“เอกรู้ความจริงได้อย่างไร ศาคิดว่าปกปิดแนบเนียนแล้วนะ” วรรณวิศายกมือทาบอกเมื่อเอกรัตน์ไปคุยว่าเขาเป็นอะไรของหญิงสาวกันแน่ ในเมื่อเธอมีแฟนอยู่แล้ว
“เอกไม่ได้โกรธที่ศาโกหกเอกหรอก เอกแค่อยากรู้ว่าทำไมศาจึงทำแบบนั้น ทำไมศาถึงยังให้โอกาสเอกอยู่อีกในเมื่อไม่ได้มีใจให้เลย เอกเชื่อว่าศาต้องมีเหตุผล” เอกรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ความเศร้าล้นรินจากใจมากกว่าความโกรธ ความรักที่มีกลับกลายเป็นรักเขาข้างเดียวได้อย่างไรไม่รู้ได้ แถมยังยาวนานหลายต่อหลายปีอีก
“ศาแค่ต้องการใช้เอก แค่หลอกใช้ คนเลวอย่างศาไม่เหมาะกับเอกหรอก” หญิงสาวส่ายหน้า ดวงตารื้นน้ำราวกับจะร้องไห้เสียเอง
“เพื่ออะไร เอกไม่ได้ร่ำรวยเงินทองหรือเป็นเศรษฐีสักหน่อย พ่อเอกก็เป็นครูธรรมดา”
“ศาชอบกล้วยไม้มาก เอกเป็นนักเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและชอบกล้วยไม้เหมือนกันด้วย” วรรณวิศาดูจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอสารภาพสิ่งที่ตนคิดอยู่ออกมาทีละนิด
“แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ ทำไมต้องเป็นแฟน” เอกรัตน์รุกถามต่ออย่างร้อนรน
“เป็นแฟนกันแล้วควบคุมได้มากกว่าเพื่อน ศาแค่หวังว่าสักวัน เอกจะเพาะพันธุ์กล้วยไม้สวยๆออกมาได้เท่านั้นเอง จึงแสร้งทำเป็นให้ความหวังกับเอกจนมาถึงวันนี้ เพื่อกระตุ้นให้เอกผลิตกล้วยไม้ที่สวยระดับประเทศออกมาให้ได้ ที่กล้วยไม้ของพ่อศาติดโรคก็เป็นฝีมือศาเอง เพื่อให้เอกสร้างรุ่นลูกที่สวยกว่าแสงสายัณห์ของพ่อศา”
“แล้วอาจารย์สิงหนพรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ว่าศาทำให้กล้วยไม้ของเขาเป็นโรค” เอกรัตน์มุ่ยหน้าอย่างกังขา
“ไม่รู้หรอก เป็นแผนของศาเอง เพื่อให้เอกสร้างรุ่นลูกที่สวยกว่าต้นนี้ออกมา”
“ไม่มีใครเป็นอะไรเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม พ่อศา แฟนศา เพื่อนๆเรา ไม่มีใครเข้าใจผิดหรือได้รับอันตรายนะ” เอกรัตน์ถามด้วยความเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตนเอง
หญิงสาวส่ายหน้า บอกว่าไม่มีใครเดือดร้อนเรื่องนี้นอกจากเอกรัตน์ที่โดนหลอกเต็มเปา กระนั้นคุณเจ้าของบ้านก็ยังถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เราเป็นเพื่อนกันมานานเท่าไรแล้วศา” เอกรัตน์จะเข้าไปกุมมือแต่หยุดตัวเองทัน
“ตั้งแต่มัธยมปลาย”
“แล้วแค่อยากเห็นกล้วยไม้พันธุ์ใหม่สวยๆทำไมไม่บอกกัน เรื่องแค่นี้เอง” คุณเจ้าของบ้านยิ้มกว้างทั้งที่อยากร้องไห้แทบขาดใจ “เราเป็นเพื่อนรักกันคุยกันได้ทุกเรื่องนี่นา ศาเสียอีกที่เก่งกว่าเอก”
“เมื่อก่อนศาเคยไปดูดวงมา เอาวันเกิดของเอกกับเพื่อนเราไปให้พระดูด้วยว่าเรื่องงานจะเป็นอย่างไร” วรรณวิศาทำให้เอกรัตน์แปลกใจ เขาไม่เคยรู้เลยว่าหญิงสาวเชื่อการดูดวงขนาดเอาวันเดือนปีเกิดเพื่อนไปดูด้วย “เอกเป็นคนที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ให้สำเร็จได้ ศาคิดว่าเป็นเรื่องกล้วยไม้”
