“แล้วเขาต้องการอะไรหรือ” อลิเซียถามขึ้นหลังจากนพรัตน์กลับบ้านไปแล้ว คุณเจ้าของบ้านทำหน้ามุ่ย
“ไม่ต้องการอะไรเลย เจ้านัทก็เป็นคนอย่างนี้แหละลิเซีย ต้องรอให้ถึงเวลาจึงจะพูดได้ว่าต้องการอะไร ขนาดตอนเลือกเรียนมหาวิทยาลัยยังประวิงเวลารอแล้วรอเล่าเลยกว่าจะเลือกได้สักอันดับหนึ่ง” เอกรัตน์โคลงหัวบ่นถึงน้องชายที่เรียกว่าดีก็ไม่ได้ไม่ดีก็ไม่ถูก “เอาเป็นว่าเรื่องนั้นรอให้ถึงเวลาแล้วค่อยคิด เย็นนี้ลิเซียได้กินสเต็กแล้วนี่ เอกไม่รอกินข้าวเย็นนะ” คุณเจ้าของบ้านยิ้ม อย่างน้อยหญิงสาวก็ทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว
“แล้วจะให้ลิเซียช่วยอะไรบ้าง ไม่ได้ใช้เวทมนตร์นานๆมันพาลขี้เกียจน่ะ อ้วนด้วย” อลิเซียพูดเสียงอ่อย ท่าทางจะกลัวอ้วนจริงๆ
“อย่างนั้นช่วยเร่งการโตของตากล้วยไม้ได้ไหม ในรางปั่นนั่น”
เอกรัตน์หมายถึงตากล้วยไม้ที่ได้จากบ้านของวรรณวิศา ซึ่งบัดนี้นอนอยู่ในขวดรูปชมพู่ที่ตั้งบนแท่นหมุนที่จะทำให้มันหมุนเหวี่ยงตลอดเวลา ตาเล็กๆที่ตัดมาจากกล้วยไม้ต้นแม่หลายก้อนถูกปั่นรวมกันอยู่ในสารอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงให้เติบโต
“ไหนๆแล้วขอเร่งเวลากุหลาบแก้วของลิเซียด้วยสิ”
“ไปรอที่แท่นเหวี่ยงเลยลิเซีย เดี๋ยวเอกไปหยิบขวดกุหลาบแก้วมาก่อน”
เอกรัตน์ก้าวผ่านประตูสองชั้นเข้าไปด้านข้างของตัวบ้านซึ่งเป็นห้องกระจก ภายในมีชั้นวางขวดแก้วและถุงใส่ต้นไม้ที่เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมา คุณเจ้าของบ้านชะงักที่ประตูห้องแล้วรีบสวมรองเท้ายาง เพราะไฟมักรั่วตามชั้นวางต้นไม้จึงต้องใส่รองเท้ายางกันไฟดูด ความจริงเขาสามารถขอให้เพื่อนที่รู้จักมาช่วยแก้ได้ แต่เขาไม่ทำเพราะแบบนี้จะทำให้มีสติระวังตัวตลอดเวลาตามที่ได้เรียนรู้มาตอนฝึกงาน
เอกรัตน์หยิบขวดกุหลาบแก้วสองจากห้าขวดออกมา หวังจะเก็บไว้ศึกษาเองด้วย
“แค่สองขวดก่อนลิเซีย เอกอยากดูมันโตตามธรรมชาติด้วย” เอกรัตน์วางขวดแก้วข้างแท่นเหล็กที่หมุนเหวี่ยงอยู่ตลอดเวลา
“ทำให้มันหยุดก่อนไม่ได้หรือ” ท่าทางอลิเซียคงมองตามแท่นเหวี่ยงจนตาลายแน่ๆ
“ไม่ได้หรอก ประเดี๋ยวตากล้วยไม้ขวดอื่นพาลตายหมด มันต้องถูกเขย่าตลอดเวลาเพื่อให้ได้รับทั้งอากาศและสารอาหาร” เอกรัตน์พูดอย่างจนใจ
“อย่างนั้นก็ทำทั้งแบบนี้ล่ะ ลิเซียคงต้องลองดู”
