นิยาย : ริมฝั่งฝัน (รีไรต์) : บทที่ 3



บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**********************************

สวัสดีครับ

เตรียมหยุดกันยาวๆ เที่ยวสงกรานต์ให้สนุกนะครับ ส่วน ริมฝั่งฝัน และ นางสาป จะทยอยวางเช่นที่เคยๆ ครับผม

ขอบคุณความคิดเห็นจากอ.จีทีดับเบิ้ลยู ขอบคุณทั้งเก้าโหวต และขอบคุณทุกไลค์ จากคุณ Feyolina ถูกใจ, ป้าทุยบ้านทุ่ง ถูกใจ, GTW ถูกใจ, ออมอำพัน ถูกใจ, turtle_cheesecake ถูกใจ, เพ็ญพิชญา ถูกใจ, ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด ถูกใจ, เป่าชาง ถูกใจ

ขอบคุณจากใจครับ


ผมเอง เพลงเกือบพัน

**********************************



ริมฝั่งฝัน
บทที่ 3





๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

๑๖.๐๐ น. ณ บ้านน้ำทอง




สิงขร เหมราช อารมณ์ไม่ดีนักตอนลุยดงต้นสาบเสือและบรรดาพุ่มไม้หนาม เพื่อเข้าสู่เขตบ้านของนายศักรินทร์

เวลาเย็น ในหมู่บ้านเปลี่ยวแทบร้าง ยังมีพวกอาสารักษาความปลอดภัยหมู่บ้านแวะเวียนมาไม่ได้ขาด ทำให้เวลาทุกนาทีมีค่า และเขาเองก็มีเวลาไม่มากนัก ถึงจะมาที่นี้ได้สามวันแล้ว แต่ก็เสียเวลาในการลงพื้นที่ พูดคุยกับชาวบ้านเพื่อสืบหาร่องรอยต่างๆ ที่น่าจะมีหลงเหลือ เขารู้แก่ใจดีว่า ทำไมถึงยังอ้อยอิ่ง ไม่ยอมมุ่งตรงมาที่บ้านหลังนี้

จนกระทั่งตอนนี้

ถึงจะแกล้งทำเป็นไม่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พอก้าวเข้ามาในบ้านของนายศักรินทร์ เขาก็จำเป็นต้องทำใจให้ได้ว่า ชายชรานั้นตายไปแล้ว

นายศักรินทร์ ราชสงวนเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตสิงขรมานานแล้ว ชายชราสอนให้เขาตกปลาตั้งแต่ไม่เต็มห้าขวบ เป็นเพื่อนกับปู่ของเขามายาวนานร่วมสี่สิบปี และเพราะความเป็นเพื่อนสนิทอย่างยิ่งนั้น นายศักรินทร์จึงช่วยเลี้ยงดูพ่อของเขา ร่วมทั้งตัวเขาเองในเวลาต่อมา

เมื่อห้าปีก่อน ตอนสิงขรถูกกระสุนจากการปฏิบัติหน้าที่ บ้านของชายชราก็เป็นที่ซ่อนตัว ให้เขาได้หลบพัก รักษาเยี่ยวยาตนเอง โดยมีนายศักรินทร์คอยดูแลอยู่เต็มที่ ตอนนั้นสายเลือดแห่งกะเหรี่ยงรามัญในกายเขา ระอุอุ่นไปด้วยแรงแห่งความสำนึกคุณ

สิงขรเคยยึดถือว่านายศักรินทร์ เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้าย ญาติผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือที่สุด รักและห่วงใยที่สุด การต้องผ่านประตูเข้าไปในห้องนอนของชายชรา อาจเป็นการทำลายความรู้สึกที่ว่า เขายังอยู่ ยังคอยอวยชัยให้พร ทุกครั้งที่ตนแวะมาเยี่ยมเยือน

ชายหนุ่มเคยหวังว่า ไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนไปอีกแล้วในชีวิต มีหน้าที่การงานที่ตนพร้อมจะทุ่มเท มีคนที่เคารพนับถือ มีสถานที่ส่วนตัวไว้สำหรับพักกายพักใจ แต่บัดนี้ ทุกสิ่งกลับเปลี่ยนไป

สิงขรตัดสินใจวกลงมาทางชายบึง การลุยไปตามริมตลิ่งน่าจะง่ายกว่าต้องบุกฝ่าพงอ้อกอแขม ลุยผ่านดงไม้หนามและต้นไม้ใหญ่ที่กั้นอยู่ระหว่างเขตที่ดินของตนกับเขตบ้านของนายศักรินทร์

