เล่าสู่กันฟัง : การผ่าตัดเนื้องอกมดลูก และชอคโกแลตซีสต์ เป็นวิทยาทานสำหรับคนหาข้อมูลจ้า

ตอนก่อนจะผ่า มา search หาข้อมูลในนี้เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะผ่าดีไหม ถ้าเจ้าก้อนมันเป็นเนื้อร้ายพอไปผ่ามันแล้วมะเร็งจะลาม เลยตั้งกระทู้ไว้ตามนี้ http://ppantip.com/topic/31731068
หลังผ่าแล้ว เลยคิดว่าอยากจะลงไว้เป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน เป็นทางเลือก คนกังวลใจ หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก่อนจะเจ็บตัวกันนะคะ #เนื้องอกในมดลูก #ชอคโกแลตซีสต์ #ผ่าตัด

ต้องออกตัวก่อนว่า มีตกขาวมาอยู่เรื่อยเกือบ 10 ปีแล้ว เมนส์มามากประมาณ 1 อาทิตย์ แต่มันไม่ได้ annoy ชีวิตเลยทำให้ยังไม่ไปหาหมอ เมื่อตอนไปเกาหลี ต.ค 56 ได้แช่น้ำร้อน 40 กว่าองศาในซาวน่ามา คืนนั้นเมนส์มาเยอะมากๆ ก็คิดว่า คงจะมีอะไรแปลกๆ กับมดลูกฉันบ้างละล่ะ พอกลับมาไม่กี่เดือน ก็เริ่มคลำเจอก้อนบริเวณท้องน้อย (จริงๆ มันก็คงจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ช่วง 1-2 ปีให้หลังนี่คงโตไว) ชนิดที่วางมือลงไปนาบก็รู้สึกได้โดยไม่ต้องกด ซึ่งก็ใหญ่อยู่เหมือนกัน นอนคว่ำแล้วเหมือนมีอะไรมาค้ำหน้าท้องอยู่ เริ่มรำคาญ แต่ก็ไม่ปวดท้องเมนส์หรือปวดหลังอะไรเลยนะคะ เพียงแค่เมนส์มาน้อยลงเหลือเต็มที่ คือ 3-4 วัน

28 ก.พ 57 มีนัดตัดติ่งเนื้องอกที่หัวนม ที่รพ.เปาโล สะพานควาย (มีประกันสังคมอยู่ที่นี่) พอตัดเสร็จก็เลยขึ้นไปขอตรวจสูตินรีเวชต่อเลย โดยใช้สิทธิการรักษา 3 สิทธิ คือ ไทยประกันชีวิต-ประกันสุขภาพหมู่บริษัท-ประกันสังคม คุณหมอวางมือคลำดูแล้วก็อัลตร้าซาวด์ ดูขนาดและจำนวน โดยไม่ต้องตรวจภายในขึ้นขาหยั่งแต่อย่างใด ฮาๆๆ พบประมาณ 6-7 ก้อน ใหญ่สุดคือ 10 ซม. ตอนคุณหมอไถๆ ซาวด์อยู่ก็แอบลังเลว่า หรือจะตัดมดลูกไปเลยดีน้า เราบอกว่าตัดเลยก็ได้นะคะ ไม่อยากเจ็บตัวหลายครั้ง เพราะไม่คิดมีลูกอยู่แล้ว แต่ในที่สุดหมอก็บอกว่า เก็บไว้ก่อนดีกว่า ให้โอกาสในการมีลูกก่อน ไว้ถ้าไม่มี แล้วมันกลับมาอีก ถึงตอนนั้น จะมาตัดก็ไม่สาย ใจเย็นๆ 555+ เพราะอายุยังไม่เยอะเท่าไร (หมอจีนเคยบอกว่าการไม่มีมดลูก มันจะเป็นอะไรที่ซูบซีด เหี่ยว ไม่มีน้ำมีนวล คุณอาจจะไม่มีความสุขกับมันไปตลอดชีวิตก็ได้)

