***นิยายสั้นเรื่องนี้เขียนขึ้นหลังจากดูหนังเรื่องหนึ่งจบลง หนังจบแต่ความรู้สึกคนดูยังไม่จบจึงขอเขียนให้จบตามใจตัวเอง มีข้อคิดเห็นหรือผิดพลาดประการใดช่วยแนะนำติชมด้วยนะคะ
ตอน 1
https://ppantip.com/topic/36071440
ตอน 2
https://ppantip.com/topic/36075417
นิยายสั้น รักอมตะ ตอน 3
**แก้วกัญญา**
นับวันผมกับเจสซี่ก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เราเดินไปเดินกลับโรงเรียนด้วยกันทุกวัน กินมื้อเที่ยงด้วยกัน ดูหนังในโทรทัศน์และนั่งฟังเพลงด้วยกัน เราสองคนชอบดูหนังการ์ตูนตลกๆอย่างเรื่องทอม แอนด์ เจอร์รี่ ทีวีซีรีส์ของ Metro-Goldwyn-Mayer ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าแมวทอมจอมยุ่งที่ปล่อยให้หนูตัวนิดเดียวชื่อเจอร์รี่แกล้งเอาข้างเดียวอยู่ได้เป็นประจำ ดูทีไรเราสองคนพากันหัวเราะจนท้องแข็ง น้ำหูน้ำตาไหล ชอบอกชอบใจตีมือกับเข่าเสียงดังพั่บๆ
เรายังชอบฟังเพลงดิสโก้ YMCA ของ Village People เหมือนกันอีกด้วย เราเปิดเพลงดังลั่นแล้วชวนกันเต้นเร่าๆ โยกซ้ายโยกขวาแล้วส่ายหน้าเขย่าหัวจนหัวสั่นหัวคลอน สนุกเป็นบ้า
หรือบางทีเราก็เล่นเป่ายิ้งฉุบซึ่งเป็นการเล่นสนุกของคนจีน ถ้าใครแพ้ก็จะต้องถอดเสื้อผ้าของตนเองออกครั้งละหนึ่งชิ้น เวลาเล่นอะไรแบบนี้ผมกับเจสซี่ก็เลยต้องใส่เสื้อผ้าซ้อนกันหลายๆชั้น เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเจสซี่แพ้บ่อย เธอจึงต้องถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ชุดชั้นในบางๆ ผมมองดูเธอแป๊บเดียวแล้วก็รีบหันหลังให้ แม่สอนผมให้เป็นสุภาพบุรุษ เพราะฉะนั้นผมจึงไม่มองดูผู้หญิงโป๊นานๆ
มีที่ซึ่งเราไม่เหยียบย่างเข้าไปอีกเลยก็คือที่ทะเลสาบมรณะแห่งนั้น เพราะหลังจากพ่อแม่ของพวกนั้นกับตำรวจหาลูกๆของพวกเขาเจอว่าจมอยู่ใต้น้ำในทะเลสาบ ซึ่งกว่าจะหาเจอต้องใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียว ทุกคนต่างลงความเห็นว่าเด็กพวกนั้นจมน้ำตายพร้อมกันจากความลี้ลับและอาถรรพ์ของทะเลสาบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหาสาเหตุการตายของเด็กพวกนั้นไม่ได้ ที่นั่นเลยได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ผีสิงไปแล้วเรียบร้อย แม่ของผมก็เช่นเดียวกัน แม่สั่งห้ามไม่ให้ผมไปที่นั่นอีกอย่างเด็ดขาด ซึ่งแน่นอน ผมพร้อมจะทำตามอยู่แล้ว
