อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://m.facebook.com/noktamraa
.
ในปี ค.ศ.1543 พ่อค้าชาวโปรตุเกสเข้าไปยังดินแดนเกาะญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ซึ่งการเข้าไปครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญ เนื่องจากเรือจีนที่บรรทุกพ่อค้าชาวโปรตุเกสถูกพายุพัดไปยังเกาะทาเนกาชิม่า ในเขตปกครองโคโกชิม่า
การติดต่อกับโปรตุเกสเช่นนี้ถือว่าเข้าทางญี่ปุ่น เนื่องจากช่วงเวลานั้น ญี่ปุ่นสูญเสียคู่ค้าที่สำคัญไปนั่นก็คือจีน เนื่องจากจักรพรรดิจีนได้แบนการค้าระหว่างญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลว่ากลัวโดนโจรสลัดญี่ปุ่นปล้น ซึ่งขณะนั้นมีการโจมตีของโจรสลัดที่ทางการจีนเรียกว่า โจรสลัดญี่ปุ่นเจียจิง(嘉靖大倭寇) ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1540~ และเป็นปัญหาใหญ่ในปี 1555 ญี่ปุ่นเลยหันไปค้าขายกับพวกพ่อค้าโปรตุเกสก่อน ซึ่งพวกโปรตุเกสก็ทำหน้าที่เสมือนพ่อค้าคนกลางระหว่างทั้งสองดินแดน
ญี่ปุ่นภายหลังจากที่โปรตุเกสเข้ามาได้ไม่นาน ก็ต้องตกอยู่ภายใต้ภาวะสงครามภายใน ภายใต้โองการของโชกุนโอดะ โนบุนากะ ที่ต้องการที่จะรวมเขตการปกครองต่างๆให้เป็นระบบรวมศูนย์ โดยใช้วิธีการทางทหารเข้าข่มเป็นนโยบายสำคัญ
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นเลือกใช้วิธีพิชิตแว่นแคว้นต่างๆด้วยกำลัง นอกจากนิสัยส่วนตัวของโอดะที่เป็นคนมุทะลุแล้ว ก็คือการครอบครองอาวุธปืนมัสเก็ทของฝ่ายทหารโนบุนากะ ซึ่งปืนพวกนี้ก็ได้มาจากการเชื่อมสัมพันธ์กับพ่อค้าชาวโปรตุเกสนี่เอง
นอกจากจะมีการค้าปืนกับโปรตุเกสแล้ว ทั้งสองดินแดนยังมีการค้าขายและแลกเปลี่ยนทาสกันด้วย จากจดหมายเหตุของฟรานซิส ซาเวียร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรเยซูอิตฉบับที่ 214 และ 218 มีการบรรยายถึงสถานการณ์ของทาสในญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ.1549 เอาไว้ดังนี้
214 : "...ผู้ครอบครองทาสได้รับอนุญาตให้สังหารทาสของตัวเองได้ ถ้าหากถูกทาสพูดดูหมิ่นหรือถูกทำร้าย..."
218 : "...ไม่มีสถานที่คุมขังนักโทษ เนื่องจากทุกคนจะตัดสินเรื่องต่างๆภายในบ้านของตัวเอง พวกคนรวยและพวกขุนนางจะได้รับอภิสิทธิ์ในการครอบครองทาส ; แต่(ทาสของ)พวกหลังนี้มีเสรีภาพมาก โดยถ้าพวกมันไม่ต้องการที่จะอยู่กับนายแล้ว พวกมันแค่บอกเหตุผลกับนายแล้วนายก็จะหาเจ้านายคนใหม่ให้ ; หรือถ้าเจ้านายเดิมไม่อนุญาต พวกทาสก็จะหนีออกไปก็ได้ถ้าพวกมันทำได้ ; แต่ถ้าหากหนีออกไปโดยไม่บอกล่วงหน้า พวกนี้อาจถูกสังหารเอาได้ คนญี่ปุ่นชอบพวกคนผิวสี, พวกไอ้ดำเป็นที่โปรดปรานของพวกผู้นำ : เพื่อจะได้พบพวกมัน (พวกญี่ปุ่น)ต้องเดินทางมาด้วยระยะทางอันไกล (พวกญี่ปุ่น)ปฏิบัติต่อ(พวกผิวดำ)อย่างแตกต่างหลากหลาย..."
