ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายของกระทู้ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกามกันแล้วนะครับ ไม่คิดว่าตนเองจะมีความอดทนและมีเวลาในการเขียนกระทู้ได้ยาวนานหลังเดินทางทริปนี้จบไปแล้วถึงครึ่งปี โดยในตอนนี้จะเป็นเรื่องราวการเที่ยวของผมในวันที่ 7 - 9 นะครับ
กระทู้ตอนนี้อาจจะยาวหน่อยหากทำให้ผู้อ่านเบื่อก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมคิดว่าไหน ๆ เราก็เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวคนเดียวแล้ว การมาเขียนกระทู้รีวิวเพื่อบอกเล่าข้อมูลของสถานที่นั้น ๆ และสภาพแวดล้อมของการเดินทางอย่างละเอียดน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากให้กับผู้เริ่มต้นจะเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่แห่งนั้นหรือเมืองนั้นได้ในครั้งแรกนะครับ
ดังนั้น หากลักษณะการเขียนกระทู้ยาว ๆ ข้อมูลละเอียดแบบนี้ใครไม่ชอบก็อย่าต่อว่ากันนะครับ และสไตล์การเที่ยวของผมก็เน้นเที่ยวดะไปเรื่อย ๆ สถานที่ไหนไม่เคยไปถ้าอยู่ในเส้นทางที่สามารถไปได้ด้วยกันผมก็จะขี่รถไปชม ในตอนสุดท้ายของทริปนี้จึงเรียกว่าเป็นการเที่ยวเก็บตกสถานที่ที่ยังไม่เคยไปจากทริปมัณฑะเลย์ในครั้งก่อนซะมากกว่านะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปทำความเข้าใจทริปการเดินทางครั้งนี้ของผมกันก่อนนะครับ
สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกาม 9 วัน (วันที่ 19 - 27 ต.ค. 59) ของผมมีดังนี้ครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ และเดินทางต่อไปเมืองพิลอูลวิน เที่ยวยามเย็นที่เมืองพิลอูลวิน
วันที่ 2 : เที่ยวพิลอูลวิน
วันที่ 3 : เดินทางจากเมืองพิลอูลวินไปเมืองพุกาม และเที่ยวยามเย็นที่เมืองพุกาม
วันที่ 4 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านนยองอู และทางตอนใต้ของเมืองพุกาม
วันที่ 5 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม (Old Bagan)
วันที่ 6 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม (์New Bagan)
วันที่ 7 : เที่ยวภูเขาไฟโปปา และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
วันที่ 8 : เดินทางจากเมืองพุกามไปเมืองมัณฑะเลย์ และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานในเมืองสกาย
วันที่ 9 : เดินทางกลับกรุงเทพฯ
วันที่ 7 : เที่ยวภูเขาไฟโปปา และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
วันนี่ผมมารอรถตู้พาผมไปเที่ยวภูเขาโปปาอยู่ที่หน้าล็อบบี้ของโรงแรมที่พักราว ๆ 8.30 น. รอได้สักครู่คนขับรถชาวพม่าพร้อมรถตู้คันนี้ตามภาพด้านล่างเนี่ยแหละครับเค้าก็มารับผมเป็นคนแรกเลยไปขึ้นรถ แล้วจึงตระเวนไปรับนักท่องเที่ยวฝรั่งอีก 5 คนอีก 3 โรงแรมในย่านนยองอูกับย่าน New Bagan ต่อ