แต่ถ้าคืนไหนแม่ของผมกับพ่อของเจสซี่ไม่อยู่พร้อมกัน ผมก็จะย้ายมานอนเป็นเพื่อนเจสซี่ที่ห้องของเธอ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมชวนเธอไปนอนที่ห้องของผมบ้าง แต่เจสซี่ปฏิเสธ เธอบอกว่าการเข้าไปข้างในบ้านของใครเป็นเรื่องลำบาก ถ้าเจ้าของบ้านไม่อนุญาตแต่เธอยังขืนเดินเข้าไปอีก เธออาจมีเลือดไหลออกจากตัวจนหมดร่างเอาได้ง่ายๆ พอฟังเรื่องน่ากลัวแบบนั้นผมจึงเลิกเซ้าซี้ เพราะนอนที่ห้องเธอก็สะดวกสบายดีและมีของเล่นเยอะแยะ
มีเรื่องน่าแปลกอีกอย่างก็คือในห้องของเจสซี่มีตู้เย็นขนาดใหญ่สองหลัง ผมสงสัยว่ามันเกินความจำเป็นเพราะอยู่กันเพียงสองคน ทำไมพวกเขาถึงใช้ตู้เย็นหลายหลังนัก เจสซี่เปิดตู้หนึ่งให้ดูว่าใช้เก็บของกินและน้ำดื่ม ส่วนอีกตู้เธอห้ามไม่ให้ผมเปิดออกดูเด็ดขาด
"ในนั้นมีแต่ของไม่น่าดู สัญญานะว่าจะไม่เปิดดู"
เมื่อเธอห้ามผมก็ต้องเชื่อฟังและเลิกสนใจเรื่องของตู้เย็น ถึงเวลาเข้านอนเราใส่ซาวด์อะเบ้าในหูคนละข้างแล้วนอนฟังเพลงบนเตียงด้วยกันจนผล็อยหลับไป
แต่แล้วกลางดึกคืนนั้นเอง เจ้าปีศาจสอดรู้ก็เข้าครอบงำตัวผม เพราะความอยากรู้อยากเห็นที่มีมากเกินไป ในที่สุดผมก็ทนอยากรู้ไม่ไหว เมื่อเห็นว่าเจสซี่หลับสนิทไปแล้ว ผมเลยโหย่งเท้าลงจากเตียงแล้วย่องมาแอบแง้มเปิดดูตู้เย็นปริศนา...
Ugh! ทันทีที่เปิดฝาตู้เย็น ผมผงะถอยหลังเซออกห่างจากตู้เย็นทันทีพร้อมยกมือสองข้างขึ้นอุดปาก ที่ผมตกใจจนเกิดอาการแบบนี้ก็เพราะสิ่งที่ผมเห็นอยู่มันสยดสยองปนกับชวนคลื่นไส้อย่างแรง
ข้างในตู้เย็นหลังนั้นเต็มไปด้วยขวดพลาสติกบรรจุเลือด ซึ่งเลือดสีแดงเลอะเปรอะเปื้อนตามรอบปากขวดและเลอะตู้เย็นจนแดงฉาน ส่งกลิ่นคาวคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน มีขวดแก้วปากกว้างบางขวดใส่ชิ้นส่วนเครื่องในของมนุษย์คล้ายกับหัวใจอีกด้วย ผมปวดมวนและปั่นป่วนในช่องท้องขึ้นมาทันใดจนต้องรีบเผ่นไปเข้าห้องน้ำอย่างไว เพราะเกิดผะอืดผะอม รู้สึกว่าของในท้องกำลังจะแข่งกันพุ่งออกมาทางปาก ผมเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำเสียจนหมดไส้หมดพุงและหมดแรงยืน ต้องทรุดตัวลงนั่งราบเหยียดเท้าไปกับพื้นห้องน้ำ และเมื่อรู้สึกค่อยยังชั่วจึงพยุงตัวลุกขึ้น ทันทีนั้นผมก็เผชิญหน้ากับเจสซี่ที่ยืนมองนิ่งอยู่หน้าประตูห้องน้ำ
"เธอผิดสัญญา"
เพื่อนหญิงของผมพูดหน้าเครียด ดูเหมือนเจสซี่จะโกรธผมเรื่องนี้มากเอาการ เธอเม้มปากและกำหมัดสองข้างแน่น
"เรื่องแค่นี้เธอยังรักษาสัญญาเอาไว้ไม่ได้ ถ้าเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ ต่อไปฉันจะเชื่อใจเธอได้ยังไง"