“นั่นสิ จะเป็นอะไรได้อีก” เอกรัตน์นึกถึงอลิเซียและกุหลาบแก้วทันที คงเป็นเรื่องนี้กระมัง
“แต่สิ่งที่จะทำให้เอกรุ่งโรจน์จะได้รับอิทธิพลมาจากความรัก...ก็เลยคิดว่าต้องทำให้เอกหลงรักใครสักคน ศาก็นึกถึงตัวเองขึ้นมา ศาอยากอยู่ในเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่พร้อมๆกับเอก แต่เป็นเพื่อน ไม่ใช่แฟน ก็เลย...” วรรวิศาพูดความผิดของตัวเองอย่างเก้อเขิน
“ก็เลยเป็นแผนทำให้เอกคิดว่าตัวเองเป็นแฟนศาสินะ ยายบ้า!” เอกรัตน์ต่อว่าด้วยอาการขันมากกว่านึกโกรธ “ศาก็ฉลาดไม่น่าไปเชื่อหมอดูหมอเดาจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเรื่องแขวนพวงหรีดก็ความคิดศาอีกใช่ไหม”
“ใช่แล้ว เอกจะได้ไม่คิดว่าศามีแฟนอยู่แล้ว จะได้พยายามเมื่อรู้ว่ามีคู่แข่งที่มีโอกาสชนะ” วรรณวิศาพยักหน้า “ไม่ใช่ความคิดพ่อศานะ ท่านตามใจศาทุกอย่างตั้งแต่แม่ศาเสียไป ท่านไม่รู้เรื่องที่ศาหลอกใช้เอกด้วย” หญิงสาวเป็นคนดีอย่างที่เอกรัตน์คิด ก่อนจบเรื่องยังพูดไม่ให้พ่อตนมีความผิดตามไปด้วย
“อย่างนั้นก็จบเรื่องกันตรงนี้” เอกรัตน์ถอนหายใจเฮือก เป็นอย่างที่เจ้าไตรภพน้องชายของเขาเตือนไว้ สาวข้างบ้านไม่มีหวังเรื่องความรัก
“เอกไม่โกรธศาหรือ ศาหลอกเอกเสียนาน”
“โกรธกันแล้วได้อะไรขึ้นมา เรายังเป็นเพื่อนกันได้นี่ ไม่มีใครเป็นอะไรด้วย” เอกรัตน์ทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างโล่งอก “แต่เอกขอเปลี่ยนรางวัลจากการเพาะพันธุ์ลูกของแสงสายัณห์ได้ไหม”
“เอกอยากได้อะไรล่ะ ถ้าไม่ยากนักศาก็หาให้ได้”
“เลี้ยงหมูกระทะเอกสักมื้อสิ ชวนอลิเซียกับแฟนศาไปกินด้วยกันสี่คน จะได้รู้จักกันมากขึ้นกว่านี้” เอกรัตน์พูดขำๆ
“แค่นั้นเราไปกันพรุ่งนี้ก็ได้ถ้าเอกไม่ติดงานนะ” วรรณวิศากล่าวอย่างยินดีที่จะได้ไปทานอาหารกับเพื่อนและแฟนตัวจริง
“ถ้าอย่างนั้นคืนพรุ่งนี้ วันนี้เอกต้องไปทำงานต่อก่อน” เอกรัตน์ขอตัวกลับบ้านทั้งที่ไม่มีงานอะไรในช่วงนี้ “เจอกันพรุ่งนี้นะ”
แล้วเอกรัตน์ก็กลับบ้านของตนด้วยน้ำตานองหน้า เขาอกหักเสียแล้วแต่ทำอย่างไรได้ คืนนี้คงต้องย้อมใจด้วยเบียร์สักหน่อยกระมัง เอกรัตน์คิดแล้วมองไปที่อลิเซียที่กวาดหน้าบ้านอยู่
“อลิเซียพรุ่งนี้เราเข้าเมืองด้วยกันนะ” คุณเจ้าของบ้านชวนเพื่อนสาวอีกคนหนึ่ง “ไปซื้อปืนกัน แล้วตอนค่ำศาจะเลี้ยงหมูกระทะ อลิเซียชอบกินเนื้อย่างนี่นา” เอกรัตน์ลูบหัวอลิเซียอย่างเมตตา เขาตัดงานเรื่องกล้วยไม้ของอาจารย์สิงหนพได้เลย เหลือแค่งานที่อลิเซียไหว้วานเท่านั้น
โดยที่คุณเจ้าของบ้านไม่รู้ตัว กุหลาบแก้วกระปุกแรกที่เอกรัตน์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเก็บไว้กำลังเกิดแคลลัสหรือเยื่อเจริญออกมา มันเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