เวทมนตร์ที่เอกรัตน์เห็นคือแสงสีขาวจากฝ่ามือทั้งสองของหญิงสาว ความรุ่งโรจน์ในการปั่นตากล้วยไม้เติบโตอย่างรวดเร็ว ตาในขวดปั่นใหญ่ขึ้นและเพิ่มจำนวนโดยที่เอกรัตน์ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร
ในขณะเดียวกันความล้มเหลวครั้งแรกก็มาหาคุณเจ้าของบ้านเช่นกัน
กิ่งกุหลาบแก้วที่ถูกปักบนวุ้นสีดำถ่านขวดหนึ่งเน่าและหงิกงอ อีกขวดก็มีเชื้อราสีเขียวงอกขึ้นเต็มขวด กุหลาบต่างมิติไม่สามารถเติบโตได้ในอาหารที่เขาเลือก แถมขวดหนึ่งยังติดเชื้อราอีกด้วย อลิเซียหยุดเวทมนตร์มองไปที่ขวดกุหลาบแก้วทั้งสองอย่างใจหาย
“ไม่ได้อย่างนั้นหรือ” อลิเซียครางด้วยแววตาเศร้าหมอง
“ไม่ต้องห่วง เรามีทั้งเวลาทั้งอุปกรณ์ แค่ต้องปรับสูตรอาหารใหม่เท่านั้น...สูตรอาหารสำหรับกุหลาบมีตั้งหลายสูตร พรุ่งนี้เอกจะนั่งผสมให้เป็นพิเศษเลยดีไหม ถ้าอาของลิเซียบอกว่าทำได้ เราก็ต้องทำได้สิน่า แค่ยังลองไม่ครบทุกวิธีเท่านั้น” เอกรัตน์ปลอบหญิงสาว
“วุ้นนั่นมีหลายแบบหรือ”
“ใช่แล้ว มันเป็นสูตรอาหารสำหรับพืชที่เรียกย่อๆว่าเอ็มเอส ที่เอกใช้ตอนแรกเป็นชนิดชักนำราก ยังมีชนิดชักนำยอดกับยืดยอดให้ลองใช้อีก ที่เห็นเป็นสีดำๆนั่นคือผงถ่าน คราวหน้าเอกจะลองไม่ใส่ดูบ้าง เราต้องทดลองหลายๆแบบจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ” เอกรัตน์พูดด้วยแววตาแน่วแน่ คิดว่าวันพรุ่งนี้คงงานยุ่งเพราะต้องเตรียมอาหารสำหรับกุหลาบแก้วใหม่...
ในเมื่อสองขวดล้มเหลวแต่ใช่ว่าอีกสามขวดจะเสียหายเหมือนกันเสมอ เอกรัตน์ยังคงเก็บขวดกุหลาบแก้วอีกสามขวดเอาไว้เพื่อดูว่ามันจะเน่าตายเหมือนสองขวดแรกหรือไม่ คืนนั้นเอกรัตน์นอนคิดทั้งคืนว่าควรปรับสูตรผสมอาหารสำหรับกุหลาบแก้วอย่างไร อาหารในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมีชื่อเรียกของมัน เป็นการผสมกันของสารเคมีสองชุด คราวนี้เขาอาจใส่ชุดที่สองมากกว่าชุดแรก
“ขอตัวอย่างดินไปตรวจธาตุอาหารก่อน”
คุณเจ้าของบ้านบอกกับอลิเซียเพราะต้องการให้แน่ใจว่าสามารถใช้สารอาหารชนิดเดียวกันได้ บางทีเขาอาจต้องใช้ดินจากมิติของอลิเซียเป็นส่วนผสมด้วย
“ก็เหมือนกับบนโลกนี่นา ไนโตเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม...” ผลปรากฏว่าธาตุอาหารพืชเหมือนกับในโลกนี้ ดังนั้นปัญหาไม่น่าอยู่ที่สารเคมีในอาหารเลี้ยง “หรือจะลองปรับตัวเอ็มเอสสองให้เยอะกว่าดี แล้วเพิ่มอ๊อกซินเข้าไปอีก” เอกรัตน์พึมพำกับตัวเองเหมือนยามปกติที่ขบปัญหาไม่แตก