ตอนนี้ผมไม่มีแก่ใจจะต่อปากต่อคำกับเจสซี่ ใบหน้าน่ารักของเธอบัดนี้ถมิงทึงบึ้งตึงไม่ชวนมอง เสียงห้วนๆของเธอก็น่าเกลียด รวมทั้งเจ้าสิ่งที่แช่อยู่ในตู้เย็นสกปรกนั่นด้วย ทุกสิ่งในนี้สำหรับผมขณะนี้นั้น มันช่างน่าขยะแขยงชวนคลื่นเหียน ผมลุกขึ้นเดินผ่านเธอไปหยิบเลื้อคลุมนอนมาสวม ก่อนเปิดประตูห้องนอนออกไปเงียบๆ เดินผ่านห้องรับแขกไปที่ประตูห้อง...แล้วเปิดมันออก
ผมกลับมานั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของตัวเอง นั่งคิดถึงเพื่อนรักข้างห้อง เจสซี่กำลังทำอะไรอยู่นะ ตอนผมผละจากมาเธอกำลังโกรธ แต่ที่เธอโกรธเป็นเพราะผมผิดคำสัญญา ผมทำในสิ่งที่เธอขอร้องไม่ให้ทำ
ผมหนีกลับมาเพราะกลัวเธอเหรอ...ไม่น่าจะใช่ ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอเป็นแวมไพร์ ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกผมจะกลัวเธอไปทำไมเอาในตอนนี้ ผมเพียงรับไม่ได้ว่าเธอกินเลือดเป็นอาหารและขยะแขยงรังเกียจสิ่งที่เธอเป็นต่างหาก แต่ผมคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่...แน่นอน ผมเคยคิดเอาไว้แล้ว เธอเคยเล่าว่าบาร์ตหาเลือดมาให้เธอกิน ผมไม่รู้ว่าบาร์ตไปเอาเลือดพวกนี้มาจากไหน อาจได้มาจากคลังเลือดในโรงพยาบาล ผมเคยเห็นแม่เติมเลือดจากอาการตกเลือดตอนแท้งน้องผมในโรงพยาบาลมาก่อน ผมอยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่ความคิดที่แวบขึ้นมาว่า บางทีบาร์ตอาจหามาได้โดยทุจริตมันรบกวนจิตใจ ซึ่งผมไม่ชอบเลย
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมรู้ว่าต้องเป็นเจสซี่...ผมควรลุกไปเปิดประตูรับเธอดีไหมหรือถือโอกาสตัดความสัมพันธ์กับผีดูดเลือดอย่างเธอตั้งแต่ตอนนี้เลยดี แต่เจสซี่เป็นเพื่อนรักคนเดียวของผมนะ นั่งครุ่นคิดวนเวียนจนผมชักปวดหัวเพราะคิดไม่ตก
ก๊อกๆๆ...ก็อกๆ...ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูหน้าห้องชุดเป็นรหัสลับหมายความว่า”ฉันรอเธออยู่”ของเราสองคนดังขึ้นอีก ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามา ปนเปกันไปทั้งรักทั้งรังเกียจ ซึ่งในที่สุดผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู
“ฉันเข้าไปได้ไหม” ที่หน้าประตูร่างขาวบางของเจสซี่ยืนอยู่ ตาโตๆของเธอมีแววโศกเศร้ากับมีน้ำใสๆคลออยู่เต็มตา ผมยาวสีทองของเธอยุ่งเหยิง เจสซี่ตอนนี้ดูหม่นหมองเศร้าซึมไม่น่ากลัวเลยสักนิด เธอยืนนิ่ง พึมพำขอร้องเสียงสั่น
“อนุญาตให้ฉันเข้าไปได้ไหมร้อบบี้”
ทันทีนั้นเสียงของเจสซี่ที่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเป็นแวมไพร์ของเธอก็ดังก้องขึ้นในสมอง
