นิยายสั้น รักอมตะ ตอน 1

กระทู้สนทนา
***นิยายสั้นเรื่องนี้เขียนขึ้นหลังจากดูหนังเรื่องหนึ่งจบลง หนังจบแต่ความรู้สึกคนดูยังไม่จบจึงขอเขียนให้จบตามใจตัวเอง มีข้อคิดเห็นหรือผิดพลาดประการใดช่วยแนะนำติชมด้วยนะคะ





รักอมตะ


**แก้วกัญญา**



"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเจสสิก้า พึ่งย้ายมาเข้าโรงเรียนนี้ ขอฝากตัวด้วยนะคะ"
ผมจ้องมองเด็กผู้หญิงผิวขาวจนซีดที่ยืนแนะนำตัวหน้าห้องเรียนอย่างสนใจ มีอะไรบางอย่างในสีหน้าแววตาของเธอดึงดูดให้ผมรู้สึกอยากรู้จักเด็กหญิงคนนี้ให้มากขึ้น ซึ่งราวกับเธอก็รู้ว่าผมสนใจเธอเป็นพิเศษ ใบหน้าเรียวกับดวงตากลมโตใสแจ๋วนั้นจึงเหลือบแลมาทางผม
"อาจารย์คะ หนูขอไปนั่งข้างๆเด็กผู้ชายคนโน้นได้ไหมคะ"
โอ้ย ตายห่ะ ไม่มองปล่าว เธอหันไปถามอาจารย์ประจำชั้นที่พาเธอมาแนะนำตัว ปากบางสีแดงๆขอร้องอาจารย์เสียงใสพร้อมกับชี้นิ้วเรียวขาวมาทางเก้าอี้ว่างข้างๆผม!

"ขอเดินกลับบ้านด้วยคนนะ"
เพื่อนหญิงคนใหม่ของผมให้เรียกเธอว่าเจสซี่ ผมบอกชื่อตัวเองไปว่าชื่อร้อบบี้ เรานั่งด้วยกันเพราะพอดีโต๊ะข้างผมว่าง...มันว่างมาตลอดเพราะไม่มีใครอยากมานั่งด้วยกันกับคนขี้อาย พูดน้อยและไม่สู้คนแบบผม ที่พวกเจ้าอ้วนลูอิสกับลูกสมุนของมันมักล้อผมเสมอ พวกมันเรียกผมว่า “ไอ้หนูหน้าบื้อ”
ทีแรกผมนึกแปลกใจ แต่ต่อมาก็เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงไม่นึกรังเกียจท่าทางแหยๆของผม ซึ่งถ้าหากเธอจะเลือกนั่งโต๊ะว่างตัวอื่นก็ยังมีเหลืออยู่ในห้อง เธอชวนผมคุย ถามโน่นถามนี่ไม่หยุดทั้งวัน บางทีผมก็รำคาญ แต่ผมก็ชอบมองปากบาง ๆ สีแดงสดใสเหมือนทาด้วยเลือดที่ขยับไปมา บางครั้งเธอทำปากห่อกับทำตาโตเมื่อผมตอบอะไรที่ทำให้เธอประหลาดใจ บางครั้งเธออ้าปากหัวเราะกว้างเห็นฟันขาวเกือบทั้งปาก

หลังเลิกเรียนขณะผมกำลังจะเดินกลับบ้าน เธอสะพายเป้หนังสือบนหลังวิ่งตามผมมาจนทันที่ประตูหน้าโรงเรียน  ผมเดินไปกลับบ้านเองทุกวันเพราะบ้านซึ่งเป็นห้องชุดสามชั้นที่ ดร. เจนนิเฟอร์แม่ของผมเช่าอยู่สองคนกับผมห่างจากโรงเรียนเพียงห้าร้อยเมตรแค่นั้น ผมจึงไม่เสียเวลารอรถบัสโรงเรียนที่ต้องรอนานและแน่นจนต้องนั่งเบียดกัน
"ห้องฉันอยู่ติดห้องเธอ"
พอเดินเคียงกันมาตามทางเดินข้างถนนที่ตรงไปสู่ห้องของผมเจสซี่ก็เริ่มเล่า
"ฉันกับพ่อพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ เมื่อวานฉันเห็นเธอที่ชิงช้าในสนามเด็กเล่นข้างล่างห้องของพวกเราด้วยนะ เธอกำลังนั่งเล่นอะไรอยู่สักอย่าง"
"อ้อ ลูกรูบิกน่ะ เป็นของเล่นลับสมอง ฉันกำลังพยายามจะให้มันเรียงสีสำเร็จสักสีหนึ่ง"
นี่คือสาเหตุที่ทำให้เจสซี่อยากมานั่งข้างผมสินะ ผมหยุดเดินแล้วล้วงเอาของเล่นชิ้นโปรดของผมซึ่งเป็นลูกบาศก์พลาสติกที่ สามารถบิดหมุนไปรอบ ๆ ได้ ส่วนที่มองเห็นได้ของแต่ละด้านประกอบด้วย 9 ส่วนย่อย ซึ่งมีสีทั้งหมด 6 สี ส่วนประกอบที่หมุนไปมาได้นี้ทำให้การจัดเรียงสีของส่วนต่างๆ สลับกันได้หลายรูปแบบ เราต้องจัดเรียงให้แถบสีทั้ง 9 ที่อยู่ในด้านเดียวกันของลูกบาศก์ซึ่งมีทั้งหมด 6 ด้านมีสีเดียวกัน ซึ่งผมยังทำไม่ได้สักด้าน เจสซี่รับมันมาพลิกดูไปมาครู่หนึ่ง ก่อนส่งมันคืนให้
"ไม่ยักรู้ว่าห้องคุณนายซินเทียมีคนมาเช่าแล้ว เธอย้ายเข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ"
ผมรับของเล่นคืน เราสาวเท้าเดินเอื่อยไปด้วยกัน
"หลายวันแล้วล่ะ ส่วนมากฉันอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน พ่อฉันบางทีไปค้างที่ทำงาน เขาทำงานในห้องแล็บทดลองของพวกนักวิทยศาสตร์"
ผมผงกศีรษะรับทราบ ฟังเรื่องที่เธอเล่าเกี่ยวกับเธอและพ่อไปเรื่อยๆ จับใจความได้ว่าเธอเหงาไม่ค่อยมีเพื่อนและเบื่อที่ต้องย้ายตามพ่อไปโน่นนี่ บ่อยๆ เพราะโครงการทดลองเปลี่ยนสถานที่เป็นประจำ เสียงเธอเจื้อยแจ้วไพเราะใสหวาน เรือนผมสีทองหยิกน้อยๆ ต้องแสงแดดเป็นประกายหน้าตาเธอน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้
"ฉันอยู่กับแม่ ท่านสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ฉันก็...ไม่ค่อยมีเพื่อน"
บอกเธอได้แค่นั้นแล้วต้องชะงักเพราะต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครอยากมาเล่นด้วยปรากฏกายอยู่ตรงหน้า!!!