คุณหมอที่รักษา ชื่อ ศศิลักษณ์ ทังสมบัติ หา search ใน google พบว่ามีภาพคุณหมอเป็นคนทำกิจกรรมประมาณหนึ่ง มีออกรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงด้วย ตอนคุยเรื่องค่าใช้จ่ายประกันกับทางรพ. ก็เลยแอบถามอายุและฝีมือ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่ก็เมาท์ให้ฟังว่า อาจารย์เก่งค่ะ ทั้งผ่าเนื้องอก ผ่าคลอดมาเยอะมาก อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่ยังสะสวยและอารมณ์ดี ไม่เคยเห็นตำหนิพยาบาลหวอดไหนเลยสักคนเดียว ^^
หมอให้เลือกว่าจะผ่าแบบไหน ถ้าส่องกล้องจะบวกอีก 3 หมื่น เราเลือกผ่าเปิดหน้าท้องธรรมดาก็ได้ เพราะก้อนใหญ่และเยอะ ไม่มั่นใจว่าส่องกล้องมันจะเห็นอะไรๆ ได้ละเอียดดีหรือเปล่า หมอบอกก็ดีเหมือนกันเพราะส่องกล้องคงใช้เวลานานน่าดู อิอิ… ก่อนผ่า ช่วงนี้ก็กินยาบำรุงเลือดไป (เลือดเป็นพาหะธาลัสซีเมีย + เลือดจาง) เพราะคงเสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หลังผ่าหมอจะให้หยุดงาน 30 วันนะ จะผ่าวันไหนดีจ๊ะ

คำนวณวันหยุดแล้ว วันจักรี-สงกรานต์-วันแรงงาน นี่ล่ะ น่าจะตัดวันลาหยุดเราได้คุ้มที่สุดแล้ว เลยขอผ่าวันศุกร์ที่ 28 มี.ค ที่ผ่านมา พยาบาลนัดให้มาแอดมิทคืนวันพฤหัสที่ 27 เที่ยงคืน จะได้ไม่ต้องเสียค่าห้องเพิ่ม 1 วัน แหม่...เริ่ด ยังไม่ทันแนะนำเรื่องการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด แนะนำเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนเลย 555+ แสดงว่าคงจะเจอคนไข้ประเภท “เยอะ” เกี่ยวกับพวกค่าใช้จ่ายมาพอสมควร ดังนั้น จึงต้องคุยเรื่องค่ารักษาให้เคลียร์ ผ่าไปแล้วมาวีนมาเหวี่ยง หรือเรียกร้องกันทีหลัง ก็เสียเวลากันโดยใช่เหตุ คืนวันพฤหัส เที่ยงคืน ก็เตรียมของมานอนรพ. ซึ่งก็ได้แก่ กางเกงในตัวใหญ่ๆ ขอบยืดๆ สำหรับวันกลับ และโน้ตบุค สำหรับนั่งทำงานแบบ work at home นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เพราะเชื่อว่ารพ.มีให้อยู่แล้ว ถอดสร้อยพระ ถอดตุ้มหู และเครื่องประดับทุกอย่างออก ล้างเล็บให้เคลียร์ อาบน้ำสระผมให้สะอาด ...อ้อ ควรจะติดผ้าอนามัยไปเผื่อด้วยก็ดีนะคะ ถึงรพ.ก็ไปติดต่อที่ห้องฉุกเฉินเพื่อขึ้นห้องพัก เจ้าหน้าที่ประกันสุขภาพกลุ่มของบริษัท (AACP) เอาเอกสารมาให้เซ็นรับทราบค่าใช้จ่าย ว่ามันครอบคลุมเท่าใด และเราต้องจ่ายเพิ่มเท่าใด แล้วพยาบาลก็มาวัดความดัน วัดไข้ พาไปเอกซเรย์ปอด แล้วก็ขึ้นห้องพัก นอนรอเวลาผ่าเที่ยงตรง รุ่งเช้าพยาบาลมาสวนเพื่อให้ถ่าย โดยใช้ลูกยางสวนทวารธรรมดา บีบยาเข้าไปทางทวารหนัก เป็นคล้ายๆ เจลลื่นๆ รู้สึกแน่นๆ เจ็บๆ นิดหน่อย 3 วิ เสร็จ... รอ 2 นาที ก็รู้สึกปวด วิ่งเข้าห้องน้ำถ่ายแทบไม่ทัน จากนั้น นอนเล่นไปเรื่อย หิวมาก เพราะงดน้ำ งดอาหารก่อนผ่า ตั้งแต่เที่ยงคืน

