ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกาม ตอนที่ 6 (ตอนจบ)




                        ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายของกระทู้ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกามกันแล้วนะครับ   ไม่คิดว่าตนเองจะมีความอดทนและมีเวลาในการเขียนกระทู้ได้ยาวนานหลังเดินทางทริปนี้จบไปแล้วถึงครึ่งปี    โดยในตอนนี้จะเป็นเรื่องราวการเที่ยวของผมในวันที่ 7 - 9  นะครับ   
                         กระทู้ตอนนี้อาจจะยาวหน่อยหากทำให้ผู้อ่านเบื่อก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ   ผมคิดว่าไหน ๆ  เราก็เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวคนเดียวแล้ว  การมาเขียนกระทู้รีวิวเพื่อบอกเล่าข้อมูลของสถานที่นั้น ๆ และสภาพแวดล้อมของการเดินทางอย่างละเอียดน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากให้กับผู้เริ่มต้นจะเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่แห่งนั้นหรือเมืองนั้นได้ในครั้งแรกนะครับ   
                         ดังนั้น  หากลักษณะการเขียนกระทู้ยาว ๆ ข้อมูลละเอียดแบบนี้ใครไม่ชอบก็อย่าต่อว่ากันนะครับ   และสไตล์การเที่ยวของผมก็เน้นเที่ยวดะไปเรื่อย ๆ  สถานที่ไหนไม่เคยไปถ้าอยู่ในเส้นทางที่สามารถไปได้ด้วยกันผมก็จะขี่รถไปชม    ในตอนสุดท้ายของทริปนี้จึงเรียกว่าเป็นการเที่ยวเก็บตกสถานที่ที่ยังไม่เคยไปจากทริปมัณฑะเลย์ในครั้งก่อนซะมากกว่านะครับ    ถ้าพร้อมแล้วไปทำความเข้าใจทริปการเดินทางครั้งนี้ของผมกันก่อนนะครับ

สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกาม   9  วัน  (วันที่ 19 - 27  ต.ค.  59)  ของผมมีดังนี้ครับ
                               วันแรก   :   เดินทางจากกรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์   และเดินทางต่อไปเมืองพิลอูลวิน  เที่ยวยามเย็นที่เมืองพิลอูลวิน
                               วันที่ 2   :   เที่ยวพิลอูลวิน
                               วันที่ 3   :   เดินทางจากเมืองพิลอูลวินไปเมืองพุกาม  และเที่ยวยามเย็นที่เมืองพุกาม
                               วันที่ 4   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านนยองอู และทางตอนใต้ของเมืองพุกาม
                               วันที่ 5   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม  (Old  Bagan)
                               วันที่ 6   :   เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม  (์New  Bagan)
                               วันที่ 7   :   เที่ยวภูเขาไฟโปปา  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
                               วันที่ 8   :   เดินทางจากเมืองพุกามไปเมืองมัณฑะเลย์  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานในเมืองสกาย
                               วันที่ 9   :   เดินทางกลับกรุงเทพฯ



วันที่ 7   :   เที่ยวภูเขาไฟโปปา  และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม

                         วันนี่ผมมารอรถตู้พาผมไปเที่ยวภูเขาโปปาอยู่ที่หน้าล็อบบี้ของโรงแรมที่พักราว ๆ  8.30  น.   รอได้สักครู่คนขับรถชาวพม่าพร้อมรถตู้คันนี้ตามภาพด้านล่างเนี่ยแหละครับเค้าก็มารับผมเป็นคนแรกเลยไปขึ้นรถ   แล้วจึงตระเวนไปรับนักท่องเที่ยวฝรั่งอีก  5  คนอีก  3  โรงแรมในย่านนยองอูกับย่าน  New  Bagan  ต่อ


                          เบ็ดเสร็จทั้งคันรถมีนักท่องเที่ยวไปภูเขาโปปาอยู่  6  คนรวมผมด้วย  ผมจึงเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยคนเดียวบนรถคันนี้  นอกนั้นเป็นฝรั่งหมด   ในเมื่อเค้ามารับเราก่อนผมก็จับจองนั่งหน้าคู่กับคนขับเลยจะได้สะดวกในการหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายวิวขณะรถวิ่งผ่านครับ  

