สวัสดีค่ะอยากมาแชร์ประสบการณ์สาววัย 34 ผ่าตัดเนื้องอกในมดลูก เพื่อเป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะผ่าตัดนะคะ
1.ตรวจเจอ
จขกท. อายุ 34 ไม่เคยตรวจสุขภาพจริงจังเลย มีแต่ตรวจสุขภาพที่ทำงานให้ตรวจทั่วไป ไม่เคยตรวจภายในลงลึกอะไรเลย เคยอ่านนะคะว่าอายุ 30+ ควรไปตรวจภายใน มะเร็งปากมดลูก ฯลฯ ได้แต่บอกตัวเองว่าจะๆ แต่ก็ปล่อยเวลา คิดว่าเราไม่เป็นอะไรหรอก
กระทั้งช่วงสิ้นปี 2566 ที่ทำงานมีให้ตรวจมะเร็งปากมดลูก เราก็คิดในใจว่าดีมาก ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเอง ผลตรวจออกมาว่า มีเชื้อมะเร็งปากมดลูก ตอนนั้นจิตใจวิตกไม่ไหวแล้ว หมอช่วยด้วยเป็นมะเร็งแล้วหรอ ไปโรงพยาบาลด่วนนนนน เราทำประกันสังคมที่โรงพยาบาลเปาโลเกษตรนะคะ
ไปถึงเล่าให้คุณหมอฟังเป็นคุณหมอผู้หญิงนะคะ คุณหมอก็ตรวจๆ อัลตร้าซาวน์ สรุปหมอบอกว่า เชื้อมะเร็งปากมดลูกยังไม่ต้องกังวล ยังไม่เป็นมะเร็ง แต่กังวลเรื่องเนื้องอกก่อน ขนาด 6 ซม. หมอบอกว่าโรคนี้ผู้หญิงเป็นเยอะ 1 ใน 4 แบบว่าถ้ามีผู้หญิงเดินมา 4 คน ต้องเป็นเนื้องอกมดลูก 1 คน เราก็ห๊ะ!! ถ้าคนเป็นตอนอายุเยอะมันอาจจะฝ่อเอง หรือตรวจเจอตอนที่ก้อนเล็กไม่เกิน 2 ซม. ก็มีวิธีรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่ของเราอะมันจะโตไปเบียดท่อปัสสาวะ ทำให้ฉี่บ่อย และทำให้มีลูกยาก ควรผ่าออก และต้องผ่าแบบเปิดหน้าท้อง เราก็เลยจัดไปค่ะหมอ ถึงตอนนี้จะยังไม่มีหลัว แต่ก็ยังอยากมีลูกนะคะ ชีวิตทำแต่งานกับดื่มยอดข้าว ไม่ดูแลตัวเองเลย รู้สึกผิด เอาน้องเนื้อออกเลยค่ะหมอ นี่แหละบทเรียนของการไม่ตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเลย
หลังปรึกษาพูดคุย คุณหมอนัดหลังปีใหม่มาตรวจอีก 3-4 รอบค่ะ ตรวจเลือด ตัดชิ้นเนื้อ เอกซเรย์ เข้าเครื่อง CT สแกน ฉีดยาลดขนาดเนื้องอก อันนี้คือเจ็บมาก คุณหมอบอกว่าฉีดไปให้มันไม่โตกว่านี้ และคุณหมอแจ้งว่าวันผ่าตัดคุณหมอไม่ว่าง จะเป็นคุณหมอผู้ชายผ่าตัดให้
ตรวจครั้งสุดท้ายก่อนผ่า พบกับคุณหมอผู้ชายที่ผ่าตัดให้ คุณหมอใจดีมาก บอกเราว่าไม่ต้องกลัวไม่เจ็บ เดี๋ยวก็หาย เราก็ถามเรื่องผ่าตัด หนูหาข้อมูลมาอ่านในพันทิปเนี่ยแหละ เค้าบอกบล็อคหลังดีกว่าเจ็บน้อยกว่าแบบสลบไปเลยหรอคะหมอ หมอบอกเหมือนกันแหละ เอ้างั้นหนูขอสลบเลยค่ะหมอ จัดไปค่ะ