28 มี.ค 57 : 11.00 น เจ้าหน้าที่และพยาบาลก็มาย้ายเตียง เข็นไปเตรียมตัวในห้องผ่าตัด ลงมีดเที่ยงตรง เราพอรู้จากเพื่อนที่เคยผ่า (แบบส่องกล้อง) มาว่าจะต้องเชฟขนด้านล่างด้วย เพื่อสุขอนามัยและเพื่อไม่ให้เจ็บเวลาปิดและดึงพลาสเตอร์กันน้ำปิดแผล (เพราะกาวกับขนของเราคงจะเป็นความรู้สึกที่ไม่โอเท่าไรนะคะ 555+) ก็ถามพยาบาลในห้องผ่าว่า ต้องเชฟก่อนหรือเปล่าคะ เหมือนเขาก็ยังไม่รู้ว่าต้องเชฟ เลยไปตรวจเอกสารแล้วมาบอกว่า เดี๋ยวเชฟให้นะคะ (อ้าว นึกในใจ นี่ถ้าไม่ทัก...) สักครู่ พยาบาลก็มาพร้อมปัตเลี่ยน ไถๆๆ ทั้งนอกและใน เพลินจริงๆ ช้อบชอบ 555+ จนเกลี้ยงเหมือนตัวเม่น … ไม่มีอะไรทำระหว่างนอนรอ ก็สวดแผ่เมตตา สัพเพสัตตา ให้คุณก้อนเนื้อทั้งหลาย ขออโหสิกรรมสำหรับเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องมาอยู่ร่างกายเราแบบนี้ ขอให้จากกันด้วยดี ขอขมาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้ไปให้หมดๆ สาธุ ... เสร็จแล้วก็ สวดคาถาหลวงปู่ทวด นะโมโพธิสัตโตไปเรื่อย ขอให้การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี เจ็บแผลน้อยๆ ไม่มีอะไรร้ายแรง

สักพักคุณหมอวิสัญญีก็เข้ามาแนะนำตัว และทวนข้อมูลกับเราว่าชื่ออะไร มาผ่าอะไร เดี๋ยวจะมีแผลเป็นบริเวณไหน บลาๆๆ คงเป็นการประเมินสภาพ สติและจิตใจของคนไข้ ก่อนดมยาสลบมั้ง บอกสเต็ปในการผ่าตัดว่า “หมอจะฉีดยานอนหลับให้ทางสายน้ำเกลือนะคะ จากนั้นก็ดมยาสลบ คุณก็จะไม่รู้สึกตัวเหมือนนอนหลับธรรมดา พอเย็บแผลเสร็จแล้วหมอจะปลุกให้คุณตื่นเพื่อถอดท่อหายใจที่เราใส่เข้าทางปากขณะผ่าตัด ออก... ดูอาการในห้องผ่าตัดสักพัก ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ เราก็จะเข็นคุณกลับไปพักฟื้นต่อที่ห้องพัก ไม่มีอะไรต้องกังวลนะ หลังจากผ่าตัดแล้ว 24 ชม. ให้พยามขยับตัวตะแคงซ้ายขวาบ้าง หรือลุกเดินถ้าไหว การนอนนานไม่ขยับเขยื้อน อวัยวะในช่องท้อง เช่นลำไส้ จะเกิดพังผืด เพราะมันหยุดการทำงานทั้งหมดอยู่ ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายช่วงล่าง ไม่มีข้อเสียเลย ยกเว้นเรื่องเดียวคือ เจ็บแผล ฉะนั้นควรพลิกตัวหรือลุกเดินเท่าที่จะทำได้นะคะ... และถ้าเจ็บแผล ให้ขอยาจากพยาบาลได้ทันที ไม่ต้องทน และอย่าคิดว่าพยาบาลจะให้เอง เพราะความเจ็บปวดแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นถ้าคนไข้เจ็บ จะต้องขอนะคะ อย่าไปทน หมอจะพิจารณาให้ตามปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม ...เคยผ่าตัดมาก่อนไหม”  เราเคยผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่าซีสต์ที่นม ก็ไม่ค่อยกลัวเท่าไร หมอวิสัญญีก็บอกว่า นั่นแหละ สเต็ปคล้ายๆ กันกับผ่าไส้ติ่ง หายใจเข้าลึกๆ 3 ปื้ด ก็จำอะไรไม่ได้แล้วตอนนั้น ... แต่นี่ เอิ่ม... พอทีมเจ้าหน้าที่พยาบาลเข็นเราเข้าห้องผ่าตัดด้านในแล้ว ก็เริ่มแยกแขนซ้ายขวา คนนั้น คนนี้ ทำนู่นทำนี่ อยู่ไม่เกิน 3 นาที เราก็สติขาดไปแล้ว งงตรงนี้... ไหนล่ะ ที่ได้ดมยาสลบ??? แสดงว่า เขาฉีดยานอนหลับก่อนเลยแน่ๆ เพียงเสี้ยวความทรงจำ รู้สึกตัวขึ้นมา คือมีท่ออะไรสักอย่างวึ้บออกจากปากไป คิดในใจว่า เฮ้ย!!! ผ่าเสร็จแล้ว??? ตะกี้พยาบาลเพิ่งเข็นกูเข้ามาจอดนี่หว่า แล้วกูไปดมยาตอนไหนวะ พยาบาลกำลังง่วนกับการย้ายเตียงเรา เรียกชื่อเรา เอาผ้ามาห่มให้เต็มร่าง เพราะสั่นทั้งตัวเหมือนเจ้าเข้าแบบควบคุมไม่ได้ ทั้งหนาวและงง ว่าทำไมสั่นขนาดนี้  พยาบาลสองคนมาจับตัวเราสักพัก พร้อมดูเวลาที่ข้อมือ ไม่นาน เราก็หายสั่น (มาถามหมอและพยาบาลทีหลัง พยาบาลตอบว่าน่าจะเป็นอาการชิล คือเหมือนหนาวจากด้านใน ขณะทำผ่าตัด ก็เกิดขึ้นได้เป็นปกติ แต่อาจจะไม่ทุกคน) จากนั้นก็รู้สึกตัวตลอด แต่ลืมตาไม่ค่อยขึ้น จำได้หมดว่าใครพูดอะไร แอบได้ยิน พยาบาลว่าน่าจะตัดทิ้งไปเลย 555+ (น่าน...คิดเหมือนกรูเลย) กลับถึงห้องพัก ทีมพยาบาลห้องผ่าตัดและพยาบาลวอร์ด ก็มารับส่งงานกัน น้องเล่าให้ฟังว่ามีพยาบาลพูดว่า “คนไข้ดูซีด” แต่ก็ไม่เห็นจะแนะนำอะไรต่อ หลังจากนี้ก็นอนยาวๆ ไป รวมผ่าตั้งแต่ 12.10 – 14.40 น. คุณหมอตะคริวกินไหมนะ

