หนุ่มไม้ขวดกับสาวไม้ดอก ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา
อากาศร้อนปลายเดือนเมษายนยิ่งทำให้กลิ่นแอลกอฮอล์ในห้องปลอดเชื้อแรงขึ้นเป็นเท่าตัว เอกรัตน์ต้องปิดห้องนี้ให้มิดชิดที่สุดเพื่อการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ กระปุกน้ำกลั่นฆ่าเชื้อกระปุกแล้วกระปุกเล่าถูกวางเรียงกันบนโต๊ะสีขาวสะอาด ทุกอย่างในห้องนี้ต้องสะอาดหมดจดแม้แต่ตัวเขาเอง

    ชายหนุ่มฉีดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อด้านในโต๊ะเพาะเลี้ยงอย่างรีบเร่งแล้วปิดประจกกั้นลงกันเชื้ออื่นปลอมปนเข้าไป เขาจบจากมหาวิทยาลัยได้ไม่กี่ปีก็สามารถตั้งร้านเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นของตัวเองได้แล้ว หลังจากตรวจดูไฟยูวีฆ่าเชื้อและโต๊ะวางอุปกรณ์เขาก็ออกจากห้องไปด้วยอาการเหนื่อยล้า ประตูห้องเพาะเลี้ยงปิดสนิทรอการทำการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อครั้งต่อไปในตอนบ่าย เช้านี้เขาต้องผสมอาหารเลี้ยงเชื้อเสียก่อน

    “แกลอดประตูชั้นแรกมาได้ยังไงดัมมี่”

    เอกรัตน์จับหมาสีดำที่เลี้ยงไว้อย่างนุ่มนวล มันเป็นหมาพันธุ์ค็อกเกอร์ที่มีขนดำสนิทและนุ่มที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา แล้วปล่อยมันลงพื้นห้องด้านนอกประตูกั้นชั้นนอก เพราะมันสามารถนำเชื้อแบคทีเรียเข้ามาในห้องปลอดเชื้อได้เป็นสิบๆชนิด

    ที่นี่เป็นบ้านของเอกรัตน์ ซึ่งเขาทำงานเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อควบคู่ไปด้วย และมีงานอดิเรกอีกสิ่งที่หลงใหลคือกล้วยไม้นับสิบต้นที่แขวนอยู่หลังบ้าน เขารับงานเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อไปพร้อมกับขายกล้วยไม้ที่ผสมขึ้นและเพาะเลี้ยงด้วยตัวเอง หน้าบ้านติดป้ายไวนิลโทรมๆว่ารับเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหากความจริงเขาลงโฆษณาในอินเตอร์เน็ทจึงมีลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย ห้องโถงหน้าบ้านนอกจากใช้รับแขกแล้วยังเป็นที่วางต้นอ่อนกล้วยไม้ในขวดแก้วที่เป็นสินค้าเอาไว้ด้วย

    “ดูซิว่ารายการคราวนี้มีอะไร” เอกรัตน์ทิ้งตัวลงบนโต๊ะทำงานมุมหนึ่งของห้องโถงหน้าแล้วเปิดสมุดจดรายการสั่งเพาะเลี้ยง “กล็อกซีเนีย แครอท...รายนี้เขาหวังอะไรอยู่นะ กุหลาบ...อี๋ต้องใช้ผงถ่านด้วยลำบากสองเท่า แล้วก็กล้วยไม้เจ้าเก่า...จะแอบแบ่งเมล็ดไปเก็บไว้เลี้ยงเองซะเลยดีมั้ย ดีมั้ยดัมมี่” เอกรัตน์ขยี้หัวหมาตัวเดียวในบ้านอย่างสนุกมือ “กล้วยไม้ขวดของคุณฉัตรพงษ์ก็งอกดี กล้วยไม้กระปุกเล็กก็เอาใส่กล่องเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”


    หลังจากตรวจสิ่งที่ต้องทำเสร็จเขาก็ออกไปรดน้ำต้นไม้ที่ลานหน้าบ้าน เขารักต้นไม้ก็จริงแต่ที่ชอบที่สุดคือกล้วยไม้ สาเหตุที่ลานหน้าบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ประดับชนิดต่างๆคือบ้านหลังข้างๆนี่เอง

    “เอก ว่างอยู่หรือเปล่า” วรรณวิศา เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของเขาอาศัยอยู่บ้านข้างกันนี่เอง บ้านเธอขายไม้ประดับชนิดต่างๆ “พ่อให้มาถามว่ากล้วยไม้ที่ฝากปั่นตาได้หรือยัง”