หากไม่เย็นย่ำลงขนาดนี้ เขาจะอ้อมขึ้นไปทางถนน แต่ลางสังหรณ์บางอย่าง บอกว่าเรื่องราวที่ตนสงสัย จะยิ่งยุ่งยากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ และความยุ่งยากนั้นก็พุ่งตรงเข้ามาแล้ว

สิงขรรู้สึกได้ชัดเจนพอๆ เวลาที่กับคุณปู่ชาวกะเหรี่ยงรามัญของเขา ได้กลิ่นและยินเสียงพายุฝน ที่เพิ่งจะพัดผ่านเข้ามาทางทวายทิศ

สิงขรเลื่อนปืนสั้นคู่กายขึ้นมาเหน็บไว้ในกระเป๋าเสื้อกั๊ก หากก้าวพลัดลงไปในร่องน้ำ ก็ไม่อยากจะพลาดพลั้งให้มันเปียก ถึงตรงเขตที่บ้านของนายศักรินทร์จะเป็นลานกรวดทราย แต่ระหว่างนั้นก็ไม่แน่

ชายหนุ่มสรุปว่า ผ่านลงลุยน้ำจะเป็นการสะดวกและปลอดภัยที่สุด ใช้เวลานิดเดียว ก็มาถึงสะพานไม้ท่าน้ำที่ทอดยาวลึกเข้าไปในบึง ชาวบ้านน้ำทองเรียกสะพานนี้ว่า ‘ท่าราชสงวน’ เขายืดตัวกระโดดเกาะขอบสะพาน โหนตัวขึ้นไปแล้วเหลียวซ้ายแลขวา

จากตรงนี้ ทั่วทั้งบึงจะเห็นได้หากมองมา เขาจึงทำเป็นเดินเรื่อยๆ พลางหวังว่า พวกชาวบ้านรอบๆ คงไม่ได้เห็นอะไรผิดสังเกต นอกจากที่เคยเห็นในสองสามวันที่ผ่านมา นั่นคือคนแปลกหน้าท่าทางเหมือนคนป่าดอย เดินล่องลอยไปมาอยู่รอบบึงใหญ่

ยิ่งสารรูปที่ไม่น่าเข้าใกล้อย่างตอนนี้ กับหนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาสองอาทิตย์ ทำให้ไม่เหลือเค้าของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ที่ลาพักร้อนจากกรุงเทพมาด้วยเหตุผล ‘ธุระส่วนตัว’

ไม่กี่อึดใจต่อมา สิงขร เหมราช ก็สามารถแทรกตัวผ่านบานหน้าต่างห้องครัวเข้ามาได้ มุ่งหน้าเดินขึ้นบันไดชั้นสอง ทั้งบ้านที่เขาเข้านอกออกในมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง บัดนี้กลับให้ความรู้สึกว่า ตนเพิ่งก้าวเข้ามาในที่นี้เป็นครั้งแรก

สภาพรอบตัวที่ผ่านหางตาไปนั้น ราวกับไม่ใช่ห้องโถงสไตล์เมืองหนาวที่คุ้นเคย เตาเหล็กทรงกลมตรงกลางห้องกว้างว่างเปล่า กับตู้เซฟใบสูงแค่เข่าเก่าแก่ ที่ไม่มีใครอื่นใดรู้รหัส และถูกตั้งทิ้งไว้ใช้แทนเก้าอี้ชั่วคราวมานานนักหนา

หน้าหนาวของบ้านน้ำทองนี้หนาวหนัก ชาวตากอากาศที่มาสร้างบ้านไว้ แข่งกันปลูกเป็นแบบบ้านเมืองหนาว จินตนาการไปว่าเป็นวัลเล่ย์กลางหุบเขาในประเทศสวิสเซอร์แลนด์

บ้านของนายศักรินทร์นี้ก็เหมือนกัน ด้วยตั้งใจจะให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน ห้องด้านล่างจึงสร้างไว้โปร่งโล่งกว้างขวาง ก่อเตาผิงแบบยุโรปไว้ด้านหนึ่ง ส่วนด้านใกล้ประตู ทั้งหมดของมุมด้านนี้ จัดเป็นเคาน์เตอร์และชั้นวางสินค้า มีเฟอร์นิเจอร์ที่ดูไม่เข้าชุดกันวางทิ้งไว้ เหมือนรอเวลาให้ใครสักคน มาจัดมันให้เข้าที่เข้าทาง