เบ็ดเสร็จทั้งคันรถมีนักท่องเที่ยวไปภูเขาโปปาอยู่ 6 คนรวมผมด้วย ผมจึงเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยคนเดียวบนรถคันนี้ นอกนั้นเป็นฝรั่งหมด ในเมื่อเค้ามารับเราก่อนผมก็จับจองนั่งหน้าคู่กับคนขับเลยจะได้สะดวกในการหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายวิวขณะรถวิ่งผ่านครับ
ถนนที่รถวิ่งไปภูเขาโปปาจะเป็นถนนราดยางตลอด เห็นเค้ากำลังทำทางขยายเพิ่มอีกนะครับ
รถใช้เวลาวิ่งแค่ 1 ช.ม. ครึ่งก็ถึงภูเขาโปปาแล้วนะครับ เพราะระยะทางไปใกล้มากแค่ 50 ก.ม. กว่าเท่านั้นเอง ระหว่างทางรถจอดแวะให้นักท่องเที่ยวไปดูชาวพม่าเค้าสาธิตการเทียมวัวเพื่อตำข้าว กับการเคี่ยวน้ำตาลสดมาทำเป็นขนม นักท่องเที่ยวจะสนใจซื้อขนมหวานที่ทำจากน้ำตาลสดจากที่นี่ที่เค้าทำก็ได้นะครับเค้ามีขาย รถจอดให้ชมน่าจะประมาณ 20 นาทีก็เดินทางต่อ
จุดจอดรถเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าห้องน้ำและแวะชมการทำขนมจากน้ำตาลสด
รถนำเที่ยวที่พานักท่องเที่ยวไปชมภูเขาโปปาก็เห็นจอดกันทุกคัน สงสัยเป็นแพ็คเก็ตของเค้าทุกเจ้าที่พาไปเที่ยวภูเขาโป
ปา
นักท่องเที่ยวฝรั่งอยากลองขึ้นไปยืนบนแป้นหมุนที่เค้านำวัวมาเทียมเพื่อใช้ในการตำข้าวบ้าง
ชาวพม่ากำลังอธิบายวิธีการปีนต้นตาลเพื่อเก็บน้ำตาลสดจากงวงตาลให้นักท่องเที่ยวฝรั่งฟัง
กระทะที่ใช้เคี่ยวน้ำตาลสดเพื่อเอามาทำเป็นขนม
หลังจากจอดแวะพักจุดนี้ได้สักประมาณ 20 นาทีรถก็วิ่งต่อไปภูเขาโปปา ระหว่างที่รถวิ่งไปเราจะมีหญิงชราชาวพม่าแต่งตัวเก่า ๆ มายืนแบมือขอเงินจากนักท่องเที่ยวอยู่ริมทางทั้ง 2 ฟากฝั่งถนนเลยนะครับ ไม่ใช่มีแค่ 2 - 3 นะครับ มียาวเป็น 4 - 5 ก.ม. เลยนะครับ แต่เค้าจะยืนเว้นช่วงกัน เรียกว่ายืนกันเยอะมาก สงสัยพวกเค้าคงไม่ทำมาหากินอะไรกัน วัน ๆ ยืนแบมือขอเศษเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเดียว เพราะผมก็เห็นตลอดทั้งขาไปและขากลับ แต่ก็ไม่เห็นจะมีรถคันไหนโยนเศษเงินหรือจอดรถให้เงินพวกเค้าเลยแม้แต่คันเดียวนะครับ
รถใช้เวลาวิ่งไม่นานก็ถึง พอใกล้ถึงทางจะขึ้นเขาลงเขา โค้งไปโค้งมา
พอใกล้ถึงภูเขาโปปา รถที่พานักท่องเที่ยวก็จะจอดริมทางให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปภูเขาโปปากัน เพราะจากจุดนี้จะเห็นภูเขาโปปาได้ชัดทั้งลูกอยู่ตรงหน้า เสียแต่จุดชมวิวตรงนี้จะติดหลังคาของชาวบ้านและเรือนยอดของต้นไม้ที่สูงบดบังนิดหน่อยนะครับ
เดินลงมาต้องแย่งตำแหน่งถ่ายภาพกันเลย เพราะพื้นที่ไม่ได้กว้างและมีโอกาสติดหัวนักท่องเที่ยวที่กำลังถ่ายภาพเหมือนเช่นเราในเฟรมภาพของเราได้ง่ายเลยครับ
ภาพภูเขาโปปาที่ถ่ายจากจุดชมวิวตรงนี้จะเป็นภาพเหมือนด้านล่างนี้แหละครับ...