เมื่อถึงตอนเย็นเอกรัตน์ก็มีตัวเลือกในฐานะคนทำงาน เบียร์ยี่ห้อโปรดแช่ในตู้เย็นหลายกระป๋องเหลือเพียงทำกับแกล้มเท่านั้น แต่ก่อนที่เขาจะมึนเมาด้วยสุราควรทำงานให้เสร็จสิ้นไปเสียก่อน หน้าที่การงานควรสำคัญกว่าความรัก เขาคิดอย่างนั้นเสมอ
“ลิเซียอยากได้สโนว์โมบิลใช่ไหม มาดูที่คอมพิวเตอร์สิ” คุณเจ้าของบ้านเปิดคอมพิวเตอร์ค้นหาในเว็บขายสินค้าของต่างประเทศ เรื่องปืนเขาพาอลิเซียไปซื้อได้ แต่รถลุยหิมะคงต้องสั่งซื้อ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าในไทยมีขายหรือไม่
“เป็นภาษาอื่นนี่นา” อลิเซียกระตือรือร้นเหมือนทุกครั้งที่เล่นอินเตอร์เน็ทแล้วพบเจออะไรแปลกๆ “เขาจะเอามาส่งได้หรือ”
“สมัยนี้โลกไร้พรมแดนเรามีอินเตอร์เน็ทที่เชื่อมต่อกันไปทั่วโลก หรือจะไปซื้อที่เมืองนอกก็ได้ถ้าลิเซียอยาก” เอกรัตน์มองอลิเซียส่ายหน้าอย่างเอ็นดู
“ลิเซียยังไม่ชินกับดาวดวงนี้ที่มีกระแสไฟฟ้าในอากาศมากกว่าเวทมนตร์”
“อย่างนั้นก็เลือกเลย เงินซื้อประเดี๋ยวเอากำไลของลิเซียไปขายอีกก็ได้” เอกรัตน์นึกขึ้นมาได้ว่าอลิเซียมีสมบัติมาขายมากมาย คงมากพอซื้อเครื่องเคราดูแลสโนว์โมบิลได้อย่างครบครัน “ส่วนปืนอยากได้ขนาดไหน เอกจะได้โทรถามร้านให้ก่อนว่ามีหรือเปล่า”
“ปืนสั้นลิเซียอยากได้ .357 ส่วนไรเฟิลอยากได้ .300 แบบคุณหญิงดารินในนิยาย” อยู่ดีๆดวงตาสีเขียวของหญิงสาวก็ฉายแววตื่นเต้น เธอทำท่าประทับปืนกลางอากาศเหมือนเด็กๆ
“จ้าๆแม่คนบ้านิยาย” คุณเจ้าของบ้านหัวเราะแล้วบอกว่าจะจัดการให้ทุกอย่าง “แต่ช่วยทำกับแกล้มให้เอกหน่อยได้ไหม อะไรที่กินง่ายๆน่ะ” เอกรัตน์ขอให้อลิเซียทำกับแกล้มกินกับเบียร์ให้กินย้อมใจ...
ผ่านไปเกือบอาทิตย์เอกรัตน์ก็ยังทำใจเรื่องวรรณวิศาไม่ได้เสียที แม้จะไม่ใช่รักครั้งแรกแต่เขาคาดหวังเอาไว้มากเป็นธรรมดาที่จะเจ็บมากเมื่อหล่นสู่พื้นดิน คุณเจ้าของบ้านทำงานโดยไร้อารมณ์ เขาต้องการกำลังใจเพิ่มแต่ไม่รู้จะไปหามาจากไหน ส่วนไตรภพก็ต้องเตรียมงานบวชกับแม่มาเล่นที่บ้านไม่ได้สักพัก กริ่งหน้าบ้านดังขึ้น คุณเจ้าของบ้านก็คิดว่าเป็นน้องชายแอบหนีแม่มาเล่นบ้านเขาเหมือนเคยแต่ไม่ใช่
“อย่างนั้นหรือพี่ อลิเซียเป็นเพื่อนทางอีเมล์แล้วมาเที่ยวเมืองไทย” ทวิกาญจน์น้องสาวของเอกรัตน์คือแขกยามบ่าย เธอเป็นพยาบาลที่เคร่งขรึมและเป็นมืออาชีพ มีหน้าที่สำคัญคือดูแลความเป็นอยู่ของครอบครัว เอกรัตน์ไม่รู้ว่าเธอว่างกลับมาจากต่างจังหวัดได้ตั้งแต่เมื่อไร “เห็นนัทบอกว่าพี่อกหักป่วยปางตายเลยมาเยี่ยม ดีใจไหม”
“พี่จะดีใจกว่านี้ถ้าปากเธอทื่อลงบ้างนะวี” เอกรัตน์บ่นน้องสาวเรื่องการพูดจาที่ตรงไปตรงมา “แค่มาเยี่ยมหรือ” คุณเจ้าของบ้านกล่าวขอบคุณอลิเซียที่เอาแก้วใส่น้ำมาให้ตนกับน้องสาว
ทวิกาญจน์ขยับแว่นตาแล้วมองเอกรัตน์กับอลิเซียสลับกัน แววตาเฉียบคมคงจับพิรุธอะไรบางอย่างได้กระมัง เอกรัตน์คิด
“ปกติใช้ถุงยางกันหรือเปล่า” ทวิกาญจน์ทำให้เอกรัตน์พ่นน้ำในปากออกมาทั้งหมด ส่วนอลิเซียที่ไม่รู้เรื่องทำหน้าเหรอหรา “หนูไม่ว่าพี่หรอกถ้าจะมีแฟนเป็นฝรั่ง แค่อยากให้ป้องกันไว้”
