[CR] "ผ่าตัดเนื้องอกในมดลูก" ประสบการณ์ผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต

จขกท จะขอมาเล่าประสบการณ์การผ่าตัดครั้งที่สองในชีวิต ครั้งแรกเป็นการผ่าตัดเล็ก แบบใส่เหล็กดามกระดูกที่ข้อศอก เนื่องจากลื่นหกล้มหิมะ จนทำให้ศอกหัก ถึงเวลาจะผ่านไปเป็น 10 ปีแล้ว ความกลัวห้องผ่าตัดในครั้งนั้น ยังคงจดจำได้ถึงทุกวันนี้ การผ่าตัดไม่เจ็บ แต่การไม่ยอมขยับแขนหลังผ่าตัด ทำให้แขนยึดจนต้องไปทำกายภาพบำบัดนั้นเจ็บกว่าเยอะ

กลับมาที่เรื่องเนื้องอก เราเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกเมื่อวันที่ 27 กพ. ที่ผ่านมา ขออนุญาตเล่าย้อนไปเมื่อกลางปีที่แล้วเราเพิ่งไปตรวจอัลตราซาวน์ เพื่อหาสาเหตุการมีบุตรยากที่คลินิคนวบุตร ด้วยความที่เป็นคนกลัวการตรวจภายใน มาก เพราะเคยได้ยินว่าเจ็บ จึงปล่อยให้อายุล่วงเลยมาถึง 34 ปี เพิ่งจะเคยตรวจครั้งแรก พอตรวจเสร็จก็พบว่าเป็นเนื้องอกขนาดประมาณ 4.6 ซม. แต่ด้วยความที่คุณหมอแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องตัดเนื้องอกออก สามารถมีบุตรได้ตามธรรมชาติแต่อาจจะยากสักนิด เพราะก้อนเนื้อนี้ขวางอยู่ อาจจะต้องลองใช้วิธีทำ IUI เพื่อช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น ตอนนั้นเรายังตกใจเพราะไม่ได้คิดว่าจะเป็นเนื้องอก เพราะประจำเดือนมาสม่ำเสมอไม่เคยขาด และไม่ได้ปวดท้องรุนแรง ระยะเวลาแต่ละครั้งมาประมาณ 5 วัน ซึ่งจะเยอะใน 3 วันแรก และน้อยลง จึงไม่ได้ถามอะไรอะไรคุณหมอมาก เลยขอกลับบ้านเพื่อคุยกับสามีว่าเอายังไงดี ปรึกษาเพื่อน ตอนนั้นก็ยังไม่คิดหาหมอ second opinion เลยลั้นลาไปเรื่อยๆ อยากเที่ยว อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปก่อน

พอเวลาล่วงเลยมาประมาณครึ่งปี ความคิดเรื่องมีลูกเริ่มกลับมาใหม่ คนรอบข้างทยอยท้อง เลยคิดว่าควรจะไปตรวจอีกรอบดีกว่า จึงตัดสินใจไปตรวจที่ รพ.กรุงเทพคริสเตียน คุณหมอฟันธงว่าต้องผ่าเนื้องอกออกก่อนดีกว่า จึงจะมีลูกได้ เลยหาข้อมูลในเน็ท อ่านเจอว่าการเอาเนื้องอกออกมี 2 วิธี คือการผ่าตัดเปิดหน้าท้องกับการผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน คือ การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง แผลใหญ่กว่า ฟื้นตัวช้ากว่า เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ นอน รพ. 3 คืน และกลับบ้านพักฟื้น 1 เดือน แต่ข้อดีคือหมอจะเห็นมากกว่า เย็บแน่นกว่า ส่วนวิธีส่องกล้อง ข้อดีคือแผลเล็กกว่า ฟื้นตัวง่าย นอน รพ. 1 คืน 1-2 อาทิตย์ก็หายดี