เมื่อทุกคนถ่ายภาพจนพอใจขึ้นรถครบหมดแล้ว สารถีของเราก็ออกรถขับลงเขาไปด้านล่างตามถนนเพื่อไปจอดรถบริเวณใกล้กับบันไดทางขึ้นภูเขาโปปาให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปยังยอดเขาโปปาได้
ถ้าเจอซุ้มสีแดงนี้แปลว่าถึงทางขึ้นภูเขาโปปาแล้วนะครับ รถเค้าจะจอดให้นักท่องเที่ยวลงด้านหลังซุ้มสีแดงนี้
รถทุกคันเมื่อจอดส่งนักท่องเที่ยวเสร็จแล้วก็จะต้องก็จอดรถที่ลานจอดรถด้านข้างนะครับ ก็จะอยู่เลยต่อจากจุดจอดรถส่งคนไปอีกไม่ไกลดังในภาพด้านนี้เนี่ยแหละครับ ดังนั้นเวลาเราจะขึ้นรถกลับก็จะต้องเดินมาตรงลานจอดรถที่นี่
จากจุดลงรถเมื่อสักครู เดินไปตามทางเรื่อย ๆ ที่ชาวบ้านเค้าเดินไปกันก็จะเจอบันไดทางขึ้นภูเขาโปปาแล้วครับ สังเกตง่าย ๆ บนทางขึ้นจะมีรูปปั้นช้างสีขาวอยู่นะครับเหมือนในภาพ แปลว่ามาถูกทางแล้วแน่นอนครับ ผมก็เดินนำมาคนแรกของคันเลย พวกฝรั่งเค้าคงงงทางก็เลยเดินตามผมกันต้อย ๆ 555.....
คราวนี้ต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดขึ้นเขากันแล้วนะครับ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากเลยครับ เพราะที่นี่เค้าทำบันไดขึ้นดีมาก ไม่ชันมีราวจับทางขึ้น มีของฝากที่ระลึกขายและอาหารการกินขายรายทางให้เราเดินชมดูหรือจะแวะทานก็ได้ระหว่างทางขึ้นนะครับ แถมมีหลังคาคลุมบันไดทางขึ้นด้วยเรียกว่าเดินสบาย ๆ ไม่ร้อนเลย แถมยังมีห้องน้ำให้บริการเป็นจุด ๆ ระหว่างทางขึ้นด้วย สะดวกดีจริง ๆ ครับ
ผ่านจากจุดขายของฝากและของกินแล้ว เราจะเจอกับตู้ใส่รองเท้าแล้วนะครับ เพราะจากจุดนี้นักท่องเที่ยวและชาวพม่าที่มาบูชานัตทุกคนจะต้องถอดรองเท้าและเดินเท้าเปล่าขึ้นบนยอดเขานะครับ ที่นี่เค้ามีบริการให้เราใส่รองเท้าในตู้ฟรีไม่เสียเงินนะครับ แต่ถ้าใครอยากบริจาคเงินช่วยเค้าก็ไม่ว่า มีตู้หยอดเงินตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันนะครับ
ยิ่งขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ ทางจะยิ่งชันแต่ก็เดินไม่ลำบาก และวิวระหว่างทางก็สวยดีครับ มองเห็นผืนป่าเขียวขจีที่อยู่รอบ ๆ ภูเขาได้ดี ภูเขาโปปาเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วมีความสูงอยู่ที่ 1,518 เมตรนะครับ ดังนั้นบันไดทางขึ้นก็ต้องยาวหน่อย
ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกาม ตอนที่ 6 (ตอนจบ)
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายของกระทู้ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะพิลอูลวินและพุกามกันแล้วนะครับ ไม่คิดว่าตนเองจะมีความอดทนและมีเวลาในการเขียนกระทู้ได้ยาวนานหลังเดินทางทริปนี้จบไปแล้วถึงครึ่งปี โดยในตอนนี้จะเป็นเรื่องราวการเที่ยวของผมในวันที่ 7 - 9 นะครับ