“พูดอะไรน่ะ” พูดออกมาได้ประโยคเดียวคุณเจ้าของบ้านก็สำลักน้ำอย่างรวดเร็วและรุนแรง “อลิเซียเป็นเพื่อน จะมีเรื่องทำนองนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน”
“หนูคิดว่าพี่เอกอกหักหาคนปลอบใจก็เลยชวนอลิเซียมาเป็นคู่ขาเสียอีก” ทวิกาญจน์ยังคงพูดตรงๆอย่างไร้รอยยิ้ม “ตกลงไม่มีอะไรกัน ไม่มีเลยหรือ” น้องสาวทำหน้าปั้นยากราวกับได้ยินสิ่งอัศจรรย์ที่เป็นไปไม่ได้
“เธอคิดว่าพี่เป็นตัวอะไรกันทวิกาญจน์ พี่ต้องปล้ำทุกคนที่อยู่รอบตัวเลยใช่ไหมเธอถึงจะพอใจ” คุณเจ้าของบ้านประชด
“แค่อยากเตือนค่ะพี่ โรคทางเพศสัมพันธ์มีเยอะ และนี่ถ้าพ่อรู้ว่าพี่พาผู้หญิงมาอยู่ด้วยได้มีระเบิดลงอีกรอบ แถมเป็นฝรั่งด้วยสิ” น้องสาวพูดอย่างเป็นห่วงพี่ชาย
“ก็บอกว่าเป็นเพื่อน ผู้หญิงกับผู้ชายเป็นแค่เพื่อนกันไม่ได้หรือไง” เอกรัตน์ลุกไปหาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดน้ำที่ตัวพ่นออกมา
“หนูยอมเชื่อก็ได้ แต่ต้องขอตรวจในบ้านพี่ก่อน หลักฐานมักตกค้างบนที่นอนหรือในถังขยะเสมอ” ทวิกาญจน์พูดอย่างผู้รู้ เอกรัตน์กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย
“จะว่าอย่างนั้นก็ตามใจเธอเลย พี่รู้ว่าหยุดเธอไม่ได้หรอก” คุณเจ้าของบ้านกล่าวยอมแพ้น้องสาวราบคาบ “แล้วพ่อกับแม่เป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม เตรียมงานบวชเจ้านัทไปถึงไหนแล้ว”
“แม่มาขอให้วีช่วยก็เลยจัดการให้ ทั้งหมดเตรียมเสร็จแล้วค่ะ รอให้ถึงวันจริงเท่านั้นเอง”
“อีกตั้งอาทิตย์กว่าน่ะนะ” คุณเจ้าของบ้านนับถือน้องสาวเรื่องการจัดการเรื่องต่างๆ
“นัทเองก็ท่องบทสวดได้แล้วด้วย อีกไม่กี่วันต้องไปอยู่วัดก่อนบวช...มาร่วมงานบวชกับเราไหมอลิเซีย สนุกนะ” ทวิกาญจน์กล่าวเชิญอลิเซียเป็นภาษาอังกฤษ
“นั่นสิอลิเซีย สนุกนะ” คุณเจ้าของบ้านชวนอลิเซียเป็นครั้งที่ห้า เพราะเธอยังกังวลว่าจะเข้าร่วมดีไหม เธอจะทำอะไรให้เอกรัตน์ขายหน้าหรือเปล่า
“แล้วเธอฉีดยาป้องกันโรคเมืองร้อนแล้วใช่ไหมอลิเซีย บ้านนี้ยุงเยอะจะตาย ฉันบอกให้พี่ปิดบ่อน้ำหลังบ้านก็ไม่ทำสักที ยุงถึงมาชุมนุมกันเป็นร้อย ดีที่มีมุ้งลวดนะ”
“กล้วยไม้ต้องใช้น้ำประปาที่ตกตะกอนแล้วรดถึงจะงาม แล้วที่ปิดไม่ได้เพราะต้องดูระดับน้ำก่อนว่าต้องสูบเพิ่มหรือเปล่าเวลาฝนตก พี่ให้อนามัยมาพ่นยากำจัดยุงประจำ ไม่มีอะไรต้องกังวล” เอกรัตน์พูดฉุนๆที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
“ลองเป็นแบบนี้หนูก็วางใจได้ว่าพี่สบายดี” ทวิกาญจน์ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นพี่ชายทำตัวเจ้าอารมณ์เหมือนเคย “เดี๋ยวหนูไปซื้อถุงยางมาให้ก็ได้ถ้าพี่ไม่กล้าซื้อเองจะได้กันไว้ก่อน”
“ไม่เชื่อกันจริงหรือยายวี!” คุณเจ้าของบ้านฉุนเฉียวมากขึ้นที่น้องสาวไม่ยอมเชื่อสักทีว่าเขากับอลิเซียไม่มีอะไรกัน...