“มันคืออะไรหรอเอก เอ็มเอสกับอ๊อกซิน” อลิเซียเอียงคอน้อยๆเมื่อพบกับคำที่ไม่เข้าใจ
“เอ็มเอสคือชื่อย่อของอาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มันเป็นการรวมเอาสารเคมีซึ่งเป็นอาหารของพืชมารวมกันแล้วทำเป็นวุ้นอาหาร เอ็มเอสวันคือธาตุอาหารหลัก เอ็มเอสทูคือธาตุอาหารรอง ซึ่งเอกจะต้องทำสต๊อกเอาไว้เป็นขวด วันนี้เอกจะลองผสมอาหารใหม่ให้กุหลาบแก้วของลิเซียให้แปลกกว่าทุกครั้ง”
“ถ้าสำคัญทำไมไม่ใส่เยอะๆล่ะ”
“เยอะไปพืชก็ดูดซึมได้ไม่หมดเสียของเปล่าๆ” เอกรัตน์อธิบายอย่างใจเย็น ในหัวขบคิดด้วยความเร็วสูงว่าจะทำอย่างไรต่อ ควรรีบทดลองเลี้ยงกุหลาบแก้วเร็วๆตามความต้องการส่วนตัว หรือจะเลี้ยงไข้กุหลาบแก้วเอาไว้รอวันที่กล้วยไม้ของเขาได้ชูช่อเสียก่อน
แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ เช้าวันนั้นเอกรัตน์ผสมอาหารสำหรับกุหลาบแก้วของอลิเซียให้ใหม่โดยทดลองใช้สต๊อกของทั้งสองสูตรในปริมาณที่เท่ากัน เหมือนกับที่ทำเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เอกรัตน์เปิดเพลงที่ชอบไปด้วยทำงานไปด้วยอย่างไม่กลัวความเผอเรอผิดพลาด
“เพลงอะไรหรอ เนื้อเพลงดี ให้ตาคุณอยู่กับฉัน” อลิเซียเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่เอกรัตน์กำลังปรับความเป็นกรดด่างของอาหารอยู่
“เป็นเพลงของเกมภาษา อายส์ออนมี” เอกรัตน์ตอบทั้งที่ตาจ้องเป๋งไปที่เครื่องอ่านค่าความเป็นกรดด่าง มือข้างหนึ่งถือแท่งวัด อีกมือคอยหยดสารที่เพิ่มหรือลดความเป็นกรดด่างให้อยู่ในความเหมาะสม “เป็นหนึ่งในซีรีส์เกมภาษาที่สนุกมาก เอกเคยเล่นแค่ไม่กี่ภาคก็ว่าดีนะ”
“เป็นอย่างไรหรือที่เรียกว่าเกมภาษา ขอลิเซียเล่นบ้างได้หรือเปล่า”
“มันจะมีเนื้อเรื่องของมันเอง มีปริศนาให้แก้ มีเลเวลให้เก็บ มีจอมมารให้ปราบ มีเวทมนตร์ให้ใช้...เจ๋ง!” เอกรัตน์รีบย้ายมือข้างที่หยดน้ำยาออกห่างจากถ้วยพลาสติกขนาดครึ่งลิตรเพราะค่าความเป็นกรดด่างใช้ได้แล้ว เขารอให้แม่เหล็กในถ้วยหมุนสักพักเพื่อให้แน่ใจว่าค่าที่ได้คงที่ แล้วนำแท่งอ่านค่าออกมาล้างด้วยน้ำกลั่น “มันไม่ค่อยมีภาคที่แปลเป็นภาษาไทยน่ะสิลิเซีย เท่าที่เอกรู้นะ แถมต้องซื้อเครื่องเล่นแพงๆมาใช้อีก”
เอกรัตน์ขยับแว่นตาก่อนนำน้ำที่ผสมได้ไปใส่คนโทแก้วขนาดหนึ่งลิตรเพื่อเพิ่มปริมาณและลดความเข้มข้นของสารอาหาร เสียงประตูรั้วเปิดดังแทรกเสียงเพลงขึ้นมาเขาจึงวานให้อลิเซียไปดูให้หน่อยว่าใครมา แถมเปิดประตูเข้ามาโดยพลการอีก เจ้าดัมมี่ก็ไม่ยอมเห่าน่าจะเป็นคนรู้จัก