ถนนที่รถวิ่งไปภูเขาโปปาจะเป็นถนนราดยางตลอด  เห็นเค้ากำลังทำทางขยายเพิ่มอีกนะครับ


                          รถใช้เวลาวิ่งแค่  1  ช.ม. ครึ่งก็ถึงภูเขาโปปาแล้วนะครับ  เพราะระยะทางไปใกล้มากแค่  50  ก.ม. กว่าเท่านั้นเอง   ระหว่างทางรถจอดแวะให้นักท่องเที่ยวไปดูชาวพม่าเค้าสาธิตการเทียมวัวเพื่อตำข้าว  กับการเคี่ยวน้ำตาลสดมาทำเป็นขนม    นักท่องเที่ยวจะสนใจซื้อขนมหวานที่ทำจากน้ำตาลสดจากที่นี่ที่เค้าทำก็ได้นะครับเค้ามีขาย   รถจอดให้ชมน่าจะประมาณ  20  นาทีก็เดินทางต่อ  

จุดจอดรถเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าห้องน้ำและแวะชมการทำขนมจากน้ำตาลสด


รถนำเที่ยวที่พานักท่องเที่ยวไปชมภูเขาโปปาก็เห็นจอดกันทุกคัน   สงสัยเป็นแพ็คเก็ตของเค้าทุกเจ้าที่พาไปเที่ยวภูเขาโป

ปา
นักท่องเที่ยวฝรั่งอยากลองขึ้นไปยืนบนแป้นหมุนที่เค้านำวัวมาเทียมเพื่อใช้ในการตำข้าวบ้าง


ชาวพม่ากำลังอธิบายวิธีการปีนต้นตาลเพื่อเก็บน้ำตาลสดจากงวงตาลให้นักท่องเที่ยวฝรั่งฟัง


กระทะที่ใช้เคี่ยวน้ำตาลสดเพื่อเอามาทำเป็นขนม


หลังจากจอดแวะพักจุดนี้ได้สักประมาณ  20  นาทีรถก็วิ่งต่อไปภูเขาโปปา   ระหว่างที่รถวิ่งไปเราจะมีหญิงชราชาวพม่าแต่งตัวเก่า ๆ มายืนแบมือขอเงินจากนักท่องเที่ยวอยู่ริมทางทั้ง  2  ฟากฝั่งถนนเลยนะครับ   ไม่ใช่มีแค่  2 - 3  นะครับ     มียาวเป็น  4 - 5  ก.ม. เลยนะครับ  แต่เค้าจะยืนเว้นช่วงกัน  เรียกว่ายืนกันเยอะมาก  สงสัยพวกเค้าคงไม่ทำมาหากินอะไรกัน   วัน ๆ ยืนแบมือขอเศษเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเดียว  เพราะผมก็เห็นตลอดทั้งขาไปและขากลับ   แต่ก็ไม่เห็นจะมีรถคันไหนโยนเศษเงินหรือจอดรถให้เงินพวกเค้าเลยแม้แต่คันเดียวนะครับ


                     รถใช้เวลาวิ่งไม่นานก็ถึง  พอใกล้ถึงทางจะขึ้นเขาลงเขา  โค้งไปโค้งมา  

    
                      พอใกล้ถึงภูเขาโปปา   รถที่พานักท่องเที่ยวก็จะจอดริมทางให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปภูเขาโปปากัน  เพราะจากจุดนี้จะเห็นภูเขาโปปาได้ชัดทั้งลูกอยู่ตรงหน้า    เสียแต่จุดชมวิวตรงนี้จะติดหลังคาของชาวบ้านและเรือนยอดของต้นไม้ที่สูงบดบังนิดหน่อยนะครับ


                      เดินลงมาต้องแย่งตำแหน่งถ่ายภาพกันเลย  เพราะพื้นที่ไม่ได้กว้างและมีโอกาสติดหัวนักท่องเที่ยวที่กำลังถ่ายภาพเหมือนเช่นเราในเฟรมภาพของเราได้ง่ายเลยครับ  


                       ภาพภูเขาโปปาที่ถ่ายจากจุดชมวิวตรงนี้จะเป็นภาพเหมือนด้านล่างนี้แหละครับ...