“ฉันเข้าไปในห้องเธอไม่ได้ถ้าเธอไม่อนุญาต”
ผมไม่ตอบ แต่ดึงประตูให้เปิดกว้างออก ในใจกำลังคิดอยากทำอะไรสักอย่างกับเธออยู่ เพราะอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้คิดแบบนั้น อาจเพราะอยากตอบโต้บางอย่างกับเธอ บางอย่างที่เธอทำให้ผมผิดหวัง เสียใจ
ซึ่งดูเหมือนเจสซี่จะเข้าใจดี ทันทีนั้นเธอก็ก้าวเท้าผ่านธรณีประตูเข้ามาในห้องเงียบๆ เมื่อเธอเข้ามาแล้วผมก็ปิดประตูตามหลัง หันมามองใบหน้าตุ๊กตาบาร์บี้ของเธอ
ฉับพลัน ร่างบางของเธอก็เริ่มสั่นเทา มันเริ่มจากแขนขาและใบหน้าก่อน แล้วค่อยๆสั่นแรงขึ้นทุกทีจนไหวคลอนไปทั้งตัว พร้อมกับเลือดสดๆที่หลั่งทะลักออกมาจากปาก ดวงตา รูจมูกและรูหูทั้งสองข้าง มันไหลพรากลงจนเปียกชุ่มช่วงบนของชุดนอนสีขาวตัวยาวแค่คลุมเข่าของเธอ
“ฉันยอม...ยอมแล้ว เธอเข้ามาได้”
ในที่สุดผมก็รู้ใจตัวเองแล้วว่าคิดยังไงกับเธอ ผมผวาเข้ากอดเจสซี่เอาไว้ทั้งตัว ร้องไห้โฮน้ำตาไหลนอง ละล่ำละลักบอกเธอเสียงดังแทบไม่เป็นภาษามนุษย์
“ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไรฉันก็รักเธอ เจสซี่ ฉันไม่รังเกียจเธออีกแล้ว ฉันขอโทษ”
“สัญญานะ...” เสียงอ่อนเพลียของเธอดังอยู่ข้างหู
“ฉันสัญญา”
จบตอน 3
ชอบวันศุกร์ รักวันเสาร์ หลงใหลวันอาทิตย์...แต่เกลียดวันจันทร์ที่สุดเลย
ขอบคุณท่านที่อ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ
คุณเป่าซาง คุณGTW คุณเพ็ญพิชญา
มีคำแนะนำติชมขอช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ
*แก้วค่ะ*
นิยายสั้น รักอมตะ ตอน 3
ตอน 1 https://ppantip.com/topic/36071440
ตอน 2 https://ppantip.com/topic/36075417
นิยายสั้น รักอมตะ ตอน 3
**แก้วกัญญา**
นับวันผมกับเจสซี่ก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เราเดินไปเดินกลับโรงเรียนด้วยกันทุกวัน กินมื้อเที่ยงด้วยกัน ดูหนังในโทรทัศน์และนั่งฟังเพลงด้วยกัน เราสองคนชอบดูหนังการ์ตูนตลกๆอย่างเรื่องทอม แอนด์ เจอร์รี่ ทีวีซีรีส์ของ Metro-Goldwyn-Mayer ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าแมวทอมจอมยุ่งที่ปล่อยให้หนูตัวนิดเดียวชื่อเจอร์รี่แกล้งเอาข้างเดียวอยู่ได้เป็นประจำ ดูทีไรเราสองคนพากันหัวเราะจนท้องแข็ง น้ำหูน้ำตาไหล ชอบอกชอบใจตีมือกับเข่าเสียงดังพั่บๆ
เรายังชอบฟังเพลงดิสโก้ YMCA ของ Village People เหมือนกันอีกด้วย เราเปิดเพลงดังลั่นแล้วชวนกันเต้นเร่าๆ โยกซ้ายโยกขวาแล้วส่ายหน้าเขย่าหัวจนหัวสั่นหัวคลอน สนุกเป็นบ้า
