กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่อยากมาแชร์ประสบการณ์การผ่าตัดเนื้องอกในโพรงมดลูกด้วยการส่องกล้องทางมดลูกมาฝากค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นการแชร์ประสบการณ์ให้กับสตรีหลายๆท่านนะคะ
เราอายุ 34 นะคะ ก่อนหน้านี้เรามีอาการเลือดออกบ้างจากการกระโดดเชือกจะมีเลือดสีน้ำตาลเปื้อน กกน. แต่ไม่เยอะ มีอาการปวดหลังร่วมด้วยนิดหน่อย แต่เราก็ไม่เคยใส่ใจค่ะ สิ่งที่ทำให้เราไปพบหมอคือเรามีประจำเดือน แล้วเลือดไหลไม่หยุด กระปริบกระปรอยบ้าง เยอะบ้าง น้อยบ้าง เป็นแบบนี้ต่อเนื่องแบบไม่หยุดเลย ประมาณเดือนกว่าๆ ค่ะ ครั้งแรกเราโทรไปนัดที่ รพ.รามา เป็นคลีนิคนอกเวลาแบบพรีเมี่ยม เราเจอกับคุณหมอเล่าอาการของเราให้คุณหมอฟัง (วันมาพบหมอเลือดก็ยังไหลอยู่นะคะ) คุณหมอก็ให้เราขึ้นเตียงทำการตรวจค่ะ ตอนแรกก็ใช้เครื่องมืออะไรสักอย่างตรวจเราที่หน้าท้องแล้วมีรูปขึ้นที่จอซึ่งก็มองเห็นก้อนเนื้อแต่เห็นไม่ชัด คุณหมอก็เลยขอส่องกล้องตรวจในมดลูกค่ะ โดยมีการฉีดน้ำอะไรสักอย่างเข้าไปด้วย ซึ่งคุณหมอบอกว่าอาจจะมีอาการปวดนิดหน่อยนะ เราก็ยอมจะตรวจ (ระหว่างตรวจเหงือตกตลอดเวลากลัวมาก) สุดท้ายผลออกมาคือเป็นเนื้องอกในโพรงมดลูกขนาด 3 เซนกว่า คุณหมอบอกว่า มีทางเลือกในการรักษา คือ การผ่าตัด หรือทานยาคุมดูเผื่อเลือดหยุด เพราะไม่แน่ใจว่าเลือดที่ออกสาเหตุมาจากเนื้องอกหรือปล่าว แต่ด้วยความที่เราเลือดออกแบบนี้และเรากลัวว่าก้อนเนื้อจะโตขึ้นเราตัดสินใจผ่าตัดโดยคุณหมอแนะนำและเล่ารายละเอียดต่างๆให้แฟนสาวเราฟัง (เรามีแฟนเป็น ผญ. นะคะ เผื่อใครแอบงง) ระหว่างนั้น คุณหมอก็สังเกตสีหน้าเรา เพราะเราปวดท้องมากจากการที่ฉีดน้ำเข้าไปส่องกล้อง เราปวดจนแทบเป็นลม จนคุณหมอให้เราขึ้นเตียงอีกครั้งเพื่อดูดน้ำออกให้ เราเดินไปเข้าห้องน้ำก็ให้พยาบาลไปเฝ้าเราที่หน้าห้องน้ำ จนเรารู้สึกดีขึ้นก็ไปทำการจ่ายตังค่าตรวจ เบ็ดเสร็จ ประมาณ 3,600 บาท โดยมีพยาบาลแจ้งการประเมิน คชจ. ของการผ่าตัดโดยวิธีการส่องกล้อง อยู่ที่ 80,000 บาท (ราคาปนะมาณคร่าวๆนะคะ)
สรุปโดยรวมการเข้าตรวจที่ รพ. รามา เราพึงพอใจมากนะ จ่าย 3,600 แต่ก็รู้ผลว่าเราเป็นอะไร คุณหมอน่ารักมาก ใส่ใจคนไข้ คอยสังเกตตลอด ส่วนเรื่องผ่าตัด คุณหมอจองห้องผ่าตัดและนัดวันผ่าให้เราล่วงหน้า ส่วน คชจ. ในการผ่าตัดโดยประมาณ 80,000 นั้น เราก็กลับมาคุยกับที่บ้านและลองหาข้อมูล ก็ถือว่าไม่สูงเกินไป แต่ เราก็นึกขึ้นได้ว่าเราเองมีประกันสังคมอยู่ที่ รพ.ตำรวจ เราลองไปปรึกษาหมอที่ รพ.ตำรวจก่อนดีกว่า เผื่อจะใช้สิทธิการรักษาได้