สิงขรมองเซฟใบเล็กอีกครั้ง เขายิ้มออกมาที่เห็นว่า มันยังถูกปิดสนิทดีอยู่ และไม่มีร่องรอยการเคลื่อนย้ายหรือการพยายามงัดแงะใดๆ เขาจำได้ว่า หน้าหนาวปีหนึ่ง นายศักรินทร์เผลอหลุดปากบอกว่า รหัสของตู้เซฟเป็นตัวเลขวันเดือนปีเกิดของคนคนหนึ่ง

ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่น ที่ใช้เวลาครึ่งค่อนวัน ปลุกปล้ำอยู่กับมัน ด้วยตัวเลขทุกชุดที่นึกออก โดยไม่สนใจรอยยิ้ม เสียงหัวเราะด้วยความขบขันของผู้คนที่แวะเวียนกันเข้ามาซื้อหรือเลือกชมสินค้า ก่อนจะลงเรือพาย ไปลอยเล่นอยู่กลางบึงน้ำ

ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรงๆ เรียกสติของตนเอง ให้กลับมาสู่สถานการณ์ตรงหน้า

...เขาต้องจดจ่ออยู่กับปัญหาตรงนี้

สิงขรแทบกระโจนขึ้นไปเมื่อถึงสองสามขั้นสุดท้าย ชั้นบนเป็นห้องพักที่ไม่มีประตูกั้น ไม่แปลกใจที่มันรกเรื้อไปด้วยหยากไย่และฝุ่นละออง เขาไล่สายตาไปทุกซอกทุกมุม เมื่อตั้งใจขนาดนี้ จะไม่มีอะไรเล็ดรอดสายตาของตนไปได้

เขาอ่านรายงานของพนักงานสอบสวนแล้วอย่างละเอียด ในนั้นบอกว่า นายศักรินทร์ ราชสงวนเสียชีวิตจากการจมน้ำ ไม่ห่างจากสุดปลายท่าน้ำราชสงวนมากนัก แต่ที่เห็นอยู่นี้ มีรอยเท้าของใครบางคนที่เพิ่งเดินผ่านพื้นห้องเข้าไป

อาจเป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกับเขาก็ได้ นั่นคือหาร่องรอยเบาะแสอื่น...

หรือไม่ก็...

พยายามหาทางทำลายหลักฐานอะไรสักอย่าง

มีเสียงรถยนต์ดังแว่วเข้ามา ทำให้ชายหนุ่มต้องขยับไปทางหน้าต่าง มองผ่านผ้าม่านผืนบาง เขาเห็นรถตู้โฟล์คปุโรทั่งสีฟ้าจาง ติดป้ายทะเบียนจังหวัดราชบุรี แล่นโขยกเขยกมาตามถนนหน้าบ้าน...

ต้องเผ่นแล้วสิ! และต้องอย่างเร็วด้วย...

แต่สิงขรยังลังเล

คนขับร่างเล็กๆ นั่นดึงความสนใจของเขาเอาไว้

เธอกระโดดลงจากรถ ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่เด็กวัยรุ่นกะโปโล จนกระทั่งเธอก้าวลงมายืนเต็มตัว ท่ามกลางแสงแดดบ่ายจัด ผมเปียที่ถักและรวบเหน็บไว้ กับชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อเชิ้ตที่ปล่อยชายลงมาจนปิดก้นได้มิดนั้น ไม่ได้อำพรางเธอได้จากการที่เขาเห็นชัดๆ แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เติบโตได้เต็มที่แล้วจริงๆ

“ไอ้สิง...”

เขาเรียกสติตนเอง เจ้าของบ้านคนใหม่ละสินั่น เดินเข้ามาจนจะถึงหน้าประตูบ้านอยู่แล้ว แต่เขายังดันมัวแต่ชะแง้แลตะลึง กับรูปร่างเล็กๆ ที่แสนจะถูกใจนั้นอยู่ได้

สิงขรยิ้มให้กับตัวเอง แอบเปิดม่านมองหล่อนให้เห็นชัดๆ อีกครั้ง

นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่เขาไม่ได้นึกชื่นชมรูปร่างของผู้หญิงสาวๆ โดยไม่ต้องตั้งข้อสงสัยว่า พวกหล่อนจะพ่วงประวัติอาชญากรรมอะไรติดตัวมาบ้าง

แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาเหลือให้อ้อยอิ่ง

เขาต้องเผ่นจากตรงนี้แล้วจริงๆ

(มีต่อคคห.1)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่