กระทู้ตอนนี้อาจจะยาวหน่อยหากทำให้ผู้อ่านเบื่อก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมคิดว่าไหน ๆ เราก็เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวคนเดียวแล้ว การมาเขียนกระทู้รีวิวเพื่อบอกเล่าข้อมูลของสถานที่นั้น ๆ และสภาพแวดล้อมของการเดินทางอย่างละเอียดน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากให้กับผู้เริ่มต้นจะเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่แห่งนั้นหรือเมืองนั้นได้ในครั้งแรกนะครับ
ดังนั้น หากลักษณะการเขียนกระทู้ยาว ๆ ข้อมูลละเอียดแบบนี้ใครไม่ชอบก็อย่าต่อว่ากันนะครับ และสไตล์การเที่ยวของผมก็เน้นเที่ยวดะไปเรื่อย ๆ สถานที่ไหนไม่เคยไปถ้าอยู่ในเส้นทางที่สามารถไปได้ด้วยกันผมก็จะขี่รถไปชม ในตอนสุดท้ายของทริปนี้จึงเรียกว่าเป็นการเที่ยวเก็บตกสถานที่ที่ยังไม่เคยไปจากทริปมัณฑะเลย์ในครั้งก่อนซะมากกว่านะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปทำความเข้าใจทริปการเดินทางครั้งนี้ของผมกันก่อนนะครับ
สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองพิลอูลวินและเมืองพุกาม 9 วัน (วันที่ 19 - 27 ต.ค. 59) ของผมมีดังนี้ครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ และเดินทางต่อไปเมืองพิลอูลวิน เที่ยวยามเย็นที่เมืองพิลอูลวิน
วันที่ 2 : เที่ยวพิลอูลวิน
วันที่ 3 : เดินทางจากเมืองพิลอูลวินไปเมืองพุกาม และเที่ยวยามเย็นที่เมืองพุกาม
วันที่ 4 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านนยองอู และทางตอนใต้ของเมืองพุกาม
วันที่ 5 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านเมืองเก่าพุกาม (Old Bagan)
วันที่ 6 : เที่ยวกลุ่มโบราณสถานในย่านใกล้เมืองใหม่พุกาม (์New Bagan)
วันที่ 7 : เที่ยวภูเขาไฟโปปา และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
วันที่ 8 : เดินทางจากเมืองพุกามไปเมืองมัณฑะเลย์ และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานในเมืองสกาย
วันที่ 9 : เดินทางกลับกรุงเทพฯ
วันที่ 7 : เที่ยวภูเขาไฟโปปา และเที่ยวเก็บตกโบราณสถานที่เหลือในเมืองพุกาม
วันนี่ผมมารอรถตู้พาผมไปเที่ยวภูเขาโปปาอยู่ที่หน้าล็อบบี้ของโรงแรมที่พักราว ๆ 8.30 น. รอได้สักครู่คนขับรถชาวพม่าพร้อมรถตู้คันนี้ตามภาพด้านล่างเนี่ยแหละครับเค้าก็มารับผมเป็นคนแรกเลยไปขึ้นรถ แล้วจึงตระเวนไปรับนักท่องเที่ยวฝรั่งอีก 5 คนอีก 3 โรงแรมในย่านนยองอูกับย่าน New Bagan ต่อ