หรือบางทีเราก็เล่นเป่ายิ้งฉุบซึ่งเป็นการเล่นสนุกของคนจีน ถ้าใครแพ้ก็จะต้องถอดเสื้อผ้าของตนเองออกครั้งละหนึ่งชิ้น เวลาเล่นอะไรแบบนี้ผมกับเจสซี่ก็เลยต้องใส่เสื้อผ้าซ้อนกันหลายๆชั้น เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเจสซี่แพ้บ่อย เธอจึงต้องถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ชุดชั้นในบางๆ ผมมองดูเธอแป๊บเดียวแล้วก็รีบหันหลังให้ แม่สอนผมให้เป็นสุภาพบุรุษ เพราะฉะนั้นผมจึงไม่มองดูผู้หญิงโป๊นานๆ
มีที่ซึ่งเราไม่เหยียบย่างเข้าไปอีกเลยก็คือที่ทะเลสาบมรณะแห่งนั้น เพราะหลังจากพ่อแม่ของพวกนั้นกับตำรวจหาลูกๆของพวกเขาเจอว่าจมอยู่ใต้น้ำในทะเลสาบ ซึ่งกว่าจะหาเจอต้องใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียว ทุกคนต่างลงความเห็นว่าเด็กพวกนั้นจมน้ำตายพร้อมกันจากความลี้ลับและอาถรรพ์ของทะเลสาบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหาสาเหตุการตายของเด็กพวกนั้นไม่ได้ ที่นั่นเลยได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ผีสิงไปแล้วเรียบร้อย แม่ของผมก็เช่นเดียวกัน แม่สั่งห้ามไม่ให้ผมไปที่นั่นอีกอย่างเด็ดขาด ซึ่งแน่นอน ผมพร้อมจะทำตามอยู่แล้ว
แต่ถ้าคืนไหนแม่ของผมกับพ่อของเจสซี่ไม่อยู่พร้อมกัน ผมก็จะย้ายมานอนเป็นเพื่อนเจสซี่ที่ห้องของเธอ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมชวนเธอไปนอนที่ห้องของผมบ้าง แต่เจสซี่ปฏิเสธ เธอบอกว่าการเข้าไปข้างในบ้านของใครเป็นเรื่องลำบาก ถ้าเจ้าของบ้านไม่อนุญาตแต่เธอยังขืนเดินเข้าไปอีก เธออาจมีเลือดไหลออกจากตัวจนหมดร่างเอาได้ง่ายๆ พอฟังเรื่องน่ากลัวแบบนั้นผมจึงเลิกเซ้าซี้ เพราะนอนที่ห้องเธอก็สะดวกสบายดีและมีของเล่นเยอะแยะ
มีเรื่องน่าแปลกอีกอย่างก็คือในห้องของเจสซี่มีตู้เย็นขนาดใหญ่สองหลัง ผมสงสัยว่ามันเกินความจำเป็นเพราะอยู่กันเพียงสองคน ทำไมพวกเขาถึงใช้ตู้เย็นหลายหลังนัก เจสซี่เปิดตู้หนึ่งให้ดูว่าใช้เก็บของกินและน้ำดื่ม ส่วนอีกตู้เธอห้ามไม่ให้ผมเปิดออกดูเด็ดขาด
"ในนั้นมีแต่ของไม่น่าดู สัญญานะว่าจะไม่เปิดดู"
เมื่อเธอห้ามผมก็ต้องเชื่อฟังและเลิกสนใจเรื่องของตู้เย็น ถึงเวลาเข้านอนเราใส่ซาวด์อะเบ้าในหูคนละข้างแล้วนอนฟังเพลงบนเตียงด้วยกันจนผล็อยหลับไป
แต่แล้วกลางดึกคืนนั้นเอง เจ้าปีศาจสอดรู้ก็เข้าครอบงำตัวผม เพราะความอยากรู้อยากเห็นที่มีมากเกินไป ในที่สุดผมก็ทนอยากรู้ไม่ไหว เมื่อเห็นว่าเจสซี่หลับสนิทไปแล้ว ผมเลยโหย่งเท้าลงจากเตียงแล้วย่องมาแอบแง้มเปิดดูตู้เย็นปริศนา...
