ก่อนที่จะเอ่ยอะไรในเพราะเรื่องนี้ ฉันอยากจะขอให้สิ่งที่ฉันจะว่าต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ให้ข้อคิดสำหรับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เพื่อที่เหล่าเพื่อนทั้งหลายจะได้ไม่กระทำการอันหยาบช้าอย่างฉัน เพราะสิ่งที่ฉันทำลงไปนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย เพราะฉะนั้น อยากจะขอเล่าเรื่องดังต่อไปนี้ :-
สมัยหนึ่งฉันได้รับโอกาสดีๆ ที่คนอื่นไม่ค่อยจะได้รับมันมากนัก จากคนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่หวังความเจริญในตัวฉันมาก เป็นคนที่อยากจะให้ฉันได้ดิบได้ดี มีหน้ามีตา โดยที่ตนเองจะคอยดูอยู่ห่างๆ มาโดยตลอด โดยที่ฉันไม่เคยรู้ตัวเลย ในเวลาประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ได้ผลักดันฉันให้ไปได้รับสิ่งดีๆ เป็นการอบรมทางด้านวิชาการ และในระหว่างการอบรมนั้น ฉันก็ทำการติดต่อกลับภูมิลำเนาเดิม แต่ไม่ได้ติดต่อกลับถึงคนที่ผลักดันฉันไปเลย กลับไปติดต่อคนอื่น ที่เขาไม่ได้ช่วยอะไรเราได้เลย ตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่า คนที่อยู่ข้างหลัง คนที่ส่งเสริมฉันจะได้รับความทุกข์สุข มากน้อยเพียงใด จนเขาได้โทรมาเตือนสติฉัน ว่าอย่าไปติดต่อ อย่าไปอะไร กับคนอื่นที่ไม่เคยส่งเสริมอะไรเรามาก ให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเข้าไว้ อย่ามัวแต่พะวงข้างหลังมาก และฉันก็กลับฉุกคิดขึ้นได้ว่า เออ! จริง! ดังที่เขาว่านั่นแหล่ะ คนอื่นไม่สามารถจะช่วยอะไรเราได้เลย คนที่ส่งเรามาก็คือเขานี่หว่า ต่อจากนั้นฉันจึงคิดมาเรื่อยว่า เออ! ที่เขาส่งเรามาอบมนี่มันได้ความรู้มากๆเลย ได้สังคม ได้อะไรหลายๆอย่าง จึงทำให้นึกถึงใครบางคนที่ตั้งใจอยากส่งเราให้ไปได้ดิบได้ดี ซึ่งเขาเคยมีสิทธิ์ได้รับโอกาสดีๆอย่างนี้ แต่เกิดเหตุขัดข้องของผลประโยชน์ เขาจึงถูก(กลั่นแกล้ง)ตัดโอกาส ต่อมาเขาจึงอยากให้ฉันได้รับโอกาสดีๆบ้าง ไม่อยากให้ฉันเป็นเหมือนเขา ฉะนั้น ฉันจึงคิดว่า อะไรที่เราชอบ เราคิดว่าดี เราอยากเอาไปฝากเขาบ้าง ฉันจึงนำหนังสือที่ดีมากๆ มาให้เขา ถึงเขาจะไม่เห็นค่าของมันก็ตาม แต่จนแล้วจนรอดฉันก็ประสบความสำเร็จ โดยที่ไม่ได้ทำการตอบแทนคนที่ทำการผลักดันฉันเลย ฉันยอมรับเลยว่า ฉันไม่รู้เลยว่าเขาคนนั้น หวังดีกับฉันแค่ไหน ข่าวการประสบความสำเร็จของฉัน ฉันก็ไม่ได้ไปบอกเขา ฉันไ่เคยขอบคุณเขาเลย ฉันพึงมารู้ทีหลังนี่เองว่า เขาต้องสู้รบกับกระแสต่อต้านอย่างไรบ้าง โดยที่ตนเองยอมเจ็บ แล้วให้ฉันได้ขึ้นที่สูง เหมือนกับเขาก้มหลังให้ฉันเหยียบขึ้นไปเลย แต่กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว เขาเปิดโอกาสให้ฉันทำสิ่งดีๆ ให้กับเขาบ้าง ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ คอยแต่จะสร้างความปวดร้าวให้กับเขา