(มีต่อ)
หนุ่มไม้ขวดกับสาวไม้ดอก ตอนที่ 7
“เอกไม่ได้โกรธที่ศาโกหกเอกหรอก เอกแค่อยากรู้ว่าทำไมศาจึงทำแบบนั้น ทำไมศาถึงยังให้โอกาสเอกอยู่อีกในเมื่อไม่ได้มีใจให้เลย เอกเชื่อว่าศาต้องมีเหตุผล” เอกรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ความเศร้าล้นรินจากใจมากกว่าความโกรธ ความรักที่มีกลับกลายเป็นรักเขาข้างเดียวได้อย่างไรไม่รู้ได้ แถมยังยาวนานหลายต่อหลายปีอีก
“ศาแค่ต้องการใช้เอก แค่หลอกใช้ คนเลวอย่างศาไม่เหมาะกับเอกหรอก” หญิงสาวส่ายหน้า ดวงตารื้นน้ำราวกับจะร้องไห้เสียเอง
“เพื่ออะไร เอกไม่ได้ร่ำรวยเงินทองหรือเป็นเศรษฐีสักหน่อย พ่อเอกก็เป็นครูธรรมดา”
“ศาชอบกล้วยไม้มาก เอกเป็นนักเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและชอบกล้วยไม้เหมือนกันด้วย” วรรณวิศาดูจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอสารภาพสิ่งที่ตนคิดอยู่ออกมาทีละนิด
“แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ ทำไมต้องเป็นแฟน” เอกรัตน์รุกถามต่ออย่างร้อนรน
“เป็นแฟนกันแล้วควบคุมได้มากกว่าเพื่อน ศาแค่หวังว่าสักวัน เอกจะเพาะพันธุ์กล้วยไม้สวยๆออกมาได้เท่านั้นเอง จึงแสร้งทำเป็นให้ความหวังกับเอกจนมาถึงวันนี้ เพื่อกระตุ้นให้เอกผลิตกล้วยไม้ที่สวยระดับประเทศออกมาให้ได้ ที่กล้วยไม้ของพ่อศาติดโรคก็เป็นฝีมือศาเอง เพื่อให้เอกสร้างรุ่นลูกที่สวยกว่าแสงสายัณห์ของพ่อศา”
“แล้วอาจารย์สิงหนพรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ว่าศาทำให้กล้วยไม้ของเขาเป็นโรค” เอกรัตน์มุ่ยหน้าอย่างกังขา
“ไม่รู้หรอก เป็นแผนของศาเอง เพื่อให้เอกสร้างรุ่นลูกที่สวยกว่าต้นนี้ออกมา”
“ไม่มีใครเป็นอะไรเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม พ่อศา แฟนศา เพื่อนๆเรา ไม่มีใครเข้าใจผิดหรือได้รับอันตรายนะ” เอกรัตน์ถามด้วยความเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตนเอง
หญิงสาวส่ายหน้า บอกว่าไม่มีใครเดือดร้อนเรื่องนี้นอกจากเอกรัตน์ที่โดนหลอกเต็มเปา กระนั้นคุณเจ้าของบ้านก็ยังถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เราเป็นเพื่อนกันมานานเท่าไรแล้วศา” เอกรัตน์จะเข้าไปกุมมือแต่หยุดตัวเองทัน
“ตั้งแต่มัธยมปลาย”
“แล้วแค่อยากเห็นกล้วยไม้พันธุ์ใหม่สวยๆทำไมไม่บอกกัน เรื่องแค่นี้เอง” คุณเจ้าของบ้านยิ้มกว้างทั้งที่อยากร้องไห้แทบขาดใจ “เราเป็นเพื่อนรักกันคุยกันได้ทุกเรื่องนี่นา ศาเสียอีกที่เก่งกว่าเอก”
“เมื่อก่อนศาเคยไปดูดวงมา เอาวันเกิดของเอกกับเพื่อนเราไปให้พระดูด้วยว่าเรื่องงานจะเป็นอย่างไร” วรรณวิศาทำให้เอกรัตน์แปลกใจ เขาไม่เคยรู้เลยว่าหญิงสาวเชื่อการดูดวงขนาดเอาวันเดือนปีเกิดเพื่อนไปดูด้วย “เอกเป็นคนที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ให้สำเร็จได้ ศาคิดว่าเป็นเรื่องกล้วยไม้”
