สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ ได้โอกาสดีสักที ที่จะได้แชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ได้ฟัง เพื่อเป็นประโยชน์แต่หลายๆ คน
**เพื่อนๆ ท่านใดมีประสบการ์ณแบบเดียวกันมาแชร์ได้นะค่ะ เราอยากรู้ว่าผ่าแล้วจะมีลูกได้ไหม คุณหมอบอกว่าได้ค่ะ ทิ้งระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่อยากรู้จากประสบการ์ณจิงค่ะ มีได้จิงไหม อยากมีลูกค่ะ.....
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดในปี 2558 ค่ะ
**ก่อนหน้านี้เคยผ่าตัดส่องกล้องตัดปีกมดลูกไปค่ะนานมากแล้วประมาณ 8 ปี
ช่วงปลายๆปี 2557 ฉันได้ตั้งครรภ์ครั้งแรกค่ะ จนมาถึงมกราคม 2558 ก็ประมาณ 4 เดือนแล้ว ฉันน้ำหนัก 105 kg ค่ะตอนท้องไม่ได้มีโรคประจำตัวค่ะ ตรวจเบาหวานก็ไม่มี ทุกครั้งที่ไปพบหมออัลตราซาวด์ก็พบว่าน้องปกติดีทุกอย่าง ไม่พบสิ่งแปลกปลอมในมดลูกเลย...
หลังจากนั้นช่วงวันปีใหม่พอดีฉันปวดท้องมาก ปวดแบบบีบๆ มดลูกทุกๆ 10 นาที ซึ้งก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ไปพบหมอที่ฝากครรภ์ไว้ หมอก็ให้ยาคลายมดลูกมา ท้องก็ผูกถ่ายไม่ออก บอกตามตรงค่ะ ช่วงเวลานั้นเจ็บปวดทรมานมาก แต่ห่วงลูกที่สุดเลย จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นสดุ่งตื่นมาตอน 6 โมงเช้า น้ำคล้ำแตกค่ะ หมดเลยค่ะ เหมือนคนจะคลอดลูกเลย สรุปหลังจากคุณหมอตรวจแล้ว ลูกเราไม่อยู่กับเราแล้วค่ะ "เราแท้งต้องขูดมดลูก" ซึ่งมันไม่จบเท่านั้น สาเหตุที่แท้งเพราะเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่ 11 cm อัลตราซาวด์ไม่เจอ แต่ขูดมดลูกถึงรู้ว่ามี "เนื้องอก"
คราวนี้ละ "เรื่องใหญ่สำหรับเราเลย ต้องผ่าตัด" หลังจากพักฟื้น เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับเนื้องอกทันที อยากรักษาให้หายๆ เพื่อที่จะได้มีน้อง ซึ่งก็มีเพื่อนแนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอหลายคน เราได้มารักษาที่ โรงพยาบาลศิริราช กับอาจารย์หมอปัทมา เชาว์โพธิ์ทอง หลังจากคุณหมอตรวจดู เนื้องอกก้อนนี้มันใหญ่มาก สามารถคลำได้จากหน้าท้อง (อ้วนๆ ยังคลำเจออีก...) ซึ่งตำแหน่งที่เนื้องอกอยู่มีลักษณะเหมือน สวมมงกุฎให้กับมดลูก คืออยู่ด้านบนของมดลูกค่ะ รักษาได้โดยการผ่าตัดเปิดหน้าท้องเท่านั้น..... แม่เจ้าคือฉันต้องโดนผ่าอีกแล้ว เนื่องจากรูปร่างที่อ้วน การผ่าตัดเปิดหน้าท้องมันลำบาก ไม่เหมือนคนผอมๆค่ะ ไขมันเยอะ T-T
จากนั้นวันผ่าก็มาถึง ใจดีสู้เสือค่ะ เพื่อลูกๆๆๆๆๆๆ เราหายจะได้มีลูกๆๆ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ อาจารย์หมอปัทมา น่ารักมากค่ะ ทำให้เราไม่กลัวการผ่าตัดเลย... ตอนผ่าตัดเราบล็อคหลังค่ะ กว่าคุณหมอวิสัญญีแพทย์จะเดินยาให้เราได้ เล่นเอาซะคุณหมอเหนื่อยเลยทีเดียว 5555+ เรากลัวค่ะ เลยขอให้คุณหมอวิสัญญีแพทย์วางยานอนหลับ เลยหลัยขณะผ่าตัดค่ะ