และสิ่งที่ทำให้เขาทุ่มเทเพื่อฉันขนาดนี้ก็คือ ความรัก นั่นเอง ใช่แล้ว เขาเป็นคนที่รักฉันมาก รักฉันมาตั้ง 4 กว่าปี คอยดูฉันอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ มาโดยตลอด คอยผลักดันให้ฉันได้ดิบได้ดี แต่สิ่งที่ฉันตอบแทนให้เขานั้น คือความเจ็บปวด เพราะฉะนั้น ฉันไม่สามารถจะให้ความรักเขาตอบแทนได้เลย เพราะอะไรล่ะ ? เพราะฉันรู้ตัวเองเสมอว่า ฉันนั้นมันเป็นคนไม่ดี ฉันนั้นมันเป็นคนเลว ฉันไม่สามารถจะไปรักคนที่ดีๆ ไม่มีเรื่องอะไรให้ด่างพร้อยอย่างเขาได้
และตลอดเวลาที่ฉันนั้นอยุ่ในระหว่างการอบรมทางด้านวิชาการ ถ้ามีข่าวคราวอะไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันก็ไม่ค่อยจะบอกเขา เพราะฉันคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากมาย และไม่อยากจะเป็นการ(คุย)ทับถมเขา เพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ไปงานอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่เขามีสิทธิ์ทุกๆอย่าง แต่แล้วไอ้การที่ฉันคิดเล็กคิดน้อย มันก็ทำให้เรามีปัญหากัน จนเขาคิดว่า ฉันปิดบังเขาไม่อยากจะให้เขารับรู้ถึงความสำเร็จของฉัน จึงทำให้ฉันนั้นกลายเป็นคน 'เนรคุณ' ไป โดยที่ฉันไม่คิดจะเป็นเลย แต่ฉันก็ยอมรับในเพราะเรื่องนี้ ฉันยอมรับว่าตอนแรกๆนั้น ฉันไม่เคยนึกถึงเขาเลย ตลอดเวลาที่เข้ารับการอบรมวิชาการ ฉันมัวแต่สนุก เพลิดเพลิน จนแันประสบกับตัวเอง จนรู้ว่า เขาไม่ได้เป็นเเค่ผู้ที่ผลักดันฉันมาอย่างที่คิดไว้ในตอนต้น(เท่านั้น) แต่เขาที่แหล่ะที่คอยกลอกหู ยัดความรู้ความเข้าใจ ในด้านวิชาการนั้นๆมาให้ฉัน และระหว่างที่ฉันไปได้ดิบได้ดี เขาก็ต้องทนรับกับกระแสต่อต้านตั้งมากมาย และตอนที่มีคนถามฉันว่า ใครเป็นคนสอนความรู้นี้มา ฉันกลับไม่ได้นึกถึงเขาเลย กลับนึกไปถึงใครอีกคนหนึ่ง จนฉันนึกย้อนมาทุกวันนี้ว่า ฉันนั้นมันเป็นคน เนรคุณ จริงๆ ฉันสามารถใช้วิชาความรู้ที่เขาเพียรพร่ำเพียรบอกกลอกหูนั้น มาใช้จนประสบควาสำเร็จได้
และอย่างที่บอกไปว่าเขาคนนั้นเป็นคนที่รักฉันมาก เขาเลือกที่จะทิ้งอนาคตที่จะทำให้ตนเองนั้นได้ดี เพื่ออยู่กับฉัน อยู่กับคนที่ไม่รู้เลยว่า จะรักกันได้หรือไม่ แต่เขาบอกกับฉันว่าตอนนั้นคิดแค่เพียงว่า ขอเพียงได้อยู่ใกล้กับคนที่เรารักก็พอใจแล้ว ขอแค่ได้มองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแค่นี้ก็พอใจแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้บุคคลผู้เป็นที่รักนั้นได้รับแต่สิ่งดีๆแค่นี้ก็พอใจแล้ว แต่ถ้าลองย้อนกลับมาดูตัวฉันสิ ฉันนั้นไม่เคยทำอะไรให้เขาเลย ไม่เคยทำให้เขามีความสุขความสำราญในชีวิตเลยแม้แต่น้อย เขาให้ช่วยทำอะไรนิดทำอะไรหน่อยก็ทำไม่ได้เสียแล้ว ไม่เคยที่จะตอบแทนเขาในสิ่งที่เขาขอได้เลยสักนิด เพราะฉะนั้น ฉันจึงได้ชื่อว่า 