เริ่มการเข้ารักษาที่ รพ.ตำรวจโดยใช้สิทธิประกันสังคม (ขอนอกเรื่องนิดนะคะ ก่อนจะไป รพ.ตำรวจ เราหาข้อมูล รพ. แล้วก็อ่านรีวิว จากคนที่ไปใช้บริการโดยรวมๆ คืออ่านแล้วรู้สึกว่าแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่เราก็อยากลองไปดู กะว่าถ้าไม่โอเคก็ค่อยไปรักษาต่อที่ รพ.รามา) เดินหน้ารักษาต่อ เราไปขอผลการตรวจจาก รพ. รามา เสร็จประมาณเที่ยง เราก็ขับรถไป รพ. ตำรวจเลยค่ะ เราตั้งใจจะไปทำบัตรคนไข้ไว้ก่อนแล้วอีกวันค่อยไปหาหมอแต่เช้า แต่เราไปยิ่นเอกสารเสร็จ พี่พยาบาลก็บอกให้เราไปทำบัตรแล้วเข้าไปพบหมอเพื่อตรวจได้เลย (ขั้นตอนดำเนินการเร็วมากนะ พูดจาดีด้วย) เราไปตรวจครั้งแรก ก็เล่าอาการให้หมอฟัง (แต่ยังไม่บอกหมอนะว่าไป รพ.รามา มาก่อนหน้านี้ และยังไม่เอาผลตรวจให้หมอ เพราะเกรงใจหมอ อยากให้หมอตรวจในแบบของหมอด้วย) คุณหมอที่นี่ก็น่ารักเช่นกันค่ะถามอาการเรา จนมาถึงคำถามที่ว่าเคยไปตรวจมาไหม เราเลยยอมเล่าให้หมอฟังว่าเมื่อวันก่อนเราไปตรวจมา เจอเนื้องอก แต่สิทธิการประกันสังคมเราอยู่ที่นี่เราเลยอยากขอมาใช้สิทธิการรักษาที่นี่ พร้อมถามหมอเบาๆ ว่าเรามีผลการรักษาจาก รพ. มาด้วยคุณหมอจะลองดูไหมคะ (ในจิตคิดว่าเผื่อจะมีประโยชน์บ้าง เพราะเคยอ่านรีวิว หมอบางคนไม่สนใจผลการรักษาจากที่เดิม หรือคนไข้ที่เป็นเคสแบบย้ายการรักษา เลยแอบกลัวนิดๆ อิอิ) จากที่ให้คุณหมอดูเอกสารการรักษาจาก รพ. รามา คุณหมอก็คุยกับ ผู้ช่วยมั้ง คือคุยภาษาทางการแพทย์กัน เราก็ไม่เข้าใจ หมอก็ให้เราขึ้นเตียงเลยจร้า...เลือดก็ยังคงไหลไม่หยุด เกรงใจหมอมากๆ คราวนี้ก็ทำการส่องกล้องเข้าไปตรวจ เจอเนื้องอกเช่นเคย หมอทำการดูดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจ (คราวนี้ไปคนเดียว เหงื่อตกหนักมาก จะเป็นลมอีกแล้วค่ะ พยาบาลก็เอาแอมโมเนียมาให้ดมเรื่อยๆ น่ารักจริงๆ) เสร็จจากการตรวจวันนี้ หมอก็นัดเรามาฟังผลชิ้นเนื้อในอีก 1 สัปดาห์ ถึงเวลาเรามาฟังผลชิ้นเนื้อเราก็ปกติไม่เป็นเนื้อร้ายใดๆ หมอถามเราว่าอยากมีลูกไหม มีครอบครัวอะไรยังไง เราก็บอกหมอไปตรงๆ ว่าเรามีแฟนเป็น ผญ. บลาๆๆๆ ก็ว่าไป หมอก็เลยบอกว่า เดี๋ยวหมอจะส่งเคสให้หมออีกท่านที่เชียวชาญด้านการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ให้เราไปคุยเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัด แล้วถามในสิ่งที่เราอยากรู้เรื่องเนื้องอกที่เราเป็นได้เลย ถัดมาอีกประมาณ 1 อาทิตย์ เรามาเจอคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องที่ คุณหมอก็คุยรายละเอียดต่างๆ พร้อมนัดผ่าตัด (เราหาหมอ รพ. ตำรวจครั้งแรก 22 ม.ค. 61 หมอนัดผ่าตัด 5 1 = 1 เดือนนิดๆ สำหรับการพบหมอและการเตรียมตัวผ่าตัดถือว่าเร็วมาก) ก่อนผ่าตัดเราก็ไปทำเรื่องเอ๊กซเร่ย์ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจคลื่นหัวใจ พอถึงวันผ่าเราก็ไปนอน รพ. ก่อนล่วงหน้า