ด้วยความที่เป็นคนที่กลัวการผ่าตัดมากๆ ลองคุยกับเพื่อนๆ เลยได้ความเห็นว่า ลองถามหมอดูไหมเผื่อว่าเคสนี้จะส่องกล้องได้ ไม่ต้องเจ็บตัว จึงตัดสินใจไปตรวจอีกรอบที่ รพ. พญาไท 2 กับคุณหมอที่เชี่ยวชาญทั้งทางด้านการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง และส่องกล้อง คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกแบบ เนื้องอกมดลูกที่ผิวด้านนอกมดลูก (Subserosal fibroid) เป็นด้านหน้ามดลูก และต้องมีการเย็บมดลูกด้วย ขนาดเนื้องอกประมาณ 6 เซนติเมตร การผ่าตัดผ่านกลัอง อาจทำให้เย็บไม่แน่นหนาพอ หากเกิดการตั้งครรภ์ในอนาคต มดลูกอาจจะปริไดั จึงต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง คุณหมอไม่แนะนำให้ผ่าตัดผ่านกล้องในปัจจุบัน โดยให้เหตุผลว่า การผ่าตัดผ่านกล้องนั้น จะต้องใช้เครื่องมือเข้าไปปั่นก้อนเนื้องอก แล้วทยอยเอาออกมา หากเนื้อนั้นเป็นเนื้อร้าย ค่อนข้างอันตรายต่อผู้ป่วย คุณหมอเลยให้เบอร์ติดต่อไวัเพื่อให้เราติดต่อไปหลังประจำเดือนหมด เพื่อนัดวันผ่าล่วงหน้า จึงได้คิวผ่าตัดวันที่ 27 กพ. 60 เวลา 20.15 น. ที่ โรงพยาบาล BNH

ช่วงก่อนหน้าวันผ่าตัดอ่านแทบทุกกระทู้ในพันธุ์ทิพย์ที่เกี่ยวกับการผ่าเนื้องอกมดลูกว่าเป็นอย่างไร น่ากลัวไหม และต้องเจอไรบ้าง
ก่อนวันผ่าตัด 1 วัน คุณหมอให้พยาบาลโทรนัดเพื่อตรวจสุขภาพ ความพร้อมก่อนการผ่าตัด ตรวจเลือด ความดัน คลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอ็กซเรย์ปอด ทุกอย่างปกติดี เหลือแค่ความพร้อมทางจิตใจ วันพรุ่งนี้แล้ว….

วันที่ 27 กพ ต้องงดน้ำงดอาหารหลังเที่ยง ตอนเช้าเลยกินไปเยอะมาก พยายามทำให้คอไม่แห้ง กลัวหลังผ่าตัดไม่สบาย ไอ จาม แล้วกระเทือนแผล กลั้วน้ำอุ่นที่คอบ่อยๆ เพื่อไม่ให้หิวน้ำ พอ 16.00 น. ไปเช็คอินที่ รพ. เพื่อเข้าห้องพัก พยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดัน อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย โกนขนหน้าท้อง และสวนอุจจาระ วันนั้นคุณแม่ น้องสาว สามี และเพื่อนไปให้กำลังใจ น้องสาวกะแม่ไปช๊อปปิ้งแถวสีลมสนุกสนาน เอาของที่ไปช๊อปมาให้ดู เอ่อ ช่วยดูหน้าคนจะผ่าตัดด้วย ตอนนั้นเครียดมาก เพราะกลัว พยาบาลเข้ามาให้กำลังใจและปลอบว่า เจาะสายน้ำเกลือเจ็บที่สุดแล้ว ไม่ต้องกลัว คนเป็นเนื้องอกมาผ่ากันเยอะ วันที่ตรวจคุณหมอยังแซวเลยว่า วันนี้วันเนื้องอกแห่งชาติหรอ คนเป็นกันเยอะมาก ผ่าออกไปแหละดีแล้ว อย่ากลัว ไม่มีไรน่ากลัวอย่างที่คิด แล้วพยาบาลก็ค่อยๆ เจาะหลังฝ่ามือให้สายน้ำเกลือ รอเวลาไปห้องผ่าตัด 19.45 น.