'คนเนรคุณ' อย่างเต็มรูปแบบ ทุกวันนี้ฉันทุกข์ใจมากจริงๆ ที่ตนเองได้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ ทั้งที่ไม่อยากจะรับมันเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองนั้น จะมากลายเป็นคนที่เลวทราม ต่ำช้า ขนาดนี้ได้ ทุกวันนี้จึงไม่ต่างอะไรกับรับเวรรับกรรมที่ตนเองกระทำ วันไหนมีคนขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา ตัวฉันก็จะเกิดความระอายใจเป็นอย่างมาก เกิดวิปปฏิสาร เกิดความกลัดกลุ้มเดืออเนื้อร้อนใจมากเป็นที่สุด จนไม่สามารถจะกลั้นหยดน้ำตาที่หลั่งออกมาโดยไม่ต้องร้องไห้ แต่ถึงฉันจะเป็นคนอย่างไร จะชั่วช้า เลวทราม ขนาดไหน เขาก็ยังบอกว่าเขายังรักฉันเสมอ ยังรักไม่เปลี่ยนแปลง และตรงนี้แหล่ะที่เป็นเหตุทำให้ฉันคิดขึ้นมาว่า ฉันนั้นไม่ควรจะอยู่เคียงข้างเขา ฉันนั้นไม่ควรจะรักเขาเหมือนอย่างที่เขารักฉัน เพราะฉันนั้น มันมีแต่เรื่องชั่วๆ มากมาย ไม่คู่ควรจะไปรักเขาที่เป็นคนดีมากๆ ดีมากกว่าฉันหลายเท่านัก และฉันจะต้องออกไปจากชีวิตเขาให้ได้ ฉันจะไม่ให้เขาจมปลักอยู่กับสิ่งที่สกปรก โสมม โสโครก อย่างฉันอีกแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจึงได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่า ฉันจะต้องออกไปจากชีวิตเขาให้ได้ เพื่อที่ชีวิตเขาจะได้เจอกับคนดีที่คู่ควรกับคนดีๆเช่นเขา ส่วนตัวฉันนั้น ก็คงเป็นเพียงแค่ความทรงจำแย่ๆที่เขาได้ประสบพบเจอในชีวิต และที่ฉันได้ตัดสินใจอย่างนี้ ก็เห็นจะสมควรมากแล้ว เพราะฉันไม่คู่ควรกับเขาเลย ฉันเป็นคนเลว แต่เขานั่นเป็นคนดีมากจริงๆ คอยบอกคอยเตือนฉันอยู่ตลอดในเรื่องต่างๆ แม้กระทั่งเรื่องการคบคนที่มีอยู่ช่วงหนึ่ง เขาได้เตือนฉันหลายครั้งเลยทีเดียวว่า คนคนนี้เขาเป็นคนไม่ดีนะ เขาไม่จริงใจกับเราหรอก เขาหวังผลประโยชน์ในตัวเรา เขาจึงมาคบค้าสมาคมกับเรา แต่ฉันก็ไม่เคยที่จะฟังความของเขาเลย จนวันนึงได้มาเห็นกัยตา รู้กับใจตนเอง จึงได้ย้อนมานึกถึงคำของเขา และมานั่งเสียใจในการที่ตนนั้นไม่เคยฟังเขาเลย จนได้มารับเวรรับกรรมอยู่จนทุกวันนี้ จนได้มาเนรคุณคนอยู่จนบัดนี้ ได้กลายมาเป็นคนชั่วที่หัวรั้น มักแต่ทำร้ายทำลายเขา และสุดท้ายก็ต้องมาทุกข์อกทุกข์ใจอยู่กับการกระทำในอดีตของตนเอง กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว แล้วอย่างนี้จะไปโทษใครอื่นเขาได้อีกเบ่า ก็เห็นจะมีแต่ตนเองเท่านั้นที่ผิด ตนเองเท่านั้นที่ทำร้ายทั้งคนข้างๆและตั้งตนเอง ในเวลาที่ไม่สามารถจะย้อนกลับไปทำสิ่งใดได้อีกแล้วฯ
สุดท้ายนี้ฉันก็อยากจะบอกไว้เลยว่า อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่เหมือนไม่มีอะไรและไม่สำคัญ เพราะสิ่งนั้น อาจจะสำคัญที่สุดก็ว่าได้