เบ็ดเสร็จทั้งคันรถมีนักท่องเที่ยวไปภูเขาโปปาอยู่ 6 คนรวมผมด้วย ผมจึงเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยคนเดียวบนรถคันนี้ นอกนั้นเป็นฝรั่งหมด ในเมื่อเค้ามารับเราก่อนผมก็จับจองนั่งหน้าคู่กับคนขับเลยจะได้สะดวกในการหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายวิวขณะรถวิ่งผ่านครับ
ถนนที่รถวิ่งไปภูเขาโปปาจะเป็นถนนราดยางตลอด เห็นเค้ากำลังทำทางขยายเพิ่มอีกนะครับ
รถใช้เวลาวิ่งแค่ 1 ช.ม. ครึ่งก็ถึงภูเขาโปปาแล้วนะครับ เพราะระยะทางไปใกล้มากแค่ 50 ก.ม. กว่าเท่านั้นเอง ระหว่างทางรถจอดแวะให้นักท่องเที่ยวไปดูชาวพม่าเค้าสาธิตการเทียมวัวเพื่อตำข้าว กับการเคี่ยวน้ำตาลสดมาทำเป็นขนม นักท่องเที่ยวจะสนใจซื้อขนมหวานที่ทำจากน้ำตาลสดจากที่นี่ที่เค้าทำก็ได้นะครับเค้ามีขาย รถจอดให้ชมน่าจะประมาณ 20 นาทีก็เดินทางต่อ
จุดจอดรถเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าห้องน้ำและแวะชมการทำขนมจากน้ำตาลสด
รถนำเที่ยวที่พานักท่องเที่ยวไปชมภูเขาโปปาก็เห็นจอดกันทุกคัน สงสัยเป็นแพ็คเก็ตของเค้าทุกเจ้าที่พาไปเที่ยวภูเขาโป
ปา
นักท่องเที่ยวฝรั่งอยากลองขึ้นไปยืนบนแป้นหมุนที่เค้านำวัวมาเทียมเพื่อใช้ในการตำข้าวบ้าง
ชาวพม่ากำลังอธิบายวิธีการปีนต้นตาลเพื่อเก็บน้ำตาลสดจากงวงตาลให้นักท่องเที่ยวฝรั่งฟัง
กระทะที่ใช้เคี่ยวน้ำตาลสดเพื่อเอามาทำเป็นขนม
หลังจากจอดแวะพักจุดนี้ได้สักประมาณ 20 นาทีรถก็วิ่งต่อไปภูเขาโปปา ระหว่างที่รถวิ่งไปเราจะมีหญิงชราชาวพม่าแต่งตัวเก่า ๆ มายืนแบมือขอเงินจากนักท่องเที่ยวอยู่ริมทางทั้ง 2 ฟากฝั่งถนนเลยนะครับ ไม่ใช่มีแค่ 2 - 3 นะครับ มียาวเป็น 4 - 5 ก.ม. เลยนะครับ แต่เค้าจะยืนเว้นช่วงกัน เรียกว่ายืนกันเยอะมาก สงสัยพวกเค้าคงไม่ทำมาหากินอะไรกัน วัน ๆ ยืนแบมือขอเศษเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเดียว เพราะผมก็เห็นตลอดทั้งขาไปและขากลับ แต่ก็ไม่เห็นจะมีรถคันไหนโยนเศษเงินหรือจอดรถให้เงินพวกเค้าเลยแม้แต่คันเดียวนะครับ
รถใช้เวลาวิ่งไม่นานก็ถึง พอใกล้ถึงทางจะขึ้นเขาลงเขา โค้งไปโค้งมา
พอใกล้ถึงภูเขาโปปา รถที่พานักท่องเที่ยวก็จะจอดริมทางให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปภูเขาโปปากัน เพราะจากจุดนี้จะเห็นภูเขาโปปาได้ชัดทั้งลูกอยู่ตรงหน้า เสียแต่จุดชมวิวตรงนี้จะติดหลังคาของชาวบ้านและเรือนยอดของต้นไม้ที่สูงบดบังนิดหน่อยนะครับ
เดินลงมาต้องแย่งตำแหน่งถ่ายภาพกันเลย เพราะพื้นที่ไม่ได้กว้างและมีโอกาสติดหัวนักท่องเที่ยวที่กำลังถ่ายภาพเหมือนเช่นเราในเฟรมภาพของเราได้ง่ายเลยครับ
ภาพภูเขาโปปาที่ถ่ายจากจุดชมวิวตรงนี้จะเป็นภาพเหมือนด้านล่างนี้แหละครับ...