“มายังไงนัท แกต้องไปอ่านหนังสือเตรียมบวชนี่นา” เอกรัตน์เทน้ำยาที่ผสมได้ที่แล้วลงในเหยือกขนาดหนึ่งลิตรเพื่อใส่ผงวุ้นแล้วต้มโดยใช้ไมโครเวฟ “แต่ก่อนหน้านั้น แกทำอย่างไรให้หายแฮงค์เร็วขนาดนี้”
ผู้เยี่ยมเยือนยามเช้าคือไตรภพน้องชายของคุณเจ้าของบ้าน เมื่อเจอพี่ชายในห้องเตรียมสารเคมีก็ทำหน้าทะเล้นใส่ทันที
“ก็บอกว่าจะไปหาที่อ่านข้างนอก แต่พอดีรถมอเตอร์ไซด์มันพานัทมาหาพี่เอก ไม่ดีใจหรือ” ไตรภพหัวเราะ
“เจอแกสามวันติดแสดงว่าฉันต้องซวยไปอีกสามเดือน...แล้วคงเป็นเท้าฉันด้วยที่ถีบแกออกไปจากบ้านเพราะมากวนคนทำงาน” เอกรัตน์ตอบแบบทีเล่นทีจริง
“นัทแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเองพี่เอก จะให้นัทช่วยอะไรได้หมด ขอแค่ที่นั่งเล่นเท่านั้น”
ด้วยแววตาที่น่าเอ็นดูของน้องชายคนเล็กทำให้พี่ชายใจอ่อน เอกรัตน์ขอให้ไตรภพกับอลิเซียช่วยกันเตรียมขวดแก้วเล็กๆกับฝาพลาสติกสำหรับใส่อาหารกุหลาบ...
(มีต่อ)
หนุ่มไม้ขวดกับสาวไม้ดอก ตอนที่ 4
“ไม่ต้องการอะไรเลย เจ้านัทก็เป็นคนอย่างนี้แหละลิเซีย ต้องรอให้ถึงเวลาจึงจะพูดได้ว่าต้องการอะไร ขนาดตอนเลือกเรียนมหาวิทยาลัยยังประวิงเวลารอแล้วรอเล่าเลยกว่าจะเลือกได้สักอันดับหนึ่ง” เอกรัตน์โคลงหัวบ่นถึงน้องชายที่เรียกว่าดีก็ไม่ได้ไม่ดีก็ไม่ถูก “เอาเป็นว่าเรื่องนั้นรอให้ถึงเวลาแล้วค่อยคิด เย็นนี้ลิเซียได้กินสเต็กแล้วนี่ เอกไม่รอกินข้าวเย็นนะ” คุณเจ้าของบ้านยิ้ม อย่างน้อยหญิงสาวก็ทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว
“แล้วจะให้ลิเซียช่วยอะไรบ้าง ไม่ได้ใช้เวทมนตร์นานๆมันพาลขี้เกียจน่ะ อ้วนด้วย” อลิเซียพูดเสียงอ่อย ท่าทางจะกลัวอ้วนจริงๆ
“อย่างนั้นช่วยเร่งการโตของตากล้วยไม้ได้ไหม ในรางปั่นนั่น”
เอกรัตน์หมายถึงตากล้วยไม้ที่ได้จากบ้านของวรรณวิศา ซึ่งบัดนี้นอนอยู่ในขวดรูปชมพู่ที่ตั้งบนแท่นหมุนที่จะทำให้มันหมุนเหวี่ยงตลอดเวลา ตาเล็กๆที่ตัดมาจากกล้วยไม้ต้นแม่หลายก้อนถูกปั่นรวมกันอยู่ในสารอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงให้เติบโต
“ไหนๆแล้วขอเร่งเวลากุหลาบแก้วของลิเซียด้วยสิ”
“ไปรอที่แท่นเหวี่ยงเลยลิเซีย เดี๋ยวเอกไปหยิบขวดกุหลาบแก้วมาก่อน”