หลังจากนั้นก็พักฟื้นค่ะ อาการปกติดีค่ะเจ็บมากๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ (ยังมีเจ็บกว่านี้อีกค่ะ 555) อยู่โรงพยาบาล 3-4 วัน จากนั้นก็ขอคุณหมอกลับบ้านค่ะ แต่มันไม่จบค่ะ ผ่านมา 4-5 วัน ฉันรู้สึกแผลที่ผ่าตัดบวมๆ แข็งๆ รู้สึกร้อนๆ ไข้ขึ้น
พอตอนเช้าก็ทำตัวปกติ ฉันกำลังจะเดินไปที่ห้องน้ำ ปรากฎว่า เลือดไหลออกมาจากผ่าก๊อตที่ปิดแผลไว้แบบไม่หยุดเลยค่ะ ไหลเยอะมาก จนต้องเอาผ่าเช็ดตัวมาห่อท้องเอาไว้ ต้องรีบไปโรงพยาบาลเลยค่ะ พอเข้าห้องฉุกเฉินในใจคิดว่าแผลปริแล้ว หลังจากคุณหมอตรวจ เป็นอาการติดเชื่อชั้นไขมันค่ะ คนอ้วนเป็นกันเยอะเพราะไขมันทำให้แผลติดช้า ต้องเปิดทางระบายเลือดออก คุณหมอเอากรรไกรแทงไปที่แผลประมาณ 1 นิ้ว เพื่อระบายแต่เชื่อไหมค่ะ ฉันไม่เจ็บเลย หลังจากนั้นรอดูอาการค่ะ ว่าเลือดจะหยุดไหม ปากแผล 3 cm เองค่ะ แต่อนุภาพมหาศาล รอดูอาการอยู่ 2 วัน เลือดไหลเยอะมากทุกวันเลยค่ะ สุดท้ายต้องผ่าตัดรอบสอง เพื่อหาสาเหตุที่เลือดไหลไม่หยุด บอกตรงค่ะเข้าห้องผ่าตัดไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยค่ะชินเลย 5555 ผ่าครั้งหมอดมยาสลบให้ค่ะ ซึ่งพอสักพักก็หมดสติ แต่ตอนตื่นเนี่ยสิ... ดันตื่นมาตอนคุณหมอกำลังเย็บแผลใกล้เสร็จเลย คือขยับไม่ได้ อยากจะบอกหมอว่า ตื่นแล้วๆๆแต่ผ้าปิดหน้าไว้ค่ะ สักพักก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ อาการรวมๆ ก็ดีขึ้นค่ะ จากนั้นก็พัก 2 วันดูอาการค่ะ ดูว่ามีเลือดไหลออกมาอีกไหม ก็ไม่มีค่ะ แต่คุณหมอก็คอยเอาเข็มฉีดยาดูเลือดออกมาเช็คว่ามีค้างไหม พอวันที่ 4 คุณหมอบอกพรุ่งนี้น่าจะกลับได้แล้วนะค่ะ เด๋วเช้าหมอจะมาดูให้อีกทีนะ ถ้าไม่มีเลือดแล้วก็กลับได้แล้วจ๊ะ
ปรากฏว่า เช้าวันรุ่งขึ้น เลือดไหลอีกแล้ว สีเลือดเก่าลงๆ ทุกวันค่ะ เป็นเลือดเก่า พระเจ้าาาาาาา!!!! ยังไงเนี่ย... คราวนี้มีคุณหมออีกคนมาช่วยดูอาการให้ก่อนบอกว่าอาจจะต้องผ่าอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุ แต่ที่ผ่าครั้งที่แล้วก็ไม่มีอะไร เด๋วลองวิธีกินยาช่วยให้เลือดแข็งตัวดูก่อน ระหว่างนั้นกินยามาอีก 3 วัน โชคดีของฉัน......ที่เลือดหยุดไหล แล้วคุณหมอก็ให้กลับบ้านได้ ตอนนี้ก็เป็นเวลา 4 เดือนแล้วค่ะหลังจากผ่าตัด ต่อจากนี้เรายังต้องหมั่นไปตรวจเช็คทุกๆ 6 เดือนค่ะ
** หากรูปภาพน่ากลัวขออภัยด้วยนะค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**เราอยากจะแชร์เรื่องนี้ไว้เพื่อเป็นประโยชน์กับคนที่หาข้อมูลค่ะ ใครมีเรื่องอะไรก็มาแชร์กันได้นะค่ะ ยังไงก็ต้องรักษาสุขภาพนะค่ะ สมบัติของเราที่มีค่ามากที่สุด ขอขอบคุณครอบครัวและสามีค่ะ ที่คอยดูแลเราอย่างดีเลย ขอบคุณอาจารย์หมอ ปัทมา เชาว์โพธิ์ทอง ที่รักษาให้เราหายค่ะ ขอบคุณจิงๆ ค่ะ
แชร์ประสบการณ์ "ผ่าตัดเนื้องอกมดลูก ขนาด 11 cm" เพื่อเป็นประโยชน์กับคนที่หาข้อมูลอยู่ค่ะ
**เพื่อนๆ ท่านใดมีประสบการ์ณแบบเดียวกันมาแชร์ได้นะค่ะ เราอยากรู้ว่าผ่าแล้วจะมีลูกได้ไหม คุณหมอบอกว่าได้ค่ะ ทิ้งระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่อยากรู้จากประสบการ์ณจิงค่ะ มีได้จิงไหม อยากมีลูกค่ะ.....