“นั่นสิ จะเป็นอะไรได้อีก” เอกรัตน์นึกถึงอลิเซียและกุหลาบแก้วทันที คงเป็นเรื่องนี้กระมัง
“แต่สิ่งที่จะทำให้เอกรุ่งโรจน์จะได้รับอิทธิพลมาจากความรัก...ก็เลยคิดว่าต้องทำให้เอกหลงรักใครสักคน ศาก็นึกถึงตัวเองขึ้นมา ศาอยากอยู่ในเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่พร้อมๆกับเอก แต่เป็นเพื่อน ไม่ใช่แฟน ก็เลย...” วรรวิศาพูดความผิดของตัวเองอย่างเก้อเขิน
“ก็เลยเป็นแผนทำให้เอกคิดว่าตัวเองเป็นแฟนศาสินะ ยายบ้า!” เอกรัตน์ต่อว่าด้วยอาการขันมากกว่านึกโกรธ “ศาก็ฉลาดไม่น่าไปเชื่อหมอดูหมอเดาจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเรื่องแขวนพวงหรีดก็ความคิดศาอีกใช่ไหม”
“ใช่แล้ว เอกจะได้ไม่คิดว่าศามีแฟนอยู่แล้ว จะได้พยายามเมื่อรู้ว่ามีคู่แข่งที่มีโอกาสชนะ” วรรณวิศาพยักหน้า “ไม่ใช่ความคิดพ่อศานะ ท่านตามใจศาทุกอย่างตั้งแต่แม่ศาเสียไป ท่านไม่รู้เรื่องที่ศาหลอกใช้เอกด้วย” หญิงสาวเป็นคนดีอย่างที่เอกรัตน์คิด ก่อนจบเรื่องยังพูดไม่ให้พ่อตนมีความผิดตามไปด้วย
“อย่างนั้นก็จบเรื่องกันตรงนี้” เอกรัตน์ถอนหายใจเฮือก เป็นอย่างที่เจ้าไตรภพน้องชายของเขาเตือนไว้ สาวข้างบ้านไม่มีหวังเรื่องความรัก
“เอกไม่โกรธศาหรือ ศาหลอกเอกเสียนาน”
“โกรธกันแล้วได้อะไรขึ้นมา เรายังเป็นเพื่อนกันได้นี่ ไม่มีใครเป็นอะไรด้วย” เอกรัตน์ทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างโล่งอก “แต่เอกขอเปลี่ยนรางวัลจากการเพาะพันธุ์ลูกของแสงสายัณห์ได้ไหม”
“เอกอยากได้อะไรล่ะ ถ้าไม่ยากนักศาก็หาให้ได้”
“เลี้ยงหมูกระทะเอกสักมื้อสิ ชวนอลิเซียกับแฟนศาไปกินด้วยกันสี่คน จะได้รู้จักกันมากขึ้นกว่านี้” เอกรัตน์พูดขำๆ
“แค่นั้นเราไปกันพรุ่งนี้ก็ได้ถ้าเอกไม่ติดงานนะ” วรรณวิศากล่าวอย่างยินดีที่จะได้ไปทานอาหารกับเพื่อนและแฟนตัวจริง
“ถ้าอย่างนั้นคืนพรุ่งนี้ วันนี้เอกต้องไปทำงานต่อก่อน” เอกรัตน์ขอตัวกลับบ้านทั้งที่ไม่มีงานอะไรในช่วงนี้ “เจอกันพรุ่งนี้นะ”
แล้วเอกรัตน์ก็กลับบ้านของตนด้วยน้ำตานองหน้า เขาอกหักเสียแล้วแต่ทำอย่างไรได้ คืนนี้คงต้องย้อมใจด้วยเบียร์สักหน่อยกระมัง เอกรัตน์คิดแล้วมองไปที่อลิเซียที่กวาดหน้าบ้านอยู่
“อลิเซียพรุ่งนี้เราเข้าเมืองด้วยกันนะ” คุณเจ้าของบ้านชวนเพื่อนสาวอีกคนหนึ่ง “ไปซื้อปืนกัน แล้วตอนค่ำศาจะเลี้ยงหมูกระทะ อลิเซียชอบกินเนื้อย่างนี่นา” เอกรัตน์ลูบหัวอลิเซียอย่างเมตตา เขาตัดงานเรื่องกล้วยไม้ของอาจารย์สิงหนพได้เลย เหลือแค่งานที่อลิเซียไหว้วานเท่านั้น
โดยที่คุณเจ้าของบ้านไม่รู้ตัว กุหลาบแก้วกระปุกแรกที่เอกรัตน์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเก็บไว้กำลังเกิดแคลลัสหรือเยื่อเจริญออกมา มันเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
