นิยาย : ริมฝั่งฝัน (รีไรต์) : บทที่ 5



**************************
สวัสดีครับ

ริมฝั่งฝัน เป็นนิยายเบาๆ ไม่โฉ่งฉ่างนะครับ แต่ดำเนินเรื่องอยู่บนความลึกลับซับซ้อน สืบสวนสอบสวนฆาตกรรมอำมหิต ที่ฉาบเคลือบไว้ด้วยความอวลอบของความละมุนละไม  บอกได้ว่ารายละเอียดต่างๆ นั้นล้วนมีผลเอื้ออำนวยให้เรื่องดำเนินและมีผลต่อเหตุผลต่างๆในเรื่องทั้งนั้นเลย  คนเขียนคิดว่านอกจากจะอ่านเบาๆ สบายๆ แล้ว ริมฝั่งฝันน่าจะสนุกถูกใจหลายๆ คนครับผม

ขอบคุณทุกไลค์ ทุกโหวต ทุกความคิดเห็นเช่นเคย ขอบคุณคุณ ลายลิขิต หลงรัก, ป้าทุยบ้านทุ่ง ถูกใจ, turtle_cheesecake ถูกใจ, พวงดารา ถูกใจ, ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด ถูกใจ, กิดาหยัน ถูกใจ, GTW ถูกใจ, เป่าชาง ถูกใจ, ขอบคุณความคิดเห็นของคุณกิดาหยัน คุณลายลิขิตและคุณจีทีดับเบิ้ลยู

ขอบคุณทุกท่านจากใจครับผม

ผมเอง-เพลงเกือบพัน

**************************************************************

บทที่ 5




บึงน้ำทอง  ๒๒.๓๐ น.



    สิงขรว่ายน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อปลดปล่อยพลังร้อนแรงที่ผุดขึ้นอย่างกะทันหัน

ไม่น่าเชื่อว่า เธอจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมาได้ ทั้งที่จดจ้องอยู่เพียงแค่อึดใจเดียว นอกจากจะแปลกหน้าแล้ว เธอยังต้องมีมนตราแปลกประหลาด ไม่เช่นนั้นจะทำให้เขาเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านได้อย่างไร

    เธอบอกว่าอายุตั้งยี่สิบหกปีแล้ว แสดงว่าความไร้เดียงสาที่เผยออกมาให้เห็น ก็ต้องเป็นละครตบตา เขาเลยค่อนข้างมั่นใจว่า การไม่มองคนแต่เพียงเปลือกนอก ยังคงเป็นสิ่งที่ควรจะทำ และเชื่อสนิทใจว่า เธอต้องมีอดีตซับซ้อนอะไรสักอย่างแน่ๆ

    ทว่า... สิงขรไม่แน่ใจเลย สายตาที่ซื่อตรงระคนขี้อายเช่นนั้น เรือนร่างอย่างนั้น จะตามไปรังควานเขาในความฝันอีกนานแค่ไหน

ทั้งที่ตอนแรก เขายังเห็นความหวาดกลัวในแววตาหวานอมโศกคู่นั้น แต่เมื่อกี้ เธอกลับเดินมาหาเขาได้ง่ายๆ เอ่ยทัก ราวกับไว้ใจเขาได้แล้ว

    แต่เธอไม่ได้ทอดสะพานให้สักหน่อย ถึงจะรู้ว่าเขาลอบมองอยู่อย่างไม่วางตาก็ตาม

    สิงขรตัดสินใจ... วิธีที่ดีที่สุดในการจะเข้ามาข้องแวะกับชื่นใจ ก็คือการไม่ต้องข้องเกี่ยวใดๆ กันเลยนั่นละ

    แค่... มิตรภาพ... ก็เพียงพอ

นั่นคือสิ่งที่เขาจะมอบให้กับเธอ

    จะไม่มีอะไรมากกว่านั้น!