    “เดี๋ยวเข้าไปหยิบให้” เอกรัตน์ยิ้มอย่างเบิกบาน เช้าวันนี้พระอาทิตย์เพิ่งขึ้นเมื่อได้เห็นหน้าสุดที่รักนี่เอง เขาตกหลุมรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้วตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกัน

    “คิดแค่ค่าขวดก็พอ คนกันเอง” ชายหนุ่มยื่นกระปุกใส่ตากล้วยไม้สีเหลืองอมเขียวข้ามกำแพงไปให้แล้วรับเงิน “แล้วกินข้าวเช้าหรือยัง”

    “กินแล้ว พอดีวันนี้เป็นวันหยุดพ่อเลยกลับมานอนที่บ้านน่ะ กินข้าวกันเร็วหน่อย” พ่อของวรรณวิศาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจึงไม่ค่อยกลับมานอนที่บ้านบ่อยนัก

    “ฝากบอกอาจารย์ด้วยว่าแพรวาดอกใกล้บานแล้ว” ตามประสานักเลงกล้วยไม้เหมือนกันมักตั้งชื่อให้กล้วยไม้ต้นที่ชอบเสมอ เขากับพ่อของเธอเหมือนกันตรงนี้เอง

    ดูภาพรวมแล้วความรักของเขาแทบไม่มีปัญหา มันติดตรงที่พ่อของวรรวิศาเป็นพวกหวงลูกสาวแบบแปลกๆ อาจเพราะภรรยาของเขาเสียไปเหลือลูกสาวเพียงคนเดียว จึงกีดกันผู้ชายคนอื่นๆที่เข้ามาติดพันเหมือนหมาเฝ้าบ้านไม่มีผิด ขนาดเอกรัตน์ที่เป็นคอกล้วยไม้เหมือนกันก็ยังทำได้แค่ยืนคุยโดยมีกำแพงบ้านขวางเอาไว้ ก็ยังดีที่แอบติดต่อกันได้ทางอินเตอร์เน็ทและมือถือ

    เมื่อบอกรักสาวข้างบ้านและให้อาหารหมาเสร็จเอกรัตน์ก็เริ่มงานประจำทันทีคือทำอาหารสำหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีที่เป็นอาหารให้กับชิ้นส่วนของพืชที่ถูกตัดออกมา เพื่อให้มันเติบโตเป็นต้นใหม่จำนวนมาก โชคดีที่เขาสนิทกับร้านขายเคมีภัณฑ์จึงซื้อได้ในราคาถูกกว่าเล็กน้อย เขาจะต้องผสมให้ได้อัตราส่วนที่แม่นยำและถูกต้องโดยใช้แท่งเหล็กกับฐานแม่เหล็กปั่นแทนการปั่นด้วยมือ และการปรับค่าความเป็นกรดด่างด้วยเครื่องมือเป็นขั้นตอนเกือบสุดท้าย

    หลังจากใส่วุ้นและเทลงกระปุกเล็กๆแล้วก็ต้องนำไปนึ่งฆ่าเชื้อก่อนนำมาใช้งาน เอกรัตน์ปิดเครื่องนึ่งใหญ่เท่าตัวคนพอดีกับนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง ท้องของเขาประท้วงเสียงดังสนั่น...


    ตอนบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จลูกค้าที่สั่งของไว้ก็มารับตามกำหนด ไม่แค่นั้นพ่อของวรรวิศาก็เดินเฉิบๆเข้ามาหาด้วยอาการหงุดหงิด ในมือถือกระถางกล้วยไม้ต้นโปรดเอาไว้ เอกรัตน์ยิ้มให้แม้อีกฝ่ายจะหน้าบอกบุญไม่รับ

    “เอกดูนี่สิ พี่ไม่กลับมาดูพักเดียวเอง แสงสายัณห์ของพี่มีตำหนิซะแล้ว” อาจารย์สิงหนพพ่อของวรรณวิศาแทบยื่นกระถางกล้วยไม้พันธุ์ช้างกระใส่หน้าเอกรัตน์