ก่อนผ่าตัดจะมีเจ้าหน้าที่แอดไลน์มาแจ้งข้อมูลคุณหมอ การผ่าตัด การดูแลหลังผ่าตัด ข้อมูลห้องพัก เราใช้ประกันสังคมและประกันกลุ่มของที่ทำงาน ตอนนั้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มจะแจ้งอีกครั้ง
2.ผ่าตัด
แล้วก็มาถึงก่อนวันผ่าตัด ไปนอนแอดมิทที่โรงพยาบาลตั้งแต่ 6 โมงเย็น เพราะต้องผ่าช่วงเช้าอีกวัน ห้องพักดีมากค่ะ ห้องส่วนตัว มีห้องน้ำ ตู้เย็น ทีวี โซฟา อยู่ชั้นเดียวกับแผนกคลอดลูก เป็นห้องพักของคุณแม่หลังคลอด มีป้าย welcome ติดที่หัวเตียง ฟิลเหมือนมาคลอดลูก แต่ไม่ใช่ค่ะ มาคลอดน้องเนื้อ
คืนแรกพยาบาลบอกว่าเที่ยงคืนงดน้ำอาหารนะคะ เราก็เลยกินข้าวตอน 3 ทุ่ม ประมาณ 4 ทุ่ม พยาบาลมาสวนก้นให้ถ่ายท้อง เจาะสายน้ำเกลือ แอบเจ็บอะเจาะข้างซ้ายเส้นไม่เปิด ย้ายมาเจาะข้างขวา เจ็บ 2 รอบไปเลย เราดื่มน้ำสุดท้ายประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ จากนั้นตื่นเต้นนอนไม่ค่อยหลับ
วันผ่าตัดจริง 8 โมงเช้า อาบน้ำใส่ชุดผ่าตัดพร้อม เจ้าหน้าที่มาเข็นเตียงลงไป คุณหมอเดินมาพูดคุยยิ้มแย้ม จากนั้นเจ้าหน้าที่เข็นเราเข้าไปในห้องผ่าตัด เห็นภาพไฟส่องหน้าแบบเวลาดูหนัง แล้วก็มีที่ครอบจมูกเหมือนเครื่องช่วยหายใจมาครอบจมูกเท่านั้นแหละ ป๊อกเลยค่ะ ตื่นอีกทีเข็นมาถึงห้องพักแล้ว ประมาณ 11 โมง ไม่แน่ใจนะคะว่าผ่าตัดกี่ชั่วโมง เพราะหลังผ่าตัดจะมีการให้นอนพักดูอาการหลังผ่า ก่อนจะกลับมาห้องพักค่ะ
ตื่นมายังชาอยู่ รู้สึกว่าตึงๆ นอนนิ่งๆ ก็ไม่เจ็บ แต่ถ้าขยับหรือปรับเตียงให้หลังตั้งขึ้นเท่านั้นแหละ โอเคเจ็บปวด มีการใส่ท่อฉี่เอาไว้ให้ โอเครู้สึกดีนะ ฉี่ไม่รู้ตัวเลย ฉี่เข้าสายลงถุงไปเลย พยาบาลเข้ามาวัดความดัน วัดไข้ตลอด นอนให้น้ำเกลือตลอด กินได้แต่น้ำ แต่ก็ไม่หิวข้าวนะคะ เราก็นอนดูซีรีย์ฉ่ำๆ เลย
เช้าวันที่ 2 หมอมาดูแผล แล้วก็บอกว่าวันนี้ต้องลุกบ้างนะ จากนั้นพยาบาลถอดสายฉี่และน้ำเกลือ เช็ดตัว เริ่มกินข้าว ข้าวโรงพยาบาลอร่อยนะ จัดเต็มของคาวหวาน คืออยากจะบอกว่ากับข้าวไม่ใช่มีแต่อาหารอ่อน กินได้ปกติเลย แต่การจะลุกมานั่งกินคือเจ็บ แต่ถ้าเราผ่านตอนแรกที่เจ็บไปได้ นั่งไปสักพักโอเคดีขึ้น พอจะนอนพยายามเอาขาขึ้นเอนตัวนอนลง มันก็จะเจ็บ เอาง่ายๆ คือถ้าขยับเจ็บอดทนนิดนึง มียาให้กินทุกหลังอาหาร