จนกว่าจะรู้แน่ชัดว่า เขากำลัง... ยุ่งเกี่ยว... อยู่กับใครกันแน่

    

ตอนที่ชายหนุ่มกลับมาถึงปลายท่าน้ำอีกครั้ง ชื่นใจก็หายไปแล้ว สิงขรไม่แน่ใจว่า ตัวเองโล่งอกหรือผิดหวัง

กองไฟมอดสนิท ทำให้สะพานท่าราชสงวนมืดมิด จนเขาต้องค่อยคลำหาเสื้อผ้าที่ละชิ้น

    ตกลงใจสวมแค่กางเกงยีน กับหอบที่เหลือกระโดดลงริมตลิ่งข้างสะพาน ลุยน้ำไม่ถึงครึ่งแข้งไปเรื่อยๆ เพื่อจะวกกลับไปที่พักของตน

    “ไอ้สิง! ไอ้บ้า! ริจะหาเรื่องใส่ตัวหรือยังไง”

    สิงขรด่าตัวเอง และยิ่งมั่นใจว่า จะต้องอยู่ให้ห่างชื่นใจให้ได้มากที่สุด

มากกว่าตอนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ

มากกว่าตอนที่นั่งอยู่ในครัว

และ... มากกว่าตอนที่ ตนต้องรีบมุดหลบอยู่ใต้เตียง

    เขาตั้งใจแน่วแน่ว่า จะไม่เล่าอะไรให้ฟังอีก เพราะถึงเธอจะดูไร้เดียงสาขนาดไหน แต่ถ้าปู่ศักรินทร์ของเขา ไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุอย่างในรายงานของตำรวจ ก็เธอนั่นละ ที่เป็นผู้ต้องสงสัยรายแรกๆ

    หลังจากตั้งสติได้มากขึ้น สิงขรก็เริ่มปะติดปะต่อข้อมูล ลำดับข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วยเหตุผลอันเหมาะสม

ชื่นใจ ประสานไมตรี? ใครก็ไม่รู้... แต่กลายเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดในการเสียชีวิตของนายศักรินทร์ ราชสงวน

ป้ายทะเบียนรถเก่าขึ้นสนิมนั่น เธออาจไปหยิบมาจากเซียงกงสักแห่ง หรือไม่ก็ขโมยมา และบางที เธอกับยายอาจเป็นคนแถวละแวกนี้ด้วยซ้ำ

    หญิงสาวอาจหาทางตีสนิท หรือเรียกความสงสารจากปู่ศักดิ์ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าชายชรามีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และนิสัยใจคอกว้างขวางขนาดไหน

    ห้าปีที่ผ่านมา ระหว่างที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมท่าน นั่นก็นานพอที่เธอจะโน้มน้าวใจชายสูงอายุผู้โดดเดี่ยว ขอให้ยกบ้านหรือทรัพย์สินอื่นใดให้ และเพราะทนรอให้เขาตายไปเองไม่ไหว จึงต้องหาทางเร่งวันคืน...

    การผลักคนแก่ตัวนิดเดียว ให้ตกลงไปจมน้ำตายอยู่ที่ปลายท่าน้ำบ้านตัวเอง มันจะไปยากอะไร ถึงเธอจะตัวเล็กแค่นั้นก็เถอะ

    สิงขรส่งเสียงในลำคอ เหมือนหัวเราะเยาะความคิดของตัวเอง เขาก้าวขึ้นสู่เรือนหลังน้อยของตน ที่อนุมานมาทั้งหมดนั้น แทบจะเป็นเรื่องไรสาระ

    ชื่นใจกับยายของเธอ ดูอย่างไรๆ ก็ไม่มีท่าทางจะทำได้ แม้กระทั่งการคิดลักเล็กขโมยน้อย

อย่างที่หญิงชราบอกเขานั่นละ ท่าทางของเธอเหมือนจิตรกรช่างฝัน มากกว่าฆาตกรใจโฉด

และเขาเองก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกัน ว่าสหายร่วมแก๊งที่เป็นหญิงชราวัยใกล้ฝั่งเต็มที จะช่วยซิ่งรถตู้ปุโรทั่ง พาหลานสาวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือกฎหมายได้อย่างไร

    ทว่า นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า การตายของนายศักรินทร์ต้องเป็นไปด้วยอุบัติเหตุ กับการที่คนแก่สักคนจะเกิดอาการขาอ่อนหรือหน้ามืดเป็นลม พลัดตกน้ำไปได้ง่ายๆ

...มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในบ้านน้ำทองนี้แน่ๆ อย่างน้อยก็หมู่บ้านรอบบึงน้ำทองนี้ละ


    เบาะแสก็พอมีอยู่ให้เห็น ถ้าปู่ศักของเขาถูกฆาตกรรมจริงๆ ก็หมายความว่า ชายชราอาจไปเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น

เมื่อวานตอนที่เขาเดินสำรวจไปรอบๆ ยังได้กลิ่นคล้ายมีการต้มเหล้าเถื่อน แม้จะหาไม่เห็นว่า ตรงไหนแน่ๆ แต่เรือนไม้  เพิงพัก หรือกระต๊อบ นับสิบๆ หลังรอบๆ บึงที่มีเนื้อที่ร่วมห้าร้อยไร่ ก็ต้องมีหนึ่งในนั้น ที่ใครมาทำอะไรสักอย่างที่ผิดกฎหมาย