    เอกรัตน์รับมาดูด้วยความสงสัย เจ้าต้นที่ชื่อแสงสายัณห์เป็นต้นโปรดของอาจารย์สิงหนพ ดอกสีส้มแดงเป็นพวงสวยเหมือนพระอาทิตย์ตกดิน แถมยังได้รับรางวัลกล้วยไม้สวยงามระดับจังหวัดมาอีกต่างหาก แล้วตาของเขาก็ไปสะดุดที่ใบของกล้วยไม้ซึ่งมีจุดสีน้ำตาลประอยู่ทั่ว แถมดอกใหม่ก็มีอาการบิดงอผิดรูปเสียอีก

    “ไวรัสใบด่างกล้วยไม้ ซิมบิเดียม โมซาอิค โพรเทคไวรัส” สมองของเอกรัตน์ดีดชื่อของไวรัสพืชขึ้นมาทันควัน “มันไม่ได้ติดกันง่ายๆเลยนะครับอาจารย์ ไปได้มาจากไหนครับเนี่ย”

    “คงเมื่อสองเดือนก่อนที่เขาขอยืมไปจัดแสดงนั่นแหละ พี่ไม่น่ายอมเลย” อาจารย์สิงหนพสบถสาบานกับตัวเอง “โชคดีที่ยังเห็นอาการแค่ต้นนี้ต้นเดียว เลยมาให้เอกช่วยนี่แหละ”

    “กับไวรัสตัวนี้ปั่นตาไม่ค่อยจะยอมหายนะครับอาจารย์”

    “ต้องลอง กับเจ้าต้นนี้พี่ลงทุนไปมาก อยากได้ต้นลูกที่ปลอดเชื้อจริงๆ จะให้เอกปล่อยขายด้วยถ้าจะเอา”

    “ทางทฤษฎีไม่ได้แต่ทางปฏิบัติไม่แน่ ปั่นตางอกสักร้อยต้นอาจไม่เป็นโรคสักต้นก็ได้ น่าลองเหมือนกันครับอาจารย์” แล้วเอกรัตน์ก็คิดบางสิ่งขึ้นมาได้ “แต่ว่า ถ้าทำได้ ง่า ถ้าปั่นตาสร้างต้นปลอดเชื้อได้ ขอผมคบกับวรรณวิศานะครับ”

    ในที่สุดเขาก็พูดออกไปแล้ว อาจารย์สิงหนพทำหน้าปั้นยากอยู่อึดใจ ราวกับมีสองทางเลือกสำคัญอยู่ตรงหน้า ระหว่างลูกสาวสุดที่รักสองคน ก่อนหน้านี้มีผู้ชายมาจีบหญิงสาวหลายคนต้องล่าถอย เขาจะเป็นรายแรกที่ถึงตัวเธอให้ได้

    “เลือกยากนะ” อาจารย์สิงหนพขมวดคิ้ว “ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นใครทำได้ดีเลยสักคน เอกจะลองดูก็ได้ แต่เอกกับศาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนไม่ใช่หรือ”

    เพื่อนกันแฟนมันต่างกันนะครับคุณพ่อ เอกรัตน์ยิ้มแห้ง

    “ตกลงให้คบกันอย่างเปิดเผยหากเอกช่วยพี่ได้” อาจารย์สิงหนพกล่าวอย่างหนักแน่น “ระหว่างนี้จะให้ศามาคอยช่วยก็แล้วกันเผื่อขาดเหลืออะไร หรืออยากได้ตาใบของแม่แสงสายัณห์ไปใช้อีก”

    เอกรัตน์ร้องไชโยไปไกลถึงสรวงสวรรค์เบื้องบน ก่อนสายฟ้าจะฟาดลงมา

    “แต่พี่อยากเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีก ต้นลูกที่ไม่เป็นโรคต้องได้รางวัลประกวดด้วย ตกลงไหม”

    “ครับอาจารย์ ผมจะทำให้ได้” เอกรัตน์ให้คำมั่น...


    ข้อตกลงดังกล่าวเปลี่ยนยามบ่ายวันนั้นให้เป็นสีชมพูหวานแหวว หลังจากปิดล็อกประตูเสร็จสรรพเอกรัตน์เริ่มด้วยการจัดแจงนำส่วนประกอบที่จะใช้เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเข้าไปไว้ในห้องปลอดเชื้อ จากนั้นล้างมือด้วยสบู่ฆ่าเชื้อสองรอบก่อนเข้าไปปฏิบัติการ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อคือการนำส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชมาเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเพื่อให้เกิดเป็นต้นใหม่ขึ้นมา จึงต้องละเอียดอ่อนและไม่ปล่อยให้มีเชื้อที่ไม่ต้องการติดเข้าไประหว่างการทำงาน