ตื่นขึ้นมาเย็นวันนั้น หิวข้าวมาก อยากกินนู่นนี่เยอะไปหมด แต่ทำไงได้ ต้องรอ 24 ชม.ไปแล้วถึงจะกินได้  หมอบอกว่าจะให้เป็นอาหารอ่อนๆ ก่อน แค่น้ำข้าว ... วันรุ่งขึ้น เหมือนจะเป็นมื้อเที่ยง อาหารเข็นเข้ามาโจ๊กหมูเลยจ้า แล้วก็กับข้าวอะไรอีกอย่างจำไม่ได้ มีเจลลี่เป็นของหวานด้วย  ..เอ่อ.. นี่ก็ไม่ใช่น้ำข้าวเบาๆ นะเนี่ย . . . คือ ดี คือ ถูกใจ คือ กินหมดทุกสิ่งอย่าง 555+  พยาบาลบอกว่าถ้าจะนั่งก็ระวังด้วย เพราะมีสายสวนปัสสาวะใส่อยู่ แต่เราก็ไม่รู้สึกนะ ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่ แถมแผลก็ไม่ค่อยเจ็บ แต่ที่เป็นปัญหาเล็กน้อย คือ อาการข้างเคียงต่างๆ เช่น
-  หลังจากกินข้าวไป 2 มื้อ แน่นกระเพาะมาก เจ็บกระบังลมขวา ชนิดที่นอนตะแคงขวาไม่ได้เลย ทรมานสุดๆ พยาบาลว่าเป็นเพราะมีลมภายในช่องท้องตามปกติ ระหว่างผ่าตัด อวัยวะในช่องท้องหยุดทำงาน ลมมันก็ไม่ไปไหน หมอก็ให้เคี้ยวแอร์เอกซ์ + ยาธาตุน้ำขาว หลังอาหารทุกมื้อ เป็นอยู่ได้ 3 มื้อก็เริ่มโอเค เหมือนตอนเพิ่งเปิดแอร์ มันก็กระชากไฟเล็กน้อย ^^
-  คลื่นไส้ อยากอ้วก เป็นอยู่ครึ่งวัน ก่อนจะได้กินข้าวมื้อแรก... นึกว่าจะนอนไม่ได้แล้ว ก็พยามดมยาดม กลืนน้ำลายบ่อยๆ ไม่อยากอ้วก เพราะกินก็ไม่ได้กินจะเอาอะไรมาอ้วก กลัวเจ็บแผล ...ก็ผ่านมันมาได้ ก็โอเค ทนจนถึงจุดที่คิดว่าจะทนไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ แต่ก็ผ่าน พยาบาลบอกว่า นี่คือ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติของการดมแก๊สสลบ ในบางคน
-  เลือดออกทางช่องคลอด คล้ายประจำเดือน แต่กรณีของเรามันออกมากน้อยแต่ละวันไม่เท่ากันเลย บางวันก็แค่เป็นเมือกเลือดติดอยู่แคมด้านใน ไม่ไหลเปื้อนกางเกง แต่ก็มีบ้างที่พอเคลื่อนไหวร่างกายได้มากแล้ว มันก็ออกมากขึ้น เลยให้เพื่อนช่วยซื้อผ้าอนามัยแบบมีสายรัด (ไม่ต้องใส่กางเกงใน) มาใส่ดีกว่า สบายใจกว่า พยาบาลบอกว่า บางคนก็มี บางคนก็ไม่มีถ้าหมอเขาดูดเลือดระบายออกได้หมด แต่ถึงดูดไม่หมดมันก็จะระบายของมันออกมาเอง ไม่ต้องตกใจ อาจจะมีอยู่ราวๆ 2-3 วัน แต่ละคนไม่เหมือนกัน