    แล้วความคิดที่น่ากลัวกว่าเดิม ก็ผุดขึ้นในใจของสิงขร

    ถ้าพวกนั้นฆ่านายศักรินทร์จริงๆ ชื่นใจกับยายของเธอ ก็อาจเป็นรายต่อไป

    สิงขรลงกลอนประตูบ้านหลังเล็กขนาดห้องเดียวของตน ก้าวผ่านโซฟาตัวยาว เพื่อโหนตัวขึ้นไปนอนบนแผ่นไม้อัดที่พาดไว้บนขื่อใต้หลังคา

เมื่อตอนยังเป็นเด็ก เขาชอบปีนขึ้นมานอนบนนี้ รู้สึกว่ามันเป็นอาณาเขตที่ปลอดภัย เป็นป้อมปราการที่คอยสังเกตเห็นใครก็ตาม ที่อาจจะโผล่ประตูเข้ามา

    แม้ตอนนี้ เขาจะรู้สึกอึดอัดไปบ้าง ด้วยพื้นที่ทั้งหมดไม่ได้พอดีกับร่างกายที่สูงใหญ่ของตนอีกต่อไป แต่สิงขรก็พอใจที่จะนอนบนนี้มากกว่าบนเตียงเหล็กด้านล่าง เพราะสิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนไป จากการขึ้นมานอนบนนี้ก็คือ…

    เขาจะมองเห็นใครก็ตามที่บุกรุกเข้ามา ก่อนที่พวกนั้นจะรู้ตัว

    ในวงอาชีพสิงขร การอย่าให้ใครรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของตนนั่นละ จะทำให้ยังมีชีวิต



    แสงแดดยามสาย เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ปลุกให้หญิงสาวตื่นจนได้ เพราะส่วนใหญ่คือกลิ่นนั่นต่างหาก

    ขนมปังกระเทียมหอมกรุ่น ที่เธอนอนสูดกลิ่นมาพักหนึ่งแล้ว สูดเข้าไปเต็มปอด ให้มันตลบอบอวลอยู่ในความฝัน

ต้องเป็นความฝันแน่ๆ ฝันที่ตกค้างมาจากจินตนาการที่ว่า บ้านใหญ่หลังนี้ แต่ก่อนหรือในวันข้างหน้า จะต้องเป็นร้านขายขนมอบรสเลิศ เสิร์ฟคู่กาแฟ โกโก้ หรือชาร้อนชั้นดี มีลูกค้าเข้ามาเนืองแน่นมิได้ขาด

    แต่กลิ่นหอมๆ ชวนหิวนั้นจริงเกินไป แม้ชื่นใจจะรู้สึกตัวแล้ว มันก็ยังฟุ้งอบอวล ความประหวั่นกังวล ตั้งแต่ก่อนจะผล็อบหลับ พลอยหายไปด้วย

    เมื่อคืน... เธอคิดว่า คงจะต้องตาแข็งไปจนเช้า ด้วยความคิดฟุ้งซ่าน ถึงปู่ศักรินทร์ของนายสิงขร ว่าท่านจะนอนหมดลมหายใจอยู่บนเตียงไหน

แต่พอเอาเข้าจริง ชื่นใจกลับหลับไปได้ง่ายๆ ก่อนจะเริ่มหวาดระแวงหรือกังวลกับสิ่งใดเสียอีก

    ตั้งแต่เรื่องที่ยังไม่รู้ว่า จะหางานอะไรทำ กับความหวังอันน้อยนิดที่จะทำรายได้ให้งอกเงย

รวมทั้งที่อยู่ๆ ก็มีผู้ชายหล่อชะมัด มาแก้ผ้าโดดน้ำให้ดูต่อหน้าต่อตา แล้วก็ว่ายน้ำหายไปเฉยๆ ราวกับภูตผี

แค่นี้เธอก็ดูเหมือนจะมีปัญหาล้นหัว...

