https://www.atpserve.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%A1/
น้ำอัดลมมีต้นกำเนิดมาจากการค้นพบน้ำแร่ธรรมชาติที่มีฟอง หรือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งผู้คนในสมัยก่อนเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยา ต่อมาจึงมีการพัฒนาจนสามารถผลิตน้ำอัดลมได้ในเชิงอุตสาหกรรม โดยมีการเติมสารให้ความหวานและรสชาติต่างๆ เข้าไป
ในปี 1810 Simons และ Rundell จาก South Carolina ได้ จดสิทธิบัตร กรรมวิธีการผลิตน้ำโซดาในปริมาณมากๆ แต่เครื่องดื่มอัดลมก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมจนกระทั่งปี 1832 เมื่อ John Mathews ได้ประดิษฐ์เครื่องทำน้ำโซดาและผลิตออกขายจำนวนมาก
เนื่องจากน้ำโซดาถือเป็นเครื่องดื่มสุขภาพในสมัยนั้น จึงมีการขายน้ำโซดาในร้านขายยา และมีการใส่สมุนไพรเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณทางยา อย่างเช่น John Pemberton เภสัชกรในเมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา ที่สรรหาวัตถุดิบที่ให้กลิ่นและรสชาติที่ดีมาผสมกับน้ำโซดา จนกลายเป็นโค้ก และ น้ำอัดลมยี่ห้ออื่นที่เราดื่มกันจนทุกวันนี้
ฝาจีบและขวดแก้ว
น้ำอัดลม ในขวดแก้วกับฝาจีบคงเป็นภาพจำในอดีตของใครหลายๆ คน เพราะก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขวดพลาสติก น้ำอัดลมจะอยู่ในขวดแก้วที่ปิดด้วยฝาจีบเสมอ ในสหรัฐอเมริกา สิทธิบัตรกว่า 1,500 ฉบับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับจุกก๊อก และฝาขวดน้ำอัดลม เพราะน้ำอัดลมมีแรงดันจากแก๊สมาก ผู้ผลิตจึงต้องหาทางประดิษฐ์ฝาที่สามารถปิดฝาขวดได้สนิทและไม่ทำให้แก๊สภายในขวดรั่วออกมา ซึ่งฝาแบบจีบก็ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อการนี้ และได้รับสิทธิบัตรในปี 1892
ทางด้านขวดแก้วเองก็มีการพัฒนาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมน้ำอัดลมที่โตขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 1899 ได้มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรเครื่องเป่าแก้วอัตโนมัติขึ้น ทำให้การผลิตขวดแก้วทำได้มากขึ้นกว่าเดิม
น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ แม้จะมีต้นกำเนิดจากเครื่องดื่มสุขภาพก็จริง แต่ด้วยปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป ปัจจุบันจึงกลายเป็นเครื่องดื่มที่ถูกมองว่าทำลายสุขภาพไปเสียแล้ว
ต้นกำเนิดของน้ำอัดลมมาจากไหน
น้ำอัดลมมีต้นกำเนิดมาจากการค้นพบน้ำแร่ธรรมชาติที่มีฟอง หรือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งผู้คนในสมัยก่อนเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยา ต่อมาจึงมีการพัฒนาจนสามารถผลิตน้ำอัดลมได้ในเชิงอุตสาหกรรม โดยมีการเติมสารให้ความหวานและรสชาติต่างๆ เข้าไป
ในปี 1810 Simons และ Rundell จาก South Carolina ได้ จดสิทธิบัตร กรรมวิธีการผลิตน้ำโซดาในปริมาณมากๆ แต่เครื่องดื่มอัดลมก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมจนกระทั่งปี 1832 เมื่อ John Mathews ได้ประดิษฐ์เครื่องทำน้ำโซดาและผลิตออกขายจำนวนมาก
เนื่องจากน้ำโซดาถือเป็นเครื่องดื่มสุขภาพในสมัยนั้น จึงมีการขายน้ำโซดาในร้านขายยา และมีการใส่สมุนไพรเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณทางยา อย่างเช่น John Pemberton เภสัชกรในเมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา ที่สรรหาวัตถุดิบที่ให้กลิ่นและรสชาติที่ดีมาผสมกับน้ำโซดา จนกลายเป็นโค้ก และ น้ำอัดลมยี่ห้ออื่นที่เราดื่มกันจนทุกวันนี้
ฝาจีบและขวดแก้ว
น้ำอัดลม ในขวดแก้วกับฝาจีบคงเป็นภาพจำในอดีตของใครหลายๆ คน เพราะก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขวดพลาสติก น้ำอัดลมจะอยู่ในขวดแก้วที่ปิดด้วยฝาจีบเสมอ ในสหรัฐอเมริกา สิทธิบัตรกว่า 1,500 ฉบับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับจุกก๊อก และฝาขวดน้ำอัดลม เพราะน้ำอัดลมมีแรงดันจากแก๊สมาก ผู้ผลิตจึงต้องหาทางประดิษฐ์ฝาที่สามารถปิดฝาขวดได้สนิทและไม่ทำให้แก๊สภายในขวดรั่วออกมา ซึ่งฝาแบบจีบก็ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อการนี้ และได้รับสิทธิบัตรในปี 1892
ทางด้านขวดแก้วเองก็มีการพัฒนาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมน้ำอัดลมที่โตขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 1899 ได้มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรเครื่องเป่าแก้วอัตโนมัติขึ้น ทำให้การผลิตขวดแก้วทำได้มากขึ้นกว่าเดิม
น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ แม้จะมีต้นกำเนิดจากเครื่องดื่มสุขภาพก็จริง แต่ด้วยปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป ปัจจุบันจึงกลายเป็นเครื่องดื่มที่ถูกมองว่าทำลายสุขภาพไปเสียแล้ว