถ้าจะเที่ยวให้ทั่วจริง ๆ ควรมีเวลา 3 วันน่าจะพอดี โดยในตอนนี้ผมจะพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในและนอกเมืองพิลอูลวินกันครับ ถ้าพร้อมแล้วทำความรู้จักกับทริปของผมก่อนนะครับ
สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกาม 9 วัน (วันที่ 19 - 27 ต.ค. 59) ของผมมีดังนี้ครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ และเดินทางต่อไปเมืองพิลอูลวิน เที่ยวยามเย็นที่เมืองพิลอูลวิน
วันที่ 2 : เที่ยวพิลอูลวิน
วันที่ 3 : เดินทางจากเมืองพิลอูลวินไปเมืองพุกาม และเที่ยวยามเย็นที่เมืองพุกาม
วันที่ 4 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านนยองอู และทางตอนใต้ของเมืองพุกาม
วันที่ 5 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม (Old Bagan)
วันที่ 6 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม (์New Bagan)
วันที่ 7 : เที่ยวภูเขาไฟโปปา และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
วันที่ 8 : เดินทางจากเมืองพุกามไปเมืองมัณฑะเลย์ และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานในเมืองสกาย
วันที่ 9 : เดินทางกลับกรุงเทพฯ
วันที่ 2 : เที่ยวพิลอูลวิน
วันนี้เช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ต่อจากเมื่อวาน ออกจากโรงแรมในเวลา 8.30 น. จุดหมายแรกไปเที่ยวที่ใกล้ ๆ ก่อนก็คือ วัดจีน (Chinese Temple) ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักไปเพียง 2 ก.ม. ขี่รถไปใช้เวลา 5 นาทีก็ถึงแล้ว
วัดจีนแห่งนี้เป็นเพียงวัดจีนเพียงแห่งเดียวภายในเมืองพิลอูลวิน เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ตัววัดตั้งอยู่ทางขวาของริมถนน ใกล้ ๆ กับโรงแรมกันดักไรก์ (Candacraig Hotel) ผมขี่ไปชมวัดนี้ตอนสายก็เห็นเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวพม่ามาชมวัดกันปะปราย ด้านหน้าประตูทางเข้าวัดจะมีแผงขายดอกไม้เมืองหนาว ต้นไม้ และผลไม้ต่าง ๆ เราสามารถนำรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์จอดใกล้ประตูทางเข้าวัดได้เลยนะครับ
ประตูทางเข้าวัดจีน มุมนี้ถ่ายจากในวัดเห็นถนนหน้าประตูทางเข้าวัด
เดินจากประตูวัดเข้ามา จะเจอรูปปั้นพระสังกัจจายน์องค์สีขาวประทับนั่ง ด้านซ้ายจะเป็นเก๋งจีนและเจดีย์ทรงถะที่สูงตระหง่าน ด้านหน้าที่จะเป็นวิหารของวัด
เดินเข้ามาในวัดจะเจอกับวิหาร ซึ่งหน้าวิหารมีรูปปั้นสิงโตสีขาวขนาดใหญ่อยู่ทั้ง 2 ด้าน และมีเสามังกร ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ตามคติความเชื่อแบบจีน เช่น เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ พระอรหันต์จี้กง ซึ่งเป็นเคารพสักการะของคนจีน
ลักษณะพระพุทธรูปของวัดจะสร้างสไตล์แบบพม่า แต่พระอรหันต์และพระโพธิสัตว์องค์ข้าง ๆ พระพุทธรูปสร้างแบบจีน
ที่ผนังด้านบนภายในของวิหารมีภาพจิตรกรรมที่เขียนเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ตอนประสูติถึงปรินิพพานโดยเขียนสไตล์แบบพม่า ไปดูกันครับว่าภาพพุทธประวัติของบ้านเขาจะแตกต่างจากของบ้านเราอย่างไงกันครับ....