เริ่มปวดฉี่ครั้งแรกหลังถอดสายฉี่ พยาบาลแจ้งเอาไว้ก่อนแล้วถ้าจะลุกจากเตียงครั้งแรกต้องมีคนช่วยประคองนะ ตอนนั้นแม่เรากลับบ้านไปเอาของ ตอนแรกว่าจะทำเก่งไปคนเดียว แต่คิดไปมาถ้าล้มหัวฟาดทำไงอะ อย่าห้าวเนอะ สรุปกดเรียกพยาบาลมาช่วย ลุกไปเข้าห้องน้ำเองครั้งแรกเจ็บมาก แต่เราก็ต้องอดทนค่ะ กินข้าวเย็น นอนดูซีรีย์ นอนหลับผ่านไปอีก 1 วัน
เช้าวันที่ 3 หมอมาถามอาการ บอกว่าเป็นไหมละลายไม่ต้องตัดไหม แล้วก็แปะแผ่นกันน้ำที่แผลให้ พร้อมกับบอกว่ากลับบ้านได้แล้วนะ อย่ายกของหนัก หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เช็ดตัวเองแบบเบาๆ เตรียมกลับบ้าน เจ้าหน้าที่เอารถเข็นมาส่งถึงรถ ส่วนค่าใช้จ่ายสรุปประกันสังคมรวมประกันที่ทำงาน ครอบคุม ไม่ได้จ่ายเพิ่มสักบาทเลยค่ะ ฟรีตั้งแต่ต้นจนจบ
3.หลังผ่าตัด
กลับบ้านมาเดินขึ้นบันได้แบบกลั้นใจนิดๆ เจ็บเวลาลุกนั่งพลิกตัวเหมือนเดิม แต่เจ็บน้อยลง เวลาฉี่มันจะรู้สึกว่าเจ็บแบบบอกไม่ถูก มันปล่อยไปเลยไม่ได้ มันต้องอั้นค่อยๆ ให้น้องออก มันปวดนิดๆ บางเวลานั่งๆนอนๆ ก็มีปวดขึ้นมาเฉยบ้างๆ แค่ประมาณ 2 วัน สงสัยเซลล์กำลังประสาน ปวดมากก็อัดยาแก้ปวด อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
ครบ 1 อาทิตย์ที่กลับบ้าน รู้สึกว่าเจ็บแผลน้อยลงมาก มันจะจี๊ดๆ ถ้าเดินเยอะ กับตอนลุกตอนนอน ตอนพลิกตัวไม่ค่อยเจ็บและ วันนี้คุณหมอนัดไปดูแผลผ่าตัด เช็คแผลให้แล้วก็บอกว่าไม่ต้องแปะแผลกันน้ำแล้ว อาบน้ำปกติเลย หลังจากนี้คุณมอนัดอีกเดือนนึงเลยค่ะ
คือเรารู้สึกว่าเราก็หายเร็วนะ จากที่เราอ่านมาแต่เป็นกระทู้หลายปีแล้ว บางคนนอนโรงบาล 5-7 วัน เรานอน 3 วัน อาจจะเพราะด้วยเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ยาที่ดีขึ้น คือมันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แผลยาวประมาณ 10 ซม. ต่ำกว่าขอบ กกน. เอวต่ำอีกค่ะ 😂 สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนที่กำลังผ่าตัดมีกำลังใจ ไม่ต้องกังวล ทำใจให้สบายๆ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะคะ
[SR] แชร์ประสบการณ์ ผ่าตัดเนื้องอกมดลูก สาววัย 34
1.ตรวจเจอ
จขกท. อายุ 34 ไม่เคยตรวจสุขภาพจริงจังเลย มีแต่ตรวจสุขภาพที่ทำงานให้ตรวจทั่วไป ไม่เคยตรวจภายในลงลึกอะไรเลย เคยอ่านนะคะว่าอายุ 30+ ควรไปตรวจภายใน มะเร็งปากมดลูก ฯลฯ ได้แต่บอกตัวเองว่าจะๆ แต่ก็ปล่อยเวลา คิดว่าเราไม่เป็นอะไรหรอก
กระทั้งช่วงสิ้นปี 2566 ที่ทำงานมีให้ตรวจมะเร็งปากมดลูก เราก็คิดในใจว่าดีมาก ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเอง ผลตรวจออกมาว่า มีเชื้อมะเร็งปากมดลูก ตอนนั้นจิตใจวิตกไม่ไหวแล้ว หมอช่วยด้วยเป็นมะเร็งแล้วหรอ ไปโรงพยาบาลด่วนนนนน เราทำประกันสังคมที่โรงพยาบาลเปาโลเกษตรนะคะ
ไปถึงเล่าให้คุณหมอฟังเป็นคุณหมอผู้หญิงนะคะ คุณหมอก็ตรวจๆ อัลตร้าซาวน์ สรุปหมอบอกว่า เชื้อมะเร็งปากมดลูกยังไม่ต้องกังวล ยังไม่เป็นมะเร็ง แต่กังวลเรื่องเนื้องอกก่อน ขนาด 6 ซม. หมอบอกว่าโรคนี้ผู้หญิงเป็นเยอะ 1 ใน 4 แบบว่าถ้ามีผู้หญิงเดินมา 4 คน ต้องเป็นเนื้องอกมดลูก 1 คน เราก็ห๊ะ!! ถ้าคนเป็นตอนอายุเยอะมันอาจจะฝ่อเอง หรือตรวจเจอตอนที่ก้อนเล็กไม่เกิน 2 ซม. ก็มีวิธีรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่ของเราอะมันจะโตไปเบียดท่อปัสสาวะ ทำให้ฉี่บ่อย และทำให้มีลูกยาก ควรผ่าออก และต้องผ่าแบบเปิดหน้าท้อง เราก็เลยจัดไปค่ะหมอ ถึงตอนนี้จะยังไม่มีหลัว แต่ก็ยังอยากมีลูกนะคะ ชีวิตทำแต่งานกับดื่มยอดข้าว ไม่ดูแลตัวเองเลย รู้สึกผิด เอาน้องเนื้อออกเลยค่ะหมอ นี่แหละบทเรียนของการไม่ตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเลย
หลังปรึกษาพูดคุย คุณหมอนัดหลังปีใหม่มาตรวจอีก 3-4 รอบค่ะ ตรวจเลือด ตัดชิ้นเนื้อ เอกซเรย์ เข้าเครื่อง CT สแกน ฉีดยาลดขนาดเนื้องอก อันนี้คือเจ็บมาก คุณหมอบอกว่าฉีดไปให้มันไม่โตกว่านี้ และคุณหมอแจ้งว่าวันผ่าตัดคุณหมอไม่ว่าง จะเป็นคุณหมอผู้ชายผ่าตัดให้
ตรวจครั้งสุดท้ายก่อนผ่า พบกับคุณหมอผู้ชายที่ผ่าตัดให้ คุณหมอใจดีมาก บอกเราว่าไม่ต้องกลัวไม่เจ็บ เดี๋ยวก็หาย เราก็ถามเรื่องผ่าตัด หนูหาข้อมูลมาอ่านในพันทิปเนี่ยแหละ เค้าบอกบล็อคหลังดีกว่าเจ็บน้อยกว่าแบบสลบไปเลยหรอคะหมอ หมอบอกเหมือนกันแหละ เอ้างั้นหนูขอสลบเลยค่ะหมอ จัดไปค่ะ