    บ้านริมบึงหลังใหญ่เกินไปสำหรับสองคนยายหลาน แม้ประวัติความเป็นมาจะดูอลังการ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวหวังจะได้พบเจอ

มันไม่เหมือนในจดหมาย ที่สำนักงานทนายความเขียนบอกไปเลย

    แต่ก็นั่นละ หญิงสาวคิดว่า คนเราถ้าไม่หวัง ก็คงไม่ต้องมานั่งผิดหวัง

ก็เพราะเธอคิด เธอหวังอย่างนั้นอย่างนี้ไปเอง ก็สมควรแล้วที่จะต้องมารู้สึกว่าอะไรๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจ

    แสงจ้าทำให้ไม่อยากลืมตาขึ้นสู้กับวันใหม่ ชื่นใจลองปรือตามองข้างหนึ่ง ก็เห็นว่ายายเปิดหน้าต่างหมดทุกบาน อากาศจากภายนอกเย็นชื่นฉ่ำ แต่แดดขนาดนี้ อีกสักประเดี๋ยวความเย็นนั้นคงจางหาย

กลิ่นชื้นๆ ของบึงน้ำกว้างใหญ่ ยังคงอวลประสมปนเปอยู่กับกลิ่นขนมปังกระเทียม

ชื่นใจสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตา มันเป็นเสื้อเนื้อหนาที่เวลานี้นุ่มนิ่มราวผ้าสำลี เธอใช้เสื้อตัวนี้แทนเสื้อคลุมก่อนนอนมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย

    ลงบันไดมาด้วยความรู้สึกกึ่งฝันกึ่งจริง เกี่ยวกับขนมปังกระเทียม ถ้าได้กินของโปรดนั่นตั้งแต่มื้อเช้า ก็น่าจะดี

    กลิ่นอับคล้ายอยู่ในถ้ำชื้น ชัดขึ้นเมื่อฉันมาถึงพื้นชั้นล่าง คงเพราะหน้าต่างทุกบานยังถูกไม้แผ่นโตตีปิดสนิท กลิ่นขนมปังกระเทียมคงโชยอ้อมหน้าต่างครัว วกกลับเข้าไปในห้องนอนชั้นบน

    ด้านขวาของบันไดที่เป็นห้องกว้าง ท่าทางเหมือนจะเป็นร้านอาหารเล็กๆ ที่ยังไม่ได้ถูกจัดทำหรือขัดถู

ส่วนด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ ชั้นวาง ตู้กระจก และตู้เย็น ที่ยังไม่มีใครแตะต้อง ยามเช้าเช่นนี้ แสงส่องเข้ามาจากช่องกระจกอีกด้าน ทำให้หญิงสาวชะงักเท้า เมื่อจะเหยียบผ่านเงาประหลาดชวนสยอง

ชื่นใจพยายามบังคับตัวเอง ไม่ให้แหงนมองขึ้นไปตรงต้นตอของเงาร้าย พวกมันคือหัวสัตว์สตัฟฟ์สารพัดชนิด เสือ กระทิง กวาง หมูป่า หรือกระทั่งหัวปลาขนาดยักษ์ ปากหนาตาเหลือกโปน

พอเผลอเหลือบขึ้นไป ก็ต้องมุดหน้างุดเข้าครัว

    ยายไม่สนใจเสียงระบายลมหายใจยาวของเธอเลย ท่านกำลังฮัมเพลง ‘ริมฝั่งน้ำ’ ซึ่งคลับคล้ายจะเหมาะกับบรรยากาศยามเช้าของบ้านริมบึงใหญ่ได้ดีจริง

เมื่อชื่นใจมองห้องครัวอีกครั้งให้เต็มตา ก็เห็นได้ว่า ห้องนี้ตกเป็นของยายไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆ

    ยายคงตื่นก่อนเธอหลายชั่วโมง เพราะสามารถปลดม่านเก่าทั้งหมดลงมาได้ รวมทั้งขัดล้างหน้าต่างทุกบ้านจนใสกระจ่าง เรียงโถแก้วทรงกระบอกสำหรับใส่ของแห้งต่างๆ ไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ

รวมทั้งเปิดประตูหลังไว้เต็มที่ จนแดดส่องแสงเข้ามาสะท้อนพื้นกระเบื้องเคลือบเก่าๆ เป็นประกายระยิบ

    เส้นผมสีเงินของยายขยับไหวไปมา ท่านกำลังโยกศีรษะเพลิดเพลินขณะที่ฮัมเพลงจังหวะคึกคักสนุกสนาน...

        "...ริมฝั่งน้ำ พร่ำเพ้อละเมอครวญ เคยชื่นชวนเมื่อหวนคะนึงไปจิตใจยังชื่นชู...

...แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอเธอยังอยู่ เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือนเตือนใจจำ...

...เธอกับฉัน ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้อะไรไม่เทียมทัน...*"


(มีต่อในคคห.ที่1)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่