Ugh! ทันทีที่เปิดฝาตู้เย็น ผมผงะถอยหลังเซออกห่างจากตู้เย็นทันทีพร้อมยกมือสองข้างขึ้นอุดปาก ที่ผมตกใจจนเกิดอาการแบบนี้ก็เพราะสิ่งที่ผมเห็นอยู่มันสยดสยองปนกับชวนคลื่นไส้อย่างแรง
ข้างในตู้เย็นหลังนั้นเต็มไปด้วยขวดพลาสติกบรรจุเลือด ซึ่งเลือดสีแดงเลอะเปรอะเปื้อนตามรอบปากขวดและเลอะตู้เย็นจนแดงฉาน ส่งกลิ่นคาวคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน มีขวดแก้วปากกว้างบางขวดใส่ชิ้นส่วนเครื่องในของมนุษย์คล้ายกับหัวใจอีกด้วย ผมปวดมวนและปั่นป่วนในช่องท้องขึ้นมาทันใดจนต้องรีบเผ่นไปเข้าห้องน้ำอย่างไว เพราะเกิดผะอืดผะอม รู้สึกว่าของในท้องกำลังจะแข่งกันพุ่งออกมาทางปาก ผมเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำเสียจนหมดไส้หมดพุงและหมดแรงยืน ต้องทรุดตัวลงนั่งราบเหยียดเท้าไปกับพื้นห้องน้ำ และเมื่อรู้สึกค่อยยังชั่วจึงพยุงตัวลุกขึ้น ทันทีนั้นผมก็เผชิญหน้ากับเจสซี่ที่ยืนมองนิ่งอยู่หน้าประตูห้องน้ำ
"เธอผิดสัญญา"
เพื่อนหญิงของผมพูดหน้าเครียด ดูเหมือนเจสซี่จะโกรธผมเรื่องนี้มากเอาการ เธอเม้มปากและกำหมัดสองข้างแน่น
"เรื่องแค่นี้เธอยังรักษาสัญญาเอาไว้ไม่ได้ ถ้าเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ ต่อไปฉันจะเชื่อใจเธอได้ยังไง"
ตอนนี้ผมไม่มีแก่ใจจะต่อปากต่อคำกับเจสซี่ ใบหน้าน่ารักของเธอบัดนี้ถมิงทึงบึ้งตึงไม่ชวนมอง เสียงห้วนๆของเธอก็น่าเกลียด รวมทั้งเจ้าสิ่งที่แช่อยู่ในตู้เย็นสกปรกนั่นด้วย ทุกสิ่งในนี้สำหรับผมขณะนี้นั้น มันช่างน่าขยะแขยงชวนคลื่นเหียน ผมลุกขึ้นเดินผ่านเธอไปหยิบเลื้อคลุมนอนมาสวม ก่อนเปิดประตูห้องนอนออกไปเงียบๆ เดินผ่านห้องรับแขกไปที่ประตูห้อง...แล้วเปิดมันออก
ผมกลับมานั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของตัวเอง นั่งคิดถึงเพื่อนรักข้างห้อง เจสซี่กำลังทำอะไรอยู่นะ ตอนผมผละจากมาเธอกำลังโกรธ แต่ที่เธอโกรธเป็นเพราะผมผิดคำสัญญา ผมทำในสิ่งที่เธอขอร้องไม่ให้ทำ
ผมหนีกลับมาเพราะกลัวเธอเหรอ...ไม่น่าจะใช่ ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอเป็นแวมไพร์ ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกผมจะกลัวเธอไปทำไมเอาในตอนนี้ ผมเพียงรับไม่ได้ว่าเธอกินเลือดเป็นอาหารและขยะแขยงรังเกียจสิ่งที่เธอเป็นต่างหาก แต่ผมคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่...แน่นอน ผมเคยคิดเอาไว้แล้ว เธอเคยเล่าว่าบาร์ตหาเลือดมาให้เธอกิน ผมไม่รู้ว่าบาร์ตไปเอาเลือดพวกนี้มาจากไหน อาจได้มาจากคลังเลือดในโรงพยาบาล ผมเคยเห็นแม่เติมเลือดจากอาการตกเลือดตอนแท้งน้องผมในโรงพยาบาลมาก่อน ผมอยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่ความคิดที่แวบขึ้นมาว่า บางทีบาร์ตอาจหามาได้โดยทุจริตมันรบกวนจิตใจ ซึ่งผมไม่ชอบเลย