ผ่าวันศุกร์ หมอให้กลับบ้านวันจันทร์ ...ตึ่งๆ ว้าว! คิดในใจ นี่ฉันผ่าเปิดหน้าท้องไม่ใช่เหรอวะ ไหนตอนแรก หมอบอกนอนรพ. 5 วันเป็นอย่างน้อย??? สงสัยจะเป็นการประเมินจากการเจ็บแผลมั้ง เพราะทุกครั้งที่หมอถามว่าเป็นไงบ้าง เจ็บแผลไหมคะ เราตอบทุกครั้งว่า ไม่ค่อยเจ็บ (ก็มันไม่เจ็บนี่จะให้ทำไง) แต่เราก็ขอหมอออกวันอังคาร เพราะยังไม่มั่นใจเรื่องถ่ายท้อง กับเลือดที่ยังออกอยู่ แถมยังไม่ได้ให้ใครช่วยถูห้องให้เลย คุณหมอก็ตามใจ ไม่ได้ว่าอะไร
จำไม่ได้ว่าเป็นเช้าวันจันทร์หรือเปล่า พยาบาลมาถอดสายปัสสาวะออก หลังจากให้น้ำเกลือครบโดส 3-4 ถุงไม่แน่ใจ ก็ดึงออกกันบนเตียงนั่นเลย เจ็บจิ๊ดนึงแว้บเดียวเสี้ยววินาที ไม่เท่าไร ...ทุกสิ่งอย่างเป็นปกติดีเกือบหมดแล้ว ฉี่ครั้งแรกหลังถอดสายออกจะแสบขัด ปวดจี๊ดในช่องท้องน้อย ก็ทนไป สิ่งที่ช่วยได้คือ อย่าไปเกร็งกลั้นไว้ ต้องพยามผ่อนคลายกล้ามเนื้อไม่เกร็งขมิบ จะเจ็บน้อยลง เจ็บๆ ขัดๆ อยู่ 2 ครั้งก็ฉี่ได้สบายเป็นปกติ ถ่ายท้องได้ทุกเช้าหลังจากที่ได้กินยาระบายอ่อนๆ คืนแรก ค่อนข้างพร้อมขึ้นสำหรับกลับบ้าน แม้ว่าจะยังมีเมนส์อยู่เล็กน้อยก็ตาม ก็ปล่อยมันไป (ซึ่งขณะนี้ก็น้อยลงมากๆ แล้ว บางวันไม่มี) คุณหมอตัดไหมให้ข้างนึงก่อน ณ วันกลับบ้าน วันอังคาร 1 เม.ย และทำแผลใหม่ให้ แล้วบอกว่าไม่ควรใส่ผ้าอนามัยแบบมีสายรัดแล้วเพราะสายด้านหน้ามันพาดผ่านแผล จะทำให้แผลนูน หมอส่งลายน์รูปเนื้องอกจำนวน 10 ก้อนให้ดู จากเดิมที่อัลตร้าซาวด์เจอแค่ 6-7 เม็ด และเห็นซีสต์รังไข่แค่ข้างเดียว แต่พอผ่าเข้าไปแล้ว เจอทั้งสองข้าง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่