การผ่าตัด 1 วันก่อนผ่าตัดมีพี่พยาบาลมาสอบถามประวัติเรา แล้วก็มาสอดยาขยายมดลูกให้ (เกรงใจมาก เลือดไหลตลอด) พอสอดยาสักพักเรามีอาการตึงๆหน่วงท้องหน่อยๆ มาสวนทำความสะอาดช่องคลอด สวนอุจจาระ และหลังจากนั้นก็งดน้ำงดอาหาร เรางดตั้งแต่ 1 ทุ่มเลย พอถึงเช้าวันผ่าตัดก็มีพยาบาลมาสอดยาขยายมดลูดให้เราอีกครั้ง (ระหว่างนอนรอผ่าตัดคือเราก็กังวลเรื่องเลือดไหลตลอดนะกลัวจะผ่าตัดไม่ได้ พยาบาลก็ถามว่าได้แจ้งหมอไหม ซึ่งเราก็แจ้งหมอไปแล้ว) ถึงเวลาที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้วซิ มีเจ้าหน้าที่มาเข็นเราไปห้องผ่าตัด (เอาจริงๆเรากลัวมาก ไม่เคยผ่าตัดเลย คือกลัวไปหมดอ่ะ น้ำตาเริ่มซึมไหลออกมาเรื่อยๆกลัวจริงๆน๊า) วิสัญญีที่น่ารักทุกท่านก็เข้ามาคุย บอกขั้นตอน เล่ารายละเอียดต่างๆให้ฟัง ทุกคนน่ารักมากจริงๆค่ะ จนถึงเวลาผ่าตัด ทำการบล็อคหลัง ขาเราร้อนวูบแล้วทุกคนก็รีบช่วยเราพลิกตัวให้เข้าที่ น้ำตาเริ่มไหลหนักเรื่อยๆ จนต้องให้ยาสลบ (รึปล่าว แอบเห็นเค้าฉีดเข้าทางสายน้ำเกลือ) แล้วก็ครอบจมูกเรา แล้วเราก็ไม่รู้เรื่องอีกเลย ตื่นมาอีกทียังผ่าไม่เสร็จค่ะ แอบเห็นในจอที่แว๊บๆ รวมทั้งอาการเรายังเบลอๆด้วย เราไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย จนได้เวลา จนท. เข็นเราขึ้นไปส่งที่ห้องพัก ส่งเราขึ้นเตียง เราสังเกตว่ามีสายฉี่ด้วย แอบตกใจ อุต่ะ เกิดมาพึ่งเคยโดนสวน แต่ก็แอบรำคาญแล้วก็กังวลจนไม่กล้าขยับเพราะกลัวสายยางนั่นจะจิ่มข้างใน (งานมโนก็มา ทั้งที่ไม่รู้ว่าปลายสายยางอยู่ตรงไหน 555) เราหลับต่อไปอีกสักพัก คราวนี้ตื่นมายาที่ทำการบล็อคหลังคงหมดแล้ว เราหน่วงท้อง ตึงท้อง ไม่ได้เจ็บมากนะ คือพยายามคิดว่าตัวเองปกติมาก แต่ที่รู้สึกได้ว่าไม่สะดวกหรือไม่สบายตัวเลยคือสายน้ำเกลือ และสายฉี่ หลังจากที่เราตื่นมา ไม่รู้สึกเวียนหัว ไม่มีอาการใดๆ เย็นวันนั้นพยาบาลก็ภอดสายน้ำเกลือให้เลย คืนนั้นเรานอนแบบไม่มีอาการระบมแผลใดๆ มีแค่ตึงๆหน่วงๆ จนเช้าอีกวันมีพยาบาลมาถอดสายปัสสาวะให้เรา แล้วบอกให้เราพยายามฉี่เอง เข้าห้องน้ำ ดูอาการ เราก็เข้าห้องน้ำ จัดการกับสภาพตัวเอง (เราเป็นคนที่ไม่ปล่อยให้ตัวเองดูโทรม ขนาดวันก่อนผ่าตัดที่จะต้องไปนอน รพ. เรายังแต่งหน้า ปัดขนตา 555 ) ถึงเวลาต้องฉี่แล้วเราก็กลัวเจ็บแผล เราค่อยๆฉี่รู้สึกได้ถึงอาการแปร๊บๆ แสบๆ เจ็บๆ ถึงเวลาถ่ายก็หน่วงๆตึงๆช่องคลอด แต่สิ่งที่เราสังเกตคือเลือดเราไม่ไหลเลย หยุดเลยจร้า ไม่มีเลือดเลยสักนิด อาการโดยรวมของเราในเช้านี้จัดว่าดีมากนะ (เราคิดเอง) เราอาบน้ำ แต่งตัว ทางครีม ทางแป้งบางๆ ทาลิปมันหน่อย แล้วเราก็นั่งคุยกับแฟนเรา จนมีพี่ๆพยาบาลมาเยี่ยม พี่คนที่เป็นหัวหน้าตกใจ บอกว่าคนไข้ผ่าตัดหรือนี่ ทำไมไม่มีอาการอะไรเลยเหรอ (คือเราพร้อมกลับบ้านมาก) พี่พยาบาลแจ้งเราอีกว่าอาจจะรู้สึกอึดอัด อืดท้องหน่อยนะเพราะว่าตอนผ่าตัดมีการฉีดแก๊สเข้าร่างกาย (เป็นวิธีการของการส่องกล้องมั้งคะ) สรุปวันนั้นเราได้กลับบ้านเลยค่ะ ทำการจ่ายเงิน เบ็ดเสร็จแล้ว รวมค่าห้องพักด้วย ประมาณ 15,000 บาท (ค่าห้องเรา คืนละ 1,800) แอบนอกเรื่องนิดนะคือก่อนกลับนี่ซิ มีเรื่องต้องสะดุด นิดนึง คือ ก่อนที่เราจะแอดมิด พี่พยาบาลให้เราไปจ่ายค่าส่องกล้องไว้ 5,500 บาท