เมื่อถึงตอนเย็นเอกรัตน์ก็มีตัวเลือกในฐานะคนทำงาน เบียร์ยี่ห้อโปรดแช่ในตู้เย็นหลายกระป๋องเหลือเพียงทำกับแกล้มเท่านั้น แต่ก่อนที่เขาจะมึนเมาด้วยสุราควรทำงานให้เสร็จสิ้นไปเสียก่อน หน้าที่การงานควรสำคัญกว่าความรัก เขาคิดอย่างนั้นเสมอ
“ลิเซียอยากได้สโนว์โมบิลใช่ไหม มาดูที่คอมพิวเตอร์สิ” คุณเจ้าของบ้านเปิดคอมพิวเตอร์ค้นหาในเว็บขายสินค้าของต่างประเทศ เรื่องปืนเขาพาอลิเซียไปซื้อได้ แต่รถลุยหิมะคงต้องสั่งซื้อ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าในไทยมีขายหรือไม่
“เป็นภาษาอื่นนี่นา” อลิเซียกระตือรือร้นเหมือนทุกครั้งที่เล่นอินเตอร์เน็ทแล้วพบเจออะไรแปลกๆ “เขาจะเอามาส่งได้หรือ”
“สมัยนี้โลกไร้พรมแดนเรามีอินเตอร์เน็ทที่เชื่อมต่อกันไปทั่วโลก หรือจะไปซื้อที่เมืองนอกก็ได้ถ้าลิเซียอยาก” เอกรัตน์มองอลิเซียส่ายหน้าอย่างเอ็นดู
“ลิเซียยังไม่ชินกับดาวดวงนี้ที่มีกระแสไฟฟ้าในอากาศมากกว่าเวทมนตร์”
“อย่างนั้นก็เลือกเลย เงินซื้อประเดี๋ยวเอากำไลของลิเซียไปขายอีกก็ได้” เอกรัตน์นึกขึ้นมาได้ว่าอลิเซียมีสมบัติมาขายมากมาย คงมากพอซื้อเครื่องเคราดูแลสโนว์โมบิลได้อย่างครบครัน “ส่วนปืนอยากได้ขนาดไหน เอกจะได้โทรถามร้านให้ก่อนว่ามีหรือเปล่า”
“ปืนสั้นลิเซียอยากได้ .357 ส่วนไรเฟิลอยากได้ .300 แบบคุณหญิงดารินในนิยาย” อยู่ดีๆดวงตาสีเขียวของหญิงสาวก็ฉายแววตื่นเต้น เธอทำท่าประทับปืนกลางอากาศเหมือนเด็กๆ
“จ้าๆแม่คนบ้านิยาย” คุณเจ้าของบ้านหัวเราะแล้วบอกว่าจะจัดการให้ทุกอย่าง “แต่ช่วยทำกับแกล้มให้เอกหน่อยได้ไหม อะไรที่กินง่ายๆน่ะ” เอกรัตน์ขอให้อลิเซียทำกับแกล้มกินกับเบียร์ให้กินย้อมใจ...
ผ่านไปเกือบอาทิตย์เอกรัตน์ก็ยังทำใจเรื่องวรรณวิศาไม่ได้เสียที แม้จะไม่ใช่รักครั้งแรกแต่เขาคาดหวังเอาไว้มากเป็นธรรมดาที่จะเจ็บมากเมื่อหล่นสู่พื้นดิน คุณเจ้าของบ้านทำงานโดยไร้อารมณ์ เขาต้องการกำลังใจเพิ่มแต่ไม่รู้จะไปหามาจากไหน ส่วนไตรภพก็ต้องเตรียมงานบวชกับแม่มาเล่นที่บ้านไม่ได้สักพัก กริ่งหน้าบ้านดังขึ้น คุณเจ้าของบ้านก็คิดว่าเป็นน้องชายแอบหนีแม่มาเล่นบ้านเขาเหมือนเคยแต่ไม่ใช่
“อย่างนั้นหรือพี่ อลิเซียเป็นเพื่อนทางอีเมล์แล้วมาเที่ยวเมืองไทย” ทวิกาญจน์น้องสาวของเอกรัตน์คือแขกยามบ่าย เธอเป็นพยาบาลที่เคร่งขรึมและเป็นมืออาชีพ มีหน้าที่สำคัญคือดูแลความเป็นอยู่ของครอบครัว เอกรัตน์ไม่รู้ว่าเธอว่างกลับมาจากต่างจังหวัดได้ตั้งแต่เมื่อไร “เห็นนัทบอกว่าพี่อกหักป่วยปางตายเลยมาเยี่ยม ดีใจไหม”
“พี่จะดีใจกว่านี้ถ้าปากเธอทื่อลงบ้างนะวี” เอกรัตน์บ่นน้องสาวเรื่องการพูดจาที่ตรงไปตรงมา “แค่มาเยี่ยมหรือ” คุณเจ้าของบ้านกล่าวขอบคุณอลิเซียที่เอาแก้วใส่น้ำมาให้ตนกับน้องสาว
ทวิกาญจน์ขยับแว่นตาแล้วมองเอกรัตน์กับอลิเซียสลับกัน แววตาเฉียบคมคงจับพิรุธอะไรบางอย่างได้กระมัง เอกรัตน์คิด
“ปกติใช้ถุงยางกันหรือเปล่า” ทวิกาญจน์ทำให้เอกรัตน์พ่นน้ำในปากออกมาทั้งหมด ส่วนอลิเซียที่ไม่รู้เรื่องทำหน้าเหรอหรา “หนูไม่ว่าพี่หรอกถ้าจะมีแฟนเป็นฝรั่ง แค่อยากให้ป้องกันไว้”