ถึงเวลาไปห้องผ่าตัด บุรุษพยาบาลมาเข็นลงไปห้องผ่าตัดชั้น 3 เข้าไปที่ห้องรอผ่าตัด มีพยาบาลเข้ามาคุยด้วยเป็นระยะๆ สักพักคุณหมอวิสัญญีมาอธิบายการบล็อกหลัง ว่าให้ทำตัวอย่างไร เลยแจ้งคุณหมอไปว่าขอยาที่ทำให้ง่วงด้วย ไม่อยากรู้ตัวตอนผ่าตัด คุณหมอบอกโอเค เดี๋ยวให้ say hello กับคุณหมอผ่าตัดก่อน แล้วค่อยหลับไป เวลาประมาณเกือบ 21.00 น. โดนเข็นเข้าห้องผ่าตัด บรรยากาศไม่น่ากลัวเลย เป็นห้องสีครีม มีไฟตรงกลาง 1 ดวง โดนขยับย้ายเตียงและถอดเสื้อผ้า เผื่อฉีดยาบล็อกหลัง เราหันไปเห็นคุณหมอเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังไม่ทันได้ทักอะไรก็หลับไป

ตื่นมาอีกที ได้ยินคุณหมอวิสัญญีบอกว่า เรียบร้อยแล้วนะคะ เดี๋ยวย้ายเตียงสักครู่ แล้วโดนเข็นเข้าไปบริเวณพักฟื้น ตอนนั้นจำอะไรแทบไม่ได้เลย สักพักก็โดนเข็นขึ้นห้องพัก ทุกคนยังรออยู่ สามีเอารูปเนื้องอกให้ดู ขนาดประมาณไข่ไก่เบอร์ 1 และมีติ่งอีกติ่งด้วย คุณหมอก็เลาะออกให้ ตอนนั้นรู้สึกตัวแล้ว ประมาณห้าทุ่มนิดๆ เลยบอกให้แฟนกะน้องกลับบ้านไป ถึงบ้านแล้วให้บอกด้วย แล้วก้อพยายามหลับ คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับ ขาชามาก รู้สึกเมื่อยแต่ขยับไม่ได้ และรู้สึกคันหน้า คันตัว ก็เกามันส์มาก ดีนะที่ตัดเล็บก่อนมาแล้ว ไม่งั้นเลือดซิบแน่ กลางดึกตื่นหลายครั้ง ความชาค่อยๆ หายไป พยายามพลิกตัว เพราะกลัวพังผืด ตอนนั้นยังไม่รู้สึกเจ็บอะไร เพราะยาแก้ปวดยังแรงอยู่ เลยพยายามพลิกตัวซ้ายขวาให้ได้มากที่สุด มีคนบอกว่าสายปัสสาวะเกะกะมาก อาจจะรำคาญ แต่เราไม่รู้สึกอย่างนั้น สบายดี ไม่ต้องลุกไปห้องน้ำ อิๆ คืนแรกเหมือนจะนอนสบายสุด แต่ตื่นเป็นระยะเพราะคันมาก

วันที่สอง สิ่งที่กลัวที่สุดกำลังมาถึง ก่อนผ่าตัด ใครๆ ก้อบอกว่ามันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อย่ากลัวไปก่อน แต่สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือ การที่ต้องลุกขึ้นมาโดยที่ยาชาหมดฤทธิ์แล้ว เราไม่ได้กลัวการผ่าตัด แต่เรากลัวการพักฟื้นหลังผ่าตัด กลัวเจ็บ แต่ต้องฝืน นอนราบพลิกไปพลิกมาจนกระทั่งเกือบเที่ยงวันรุ่งขึ้น ค่อยๆ ปรับเตียงขึ้นมากินอาหารเหลว คือซุป น้ำแดง และน้ำข้าวต้ม… ไม่อร่อยเลยยยย