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมรู้ว่าต้องเป็นเจสซี่...ผมควรลุกไปเปิดประตูรับเธอดีไหมหรือถือโอกาสตัดความสัมพันธ์กับผีดูดเลือดอย่างเธอตั้งแต่ตอนนี้เลยดี แต่เจสซี่เป็นเพื่อนรักคนเดียวของผมนะ นั่งครุ่นคิดวนเวียนจนผมชักปวดหัวเพราะคิดไม่ตก
ก๊อกๆๆ...ก็อกๆ...ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูหน้าห้องชุดเป็นรหัสลับหมายความว่า”ฉันรอเธออยู่”ของเราสองคนดังขึ้นอีก ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามา ปนเปกันไปทั้งรักทั้งรังเกียจ ซึ่งในที่สุดผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู
“ฉันเข้าไปได้ไหม” ที่หน้าประตูร่างขาวบางของเจสซี่ยืนอยู่ ตาโตๆของเธอมีแววโศกเศร้ากับมีน้ำใสๆคลออยู่เต็มตา ผมยาวสีทองของเธอยุ่งเหยิง เจสซี่ตอนนี้ดูหม่นหมองเศร้าซึมไม่น่ากลัวเลยสักนิด เธอยืนนิ่ง พึมพำขอร้องเสียงสั่น
“อนุญาตให้ฉันเข้าไปได้ไหมร้อบบี้”
ทันทีนั้นเสียงของเจสซี่ที่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเป็นแวมไพร์ของเธอก็ดังก้องขึ้นในสมอง
“ฉันเข้าไปในห้องเธอไม่ได้ถ้าเธอไม่อนุญาต”
ผมไม่ตอบ แต่ดึงประตูให้เปิดกว้างออก ในใจกำลังคิดอยากทำอะไรสักอย่างกับเธออยู่ เพราะอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้คิดแบบนั้น อาจเพราะอยากตอบโต้บางอย่างกับเธอ บางอย่างที่เธอทำให้ผมผิดหวัง เสียใจ
ซึ่งดูเหมือนเจสซี่จะเข้าใจดี ทันทีนั้นเธอก็ก้าวเท้าผ่านธรณีประตูเข้ามาในห้องเงียบๆ เมื่อเธอเข้ามาแล้วผมก็ปิดประตูตามหลัง หันมามองใบหน้าตุ๊กตาบาร์บี้ของเธอ
ฉับพลัน ร่างบางของเธอก็เริ่มสั่นเทา มันเริ่มจากแขนขาและใบหน้าก่อน แล้วค่อยๆสั่นแรงขึ้นทุกทีจนไหวคลอนไปทั้งตัว พร้อมกับเลือดสดๆที่หลั่งทะลักออกมาจากปาก ดวงตา รูจมูกและรูหูทั้งสองข้าง มันไหลพรากลงจนเปียกชุ่มช่วงบนของชุดนอนสีขาวตัวยาวแค่คลุมเข่าของเธอ
“ฉันยอม...ยอมแล้ว เธอเข้ามาได้”
ในที่สุดผมก็รู้ใจตัวเองแล้วว่าคิดยังไงกับเธอ ผมผวาเข้ากอดเจสซี่เอาไว้ทั้งตัว ร้องไห้โฮน้ำตาไหลนอง ละล่ำละลักบอกเธอเสียงดังแทบไม่เป็นภาษามนุษย์
“ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไรฉันก็รักเธอ เจสซี่ ฉันไม่รังเกียจเธออีกแล้ว ฉันขอโทษ”
“สัญญานะ...” เสียงอ่อนเพลียของเธอดังอยู่ข้างหู
“ฉันสัญญา”
จบตอน 3
ชอบวันศุกร์ รักวันเสาร์ หลงใหลวันอาทิตย์...แต่เกลียดวันจันทร์ที่สุดเลย
ขอบคุณท่านที่อ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ
คุณเป่าซาง คุณGTW คุณเพ็ญพิชญา
มีคำแนะนำติชมขอช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ
*แก้วค่ะ*