    “สวัสดีครับ เอกรัตน์ครับ” หลังเสร็จงานมือถือก็ดังขึ้นเหมือนจงใจ เป็นสายจากแม่ของเขาเอง “มีอะไรหรือเปล่าครับ เอกเพิ่งกลับมาจากบ้านได้ไม่กี่วันเอง” เขาก็เหมือนกับคนอื่นๆที่กลับไปเยี่ยมบ้านช่วยสงกรานต์ และอยู่นานกว่าคนอื่นได้ด้วยทำธุรกิจส่วนตัว

    “จะยืมเงินเอกไปทำบุญหรือครับ...เยอะขนาดนั้นเอกไม่มีหรอกแม่ เอกเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อนะไม่ได้เป็นนักการเมือง” เอกรัตน์ย่นจมูกโบกไม้โบกมือพลางตอบโทรศัพท์ “แล้วยายวีล่ะครับ เขาเป็นพยาบาลมีเงินเดือนเยอะกว่าเอกอยู่แล้ว”

    พูดถึงทวิกาญจน์น้องสาวของเอกรัตน์ก็นึกขึ้นมาได้ ยายคนนั้นถูกบังคับให้เรียนเป็นพยาบาลแต่ไปๆมาๆกลับยอมเรียนด้วยใจรัก สุดท้ายก็หนีบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดเหมือนเขา ไม่ใช่ทุกคนจะยอมถูกจูงจมูกง่ายๆนี่นา เขาก็คนหนึ่งละ

    “ถ้าแค่นั้นเอกให้ได้ครับแม่ ลูกค้าเพิ่งมาจ่ายเงินพอดี” เอกรัตน์เปิดสมุดจดยอดรายรับรายจ่าย “อีกสองสามวันเจ้านัทจะเอารถมาคืนเดี๋ยวจะฝากไปให้”

    นัทหรือไตรภพคือน้องคนเล็กของเขา ซึ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัยปีนี้แล้ว เป็นผู้ขอยืมรถของเขาไปใช้ตั้งแต่สุดสงกรานต์ ปล่อยเขาอยู่กับหมาคู่ใจมอเตอร์ไซด์คู่ชีพโดยไม่มีรถใหญ่ไว้ใช้ซื้อของทีละมากๆ

    “มะม่วงจากบ้านหรือครับ เอกกินไปแล้ว” เอกรัตน์คิดถึงถุงมะม่วงที่ยังวางเน่าอยู่ในครัว เขาคิดว่าจะซื้อต้นใหม่ไปให้ก็ลืมเสียทุกครั้ง “คิดถึงนะครับ สวัสดีครับ”

    แทบทุกครั้งที่โทรศัพท์กลับไปที่บ้านมักตามมาด้วยปัญหา เอกรัตน์แก้ปัญหาอารมณ์เสียนี้ด้วยการจับหมาน้อยอาบน้ำเสียให้หายร้อน ก่อนอื่นก็ต้องหาตัวให้เจอก่อน เขาปล่อยเจ้าดัมมี่ไปเล่นนอกบ้านตอนทำงานอยู่ด้านใน

    “ดัมมี่ มาอาบน้ำมา!” เอกรัตน์เผลอร้องบอกไม่ได้ว่าจะจับอาบน้ำ เป็นเหตุให้หมาน้อยวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปหลังบ้านที่เป็นโรงเรือนกล้วยไม้เพื่อหาที่หลบ

    ด้านหลังบ้านเป็นจุดที่ร่มรื่นที่สุดเพราะเป็นซาแลนสูงเรียงรายด้วยร้านกล้วยไม้นับสิบต้นให้ลูกค้าเลือกซื้อ หมาน้อยวิ่งงุดๆระหว่างเสาเรือนกล้วยไม้ไปจนมุมตรงห้องสำหรับเก็บต้นแม่พันธุ์สำหรับผลิตกล้วยไม้รุ่นต่อๆไป

    “อีกเดี๋ยวแพรวาก็จะออกดอกแล้ว แกว่าสีจะเหมือนอุษามณีต้นแม่มันหรือเปล่าดัมมี่” อุษามณีเป็นกล้วยไม้พันธุ์แคทลียาดอกสีส้มจัดจ้าน เขาหวังว่าต้นลูกที่ให้ชื่อว่าแพรวาจะออกดอกสวยเหมือนต้นแม่

    แล้วหมาน้อยก็ต้องยอมจำนนให้จับอาบน้ำในที่สุด...


(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่