ผลข้างเคียงหลังผ่าตัดคือลมในท้องจะเยอะมาก ลำไส้ยังทำงานไม่เต็มที่ ต้องคอยขยับ เรอและผายลม อย่าให้ลมตีกลับ ไม่เช่นนั้นจะเจ็บแผลมาก ปกติไม่ค่อยผายลมซะด้วย อั้นตลอด แต่นี่ไม่สนละ ปู้ดก้อปู้ด แต่เสียงก็เบา เหมือนออกไม่เต็มที่ วันนี้คุณพยาบาลยังมาฉีดยาแก้ปวดผ่านสายน้ำเกลือให้อยู่ กินอาหารอ่อนเสร็จก็นั่งสักพักแล้วนอนพลิกไปพลิกมา พยายามหลับแต่หลับได้ไม่นานก็ตื่น เพราะห่วงพลิกตัว กลัวเจ็บแผลก่อน เดี๋ยวจะไม่กล้าพลิก
ตอนเย็นกินข้าวต้มได้แล้ว พยาบาลบอกว่า นี่น้ำเกลือขวดสุดท้ายแล้วนะคะ (จำได้ว่าประมาณ 3 ขวด) เดี่ยวพยาบาลจะถอดสายสวนปัสสาวะให้แล้วต้องพยายามลุกนะคะ เอาละสิ นี่ก้ออีกอย่างที่กลัว อ่านเยอะก็กลัวเยอะ บางคนบอกว่าเจ็บมาก แสบมากนุ่นนี่ ตอนนั้นคิด ไม่ถอดได้มั๊ย พยาบาลบอก คุณผู้หญิงอย่าเกร็งนะคะ ไม่งั้นเจ็บจริงๆ นะคะ เชื่อฟังแต่โดยดี ไม่เกร็งและกลั้นหายใจ ฮึบ พยาบาลถอดสายออกอย่างง่ายดาย ไม่เจ็บจริงๆ ด้วย แต่ยังไม่พร้อมลุกนะ คุณพยาบาลเลยบอกว่าจะไปห้องน้ำเมื่อไร กดปุ่มเรียกพยาบาลนะคะ

ถึงเวลาต้องลุกไปห้องน้ำแล้ว กดปุ่มเรียกพยาบาลมา คุณพยาบาลปรับเตียงให้นั่งและให้เกาะตัวค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง เอาละสิ ต้องลุกละ อ่านเจอ (อีกละ) ว่าตอนลุกครั้งแรก แสบแผลมาก ให้ค่อยๆ หย่อนขาลงจากเตียง สูดลมหายใจลึกๆ และค่อยๆ ยืดตัวขึ้น  คุณแม่กับพยาบาลช่วยกันพยุงคนละข้าง ค่อยๆ เดินไปห้องน้ำ และค่อยๆ นั่งลงโถส้วม ปรากฏว่าฉี่ไม่ออก นั่งอยู่เกือบ 15 นาที ก็ไม่ออก ต้องค่อยๆ เดินกลับเตียง ลุกอีก 3 รอบ ถึงค่อยๆ ออก คืนที่สองนี้ต้องเรียกพยาบาลทั้งคืน เพราะต้องให้ช่วยพยุงไปห้องน้ำ และต้องมีการตวงปัสสาวะเพื่อดูว่ากระเพาะปัสสาวะทำงานปกติแล้วหรือยัง คืนนี้นอนไม่ค่อยหลับ เพราะห่วงแต่จะลุกไปห้องน้ำ ไม่อยากอั้น