เอกรัตน์ก้าวผ่านประตูสองชั้นเข้าไปด้านข้างของตัวบ้านซึ่งเป็นห้องกระจก ภายในมีชั้นวางขวดแก้วและถุงใส่ต้นไม้ที่เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมา คุณเจ้าของบ้านชะงักที่ประตูห้องแล้วรีบสวมรองเท้ายาง เพราะไฟมักรั่วตามชั้นวางต้นไม้จึงต้องใส่รองเท้ายางกันไฟดูด ความจริงเขาสามารถขอให้เพื่อนที่รู้จักมาช่วยแก้ได้ แต่เขาไม่ทำเพราะแบบนี้จะทำให้มีสติระวังตัวตลอดเวลาตามที่ได้เรียนรู้มาตอนฝึกงาน
เอกรัตน์หยิบขวดกุหลาบแก้วสองจากห้าขวดออกมา หวังจะเก็บไว้ศึกษาเองด้วย
“แค่สองขวดก่อนลิเซีย เอกอยากดูมันโตตามธรรมชาติด้วย” เอกรัตน์วางขวดแก้วข้างแท่นเหล็กที่หมุนเหวี่ยงอยู่ตลอดเวลา
“ทำให้มันหยุดก่อนไม่ได้หรือ” ท่าทางอลิเซียคงมองตามแท่นเหวี่ยงจนตาลายแน่ๆ
“ไม่ได้หรอก ประเดี๋ยวตากล้วยไม้ขวดอื่นพาลตายหมด มันต้องถูกเขย่าตลอดเวลาเพื่อให้ได้รับทั้งอากาศและสารอาหาร” เอกรัตน์พูดอย่างจนใจ
“อย่างนั้นก็ทำทั้งแบบนี้ล่ะ ลิเซียคงต้องลองดู”
เวทมนตร์ที่เอกรัตน์เห็นคือแสงสีขาวจากฝ่ามือทั้งสองของหญิงสาว ความรุ่งโรจน์ในการปั่นตากล้วยไม้เติบโตอย่างรวดเร็ว ตาในขวดปั่นใหญ่ขึ้นและเพิ่มจำนวนโดยที่เอกรัตน์ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร
ในขณะเดียวกันความล้มเหลวครั้งแรกก็มาหาคุณเจ้าของบ้านเช่นกัน
กิ่งกุหลาบแก้วที่ถูกปักบนวุ้นสีดำถ่านขวดหนึ่งเน่าและหงิกงอ อีกขวดก็มีเชื้อราสีเขียวงอกขึ้นเต็มขวด กุหลาบต่างมิติไม่สามารถเติบโตได้ในอาหารที่เขาเลือก แถมขวดหนึ่งยังติดเชื้อราอีกด้วย อลิเซียหยุดเวทมนตร์มองไปที่ขวดกุหลาบแก้วทั้งสองอย่างใจหาย
“ไม่ได้อย่างนั้นหรือ” อลิเซียครางด้วยแววตาเศร้าหมอง
“ไม่ต้องห่วง เรามีทั้งเวลาทั้งอุปกรณ์ แค่ต้องปรับสูตรอาหารใหม่เท่านั้น...สูตรอาหารสำหรับกุหลาบมีตั้งหลายสูตร พรุ่งนี้เอกจะนั่งผสมให้เป็นพิเศษเลยดีไหม ถ้าอาของลิเซียบอกว่าทำได้ เราก็ต้องทำได้สิน่า แค่ยังลองไม่ครบทุกวิธีเท่านั้น” เอกรัตน์ปลอบหญิงสาว
“วุ้นนั่นมีหลายแบบหรือ”
“ใช่แล้ว มันเป็นสูตรอาหารสำหรับพืชที่เรียกย่อๆว่าเอ็มเอส ที่เอกใช้ตอนแรกเป็นชนิดชักนำราก ยังมีชนิดชักนำยอดกับยืดยอดให้ลองใช้อีก ที่เห็นเป็นสีดำๆนั่นคือผงถ่าน คราวหน้าเอกจะลองไม่ใส่ดูบ้าง เราต้องทดลองหลายๆแบบจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ” เอกรัตน์พูดด้วยแววตาแน่วแน่ คิดว่าวันพรุ่งนี้คงงานยุ่งเพราะต้องเตรียมอาหารสำหรับกุหลาบแก้วใหม่...