เมื่อทุกคนถ่ายภาพจนพอใจขึ้นรถครบหมดแล้ว สารถีของเราก็ออกรถขับลงเขาไปด้านล่างตามถนนเพื่อไปจอดรถบริเวณใกล้กับบันไดทางขึ้นภูเขาโปปาให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปยังยอดเขาโปปาได้
ถ้าเจอซุ้มสีแดงนี้แปลว่าถึงทางขึ้นภูเขาโปปาแล้วนะครับ รถเค้าจะจอดให้นักท่องเที่ยวลงด้านหลังซุ้มสีแดงนี้
รถทุกคันเมื่อจอดส่งนักท่องเที่ยวเสร็จแล้วก็จะต้องก็จอดรถที่ลานจอดรถด้านข้างนะครับ ก็จะอยู่เลยต่อจากจุดจอดรถส่งคนไปอีกไม่ไกลดังในภาพด้านนี้เนี่ยแหละครับ ดังนั้นเวลาเราจะขึ้นรถกลับก็จะต้องเดินมาตรงลานจอดรถที่นี่
จากจุดลงรถเมื่อสักครู เดินไปตามทางเรื่อย ๆ ที่ชาวบ้านเค้าเดินไปกันก็จะเจอบันไดทางขึ้นภูเขาโปปาแล้วครับ สังเกตง่าย ๆ บนทางขึ้นจะมีรูปปั้นช้างสีขาวอยู่นะครับเหมือนในภาพ แปลว่ามาถูกทางแล้วแน่นอนครับ ผมก็เดินนำมาคนแรกของคันเลย พวกฝรั่งเค้าคงงงทางก็เลยเดินตามผมกันต้อย ๆ 555.....
คราวนี้ต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดขึ้นเขากันแล้วนะครับ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากเลยครับ เพราะที่นี่เค้าทำบันไดขึ้นดีมาก ไม่ชันมีราวจับทางขึ้น มีของฝากที่ระลึกขายและอาหารการกินขายรายทางให้เราเดินชมดูหรือจะแวะทานก็ได้ระหว่างทางขึ้นนะครับ แถมมีหลังคาคลุมบันไดทางขึ้นด้วยเรียกว่าเดินสบาย ๆ ไม่ร้อนเลย แถมยังมีห้องน้ำให้บริการเป็นจุด ๆ ระหว่างทางขึ้นด้วย สะดวกดีจริง ๆ ครับ
ผ่านจากจุดขายของฝากและของกินแล้ว เราจะเจอกับตู้ใส่รองเท้าแล้วนะครับ เพราะจากจุดนี้นักท่องเที่ยวและชาวพม่าที่มาบูชานัตทุกคนจะต้องถอดรองเท้าและเดินเท้าเปล่าขึ้นบนยอดเขานะครับ ที่นี่เค้ามีบริการให้เราใส่รองเท้าในตู้ฟรีไม่เสียเงินนะครับ แต่ถ้าใครอยากบริจาคเงินช่วยเค้าก็ไม่ว่า มีตู้หยอดเงินตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันนะครับ
ยิ่งขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ ทางจะยิ่งชันแต่ก็เดินไม่ลำบาก และวิวระหว่างทางก็สวยดีครับ มองเห็นผืนป่าเขียวขจีที่อยู่รอบ ๆ ภูเขาได้ดี ภูเขาโปปาเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วมีความสูงอยู่ที่ 1,518 เมตรนะครับ ดังนั้นบันไดทางขึ้นก็ต้องยาวหน่อย