                       เมื่อทุกคนถ่ายภาพจนพอใจขึ้นรถครบหมดแล้ว   สารถีของเราก็ออกรถขับลงเขาไปด้านล่างตามถนนเพื่อไปจอดรถบริเวณใกล้กับบันไดทางขึ้นภูเขาโปปาให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปยังยอดเขาโปปาได้


ถ้าเจอซุ้มสีแดงนี้แปลว่าถึงทางขึ้นภูเขาโปปาแล้วนะครับ   รถเค้าจะจอดให้นักท่องเที่ยวลงด้านหลังซุ้มสีแดงนี้  


                         รถทุกคันเมื่อจอดส่งนักท่องเที่ยวเสร็จแล้วก็จะต้องก็จอดรถที่ลานจอดรถด้านข้างนะครับ  ก็จะอยู่เลยต่อจากจุดจอดรถส่งคนไปอีกไม่ไกลดังในภาพด้านนี้เนี่ยแหละครับ   ดังนั้นเวลาเราจะขึ้นรถกลับก็จะต้องเดินมาตรงลานจอดรถที่นี่


                          จากจุดลงรถเมื่อสักครู  เดินไปตามทางเรื่อย ๆ ที่ชาวบ้านเค้าเดินไปกันก็จะเจอบันไดทางขึ้นภูเขาโปปาแล้วครับ   สังเกตง่าย ๆ บนทางขึ้นจะมีรูปปั้นช้างสีขาวอยู่นะครับเหมือนในภาพ   แปลว่ามาถูกทางแล้วแน่นอนครับ    ผมก็เดินนำมาคนแรกของคันเลย  พวกฝรั่งเค้าคงงงทางก็เลยเดินตามผมกันต้อย ๆ 555.....


                           คราวนี้ต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดขึ้นเขากันแล้วนะครับ   แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากเลยครับ  เพราะที่นี่เค้าทำบันไดขึ้นดีมาก  ไม่ชันมีราวจับทางขึ้น  มีของฝากที่ระลึกขายและอาหารการกินขายรายทางให้เราเดินชมดูหรือจะแวะทานก็ได้ระหว่างทางขึ้นนะครับ   แถมมีหลังคาคลุมบันไดทางขึ้นด้วยเรียกว่าเดินสบาย ๆ ไม่ร้อนเลย  แถมยังมีห้องน้ำให้บริการเป็นจุด ๆ ระหว่างทางขึ้นด้วย  สะดวกดีจริง ๆ ครับ


ผ่านจากจุดขายของฝากและของกินแล้ว   เราจะเจอกับตู้ใส่รองเท้าแล้วนะครับ  เพราะจากจุดนี้นักท่องเที่ยวและชาวพม่าที่มาบูชานัตทุกคนจะต้องถอดรองเท้าและเดินเท้าเปล่าขึ้นบนยอดเขานะครับ   ที่นี่เค้ามีบริการให้เราใส่รองเท้าในตู้ฟรีไม่เสียเงินนะครับ แต่ถ้าใครอยากบริจาคเงินช่วยเค้าก็ไม่ว่า  มีตู้หยอดเงินตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันนะครับ


                              ยิ่งขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ  ทางจะยิ่งชันแต่ก็เดินไม่ลำบาก  และวิวระหว่างทางก็สวยดีครับ  มองเห็นผืนป่าเขียวขจีที่อยู่รอบ ๆ ภูเขาได้ดี   ภูเขาโปปาเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วมีความสูงอยู่ที่  1,518  เมตรนะครับ  ดังนั้นบันไดทางขึ้นก็ต้องยาวหน่อย

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่