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดในปี 2558 ค่ะ
**ก่อนหน้านี้เคยผ่าตัดส่องกล้องตัดปีกมดลูกไปค่ะนานมากแล้วประมาณ 8 ปี
ช่วงปลายๆปี 2557 ฉันได้ตั้งครรภ์ครั้งแรกค่ะ จนมาถึงมกราคม 2558 ก็ประมาณ 4 เดือนแล้ว ฉันน้ำหนัก 105 kg ค่ะตอนท้องไม่ได้มีโรคประจำตัวค่ะ ตรวจเบาหวานก็ไม่มี ทุกครั้งที่ไปพบหมออัลตราซาวด์ก็พบว่าน้องปกติดีทุกอย่าง ไม่พบสิ่งแปลกปลอมในมดลูกเลย...
หลังจากนั้นช่วงวันปีใหม่พอดีฉันปวดท้องมาก ปวดแบบบีบๆ มดลูกทุกๆ 10 นาที ซึ้งก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ไปพบหมอที่ฝากครรภ์ไว้ หมอก็ให้ยาคลายมดลูกมา ท้องก็ผูกถ่ายไม่ออก บอกตามตรงค่ะ ช่วงเวลานั้นเจ็บปวดทรมานมาก แต่ห่วงลูกที่สุดเลย จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นสดุ่งตื่นมาตอน 6 โมงเช้า น้ำคล้ำแตกค่ะ หมดเลยค่ะ เหมือนคนจะคลอดลูกเลย สรุปหลังจากคุณหมอตรวจแล้ว ลูกเราไม่อยู่กับเราแล้วค่ะ "เราแท้งต้องขูดมดลูก" ซึ่งมันไม่จบเท่านั้น สาเหตุที่แท้งเพราะเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่ 11 cm อัลตราซาวด์ไม่เจอ แต่ขูดมดลูกถึงรู้ว่ามี "เนื้องอก"
คราวนี้ละ "เรื่องใหญ่สำหรับเราเลย ต้องผ่าตัด" หลังจากพักฟื้น เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับเนื้องอกทันที อยากรักษาให้หายๆ เพื่อที่จะได้มีน้อง ซึ่งก็มีเพื่อนแนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอหลายคน เราได้มารักษาที่ โรงพยาบาลศิริราช กับอาจารย์หมอปัทมา เชาว์โพธิ์ทอง หลังจากคุณหมอตรวจดู เนื้องอกก้อนนี้มันใหญ่มาก สามารถคลำได้จากหน้าท้อง (อ้วนๆ ยังคลำเจออีก...) ซึ่งตำแหน่งที่เนื้องอกอยู่มีลักษณะเหมือน สวมมงกุฎให้กับมดลูก คืออยู่ด้านบนของมดลูกค่ะ รักษาได้โดยการผ่าตัดเปิดหน้าท้องเท่านั้น..... แม่เจ้าคือฉันต้องโดนผ่าอีกแล้ว เนื่องจากรูปร่างที่อ้วน การผ่าตัดเปิดหน้าท้องมันลำบาก ไม่เหมือนคนผอมๆค่ะ ไขมันเยอะ T-T
จากนั้นวันผ่าก็มาถึง ใจดีสู้เสือค่ะ เพื่อลูกๆๆๆๆๆๆ เราหายจะได้มีลูกๆๆ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ อาจารย์หมอปัทมา น่ารักมากค่ะ ทำให้เราไม่กลัวการผ่าตัดเลย... ตอนผ่าตัดเราบล็อคหลังค่ะ กว่าคุณหมอวิสัญญีแพทย์จะเดินยาให้เราได้ เล่นเอาซะคุณหมอเหนื่อยเลยทีเดียว 5555+ เรากลัวค่ะ เลยขอให้คุณหมอวิสัญญีแพทย์วางยานอนหลับ เลยหลัยขณะผ่าตัดค่ะ
หลังจากนั้นก็พักฟื้นค่ะ อาการปกติดีค่ะเจ็บมากๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ (ยังมีเจ็บกว่านี้อีกค่ะ 555) อยู่โรงพยาบาล 3-4 วัน จากนั้นก็ขอคุณหมอกลับบ้านค่ะ แต่มันไม่จบค่ะ ผ่านมา 4-5 วัน ฉันรู้สึกแผลที่ผ่าตัดบวมๆ แข็งๆ รู้สึกร้อนๆ ไข้ขึ้น