จากจดหมายเหตุนี้จะเห็นว่าชาวญี่ปุ่นมีการค้าขายทาสกับโปรตุเกส โดยพวกผิวดำนี้คือทาสของพวกโปรตุเกสที่ซื้อขายมาจากอาฟริกาและกัว(ฐานที่มั่นหลักของเยซูอิตในอินเดีย)
มีภารกิจที่ชื่อว่า "Tensho boy" ซึ่งลูซิโอ เด โซซ่า ค้นพบในหอจดหมายเหตุประเทศเม็กซิโก โดยภารกิจที่ว่านี้กล่าวถึง ทาสชาวญี่ปุ่นที่ถูกส่งมาโดยศักดินาคริสเตียนชาวญี่ปุ่นนามว่าโอโตโมะ โซริน ให้แก่พระสันตะปาปาและกษัตริย์ในยุโรป โดยส่งไปตามเส้นทางมหาสมุทรอินเดียไปสู่จุดหมายปลายทางคือโรมในปี ค.ศ.1582
ที่โปรตุเกสเองก็พบพวกทาสชาวจีน(เป็นคำเรียกรวมๆชาวเอเชียที่หน้าตาคล้ายจีนทั้งพวกญี่ปุ่นและเกาหลี) รวมอยู่กับทาสผิวสี จากบันทึกคำบอกเล่าของพ่อค้าชาวฟลอเรนท์ ฟิลิปโป ซัสเซติ ได้บอกว่าพวกทาสมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในลิสบอน โดยส่วนใหญ่เป็นพวกผิวดำ แต่ก็มีพวกจีนอยู่ด้วยประปราย...พวกทาสจีนนั้นมีความจงรักภักดีสูง เฉลียวฉลาดและสู้งานหนัก มีฝีมือการทำอาหารที่มีรสชาติดี
นอกจากนี้ยังมีจดหมายของบาทหลวงหลุยส์ เซอเกวร่าในปี ค.ศ.1598 ว่าเอาไว้ว่า ทาสผู้หญิงชาวญี่ปุ่นถูกนำไปขายเป็นนางบำเรอให้แก่พวกต้นหนชาวเอเชีย พวกลูกเรือชาวอาฟริกา ไปจนถึงสมาชิกชาวยุโรปบนเรือสำเภาของโปรตุเกส
ซึ่งสอดคล้องกับจดหมายในปี ค.ศ.1587 ของโชกุนโตโยโตมิ ฮิเดโยชิ ที่รับช่วงต่อจากโอดะ โนบุนากะ ซึ่งเขียนถึงเยซูอิตนามกัสปาล โคเอลโญ่ โดยข้อความในจดหมายเป็นการขอร้องทางโปรตุเกส สยาม และกัมพูชา ให้หยุดนำคนญี่ปุ่นไปค้าขายเป็นทาส และเรียกร้องต่อไปว่าให้ส่งทาสชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นกลับมายังญี่ปุ่น โตโยโตมิแบนการค้าขายทาสญี่ปุ่นของพวกโปรตุเกสในปีนั้น และได้กล่าวต่ออีกว่า
"นี่เป็นเรื่องที่รับไม่ได้สำหรับเรา (พวกโปรตุเกส)ซื้อคนญี่ปุ่นทั้งหญิงและชายไปเป็นร้อยๆคน มือและเท้าของพวกเขาถูกล่ามด้วยโซ่และถูกขับให้ไปอยู่ใต้ท้องเรือ นี่มันยิ่งกว่าการลงโทษของนรก..."
แม้ว่าในปี ค.ศ.1571 กษัตริย์เซบาสเตียนแห่งโปรตุเกสจะประกาศให้พ่อค้าชาวโปรตุเกสเลิกค้าทาสชาวญี่ปุ่น ซึ่งตรงนี้เป็นคำขอของเยซูอิตที่ส่งมาถึงกษัตริย์โดยตรง ด้วยเหตุผลที่ว่าการค้าทาสเช่นนี้ จะทำให้พวกชนชั้นปกครองชาวญี่ปุ่นยอมรับศาสนาคริสต์ได้ยากขึ้น แต่ดูเหมือนพวกพ่อค้าชาวโปรตุเกสจะไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ และยังทำการค้าต่อไปโดยไม่สนใจ โดยได้กล่าวว่า
"พวกเราซื้อทาสพวกนี้ เสียเงินไปมากกว่าหนึ่งล้านครูเซโร่(ค่าเงินโปรตุเกส) ฉะนั้นพวกเราจึงยอมรับข้อห้ามไม่ให้ซื้อขายและให้สละสิทธิ์ในทาสเหล่านี้ไม่ได้"
ด้วยปัญหาการค้าทาสชาวญี่ปุ่นนี้เอง ที่นำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต นั่นคือการตัดสินใจกำจัดและขับไล่ชาวคริสต์ออกไปจากญี่ปุ่น