โดยเราจ่ายไว้เป็นเงินสด ผลปรากฎว่า มีการคิดตังผิดจร้า หุหุ เราต้องไปทำเรื่อง ยื่นเอกสารขอคืนเงิน แต่ปรากฏว่าเงินเราไม่ได้คืนในวันนั้น ซึ่งพยาบาลแจ้งว่าอีก 3 อาทิตย์จะได้คืนให้เราไปรับเองที่ รพ. เราเลยบอกว่า งั้นเราขอสำเนาเอกสารใบเสร็จรับเงินหรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้อง สักพักนางก็มายื่นเศษกระดาษพร้อมเขียนเบอร์โทรด้วยปากกา เรากับแฟนเราก็เลยมองหน้ากัน แล้วก็แจ้งไปอีกว่า เราต้องการสำเนา นางก็ตอบกลับมาว่า “แล้วเมื่อกี้ก็ไม่บอก” พร้อมทั้งบอกว่าให้จำนางไว้แล้วมาติดต่อที่ตัวนางได้เลยจร้า ซึ่งเราก็บอกว่าเราเข้าใจนะและเราก็จำหน้าได้ แต่ทั้งนี้เราก็ยังต้องการสำเนาเอกสารด้วย นางพูดมาแบบเหวี่ยงๆใส่เราว่าให้เราเดินไปขอสำเนาเอง อารมณ์เราขึ้นเลยจร้า เลยบอกไปว่าเดินไม่ไหวหรอกค่ะ เมื่อสักครู่ก็แจ้งไปแล้วว่าขอสำเนา สุดท้ายนางก็ไปเอาเอกสารมาให้เรา เราเลยขอชื่อนางไว้เพื่อการติดต่อ ใจจริงอยากจะให้เซนเอกสารนั้นด้วยซ้ำ (แลดูเหมือนตัวเองเป็นนางมารร้ายมาก) ....สรุปคือหมอให้เราพัก 2 อาทิตย์ และนัดเราอีกครั้ง 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด
อาการหลังผ่าตัด หลังจากเรามาพักฟื้นที่บ้านได้ 1 วัน มีอาการเลือดไหลนิดๆ และประมาณวันที่ 3 หลังการผ่าตัด เรารู้สึกว่ามีของเหลวเหมือนน้ำไหลมาเยอะมาก ลักษณะมีเลือดจางๆปนออกมาด้วย ไหลอยู่ประมาณอาทิตย์กว่าๆ จนครบกำหนดที่เราต้องมาพบหมออีกครั้ง เราก็เล่าให้หมอฟัง หมอบอกเป็นอาการข้างคียงของคนที่ผ่าตัดส่องกล้อง (ระหว่างที่พักฟื้น หมอติดตามอาการดีมากค่ะ มีส่งข้อความถามอาการหลังผ่าตัดด้วย) ตอนนี้เราผ่าตัดมาได้ 17 วันแล้ว แอบกังวลเรื่องเลือดที่ไหลซึมมาตลอด มีอาการหน่วงท้อง ปวดท้องน้อยข้างซ้ายซึ่งเราเข้าใจเองว่าอาจจะเป็นเพราะแก๊สในร่างกาย แต่เลือดที่ไหลซึมนี่ซิ เราคงต้องรอทานยาปรับฮอร์โมนให้หมด แล้วก็รอให้มีรอบเดือนอีกครั้ง หากหลังมีรอบเดือนแล้ว ยังมีเลือดไหลอีก คงต้องกลับไปหาหมออีกแน่ๆ ตอนนี้หมอก็จะนัดเราอีกครั้งเพื่อตรวจดูเนื้องอกว่าจะมีขึ้นมาอีกหรือไม่ในช่วงเดือนพฤษภาคม นับระยะเวลาก็ 2 เดือนหลังการผ่าตัดค่ะ จบแล้วค่ะ เล่ามายาวเลย หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะผ่าตัดหรือคนที่ทำการรักษาอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ อีกอย่างช่วงเวลาที่ไปรักษาอาจมีอะไรที่ทำให้เราหงุดหงิดใจบ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ไม่เข้าตาบ้าง เจอพูดจาไม่ดีบ้าง ก็พยายามมองข้ามไปนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ ยิ้มเข้าไว้ค่ะโลกจะได้สดใสขึ้น อิอิ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณ คุณหมออารีพรรณ / รพ. รามา (น่ารักมากๆค่ะ เอาใจใส่คนไข้มากๆ)
ขอบพระคุณ คุณหมออรัณ/ รพ.ตำรวจ วิสัญญี พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ของสูตินารี ที่คอยดูแลและบริการเป็นอย่างดีค่ะ (แอบเป็นกำลังใจเล็กๆในการทำงานนะคะ)
