สำหรับคุณ "งาน" กับ "สุขภาพ" อันไหนสำคัญกว่า

ผมทำงานมา 2 ที่ และต้องใกล้ชิด ต้องเจอกับคนญี่ปุ่นทั้งสองที่ ทำให้ได้เห็นความทุ่มเท จริงจังในการทำงานของคนญี่ปุ่นที่ว่าทำงานหนักที่สุดในโลก ซึ่งในกระทู้นี้จะขอพูดถึงการทำงานที่มันเกี่ยวกับสุขภาพ

ตอนผมอยู่ที่ทำงานเดิม มีนายญี่ปุ่นคนที่เป็นนายใหญ่ที่สุด คนนี้การทำงานเขาก็จะสไตล์ญี่ปุ่นมาก ๆ ทุ่มเท จริงจัง ไม่ยอมให้ลูกน้องกลับเร็ว ๆ ต้องอยู่เย็น ๆ (แต่บางทีตัวเองก็กลับก่อน) แต่เขาก็อายุมากแล้ว และมักมีปัญหาเรื่องหัวเข่า บางครั้งพออาการกำเริบขึ้นมานี่ถึงกับต้องใช้ไม้เท้า (แบบไม้เท้าคนแก่ ไม่ใช่ไม้ค้ำยัน) กันเลยทีเดียว ที่เคยเห็นเขาหนักสุดคือนั่งทำงานอยู่แล้วเหมือนมันปวดขึ้นมา ถึงกับหน้าแดง หน้าบูดหน้าเบี้ยวกันเลยทีเดียว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังฝืนมาทำงาน

หรือนายอีกคนที่ผมเคยเล่าไปว่า ตอนนั้นต้องไปประชุมที่โรงงานอื่น และยังมีกำหนดการไป ตม. ต่ออีก ซึ่งการประชุมในที่แรกนั้นมันกินเวลายาวนานมาก นายก็เลยให้กลับโรงงานโดยไม่แวะกินข้าวกลางวันเลย เพราะมันต้องกลับมาที่โรงงานที่ผมทำงานอยู่ก่อน เพื่อรับพนักงานฝ่ายบุคคลที่ดูแลเรื่อง ตม. ไปด้วยกัน

พอผมมาที่ทำงานปัจจุบัน คือล่ามในโรงพยาบาล ก็ยิ่งได้เห็นว่าคนญี่ปุ่นเห็นงานมาก่อนสุขภาพตัวเอง คือคนญี่ปุ่นบางคน หมอวินิจฉัยแล้วว่าจะต้องผ่าตัด หรือต้องกรีด ต้องทำอะไรโดยด่วน เขาก็จะกังวลในเรื่องที่อาจจะต้องนอนโรงพยาบาล หรือต้องหยุดงาน ต้องพักฟื้นหลายวัน เขาก็จะกลัวแล้วว่ามันจะกระทบกับงาน บางคนก็ขอเลื่อนไปอีก หรือบางคนต้องมาทำกายภาพหลาย ๆ ครั้ง ถึงจะหาย ก็ไม่ค่อยมีเวลามากายภาพ ก็ทำให้อาการไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไร หรือบางคนแค่หมอจะนัดมาติดตามอาการเฉย ๆ ก็ยังต้องเช็กตาราง ดูปฏิทินตลอด เดี๋ยววันนู้นก็ไม่ได้ เดี๋ยววันนี้ก็ไม่ได้ คือยุ่งเรื่องงานตลอดเวลา

ก็เข้าใจว่ารักงานมาก แต่ถ้าสุขภาพไม่เต็มร้อย แล้วมันจะทำงานที่รักให้ออกมาดีได้ยังไง

จริง ๆ ผมว่านะ ทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นมันต้องปรับปรุงตัวด้วยกันทั้งคู่ เพราะคนญี่ปุ่นก็จริงจัง มีระเบียบเกินไปจนบางครั้งไม่รู้จักยืดหยุ่น ต้องเป๊ะ ๆ แต่คนไทยเราก็ชิลเกินไป ไร้ระเบียบจนเละเทะ ถ้าต่างฝ่ายต่างปรับให้มันอยู่ในขีดที่พอดีได้นี่มันจะดีไม่น้อยเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่