การค้าทาสระหว่างญี่ปุ่นกับโปรตุเกส
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
ในปี ค.ศ.1543 พ่อค้าชาวโปรตุเกสเข้าไปยังดินแดนเกาะญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ซึ่งการเข้าไปครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญ เนื่องจากเรือจีนที่บรรทุกพ่อค้าชาวโปรตุเกสถูกพายุพัดไปยังเกาะทาเนกาชิม่า ในเขตปกครองโคโกชิม่า
การติดต่อกับโปรตุเกสเช่นนี้ถือว่าเข้าทางญี่ปุ่น เนื่องจากช่วงเวลานั้น ญี่ปุ่นสูญเสียคู่ค้าที่สำคัญไปนั่นก็คือจีน เนื่องจากจักรพรรดิจีนได้แบนการค้าระหว่างญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลว่ากลัวโดนโจรสลัดญี่ปุ่นปล้น ซึ่งขณะนั้นมีการโจมตีของโจรสลัดที่ทางการจีนเรียกว่า โจรสลัดญี่ปุ่นเจียจิง(嘉靖大倭寇) ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1540~ และเป็นปัญหาใหญ่ในปี 1555 ญี่ปุ่นเลยหันไปค้าขายกับพวกพ่อค้าโปรตุเกสก่อน ซึ่งพวกโปรตุเกสก็ทำหน้าที่เสมือนพ่อค้าคนกลางระหว่างทั้งสองดินแดน
ญี่ปุ่นภายหลังจากที่โปรตุเกสเข้ามาได้ไม่นาน ก็ต้องตกอยู่ภายใต้ภาวะสงครามภายใน ภายใต้โองการของโชกุนโอดะ โนบุนากะ ที่ต้องการที่จะรวมเขตการปกครองต่างๆให้เป็นระบบรวมศูนย์ โดยใช้วิธีการทางทหารเข้าข่มเป็นนโยบายสำคัญ
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นเลือกใช้วิธีพิชิตแว่นแคว้นต่างๆด้วยกำลัง นอกจากนิสัยส่วนตัวของโอดะที่เป็นคนมุทะลุแล้ว ก็คือการครอบครองอาวุธปืนมัสเก็ทของฝ่ายทหารโนบุนากะ ซึ่งปืนพวกนี้ก็ได้มาจากการเชื่อมสัมพันธ์กับพ่อค้าชาวโปรตุเกสนี่เอง
นอกจากจะมีการค้าปืนกับโปรตุเกสแล้ว ทั้งสองดินแดนยังมีการค้าขายและแลกเปลี่ยนทาสกันด้วย จากจดหมายเหตุของฟรานซิส ซาเวียร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรเยซูอิตฉบับที่ 214 และ 218 มีการบรรยายถึงสถานการณ์ของทาสในญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ.1549 เอาไว้ดังนี้
214 : "...ผู้ครอบครองทาสได้รับอนุญาตให้สังหารทาสของตัวเองได้ ถ้าหากถูกทาสพูดดูหมิ่นหรือถูกทำร้าย..."
218 : "...ไม่มีสถานที่คุมขังนักโทษ เนื่องจากทุกคนจะตัดสินเรื่องต่างๆภายในบ้านของตัวเอง พวกคนรวยและพวกขุนนางจะได้รับอภิสิทธิ์ในการครอบครองทาส ; แต่(ทาสของ)พวกหลังนี้มีเสรีภาพมาก โดยถ้าพวกมันไม่ต้องการที่จะอยู่กับนายแล้ว พวกมันแค่บอกเหตุผลกับนายแล้วนายก็จะหาเจ้านายคนใหม่ให้ ; หรือถ้าเจ้านายเดิมไม่อนุญาต พวกทาสก็จะหนีออกไปก็ได้ถ้าพวกมันทำได้ ; แต่ถ้าหากหนีออกไปโดยไม่บอกล่วงหน้า พวกนี้อาจถูกสังหารเอาได้ คนญี่ปุ่นชอบพวกคนผิวสี, พวกไอ้ดำเป็นที่โปรดปรานของพวกผู้นำ : เพื่อจะได้พบพวกมัน (พวกญี่ปุ่น)ต้องเดินทางมาด้วยระยะทางอันไกล (พวกญี่ปุ่น)ปฏิบัติต่อ(พวกผิวดำ)อย่างแตกต่างหลากหลาย..."