ก่อนผ่าตัดจะมีเจ้าหน้าที่แอดไลน์มาแจ้งข้อมูลคุณหมอ การผ่าตัด การดูแลหลังผ่าตัด ข้อมูลห้องพัก เราใช้ประกันสังคมและประกันกลุ่มของที่ทำงาน ตอนนั้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มจะแจ้งอีกครั้ง
2.ผ่าตัด
แล้วก็มาถึงก่อนวันผ่าตัด ไปนอนแอดมิทที่โรงพยาบาลตั้งแต่ 6 โมงเย็น เพราะต้องผ่าช่วงเช้าอีกวัน ห้องพักดีมากค่ะ ห้องส่วนตัว มีห้องน้ำ ตู้เย็น ทีวี โซฟา อยู่ชั้นเดียวกับแผนกคลอดลูก เป็นห้องพักของคุณแม่หลังคลอด มีป้าย welcome ติดที่หัวเตียง ฟิลเหมือนมาคลอดลูก แต่ไม่ใช่ค่ะ มาคลอดน้องเนื้อ
คืนแรกพยาบาลบอกว่าเที่ยงคืนงดน้ำอาหารนะคะ เราก็เลยกินข้าวตอน 3 ทุ่ม ประมาณ 4 ทุ่ม พยาบาลมาสวนก้นให้ถ่ายท้อง เจาะสายน้ำเกลือ แอบเจ็บอะเจาะข้างซ้ายเส้นไม่เปิด ย้ายมาเจาะข้างขวา เจ็บ 2 รอบไปเลย เราดื่มน้ำสุดท้ายประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ จากนั้นตื่นเต้นนอนไม่ค่อยหลับ
วันผ่าตัดจริง 8 โมงเช้า อาบน้ำใส่ชุดผ่าตัดพร้อม เจ้าหน้าที่มาเข็นเตียงลงไป คุณหมอเดินมาพูดคุยยิ้มแย้ม จากนั้นเจ้าหน้าที่เข็นเราเข้าไปในห้องผ่าตัด เห็นภาพไฟส่องหน้าแบบเวลาดูหนัง แล้วก็มีที่ครอบจมูกเหมือนเครื่องช่วยหายใจมาครอบจมูกเท่านั้นแหละ ป๊อกเลยค่ะ ตื่นอีกทีเข็นมาถึงห้องพักแล้ว ประมาณ 11 โมง ไม่แน่ใจนะคะว่าผ่าตัดกี่ชั่วโมง เพราะหลังผ่าตัดจะมีการให้นอนพักดูอาการหลังผ่า ก่อนจะกลับมาห้องพักค่ะ
ตื่นมายังชาอยู่ รู้สึกว่าตึงๆ นอนนิ่งๆ ก็ไม่เจ็บ แต่ถ้าขยับหรือปรับเตียงให้หลังตั้งขึ้นเท่านั้นแหละ โอเคเจ็บปวด มีการใส่ท่อฉี่เอาไว้ให้ โอเครู้สึกดีนะ ฉี่ไม่รู้ตัวเลย ฉี่เข้าสายลงถุงไปเลย พยาบาลเข้ามาวัดความดัน วัดไข้ตลอด นอนให้น้ำเกลือตลอด กินได้แต่น้ำ แต่ก็ไม่หิวข้าวนะคะ เราก็นอนดูซีรีย์ฉ่ำๆ เลย
เช้าวันที่ 2 หมอมาดูแผล แล้วก็บอกว่าวันนี้ต้องลุกบ้างนะ จากนั้นพยาบาลถอดสายฉี่และน้ำเกลือ เช็ดตัว เริ่มกินข้าว ข้าวโรงพยาบาลอร่อยนะ จัดเต็มของคาวหวาน คืออยากจะบอกว่ากับข้าวไม่ใช่มีแต่อาหารอ่อน กินได้ปกติเลย แต่การจะลุกมานั่งกินคือเจ็บ แต่ถ้าเราผ่านตอนแรกที่เจ็บไปได้ นั่งไปสักพักโอเคดีขึ้น พอจะนอนพยายามเอาขาขึ้นเอนตัวนอนลง มันก็จะเจ็บ เอาง่ายๆ คือถ้าขยับเจ็บอดทนนิดนึง มียาให้กินทุกหลังอาหาร