อย่ามองข้ามคนใกล้ตัวที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เพราะเขาคนนั้นอาจจะรักคุณ ห่วงคุณ รองจากพ่อและแม่ของคุณ และสุดท้ายที่สุด คุณอาจจะหลงรักเขาคนนั้นก็ไม่รู้ตัว ก็เป็นได้
อุทาหรณ์สำหรับคนที่เนรคุณคน ('คนๆนั้น คือคนที่เราไม่ควรจะทำร้าย' เรื่องจริงที่ประสบ อยากเล่าให้ทุกท่านฟัง)
สมัยหนึ่งฉันได้รับโอกาสดีๆ ที่คนอื่นไม่ค่อยจะได้รับมันมากนัก จากคนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่หวังความเจริญในตัวฉันมาก เป็นคนที่อยากจะให้ฉันได้ดิบได้ดี มีหน้ามีตา โดยที่ตนเองจะคอยดูอยู่ห่างๆ มาโดยตลอด โดยที่ฉันไม่เคยรู้ตัวเลย ในเวลาประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ได้ผลักดันฉันให้ไปได้รับสิ่งดีๆ เป็นการอบรมทางด้านวิชาการ และในระหว่างการอบรมนั้น ฉันก็ทำการติดต่อกลับภูมิลำเนาเดิม แต่ไม่ได้ติดต่อกลับถึงคนที่ผลักดันฉันไปเลย กลับไปติดต่อคนอื่น ที่เขาไม่ได้ช่วยอะไรเราได้เลย ตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่า คนที่อยู่ข้างหลัง คนที่ส่งเสริมฉันจะได้รับความทุกข์สุข มากน้อยเพียงใด จนเขาได้โทรมาเตือนสติฉัน ว่าอย่าไปติดต่อ อย่าไปอะไร กับคนอื่นที่ไม่เคยส่งเสริมอะไรเรามาก ให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเข้าไว้ อย่ามัวแต่พะวงข้างหลังมาก และฉันก็กลับฉุกคิดขึ้นได้ว่า เออ! จริง! ดังที่เขาว่านั่นแหล่ะ คนอื่นไม่สามารถจะช่วยอะไรเราได้เลย คนที่ส่งเรามาก็คือเขานี่หว่า ต่อจากนั้นฉันจึงคิดมาเรื่อยว่า เออ! ที่เขาส่งเรามาอบมนี่มันได้ความรู้มากๆเลย ได้สังคม ได้อะไรหลายๆอย่าง จึงทำให้นึกถึงใครบางคนที่ตั้งใจอยากส่งเราให้ไปได้ดิบได้ดี ซึ่งเขาเคยมีสิทธิ์ได้รับโอกาสดีๆอย่างนี้ แต่เกิดเหตุขัดข้องของผลประโยชน์ เขาจึงถูก(กลั่นแกล้ง)ตัดโอกาส ต่อมาเขาจึงอยากให้ฉันได้รับโอกาสดีๆบ้าง ไม่อยากให้ฉันเป็นเหมือนเขา ฉะนั้น ฉันจึงคิดว่า อะไรที่เราชอบ เราคิดว่าดี เราอยากเอาไปฝากเขาบ้าง ฉันจึงนำหนังสือที่ดีมากๆ มาให้เขา ถึงเขาจะไม่เห็นค่าของมันก็ตาม แต่จนแล้วจนรอดฉันก็ประสบความสำเร็จ โดยที่ไม่ได้ทำการตอบแทนคนที่ทำการผลักดันฉันเลย ฉันยอมรับเลยว่า ฉันไม่รู้เลยว่าเขาคนนั้น หวังดีกับฉันแค่ไหน ข่าวการประสบความสำเร็จของฉัน ฉันก็ไม่ได้ไปบอกเขา ฉันไ่เคยขอบคุณเขาเลย ฉันพึงมารู้ทีหลังนี่เองว่า เขาต้องสู้รบกับกระแสต่อต้านอย่างไรบ้าง โดยที่ตนเองยอมเจ็บ แล้วให้ฉันได้ขึ้นที่สูง เหมือนกับเขาก้มหลังให้ฉันเหยียบขึ้นไปเลย แต่กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว เขาเปิดโอกาสให้ฉันทำสิ่งดีๆ ให้กับเขาบ้าง ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ คอยแต่จะสร้างความปวดร้าวให้กับเขา