จากจดหมายเหตุนี้จะเห็นว่าชาวญี่ปุ่นมีการค้าขายทาสกับโปรตุเกส โดยพวกผิวดำนี้คือทาสของพวกโปรตุเกสที่ซื้อขายมาจากอาฟริกาและกัว(ฐานที่มั่นหลักของเยซูอิตในอินเดีย)
มีภารกิจที่ชื่อว่า "Tensho boy" ซึ่งลูซิโอ เด โซซ่า ค้นพบในหอจดหมายเหตุประเทศเม็กซิโก โดยภารกิจที่ว่านี้กล่าวถึง ทาสชาวญี่ปุ่นที่ถูกส่งมาโดยศักดินาคริสเตียนชาวญี่ปุ่นนามว่าโอโตโมะ โซริน ให้แก่พระสันตะปาปาและกษัตริย์ในยุโรป โดยส่งไปตามเส้นทางมหาสมุทรอินเดียไปสู่จุดหมายปลายทางคือโรมในปี ค.ศ.1582
ที่โปรตุเกสเองก็พบพวกทาสชาวจีน(เป็นคำเรียกรวมๆชาวเอเชียที่หน้าตาคล้ายจีนทั้งพวกญี่ปุ่นและเกาหลี) รวมอยู่กับทาสผิวสี จากบันทึกคำบอกเล่าของพ่อค้าชาวฟลอเรนท์ ฟิลิปโป ซัสเซติ ได้บอกว่าพวกทาสมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในลิสบอน โดยส่วนใหญ่เป็นพวกผิวดำ แต่ก็มีพวกจีนอยู่ด้วยประปราย...พวกทาสจีนนั้นมีความจงรักภักดีสูง เฉลียวฉลาดและสู้งานหนัก มีฝีมือการทำอาหารที่มีรสชาติดี
นอกจากนี้ยังมีจดหมายของบาทหลวงหลุยส์ เซอเกวร่าในปี ค.ศ.1598 ว่าเอาไว้ว่า ทาสผู้หญิงชาวญี่ปุ่นถูกนำไปขายเป็นนางบำเรอให้แก่พวกต้นหนชาวเอเชีย พวกลูกเรือชาวอาฟริกา ไปจนถึงสมาชิกชาวยุโรปบนเรือสำเภาของโปรตุเกส
ซึ่งสอดคล้องกับจดหมายในปี ค.ศ.1587 ของโชกุนโตโยโตมิ ฮิเดโยชิ ที่รับช่วงต่อจากโอดะ โนบุนากะ ซึ่งเขียนถึงเยซูอิตนามกัสปาล โคเอลโญ่ โดยข้อความในจดหมายเป็นการขอร้องทางโปรตุเกส สยาม และกัมพูชา ให้หยุดนำคนญี่ปุ่นไปค้าขายเป็นทาส และเรียกร้องต่อไปว่าให้ส่งทาสชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นกลับมายังญี่ปุ่น โตโยโตมิแบนการค้าขายทาสญี่ปุ่นของพวกโปรตุเกสในปีนั้น และได้กล่าวต่ออีกว่า
"นี่เป็นเรื่องที่รับไม่ได้สำหรับเรา (พวกโปรตุเกส)ซื้อคนญี่ปุ่นทั้งหญิงและชายไปเป็นร้อยๆคน มือและเท้าของพวกเขาถูกล่ามด้วยโซ่และถูกขับให้ไปอยู่ใต้ท้องเรือ นี่มันยิ่งกว่าการลงโทษของนรก..."
แม้ว่าในปี ค.ศ.1571 กษัตริย์เซบาสเตียนแห่งโปรตุเกสจะประกาศให้พ่อค้าชาวโปรตุเกสเลิกค้าทาสชาวญี่ปุ่น ซึ่งตรงนี้เป็นคำขอของเยซูอิตที่ส่งมาถึงกษัตริย์โดยตรง ด้วยเหตุผลที่ว่าการค้าทาสเช่นนี้ จะทำให้พวกชนชั้นปกครองชาวญี่ปุ่นยอมรับศาสนาคริสต์ได้ยากขึ้น แต่ดูเหมือนพวกพ่อค้าชาวโปรตุเกสจะไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ และยังทำการค้าต่อไปโดยไม่สนใจ โดยได้กล่าวว่า
"พวกเราซื้อทาสพวกนี้ เสียเงินไปมากกว่าหนึ่งล้านครูเซโร่(ค่าเงินโปรตุเกส) ฉะนั้นพวกเราจึงยอมรับข้อห้ามไม่ให้ซื้อขายและให้สละสิทธิ์ในทาสเหล่านี้ไม่ได้"
ด้วยปัญหาการค้าทาสชาวญี่ปุ่นนี้เอง ที่นำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต นั่นคือการตัดสินใจกำจัดและขับไล่ชาวคริสต์ออกไปจากญี่ปุ่น