ส่องกล้องผ่าตัดเนื้องอกในโพรงมดลูก รพ.ตำรวจ (ประกันสังคม)
เราอายุ 34 นะคะ ก่อนหน้านี้เรามีอาการเลือดออกบ้างจากการกระโดดเชือกจะมีเลือดสีน้ำตาลเปื้อน กกน. แต่ไม่เยอะ มีอาการปวดหลังร่วมด้วยนิดหน่อย แต่เราก็ไม่เคยใส่ใจค่ะ สิ่งที่ทำให้เราไปพบหมอคือเรามีประจำเดือน แล้วเลือดไหลไม่หยุด กระปริบกระปรอยบ้าง เยอะบ้าง น้อยบ้าง เป็นแบบนี้ต่อเนื่องแบบไม่หยุดเลย ประมาณเดือนกว่าๆ ค่ะ ครั้งแรกเราโทรไปนัดที่ รพ.รามา เป็นคลีนิคนอกเวลาแบบพรีเมี่ยม เราเจอกับคุณหมอเล่าอาการของเราให้คุณหมอฟัง (วันมาพบหมอเลือดก็ยังไหลอยู่นะคะ) คุณหมอก็ให้เราขึ้นเตียงทำการตรวจค่ะ ตอนแรกก็ใช้เครื่องมืออะไรสักอย่างตรวจเราที่หน้าท้องแล้วมีรูปขึ้นที่จอซึ่งก็มองเห็นก้อนเนื้อแต่เห็นไม่ชัด คุณหมอก็เลยขอส่องกล้องตรวจในมดลูกค่ะ โดยมีการฉีดน้ำอะไรสักอย่างเข้าไปด้วย ซึ่งคุณหมอบอกว่าอาจจะมีอาการปวดนิดหน่อยนะ เราก็ยอมจะตรวจ (ระหว่างตรวจเหงือตกตลอดเวลากลัวมาก) สุดท้ายผลออกมาคือเป็นเนื้องอกในโพรงมดลูกขนาด 3 เซนกว่า คุณหมอบอกว่า มีทางเลือกในการรักษา คือ การผ่าตัด หรือทานยาคุมดูเผื่อเลือดหยุด เพราะไม่แน่ใจว่าเลือดที่ออกสาเหตุมาจากเนื้องอกหรือปล่าว แต่ด้วยความที่เราเลือดออกแบบนี้และเรากลัวว่าก้อนเนื้อจะโตขึ้นเราตัดสินใจผ่าตัดโดยคุณหมอแนะนำและเล่ารายละเอียดต่างๆให้แฟนสาวเราฟัง (เรามีแฟนเป็น ผญ. นะคะ เผื่อใครแอบงง) ระหว่างนั้น คุณหมอก็สังเกตสีหน้าเรา เพราะเราปวดท้องมากจากการที่ฉีดน้ำเข้าไปส่องกล้อง เราปวดจนแทบเป็นลม จนคุณหมอให้เราขึ้นเตียงอีกครั้งเพื่อดูดน้ำออกให้ เราเดินไปเข้าห้องน้ำก็ให้พยาบาลไปเฝ้าเราที่หน้าห้องน้ำ จนเรารู้สึกดีขึ้นก็ไปทำการจ่ายตังค่าตรวจ เบ็ดเสร็จ ประมาณ 3,600 บาท โดยมีพยาบาลแจ้งการประเมิน คชจ. ของการผ่าตัดโดยวิธีการส่องกล้อง อยู่ที่ 80,000 บาท (ราคาปนะมาณคร่าวๆนะคะ)
สรุปโดยรวมการเข้าตรวจที่ รพ. รามา เราพึงพอใจมากนะ จ่าย 3,600 แต่ก็รู้ผลว่าเราเป็นอะไร คุณหมอน่ารักมาก ใส่ใจคนไข้ คอยสังเกตตลอด ส่วนเรื่องผ่าตัด คุณหมอจองห้องผ่าตัดและนัดวันผ่าให้เราล่วงหน้า ส่วน คชจ. ในการผ่าตัดโดยประมาณ 80,000 นั้น เราก็กลับมาคุยกับที่บ้านและลองหาข้อมูล ก็ถือว่าไม่สูงเกินไป แต่ เราก็นึกขึ้นได้ว่าเราเองมีประกันสังคมอยู่ที่ รพ.ตำรวจ เราลองไปปรึกษาหมอที่ รพ.ตำรวจก่อนดีกว่า เผื่อจะใช้สิทธิการรักษาได้