พอตอนเช้าก็ทำตัวปกติ ฉันกำลังจะเดินไปที่ห้องน้ำ ปรากฎว่า เลือดไหลออกมาจากผ่าก๊อตที่ปิดแผลไว้แบบไม่หยุดเลยค่ะ ไหลเยอะมาก จนต้องเอาผ่าเช็ดตัวมาห่อท้องเอาไว้ ต้องรีบไปโรงพยาบาลเลยค่ะ พอเข้าห้องฉุกเฉินในใจคิดว่าแผลปริแล้ว หลังจากคุณหมอตรวจ เป็นอาการติดเชื่อชั้นไขมันค่ะ คนอ้วนเป็นกันเยอะเพราะไขมันทำให้แผลติดช้า ต้องเปิดทางระบายเลือดออก คุณหมอเอากรรไกรแทงไปที่แผลประมาณ 1 นิ้ว เพื่อระบายแต่เชื่อไหมค่ะ ฉันไม่เจ็บเลย หลังจากนั้นรอดูอาการค่ะ ว่าเลือดจะหยุดไหม ปากแผล 3 cm เองค่ะ แต่อนุภาพมหาศาล รอดูอาการอยู่ 2 วัน เลือดไหลเยอะมากทุกวันเลยค่ะ สุดท้ายต้องผ่าตัดรอบสอง เพื่อหาสาเหตุที่เลือดไหลไม่หยุด บอกตรงค่ะเข้าห้องผ่าตัดไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยค่ะชินเลย 5555 ผ่าครั้งหมอดมยาสลบให้ค่ะ ซึ่งพอสักพักก็หมดสติ แต่ตอนตื่นเนี่ยสิ... ดันตื่นมาตอนคุณหมอกำลังเย็บแผลใกล้เสร็จเลย คือขยับไม่ได้ อยากจะบอกหมอว่า ตื่นแล้วๆๆแต่ผ้าปิดหน้าไว้ค่ะ สักพักก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ อาการรวมๆ ก็ดีขึ้นค่ะ จากนั้นก็พัก 2 วันดูอาการค่ะ ดูว่ามีเลือดไหลออกมาอีกไหม ก็ไม่มีค่ะ แต่คุณหมอก็คอยเอาเข็มฉีดยาดูเลือดออกมาเช็คว่ามีค้างไหม พอวันที่ 4 คุณหมอบอกพรุ่งนี้น่าจะกลับได้แล้วนะค่ะ เด๋วเช้าหมอจะมาดูให้อีกทีนะ ถ้าไม่มีเลือดแล้วก็กลับได้แล้วจ๊ะ
ปรากฏว่า เช้าวันรุ่งขึ้น เลือดไหลอีกแล้ว สีเลือดเก่าลงๆ ทุกวันค่ะ เป็นเลือดเก่า พระเจ้าาาาาาา!!!! ยังไงเนี่ย... คราวนี้มีคุณหมออีกคนมาช่วยดูอาการให้ก่อนบอกว่าอาจจะต้องผ่าอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุ แต่ที่ผ่าครั้งที่แล้วก็ไม่มีอะไร เด๋วลองวิธีกินยาช่วยให้เลือดแข็งตัวดูก่อน ระหว่างนั้นกินยามาอีก 3 วัน โชคดีของฉัน......ที่เลือดหยุดไหล แล้วคุณหมอก็ให้กลับบ้านได้ ตอนนี้ก็เป็นเวลา 4 เดือนแล้วค่ะหลังจากผ่าตัด ต่อจากนี้เรายังต้องหมั่นไปตรวจเช็คทุกๆ 6 เดือนค่ะ
** หากรูปภาพน่ากลัวขออภัยด้วยนะค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**เราอยากจะแชร์เรื่องนี้ไว้เพื่อเป็นประโยชน์กับคนที่หาข้อมูลค่ะ ใครมีเรื่องอะไรก็มาแชร์กันได้นะค่ะ ยังไงก็ต้องรักษาสุขภาพนะค่ะ สมบัติของเราที่มีค่ามากที่สุด ขอขอบคุณครอบครัวและสามีค่ะ ที่คอยดูแลเราอย่างดีเลย ขอบคุณอาจารย์หมอ ปัทมา เชาว์โพธิ์ทอง ที่รักษาให้เราหายค่ะ ขอบคุณจิงๆ ค่ะ