ด้านขวาสุดของภาพก่อนนะครับจะเป็นภาพพุทธประวัติตอนประสูติ เห็นพระนางสิริมหามายากำลังเหนี่ยวกิ่งต้นสาละภายในสวนลุมพินี พระนางสิริมหามายาแต่งกายเวอร์ชั่นแบบเจ้าหญิงราชนิกูลพม่า ถัดว่าเป็นภาพตอนเจ้าชายสิทธัตถะประลองศรสำเร็จศิลปศาสตร์ 108 อย่างจากครูวิศวามิตร ต่อมาเป็นภาพเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จประพาสในเมืองกบิลพัสด์ุแล้วพบเทวทูตทั้ง 4
ภาพพุทธประวัติตอนเสด็จออกผนวช ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเมาลีเพื่อออกผนวช มีนายฉันนะตามเสด็จด้วย
ด้านขวาสุดจะเป็นภาพพุทธประวัติตอนบำเพ็ญทุกรกิริยา ต่อมาเป็นภาพนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส และสุดท้ายเป็นภาพเหตุการณ์ก่อนตรัสรู้ มีพญาวัสดีมารยกพลหมู่มารมาขัดขวางพระสิทธัตถะก่อนที่จะตรัสรู้
และสุดท้ายเป็นภาพพุทธประวัติตอนปลงอายุสังขาร และปรินิพพานภายในสาลวโนทยานของกรุงกุสินารา
ผมไหว้สักการะพระพุทธรูปและเหล่าพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ภายในวิหารเสร็จแล้ว ก็เดินออกมาชมบริเวณรอบ ๆ วัด ใกล้ประตูทางเข้าบริเวณสระน้ำจะมีรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมและรูปปั้นตัวละครในเรื่องไซอิ๋ว
ถัดมามีอาคารหนึ่งหลังชั้นเดียวยาวต่อเนื่องกันสีชมพู มีร้านตั้งอยู่ติดกัน 2 ร้าน ร้านแรกในภาพด้านล่างก็คือ ร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีสิ่งของต่าง ๆ แบบจีน ๆ นะครับ
ถัดมาเป็นร้านให้เช่าชุดแบบจีน ซึ่งมีทั้งชายและหญิง และบริการถ่ายภาพกับสถานที่ด้วยครับ จะได้เข้ากับบรรยากาศเพื่อใครต้องการอยากได้ภาพเป็นที่ระลึกก็มาใช้บริการกันได้ แต่ผมอ่านภาษาพม่าไม่ออกจึงไม่รู้ว่าป้ายที่ติดอยู่หน้าร้านบอกราคาค่าบริการอย่างไง
ต่อมาจากอาคารหลังสีชมพูที่เป็นร้านให้เช่าชุดถ่ายรูปก็จะเห็นเจดีย์ทรงถะสูงตระหง่าน ซึ่งสามารถขึ้นไปข้างบนได้มีบันไดทางขึ้นเพื่อไปชมวิววัดแห่งนี้ได้ แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปชมนะครับ ใกล้ ๆ กับเจดีย์ทรงถะก็มีสวนดอกไม้ เก๋งจีน และประตูกั้นฉากอยู่ตั้งในบริเวณใกล้ ๆ กัน
ผมใช้เวลาในการเที่ยวชมวัดจีนเพียง 20 นาทีก็ขี่รถไปเที่ยวชมสถานที่อื่นต่อ จุดหมายต่อไปจะได้ดูตึกเก่าสีแดงที่เป็นโรงแรมสวยตามสไตล์แบบอังกฤษที่มักเห็นเป็นภาพโชว์เสมอ เป็นจุดหมายหนึ่งที่ใครมาเที่ยวพิลอูลวินแล้วไม่ควรพลาดชมนะครับ