เริ่มการเข้ารักษาที่ รพ.ตำรวจโดยใช้สิทธิประกันสังคม (ขอนอกเรื่องนิดนะคะ ก่อนจะไป รพ.ตำรวจ เราหาข้อมูล รพ. แล้วก็อ่านรีวิว จากคนที่ไปใช้บริการโดยรวมๆ คืออ่านแล้วรู้สึกว่าแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่เราก็อยากลองไปดู กะว่าถ้าไม่โอเคก็ค่อยไปรักษาต่อที่ รพ.รามา) เดินหน้ารักษาต่อ เราไปขอผลการตรวจจาก รพ. รามา เสร็จประมาณเที่ยง เราก็ขับรถไป รพ. ตำรวจเลยค่ะ เราตั้งใจจะไปทำบัตรคนไข้ไว้ก่อนแล้วอีกวันค่อยไปหาหมอแต่เช้า แต่เราไปยิ่นเอกสารเสร็จ พี่พยาบาลก็บอกให้เราไปทำบัตรแล้วเข้าไปพบหมอเพื่อตรวจได้เลย (ขั้นตอนดำเนินการเร็วมากนะ พูดจาดีด้วย) เราไปตรวจครั้งแรก ก็เล่าอาการให้หมอฟัง (แต่ยังไม่บอกหมอนะว่าไป รพ.รามา มาก่อนหน้านี้ และยังไม่เอาผลตรวจให้หมอ เพราะเกรงใจหมอ อยากให้หมอตรวจในแบบของหมอด้วย) คุณหมอที่นี่ก็น่ารักเช่นกันค่ะถามอาการเรา จนมาถึงคำถามที่ว่าเคยไปตรวจมาไหม เราเลยยอมเล่าให้หมอฟังว่าเมื่อวันก่อนเราไปตรวจมา เจอเนื้องอก แต่สิทธิการประกันสังคมเราอยู่ที่นี่เราเลยอยากขอมาใช้สิทธิการรักษาที่นี่ พร้อมถามหมอเบาๆ ว่าเรามีผลการรักษาจาก รพ. มาด้วยคุณหมอจะลองดูไหมคะ (ในจิตคิดว่าเผื่อจะมีประโยชน์บ้าง เพราะเคยอ่านรีวิว หมอบางคนไม่สนใจผลการรักษาจากที่เดิม หรือคนไข้ที่เป็นเคสแบบย้ายการรักษา เลยแอบกลัวนิดๆ อิอิ) จากที่ให้คุณหมอดูเอกสารการรักษาจาก รพ. รามา คุณหมอก็คุยกับ ผู้ช่วยมั้ง คือคุยภาษาทางการแพทย์กัน เราก็ไม่เข้าใจ หมอก็ให้เราขึ้นเตียงเลยจร้า...เลือดก็ยังคงไหลไม่หยุด เกรงใจหมอมากๆ คราวนี้ก็ทำการส่องกล้องเข้าไปตรวจ เจอเนื้องอกเช่นเคย หมอทำการดูดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจ (คราวนี้ไปคนเดียว เหงื่อตกหนักมาก จะเป็นลมอีกแล้วค่ะ พยาบาลก็เอาแอมโมเนียมาให้ดมเรื่อยๆ น่ารักจริงๆ) เสร็จจากการตรวจวันนี้ หมอก็นัดเรามาฟังผลชิ้นเนื้อในอีก 1 สัปดาห์ ถึงเวลาเรามาฟังผลชิ้นเนื้อเราก็ปกติไม่เป็นเนื้อร้ายใดๆ หมอถามเราว่าอยากมีลูกไหม มีครอบครัวอะไรยังไง เราก็บอกหมอไปตรงๆ ว่าเรามีแฟนเป็น ผญ. บลาๆๆๆ ก็ว่าไป หมอก็เลยบอกว่า เดี๋ยวหมอจะส่งเคสให้หมออีกท่านที่เชียวชาญด้านการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ให้เราไปคุยเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัด แล้วถามในสิ่งที่เราอยากรู้เรื่องเนื้องอกที่เราเป็นได้เลย ถัดมาอีกประมาณ 1 อาทิตย์ เรามาเจอคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องที่ คุณหมอก็คุยรายละเอียดต่างๆ พร้อมนัดผ่าตัด (เราหาหมอ รพ. ตำรวจครั้งแรก 22 ม.ค. 61 หมอนัดผ่าตัด 5 1 = 1 เดือนนิดๆ สำหรับการพบหมอและการเตรียมตัวผ่าตัดถือว่าเร็วมาก) ก่อนผ่าตัดเราก็ไปทำเรื่องเอ๊กซเร่ย์ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจคลื่นหัวใจ พอถึงวันผ่าเราก็ไปนอน รพ. ก่อนล่วงหน้า
การผ่าตัด 1 วันก่อนผ่าตัดมีพี่พยาบาลมาสอบถามประวัติเรา แล้วก็มาสอดยาขยายมดลูกให้ (เกรงใจมาก เลือดไหลตลอด) พอสอดยาสักพักเรามีอาการตึงๆหน่วงท้องหน่อยๆ มาสวนทำความสะอาดช่องคลอด สวนอุจจาระ และหลังจากนั้นก็งดน้ำงดอาหาร เรางดตั้งแต่ 1 ทุ่มเลย พอถึงเช้าวันผ่าตัดก็มีพยาบาลมาสอดยาขยายมดลูดให้เราอีกครั้ง (ระหว่างนอนรอผ่าตัดคือเราก็กังวลเรื่องเลือดไหลตลอดนะกลัวจะผ่าตัดไม่ได้ พยาบาลก็ถามว่าได้แจ้งหมอไหม ซึ่งเราก็แจ้งหมอไปแล้ว) ถึงเวลาที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้วซิ มีเจ้าหน้าที่มาเข็นเราไปห้องผ่าตัด (เอาจริงๆเรากลัวมาก ไม่เคยผ่าตัดเลย คือกลัวไปหมดอ่ะ น้ำตาเริ่มซึมไหลออกมาเรื่อยๆกลัวจริงๆน๊า) วิสัญญีที่น่ารักทุกท่านก็เข้ามาคุย บอกขั้นตอน เล่ารายละเอียดต่างๆให้ฟัง ทุกคนน่ารักมากจริงๆค่ะ จนถึงเวลาผ่าตัด ทำการบล็อคหลัง ขาเราร้อนวูบแล้วทุกคนก็รีบช่วยเราพลิกตัวให้เข้าที่ น้ำตาเริ่มไหลหนักเรื่อยๆ จนต้องให้ยาสลบ (รึปล่าว แอบเห็นเค้าฉีดเข้าทางสายน้ำเกลือ) แล้วก็ครอบจมูกเรา แล้วเราก็ไม่รู้เรื่องอีกเลย ตื่นมาอีกทียังผ่าไม่เสร็จค่ะ แอบเห็นในจอที่แว๊บๆ รวมทั้งอาการเรายังเบลอๆด้วย เราไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย จนได้เวลา จนท. เข็นเราขึ้นไปส่งที่ห้องพัก ส่งเราขึ้นเตียง เราสังเกตว่ามีสายฉี่ด้วย แอบตกใจ อุต่ะ เกิดมาพึ่งเคยโดนสวน แต่ก็แอบรำคาญแล้วก็กังวลจนไม่กล้าขยับเพราะกลัวสายยางนั่นจะจิ่มข้างใน (งานมโนก็มา ทั้งที่ไม่รู้ว่าปลายสายยางอยู่ตรงไหน 555) เราหลับต่อไปอีกสักพัก คราวนี้ตื่นมายาที่ทำการบล็อคหลังคงหมดแล้ว เราหน่วงท้อง ตึงท้อง ไม่ได้เจ็บมากนะ คือพยายามคิดว่าตัวเองปกติมาก แต่ที่รู้สึกได้ว่าไม่สะดวกหรือไม่สบายตัวเลยคือสายน้ำเกลือ และสายฉี่ หลังจากที่เราตื่นมา ไม่รู้สึกเวียนหัว ไม่มีอาการใดๆ เย็นวันนั้นพยาบาลก็ภอดสายน้ำเกลือให้เลย คืนนั้นเรานอนแบบไม่มีอาการระบมแผลใดๆ มีแค่ตึงๆหน่วงๆ จนเช้าอีกวันมีพยาบาลมาถอดสายปัสสาวะให้เรา แล้วบอกให้เราพยายามฉี่เอง เข้าห้องน้ำ ดูอาการ เราก็เข้าห้องน้ำ จัดการกับสภาพตัวเอง (เราเป็นคนที่ไม่ปล่อยให้ตัวเองดูโทรม ขนาดวันก่อนผ่าตัดที่จะต้องไปนอน รพ. เรายังแต่งหน้า ปัดขนตา 555 ) ถึงเวลาต้องฉี่แล้วเราก็กลัวเจ็บแผล เราค่อยๆฉี่รู้สึกได้ถึงอาการแปร๊บๆ แสบๆ เจ็บๆ ถึงเวลาถ่ายก็หน่วงๆตึงๆช่องคลอด แต่สิ่งที่เราสังเกตคือเลือดเราไม่ไหลเลย หยุดเลยจร้า ไม่มีเลือดเลยสักนิด อาการโดยรวมของเราในเช้านี้จัดว่าดีมากนะ (เราคิดเอง) เราอาบน้ำ แต่งตัว ทางครีม ทางแป้งบางๆ ทาลิปมันหน่อย แล้วเราก็นั่งคุยกับแฟนเรา จนมีพี่ๆพยาบาลมาเยี่ยม พี่คนที่เป็นหัวหน้าตกใจ บอกว่าคนไข้ผ่าตัดหรือนี่ ทำไมไม่มีอาการอะไรเลยเหรอ (คือเราพร้อมกลับบ้านมาก) พี่พยาบาลแจ้งเราอีกว่าอาจจะรู้สึกอึดอัด อืดท้องหน่อยนะเพราะว่าตอนผ่าตัดมีการฉีดแก๊สเข้าร่างกาย (เป็นวิธีการของการส่องกล้องมั้งคะ) สรุปวันนั้นเราได้กลับบ้านเลยค่ะ ทำการจ่ายเงิน เบ็ดเสร็จแล้ว รวมค่าห้องพักด้วย ประมาณ 15,000 บาท (ค่าห้องเรา คืนละ 1,800) แอบนอกเรื่องนิดนะคือก่อนกลับนี่ซิ มีเรื่องต้องสะดุด นิดนึง คือ ก่อนที่เราจะแอดมิด พี่พยาบาลให้เราไปจ่ายค่าส่องกล้องไว้ 5,500 บาท โดยเราจ่ายไว้เป็นเงินสด ผลปรากฎว่า มีการคิดตังผิดจร้า หุหุ เราต้องไปทำเรื่อง