เริ่มปวดฉี่ครั้งแรกหลังถอดสายฉี่ พยาบาลแจ้งเอาไว้ก่อนแล้วถ้าจะลุกจากเตียงครั้งแรกต้องมีคนช่วยประคองนะ ตอนนั้นแม่เรากลับบ้านไปเอาของ ตอนแรกว่าจะทำเก่งไปคนเดียว แต่คิดไปมาถ้าล้มหัวฟาดทำไงอะ อย่าห้าวเนอะ สรุปกดเรียกพยาบาลมาช่วย ลุกไปเข้าห้องน้ำเองครั้งแรกเจ็บมาก แต่เราก็ต้องอดทนค่ะ กินข้าวเย็น นอนดูซีรีย์ นอนหลับผ่านไปอีก 1 วัน
เช้าวันที่ 3 หมอมาถามอาการ บอกว่าเป็นไหมละลายไม่ต้องตัดไหม แล้วก็แปะแผ่นกันน้ำที่แผลให้ พร้อมกับบอกว่ากลับบ้านได้แล้วนะ อย่ายกของหนัก หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เช็ดตัวเองแบบเบาๆ เตรียมกลับบ้าน เจ้าหน้าที่เอารถเข็นมาส่งถึงรถ ส่วนค่าใช้จ่ายสรุปประกันสังคมรวมประกันที่ทำงาน ครอบคุม ไม่ได้จ่ายเพิ่มสักบาทเลยค่ะ ฟรีตั้งแต่ต้นจนจบ
3.หลังผ่าตัด
กลับบ้านมาเดินขึ้นบันได้แบบกลั้นใจนิดๆ เจ็บเวลาลุกนั่งพลิกตัวเหมือนเดิม แต่เจ็บน้อยลง เวลาฉี่มันจะรู้สึกว่าเจ็บแบบบอกไม่ถูก มันปล่อยไปเลยไม่ได้ มันต้องอั้นค่อยๆ ให้น้องออก มันปวดนิดๆ บางเวลานั่งๆนอนๆ ก็มีปวดขึ้นมาเฉยบ้างๆ แค่ประมาณ 2 วัน สงสัยเซลล์กำลังประสาน ปวดมากก็อัดยาแก้ปวด อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
ครบ 1 อาทิตย์ที่กลับบ้าน รู้สึกว่าเจ็บแผลน้อยลงมาก มันจะจี๊ดๆ ถ้าเดินเยอะ กับตอนลุกตอนนอน ตอนพลิกตัวไม่ค่อยเจ็บและ วันนี้คุณหมอนัดไปดูแผลผ่าตัด เช็คแผลให้แล้วก็บอกว่าไม่ต้องแปะแผลกันน้ำแล้ว อาบน้ำปกติเลย หลังจากนี้คุณมอนัดอีกเดือนนึงเลยค่ะ
คือเรารู้สึกว่าเราก็หายเร็วนะ จากที่เราอ่านมาแต่เป็นกระทู้หลายปีแล้ว บางคนนอนโรงบาล 5-7 วัน เรานอน 3 วัน อาจจะเพราะด้วยเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ยาที่ดีขึ้น คือมันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แผลยาวประมาณ 10 ซม. ต่ำกว่าขอบ กกน. เอวต่ำอีกค่ะ 😂 สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนที่กำลังผ่าตัดมีกำลังใจ ไม่ต้องกังวล ทำใจให้สบายๆ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะคะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้