เช้าวันที่ 3 ยังคงต้องกินอาหารอ่อนๆ เพราะลำไส้ยังทำงานไม่เต็มที่ เลยยังไม่ถ่ายอุจจาระ ท้องอืดมากมาย ต้องคอยดื่มน้ำขิงเพื่อช่วยไล่ลม ผายลมและเรอวนไป ช่วงบ่ายลำไส้ทำงานแล้ว เริ่มถ่าย แต่ลมยังเยอะอยู่ วันนี้พยายามลุกเอง เดินให้ได้มากขึ้น เดินวนในห้องวนไปวนมา เริ่มเบื่อ เดินออกไปนอกห้องบ้าง มีแต่คนมาคลอดลูก มีลูกโป่งเบบี๋เต็มไปหมด พอขึ้นเตียงก็ไม่อยากลุกเดิน พอลุกเดินแล้วก็ไม่อยากกลับขึ้นเตียง เพราะลุกยาก เย็นนี้เพื่อนทยอยมาเยี่ยม ลุกขึ้นมานั่งคุย ห้ามหัวเราะ เพราะกลัวเจ็บแผล หัวเราะทีต้องค่อยๆ เบาๆ ต้องนอนอีกคืน คืนนี้นอนไม่สบายเหมือนเคย เพราะลมเยอะมาก ยิ่งตอนลมตีกลับคือเจ็บแผลจี๊ด

เช้าวันที่ 4  วันนี้ต้องกลับบ้านแล้ว แต่ยังรู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้ ไม่อยากกินข้าวอยู่ เวลาลุกจากเตียงก็มึนหัว อาจจะเพราะพักผ่อนไม่พอ เพราะตอนกลางคืนนอนไม่หลับ กลางวันก็นอนไม่พอ เลยขอคุณหมออยู่ต่ออีกคืน เอาจริงๆ ยังไม่พร้อมนั่งรถกลับบ้านด้วย กลัวกระเทือนแผล วันนี้เดินให้ได้มากกว่าเดิม ลุกง่ายกว่าเดิม แต่ยังต้องสูดหายใจลึกๆ เหมือนเดิม วันรุ่งขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลได้ เคลียร์ค่าใช้จ่าย รอสามีมารับตอนเย็น ตอนนั่งรถกลับเกร็งมาก ขนาดขึ้นทางด่วน ถ้าพื้นไม่เรียบ ใช้แขนยกตัวขึ้นทันที ปวดแขนมากกก

นับตั้งแต่วันผ่าตัดจนถึงวันนี้ ผ่านไป 11 วันแล้ว แผลหายเจ็บมากขึ้น เริ่มขึ้นลงบันไดได้ แต่พยายามไม่ขึ้นลงเยอะ เดินแนวราบให้ได้มากๆ กินอาหารได้เกือบปกติ คุณหมอไม่ได้ห้ามอะไร ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ไม่กินของย่อยยาก จะได้ไม่ท้องผูก ท้องยังคงป่องอยู่ ยังมีลมอยู่ พยายามกินผลไม้เยอะๆ อาทิตย์หน้าคุณหมอนัดดูแผลและฟังผลชิ้นเนื้อ

โดยสรุป การผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด จะมีบ้างที่ตึงที่แผล พ้นอาทิตย์แรกไปจะค่อยๆ ดีขึ้น
การสวนอุจจาระ การใส่สายน้ำเกลือ การบล็อกหลัง และการถอดสายปัสสาวะไม่เจ็บเลย ยิ่งคนไม่กลัวเข็มฉีดยาอย่างเราสบายมาก ตอนลุกจากเตียงครั้งแรกเจ็บนิดหน่อย พอทนได้ ไม่ได้แสบอย่างที่คิด ช่วงที่ทรมานสุดคือช่วงปัสสาวะไม่ออก แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ พยาบาลที่ BHN บริการดีมาก การผ่าตัดครั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 124,719 บาท ราคาจริงตามแพคเกจคือ 113,500 แต่เพราะอยู่ต่ออีกวัน ค่าใช้จ่ายจึงเพิ่มขึ้น ประกันจ่ายประมาณ 110,000 บาท ส่วนต่างออกเอง

จบแล้วค่ะกับการแชร์ประสบการณ์การผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต สิ่งที่กลัวที่สุดก็ผ่านมาได้ ถึงไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ควรไปตรวจภายในอย่างน้อยปีละครั้ง หากเกิดปัญหาอะไรจะได้รักษาอย่างทันท่วงที ยิ้มยิ้ม
ชื่อสินค้า:   ผ่าตัดเปิดหน้าท้อง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่