“พูดอะไรน่ะ” พูดออกมาได้ประโยคเดียวคุณเจ้าของบ้านก็สำลักน้ำอย่างรวดเร็วและรุนแรง “อลิเซียเป็นเพื่อน จะมีเรื่องทำนองนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน”
“หนูคิดว่าพี่เอกอกหักหาคนปลอบใจก็เลยชวนอลิเซียมาเป็นคู่ขาเสียอีก” ทวิกาญจน์ยังคงพูดตรงๆอย่างไร้รอยยิ้ม “ตกลงไม่มีอะไรกัน ไม่มีเลยหรือ” น้องสาวทำหน้าปั้นยากราวกับได้ยินสิ่งอัศจรรย์ที่เป็นไปไม่ได้
“เธอคิดว่าพี่เป็นตัวอะไรกันทวิกาญจน์ พี่ต้องปล้ำทุกคนที่อยู่รอบตัวเลยใช่ไหมเธอถึงจะพอใจ” คุณเจ้าของบ้านประชด
“แค่อยากเตือนค่ะพี่ โรคทางเพศสัมพันธ์มีเยอะ และนี่ถ้าพ่อรู้ว่าพี่พาผู้หญิงมาอยู่ด้วยได้มีระเบิดลงอีกรอบ แถมเป็นฝรั่งด้วยสิ” น้องสาวพูดอย่างเป็นห่วงพี่ชาย
“ก็บอกว่าเป็นเพื่อน ผู้หญิงกับผู้ชายเป็นแค่เพื่อนกันไม่ได้หรือไง” เอกรัตน์ลุกไปหาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดน้ำที่ตัวพ่นออกมา
“หนูยอมเชื่อก็ได้ แต่ต้องขอตรวจในบ้านพี่ก่อน หลักฐานมักตกค้างบนที่นอนหรือในถังขยะเสมอ” ทวิกาญจน์พูดอย่างผู้รู้ เอกรัตน์กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย
“จะว่าอย่างนั้นก็ตามใจเธอเลย พี่รู้ว่าหยุดเธอไม่ได้หรอก” คุณเจ้าของบ้านกล่าวยอมแพ้น้องสาวราบคาบ “แล้วพ่อกับแม่เป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม เตรียมงานบวชเจ้านัทไปถึงไหนแล้ว”
“แม่มาขอให้วีช่วยก็เลยจัดการให้ ทั้งหมดเตรียมเสร็จแล้วค่ะ รอให้ถึงวันจริงเท่านั้นเอง”
“อีกตั้งอาทิตย์กว่าน่ะนะ” คุณเจ้าของบ้านนับถือน้องสาวเรื่องการจัดการเรื่องต่างๆ
“นัทเองก็ท่องบทสวดได้แล้วด้วย อีกไม่กี่วันต้องไปอยู่วัดก่อนบวช...มาร่วมงานบวชกับเราไหมอลิเซีย สนุกนะ” ทวิกาญจน์กล่าวเชิญอลิเซียเป็นภาษาอังกฤษ
“นั่นสิอลิเซีย สนุกนะ” คุณเจ้าของบ้านชวนอลิเซียเป็นครั้งที่ห้า เพราะเธอยังกังวลว่าจะเข้าร่วมดีไหม เธอจะทำอะไรให้เอกรัตน์ขายหน้าหรือเปล่า
“แล้วเธอฉีดยาป้องกันโรคเมืองร้อนแล้วใช่ไหมอลิเซีย บ้านนี้ยุงเยอะจะตาย ฉันบอกให้พี่ปิดบ่อน้ำหลังบ้านก็ไม่ทำสักที ยุงถึงมาชุมนุมกันเป็นร้อย ดีที่มีมุ้งลวดนะ”
“กล้วยไม้ต้องใช้น้ำประปาที่ตกตะกอนแล้วรดถึงจะงาม แล้วที่ปิดไม่ได้เพราะต้องดูระดับน้ำก่อนว่าต้องสูบเพิ่มหรือเปล่าเวลาฝนตก พี่ให้อนามัยมาพ่นยากำจัดยุงประจำ ไม่มีอะไรต้องกังวล” เอกรัตน์พูดฉุนๆที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
“ลองเป็นแบบนี้หนูก็วางใจได้ว่าพี่สบายดี” ทวิกาญจน์ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นพี่ชายทำตัวเจ้าอารมณ์เหมือนเคย “เดี๋ยวหนูไปซื้อถุงยางมาให้ก็ได้ถ้าพี่ไม่กล้าซื้อเองจะได้กันไว้ก่อน”
“ไม่เชื่อกันจริงหรือยายวี!” คุณเจ้าของบ้านฉุนเฉียวมากขึ้นที่น้องสาวไม่ยอมเชื่อสักทีว่าเขากับอลิเซียไม่มีอะไรกัน...
(มีต่อ)