‘ฟ้าลุ่มอิระวดี คืนนี้มีแต่ดาว แจ่มแสงแวววาว’ เพลงนี้ลอยมาไม่ต้องเดาเลยว่าครั้งนี้จะไปเที่ยวที่ไหนกัน
ว่าแล้วก็รวบรวมพลพรรคนักเที่ยวได้ 5 คน นัดหมายไปเยือนพม่ากัน
กายพร้อม ใจพร้อม เงินจัตพร้อม ได้เวลาไป 'มิงกะลาบา..ลั้นลาฮาเฮ' กันแล้วค่ะ ลุย!!
วันที่ 1 :เลาะรอบ ‘มัณฑะเลย์’
เราจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังสนามบินมัณฑะเลย์ราคาคนละ 2,770 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ก็มาถึงแล้วค่ะ
ออกมาด้านหน้าตกลงกันเหมารถ taxi เข้าเมืองในราคาคันละ 20,000 จัต (460 บาท)
เราจองโรงแรม sunny ไว้ราคาห้องคืนละ 13,143 จัต (300 บาท) รวมอาหารเช้าด้วย ดีงามมัณฑะเลย์มากค่ะ
สำรวจภายในห้องโอเคเลย เก็บของเสร็จก็ได้เวลาออกไปลุยกันเมืองกันแล้ว
เราติดต่อทางโรงแรมเพื่อเหมารถเที่ยวในราคา 30,000 จัต (690 บาท) ได้เวลานัดหมาย 'น้องตงตง' คนขับรถของเราในวันนี้
นอกจากจะพาเราเที่ยวแล้ว ยังช่วยอธิบายประวัติความเป็นมาของสถานที่ต่างๆให้เราฟังอีกด้วยนะคะ บอกตรงๆ ว่าหล่อสุด ณ จุดนี้
เริ่มที่แรกนี่เลยค่ะ ‘วิหารชเวนันดอว์ (Shwenandaw Monastery )’ ก่อนเข้าชมซื้อตั๋วก่อนนะคะราคา 10,000 จัต (230 บาท)
บัตรนี้จะมีอายุ 5 วัน ซื้อบัตรครั้งเดียว สามารถไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ที่ระบุไว้ได้เลย
เช่น พระราชวังมัณฑะเลย์, วัดชเวนันดอว์, วัดอทูมาชิ, วัดกุโสดอว์ และวัดสันติมุนีฯ
‘วิหารชเวนันดอว์’ นี้สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง หุ้มด้วยทองคำอีกที แต่ปัจจุบันทองด้านนอกลอกหมดแล้วตามกาลเวลา
แต่ยังคงความงดงาม แฝงฝีมืองานแกะสลักไม้ของช่างพม่าเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน
แสงยามเย็นที่กระทบกับลายไม้ ก่อเกิดแสงเงาที่ชัดเจน มองดูงดงามเต็มไปด้วยมนต์ขลังมากเลยค่ะ
เราเดินต่อมาที่ ‘วัดอทูมาชิ (Atumashi Kyaugdawgyi)’ ตั้งอยู่ใกล้ๆกันเลยค่ะ
วัดนี้มีอายุเก่าแก่สร้างขึ้นก่อน ‘วิหารชเวนันดอว์’ ประมาณ 21 ปี เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฏกของหลวง
ด้านในยังมีองค์พระประดิษฐานอยู่ให้เราได้กราบสักการะขอพรเสริมสิริมงคลกันด้วยนะคะ
ต่อมาคือ ‘วัดกุโสดอว์ (Kuthodaw Pagoda)’ เป็นวัดที่พระเจ้ามินดง ทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5
เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ลงบนหินอ่อนกว่า 729 แผ่น
ถือเป็นวัดที่มีพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในปีเดียวกันกับอทูมาชิ คือปี ค.ศ. 1857 หรือ พ.ศ. 2400
ด้านในจะพบกับพระเจดีย์สีทองอร่าม มีรูปร่างศิลปะเหมือนเจดีย์ชเวชิกองที่พุกาม
หากเดินมาทางด้านซ้าย เราจะพบกับต้นพิกุล ขนาดยักษ์ อายุประมาณ 250 ปี
ชาวพม่ามีความเชื่อว่า หากนำไม้ไปค้ำกิ่งของต้นพิกุลยักษ์ต้นนี้ จะช่วยสะเดาะเคราะห์ต่ออายุให้ยืนยาว
เดินกันจนเพลิน ได้เวลาไปชมพระอาทิตย์ตกกันแล้ว บ๊ายบายจ้ะพ่อหนุ่มน้อย
ใช้เวลาไม่นานเราก็เดินทางมาถึงแล้วค่ะ
‘มัณฑะเลย์ฮิลล์ (Mandalay Hill)’ ที่นี่เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่ตั้งอยู่บน ‘ภูเขามัณฑะเลย์’
เมื่อเข้ามาในบริเวณนี้ต้องถอดรองเท้าด้วยนะคะ เปิดประสบการณ์ถอดรองเท้าขึ้นบันไดเลื่อนกัน มันก็จะเสียวๆ หน่อย
ก่อนเข้าไปภายในต้องซื้อบัตรคนละ 1,000 จัต (22 บาท)
ที่นี่นอกจากจะมีจุดชมวิวแล้ว ด้านบนยังเป็นที่ตั้งของ ‘วัดชูตองพญา’ภายใน มีวิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เราได้ให้สักการะบูชากัน
โดยรอบวิหารจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ ตามความเชื่อของชาวพม่าที่ว่า พระพุทธเจ้ามีทั้งหมด 4 พระองค์
เมื่อออกมาด้านนอกมองดูแสงอาทิตย์ยามเย็นแบบนี้ สาดมากระทบกับตัววิหารที่ถูกประดับด้วยกระจกหลากสีสัน
ทำให้เกิดการสะท้อนแสงออกมา สวยงามมากเลยค่ะ
จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองมัณฑะเลย์ได้เกือบทั้งเมือง
และยังมองเห็น ‘แม่น้ำอิรวดี’ ที่ไหลทอดผ่านตัวเมืองได้อีกด้วยนะคะ
พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแล้ว เหล่านักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเข้าแถวลงลิฟท์กลับกัน แต่สำหรับเรายังค่ะ
หากเรารอให้ค่ำหน่อย จะได้ชมไฟที่เปิดประดับโดยรอบวิหาร
มองดูสวยงามแปลกตา
น่าประทับใจมากเลยค่ะ
กลับเข้าเมืองแล้ว มื้อเย็นนี้เราฝากพุงไว้ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆที่พักชามละ 1,500 จัต (35 บาท)
หนังท้องตึง หนังตาหย่อน วันนี้ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ
[CR] รีวิว ‘พม่า-มัณฑะเลย์-พุกาม’ 4 วัน 3 คืน [มิงกะลาบา..ลั้นลาฮาเฮ]
>> https://www.facebook.com/funmahpahteaw/?modal=admin_todo_tour <<
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้