ในเมื่อสองขวดล้มเหลวแต่ใช่ว่าอีกสามขวดจะเสียหายเหมือนกันเสมอ เอกรัตน์ยังคงเก็บขวดกุหลาบแก้วอีกสามขวดเอาไว้เพื่อดูว่ามันจะเน่าตายเหมือนสองขวดแรกหรือไม่ คืนนั้นเอกรัตน์นอนคิดทั้งคืนว่าควรปรับสูตรผสมอาหารสำหรับกุหลาบแก้วอย่างไร อาหารในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมีชื่อเรียกของมัน เป็นการผสมกันของสารเคมีสองชุด คราวนี้เขาอาจใส่ชุดที่สองมากกว่าชุดแรก
“ขอตัวอย่างดินไปตรวจธาตุอาหารก่อน”
คุณเจ้าของบ้านบอกกับอลิเซียเพราะต้องการให้แน่ใจว่าสามารถใช้สารอาหารชนิดเดียวกันได้ บางทีเขาอาจต้องใช้ดินจากมิติของอลิเซียเป็นส่วนผสมด้วย
“ก็เหมือนกับบนโลกนี่นา ไนโตเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม...” ผลปรากฏว่าธาตุอาหารพืชเหมือนกับในโลกนี้ ดังนั้นปัญหาไม่น่าอยู่ที่สารเคมีในอาหารเลี้ยง “หรือจะลองปรับตัวเอ็มเอสสองให้เยอะกว่าดี แล้วเพิ่มอ๊อกซินเข้าไปอีก” เอกรัตน์พึมพำกับตัวเองเหมือนยามปกติที่ขบปัญหาไม่แตก
“มันคืออะไรหรอเอก เอ็มเอสกับอ๊อกซิน” อลิเซียเอียงคอน้อยๆเมื่อพบกับคำที่ไม่เข้าใจ
“เอ็มเอสคือชื่อย่อของอาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มันเป็นการรวมเอาสารเคมีซึ่งเป็นอาหารของพืชมารวมกันแล้วทำเป็นวุ้นอาหาร เอ็มเอสวันคือธาตุอาหารหลัก เอ็มเอสทูคือธาตุอาหารรอง ซึ่งเอกจะต้องทำสต๊อกเอาไว้เป็นขวด วันนี้เอกจะลองผสมอาหารใหม่ให้กุหลาบแก้วของลิเซียให้แปลกกว่าทุกครั้ง”
“ถ้าสำคัญทำไมไม่ใส่เยอะๆล่ะ”
“เยอะไปพืชก็ดูดซึมได้ไม่หมดเสียของเปล่าๆ” เอกรัตน์อธิบายอย่างใจเย็น ในหัวขบคิดด้วยความเร็วสูงว่าจะทำอย่างไรต่อ ควรรีบทดลองเลี้ยงกุหลาบแก้วเร็วๆตามความต้องการส่วนตัว หรือจะเลี้ยงไข้กุหลาบแก้วเอาไว้รอวันที่กล้วยไม้ของเขาได้ชูช่อเสียก่อน
แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ เช้าวันนั้นเอกรัตน์ผสมอาหารสำหรับกุหลาบแก้วของอลิเซียให้ใหม่โดยทดลองใช้สต๊อกของทั้งสองสูตรในปริมาณที่เท่ากัน เหมือนกับที่ทำเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เอกรัตน์เปิดเพลงที่ชอบไปด้วยทำงานไปด้วยอย่างไม่กลัวความเผอเรอผิดพลาด