ยื่นเอกสารขอคืนเงิน แต่ปรากฏว่าเงินเราไม่ได้คืนในวันนั้น ซึ่งพยาบาลแจ้งว่าอีก 3 อาทิตย์จะได้คืนให้เราไปรับเองที่ รพ. เราเลยบอกว่า งั้นเราขอสำเนาเอกสารใบเสร็จรับเงินหรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้อง สักพักนางก็มายื่นเศษกระดาษพร้อมเขียนเบอร์โทรด้วยปากกา เรากับแฟนเราก็เลยมองหน้ากัน แล้วก็แจ้งไปอีกว่า เราต้องการสำเนา นางก็ตอบกลับมาว่า “แล้วเมื่อกี้ก็ไม่บอก” พร้อมทั้งบอกว่าให้จำนางไว้แล้วมาติดต่อที่ตัวนางได้เลยจร้า ซึ่งเราก็บอกว่าเราเข้าใจนะและเราก็จำหน้าได้ แต่ทั้งนี้เราก็ยังต้องการสำเนาเอกสารด้วย นางพูดมาแบบเหวี่ยงๆใส่เราว่าให้เราเดินไปขอสำเนาเอง อารมณ์เราขึ้นเลยจร้า เลยบอกไปว่าเดินไม่ไหวหรอกค่ะ เมื่อสักครู่ก็แจ้งไปแล้วว่าขอสำเนา สุดท้ายนางก็ไปเอาเอกสารมาให้เรา เราเลยขอชื่อนางไว้เพื่อการติดต่อ ใจจริงอยากจะให้เซนเอกสารนั้นด้วยซ้ำ (แลดูเหมือนตัวเองเป็นนางมารร้ายมาก) ....สรุปคือหมอให้เราพัก 2 อาทิตย์ และนัดเราอีกครั้ง 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด
อาการหลังผ่าตัด หลังจากเรามาพักฟื้นที่บ้านได้ 1 วัน มีอาการเลือดไหลนิดๆ และประมาณวันที่ 3 หลังการผ่าตัด เรารู้สึกว่ามีของเหลวเหมือนน้ำไหลมาเยอะมาก ลักษณะมีเลือดจางๆปนออกมาด้วย ไหลอยู่ประมาณอาทิตย์กว่าๆ จนครบกำหนดที่เราต้องมาพบหมออีกครั้ง เราก็เล่าให้หมอฟัง หมอบอกเป็นอาการข้างคียงของคนที่ผ่าตัดส่องกล้อง (ระหว่างที่พักฟื้น หมอติดตามอาการดีมากค่ะ มีส่งข้อความถามอาการหลังผ่าตัดด้วย) ตอนนี้เราผ่าตัดมาได้ 17 วันแล้ว แอบกังวลเรื่องเลือดที่ไหลซึมมาตลอด มีอาการหน่วงท้อง ปวดท้องน้อยข้างซ้ายซึ่งเราเข้าใจเองว่าอาจจะเป็นเพราะแก๊สในร่างกาย แต่เลือดที่ไหลซึมนี่ซิ เราคงต้องรอทานยาปรับฮอร์โมนให้หมด แล้วก็รอให้มีรอบเดือนอีกครั้ง หากหลังมีรอบเดือนแล้ว ยังมีเลือดไหลอีก คงต้องกลับไปหาหมออีกแน่ๆ ตอนนี้หมอก็จะนัดเราอีกครั้งเพื่อตรวจดูเนื้องอกว่าจะมีขึ้นมาอีกหรือไม่ในช่วงเดือนพฤษภาคม นับระยะเวลาก็ 2 เดือนหลังการผ่าตัดค่ะ จบแล้วค่ะ เล่ามายาวเลย หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะผ่าตัดหรือคนที่ทำการรักษาอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ อีกอย่างช่วงเวลาที่ไปรักษาอาจมีอะไรที่ทำให้เราหงุดหงิดใจบ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ไม่เข้าตาบ้าง เจอพูดจาไม่ดีบ้าง ก็พยายามมองข้ามไปนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ ยิ้มเข้าไว้ค่ะโลกจะได้สดใสขึ้น อิอิ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณ คุณหมออารีพรรณ / รพ. รามา (น่ารักมากๆค่ะ เอาใจใส่คนไข้มากๆ)
ขอบพระคุณ คุณหมออรัณ/ รพ.ตำรวจ วิสัญญี พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ของสูตินารี ที่คอยดูแลและบริการเป็นอย่างดีค่ะ (แอบเป็นกำลังใจเล็กๆในการทำงานนะคะ)