แต่รู้สึกตึกเก่าหลังสีแดงสวย ๆ นี้จะอยู่ลึกลับซับซ้อนหน่อยนะครับ แอบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ทางโค้งเล็ก ๆ ของถนน ถ้าไม่ทราบก็จะไม่คิดว่าถนนเล็ก ๆ ทางดินนั้นข้างในมีตึกเก่าสวย ๆ ตั้งอยู่ด้วย เพราะกว่าผมจะหาเจอก็ต้องถามคนในท้องถิ่นในละแวกนั้น เพราะเราเลี้ยวเข้าซอยของโรงแรมดังกล่าวไม่ถูก ทางวิ่งเข้าไปถนนก็ไม่ดีเป็นทางดินและเป็นหลุมบ่อมีน้ำขังในหลุมด้วย จะมีก็แต่พวกคนขับรถม้าที่พานักท่องเที่ยวมาเที่ยวจะทราบดีว่าตึกเก่าหลังนี้อยู่ที่ไหน เพราะเห็นเขาพานักท่องเที่ยวชาวพม่ามาเที่ยวถ่ายรูปที่ตึกนี้กัน ผมนั่งถ่ายรูปต้องนานก็ไม่เห็นมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปกันเลย สงสัยจะไม่รู้เส้นทางเข้าเหมือนผมในตอนแรก ไปดูความสวยงามของตึกเก่าสีแดงของ โรงแรมกันดักไรก์ (Candacraig Hotel) หรืออีกชื่อคือ โรงแรมธิริ มเยง (Thiri Mํyaing) กันครับว่าจะสวยงามแค่ไหนฮิฮิ....
ขี่รถผ่านทางโค้งของถนนทางดินที่อยู่ในซอกเข้ามาจะเจอกับประตูทางเข้าของโรงแรมกันดักไรก์ เจอภาพอย่างงี้รับรองมาไม่ผิดแน่ครับ
ขี่รถวิ่งตามทางเข้าไปถึงตัวอาคารสีแดงของโรงแรมได้เลยครับ พนักงานที่นี่คงชินเพราะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปตึกนี้กันบ่อย ผมขี่เข้าไปก็ไม่เห็นพนักงานตัดต้นไม้และเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเขาจะสนใจอะไร ทำนองอยากมาชมมาถ่ายรูปก็มา ข้าไม่สนใจรับรู้อะไรหรือหวงห้ามอะไรชมได้ฟรีเต็มที่
เราสามารถขี่รถไปจอดข้างในติดกับตึกสีแดงได้เลยนะครับ ผมมาก็เห็นมีนักท่องเที่ยวชาวพม่ากำลังถ่ายรูปตึกของโรงแรมกับรถม้าที่จ้างพามาอยู่
มุมตึกเก่าสีแดงใกล้ ๆ ที่หลายคนมักไม่เคยเห็นมุมด้านนี้
คนพม่าก็ชอบมาเที่ยวที่ตึกเก่านี้เหมือนกัน แต่ผมเจอแค่นักท่องเที่ยวกรุ๊ปนี้ชุดเดียว ไม่เจอใครเลย ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมีใครมาแย่งซีนบดบังวิวของเรา
รถม้าคู่กับตึกเก่าสีแดงดูเข้ากับบรรยากาศสไตล์วินเทจดีจริง ๆ
มุมด้านหน้าของตึกเก่าเป็นมุมมหาชนที่เรามักเห็นอยู่เสมอในภาพถ่ายโฆษณาการท่องเที่ยวของเมืองพิลอูลวินหรือหนังสือคู่มือท่องเที่ยวก็จะถ่ายมุมนี้กัน แต่น่าเสียดายตอนผมถ่ายดันมีต้นไม้อะไรก็ไม่รู้มาบังทัศนียภาพการมองตึกได้เห็นเด่นชัดไปซะได้
เสียดายว่าตัวตึกทรุดโทรมไปมาก สีลอกไปเยอะ ถ้านำมาบูรณะดี ๆ รับรองว่าจะสวยมากเลยครับ...