“เพลงอะไรหรอ เนื้อเพลงดี ให้ตาคุณอยู่กับฉัน” อลิเซียเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่เอกรัตน์กำลังปรับความเป็นกรดด่างของอาหารอยู่
“เป็นเพลงของเกมภาษา อายส์ออนมี” เอกรัตน์ตอบทั้งที่ตาจ้องเป๋งไปที่เครื่องอ่านค่าความเป็นกรดด่าง มือข้างหนึ่งถือแท่งวัด อีกมือคอยหยดสารที่เพิ่มหรือลดความเป็นกรดด่างให้อยู่ในความเหมาะสม “เป็นหนึ่งในซีรีส์เกมภาษาที่สนุกมาก เอกเคยเล่นแค่ไม่กี่ภาคก็ว่าดีนะ”
“เป็นอย่างไรหรือที่เรียกว่าเกมภาษา ขอลิเซียเล่นบ้างได้หรือเปล่า”
“มันจะมีเนื้อเรื่องของมันเอง มีปริศนาให้แก้ มีเลเวลให้เก็บ มีจอมมารให้ปราบ มีเวทมนตร์ให้ใช้...เจ๋ง!” เอกรัตน์รีบย้ายมือข้างที่หยดน้ำยาออกห่างจากถ้วยพลาสติกขนาดครึ่งลิตรเพราะค่าความเป็นกรดด่างใช้ได้แล้ว เขารอให้แม่เหล็กในถ้วยหมุนสักพักเพื่อให้แน่ใจว่าค่าที่ได้คงที่ แล้วนำแท่งอ่านค่าออกมาล้างด้วยน้ำกลั่น “มันไม่ค่อยมีภาคที่แปลเป็นภาษาไทยน่ะสิลิเซีย เท่าที่เอกรู้นะ แถมต้องซื้อเครื่องเล่นแพงๆมาใช้อีก”
เอกรัตน์ขยับแว่นตาก่อนนำน้ำที่ผสมได้ไปใส่คนโทแก้วขนาดหนึ่งลิตรเพื่อเพิ่มปริมาณและลดความเข้มข้นของสารอาหาร เสียงประตูรั้วเปิดดังแทรกเสียงเพลงขึ้นมาเขาจึงวานให้อลิเซียไปดูให้หน่อยว่าใครมา แถมเปิดประตูเข้ามาโดยพลการอีก เจ้าดัมมี่ก็ไม่ยอมเห่าน่าจะเป็นคนรู้จัก
“มายังไงนัท แกต้องไปอ่านหนังสือเตรียมบวชนี่นา” เอกรัตน์เทน้ำยาที่ผสมได้ที่แล้วลงในเหยือกขนาดหนึ่งลิตรเพื่อใส่ผงวุ้นแล้วต้มโดยใช้ไมโครเวฟ “แต่ก่อนหน้านั้น แกทำอย่างไรให้หายแฮงค์เร็วขนาดนี้”
ผู้เยี่ยมเยือนยามเช้าคือไตรภพน้องชายของคุณเจ้าของบ้าน เมื่อเจอพี่ชายในห้องเตรียมสารเคมีก็ทำหน้าทะเล้นใส่ทันที
“ก็บอกว่าจะไปหาที่อ่านข้างนอก แต่พอดีรถมอเตอร์ไซด์มันพานัทมาหาพี่เอก ไม่ดีใจหรือ” ไตรภพหัวเราะ
“เจอแกสามวันติดแสดงว่าฉันต้องซวยไปอีกสามเดือน...แล้วคงเป็นเท้าฉันด้วยที่ถีบแกออกไปจากบ้านเพราะมากวนคนทำงาน” เอกรัตน์ตอบแบบทีเล่นทีจริง
“นัทแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเองพี่เอก จะให้นัทช่วยอะไรได้หมด ขอแค่ที่นั่งเล่นเท่านั้น”
ด้วยแววตาที่น่าเอ็นดูของน้องชายคนเล็กทำให้พี่ชายใจอ่อน เอกรัตน์ขอให้ไตรภพกับอลิเซียช่วยกันเตรียมขวดแก้วเล็กๆกับฝาพลาสติกสำหรับใส่อาหารกุหลาบ...
(มีต่อ)