และสิ่งที่ทำให้เขาทุ่มเทเพื่อฉันขนาดนี้ก็คือ ความรัก นั่นเอง ใช่แล้ว เขาเป็นคนที่รักฉันมาก รักฉันมาตั้ง 4 กว่าปี คอยดูฉันอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ มาโดยตลอด คอยผลักดันให้ฉันได้ดิบได้ดี แต่สิ่งที่ฉันตอบแทนให้เขานั้น คือความเจ็บปวด เพราะฉะนั้น ฉันไม่สามารถจะให้ความรักเขาตอบแทนได้เลย เพราะอะไรล่ะ ? เพราะฉันรู้ตัวเองเสมอว่า ฉันนั้นมันเป็นคนไม่ดี ฉันนั้นมันเป็นคนเลว ฉันไม่สามารถจะไปรักคนที่ดีๆ ไม่มีเรื่องอะไรให้ด่างพร้อยอย่างเขาได้
และตลอดเวลาที่ฉันนั้นอยุ่ในระหว่างการอบรมทางด้านวิชาการ ถ้ามีข่าวคราวอะไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันก็ไม่ค่อยจะบอกเขา เพราะฉันคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากมาย และไม่อยากจะเป็นการ(คุย)ทับถมเขา เพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ไปงานอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่เขามีสิทธิ์ทุกๆอย่าง แต่แล้วไอ้การที่ฉันคิดเล็กคิดน้อย มันก็ทำให้เรามีปัญหากัน จนเขาคิดว่า ฉันปิดบังเขาไม่อยากจะให้เขารับรู้ถึงความสำเร็จของฉัน จึงทำให้ฉันนั้นกลายเป็นคน 'เนรคุณ' ไป โดยที่ฉันไม่คิดจะเป็นเลย แต่ฉันก็ยอมรับในเพราะเรื่องนี้ ฉันยอมรับว่าตอนแรกๆนั้น ฉันไม่เคยนึกถึงเขาเลย ตลอดเวลาที่เข้ารับการอบรมวิชาการ ฉันมัวแต่สนุก เพลิดเพลิน จนแันประสบกับตัวเอง จนรู้ว่า เขาไม่ได้เป็นเเค่ผู้ที่ผลักดันฉันมาอย่างที่คิดไว้ในตอนต้น(เท่านั้น) แต่เขาที่แหล่ะที่คอยกลอกหู ยัดความรู้ความเข้าใจ ในด้านวิชาการนั้นๆมาให้ฉัน และระหว่างที่ฉันไปได้ดิบได้ดี เขาก็ต้องทนรับกับกระแสต่อต้านตั้งมากมาย และตอนที่มีคนถามฉันว่า ใครเป็นคนสอนความรู้นี้มา ฉันกลับไม่ได้นึกถึงเขาเลย กลับนึกไปถึงใครอีกคนหนึ่ง จนฉันนึกย้อนมาทุกวันนี้ว่า ฉันนั้นมันเป็นคน เนรคุณ จริงๆ ฉันสามารถใช้วิชาความรู้ที่เขาเพียรพร่ำเพียรบอกกลอกหูนั้น มาใช้จนประสบควาสำเร็จได้
และอย่างที่บอกไปว่าเขาคนนั้นเป็นคนที่รักฉันมาก เขาเลือกที่จะทิ้งอนาคตที่จะทำให้ตนเองนั้นได้ดี เพื่ออยู่กับฉัน อยู่กับคนที่ไม่รู้เลยว่า จะรักกันได้หรือไม่ แต่เขาบอกกับฉันว่าตอนนั้นคิดแค่เพียงว่า ขอเพียงได้อยู่ใกล้กับคนที่เรารักก็พอใจแล้ว ขอแค่ได้มองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแค่นี้ก็พอใจแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้บุคคลผู้เป็นที่รักนั้นได้รับแต่สิ่งดีๆแค่นี้ก็พอใจแล้ว แต่ถ้าลองย้อนกลับมาดูตัวฉันสิ ฉันนั้นไม่เคยทำอะไรให้เขาเลย ไม่เคยทำให้เขามีความสุขความสำราญในชีวิตเลยแม้แต่น้อย เขาให้ช่วยทำอะไรนิดทำอะไรหน่อยก็ทำไม่ได้เสียแล้ว ไม่เคยที่จะตอบแทนเขาในสิ่งที่เขาขอได้เลยสักนิด เพราะฉะนั้น ฉันจึงได้ชื่อว่า 'คนเนรคุณ' อย่างเต็มรูปแบบ ทุกวันนี้ฉันทุกข์ใจมากจริงๆ ที่ตนเองได้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ ทั้งที่ไม่อยากจะรับมันเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองนั้น จะมากลายเป็นคนที่เลวทราม ต่ำช้า ขนาดนี้ได้ ทุกวันนี้จึงไม่ต่างอะไรกับรับเวรรับกรรมที่ตนเองกระทำ วันไหนมีคนขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา ตัวฉันก็จะเกิดความระอายใจเป็นอย่างมาก เกิดวิปปฏิสาร เกิดความกลัดกลุ้มเดืออเนื้อร้อนใจมากเป็นที่สุด จนไม่สามารถจะกลั้นหยดน้ำตาที่หลั่งออกมาโดยไม่ต้องร้องไห้ แต่ถึงฉันจะเป็นคนอย่างไร จะชั่วช้า เลวทราม ขนาดไหน เขาก็ยังบอกว่าเขายังรักฉันเสมอ ยังรักไม่เปลี่ยนแปลง และตรงนี้แหล่ะที่เป็นเหตุทำให้ฉันคิดขึ้นมาว่า ฉันนั้นไม่ควรจะอยู่เคียงข้างเขา ฉันนั้นไม่ควรจะรักเขาเหมือนอย่างที่เขารักฉัน เพราะฉันนั้น มันมีแต่เรื่องชั่วๆ มากมาย ไม่คู่ควรจะไปรักเขาที่เป็นคนดีมากๆ ดีมากกว่าฉันหลายเท่านัก และฉันจะต้องออกไปจากชีวิตเขาให้ได้ ฉันจะไม่ให้เขาจมปลักอยู่กับสิ่งที่สกปรก โสมม โสโครก อย่างฉันอีกแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจึงได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่า ฉันจะต้องออกไปจากชีวิตเขาให้ได้ เพื่อที่ชีวิตเขาจะได้เจอกับคนดีที่คู่ควรกับคนดีๆเช่นเขา ส่วนตัวฉันนั้น ก็คงเป็นเพียงแค่ความทรงจำแย่ๆที่เขาได้ประสบพบเจอในชีวิต และที่ฉันได้ตัดสินใจอย่างนี้ ก็เห็นจะสมควรมากแล้ว เพราะฉันไม่คู่ควรกับเขาเลย ฉันเป็นคนเลว แต่เขานั่นเป็นคนดีมากจริงๆ คอยบอกคอยเตือนฉันอยู่ตลอดในเรื่องต่างๆ แม้กระทั่งเรื่องการคบคนที่มีอยู่ช่วงหนึ่ง เขาได้เตือนฉันหลายครั้งเลยทีเดียวว่า คนคนนี้เขาเป็นคนไม่ดีนะ เขาไม่จริงใจกับเราหรอก เขาหวังผลประโยชน์ในตัวเรา เขาจึงมาคบค้าสมาคมกับเรา แต่ฉันก็ไม่เคยที่จะฟังความของเขาเลย จนวันนึงได้มาเห็นกัยตา รู้กับใจตนเอง จึงได้ย้อนมานึกถึงคำของเขา และมานั่งเสียใจในการที่ตนนั้นไม่เคยฟังเขาเลย จนได้มารับเวรรับกรรมอยู่จนทุกวันนี้ จนได้มาเนรคุณคนอยู่จนบัดนี้ ได้กลายมาเป็นคนชั่วที่หัวรั้น มักแต่ทำร้ายทำลายเขา และสุดท้ายก็ต้องมาทุกข์อกทุกข์ใจอยู่กับการกระทำในอดีตของตนเอง กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว แล้วอย่างนี้จะไปโทษใครอื่นเขาได้อีกเบ่า ก็เห็นจะมีแต่ตนเองเท่านั้นที่ผิด ตนเองเท่านั้นที่ทำร้ายทั้งคนข้างๆและตั้งตนเอง ในเวลาที่ไม่สามารถจะย้อนกลับไปทำสิ่งใดได้อีกแล้วฯ
สุดท้ายนี้ฉันก็อยากจะบอกไว้เลยว่า อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่เหมือนไม่มีอะไรและไม่สำคัญ เพราะสิ่งนั้น อาจจะสำคัญที่สุดก็ว่าได้
อย่ามองข้ามคนใกล้ตัวที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เพราะเขาคนนั้นอาจจะรักคุณ ห่วงคุณ รองจากพ่อและแม่ของคุณ และสุดท้ายที่สุด คุณอาจจะหลงรักเขาคนนั้นก็ไม่รู้ตัว ก็เป็นได้