"ไอ้หนู"
เจ้าเด็กอ้วนเหมือนหมูสามชั้นยืนกางขาสั้นๆของมันขวางทางผมอยู่พร้อมกับลูกสมุนอีกสองคน เจ้าคนหนึ่ง ชื่อแกรี่ ผอมเหมือนผมแต่ตัวมันสูงกว่านิดหน่อย แขนขายาวเก้งก้างกับมีฟันหน้าเหยิน ส่วนคนที่เป็นสิวเต็มหน้ากับตัวสั้นม่อต้อชื่อวิลเลี่ยม
"แกถืออะไรอยู่ในมือ นั่นของเล่นของฉันนี่หว่า"
"แกบ้าหรือไง นี่มันลูกรูบิกของฉัน"
ผมรีบซ่อนของเล่นตัวเองไว้ข้างหลังพลางถอยห่างเมื่อพวกมันก้าวเข้ามาหา
"แต่ตอนนี้มันเป็นของฉันแล้วโว้ย เอามันมาให้ฉันเสียดีๆ ไอ้หนู"
พูดจบก็หัวเราะร่า จนพุงที่ปลิ้นออกจากขอบเอวกางเกงและลอดจากชายเสื้อยืดอวดไขมันใต้ผิวเนื้อกระเพื่อมตามจังหวะหัวเราะ พรรคพวกอีกสองคนพลอยหัวเราะตาม
"ฉันไม่ให้"
ชำเลืองมองเพื่อนใหม่ข้างๆแล้วกัดฟันตอบ นึกอายเธอ ผมจึงไม่ยอมมันง่ายๆเหมือนทุกครั้ง ลูอิสดูเหมือนจะรู้ มันแลตามองหน้าเจสซี่ที่ตอนนี้ยืนเอามือกอดอกเอียงคอมองดูอยู่ข้างผม แล้วยิ้มยียวนให้เธอ
"เธอกล้ามากที่ไปนั่งกับไอ้กร๊วกนี่นะเด็กใหม่ รู้ไหม มันเป็นตัวเสนียดประจำห้อง ไม่มีใครนั่งที่นั่งข้างมันหรอกเพราะมันจะพาให้ซวยไปด้วย"
"ใช่ๆ ดูจากแดริลสิ บอกว่าอย่าไปนั่งข้างไอ้นี่ แต่มันไม่เชื่อ ผลสุดท้ายเลยจักรยานล้มหัวแตกเลย ฮ่าๆๆ"
วิลเลี่ยมรับลูกต่อแล้วทั้งหมดก็ประสานเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
"ฉันไม่เชื่อ"
ยังไม่ทันเสียงหัวเราะจากพวกมันจะขาดหาย เสียงใสๆก็ตอบกลับทันควัน เด็กหญิงน่ารักก้าวเข้ามายืนขวางกลางระหว่างผมกับพวกของลูอิส ในมือเธอถือไม้ด้ามยาวขนาดพอเหมาะมือ ซึ่งเธอไปเอามาจากไหนผมก็ไม่ทันสังเกต เธอยืนจังก้าตาจ้องเขม็งไปที่พวกมัน ยกไม้ในมือเงื้อขึ้นสูงด้วยท่าทางทะมัดทะแมงจนผมนึกชมอยู่ในใจ ท่าทีแบบนี้ราวกับไม่ใช่เด็กผู้หญิงอายุสิบขวบ เจสซี่น่าทึ่งมากๆ
"อย่ามารังแกกันดีกว่า ของแค่นี้พวกแกไม่มีปัญญาขอเงินพ่อแม่ไปซื้อหรือไง"
"นังนี่..."
หน้าอูมๆของเจ้าอ้วนลูอิสแดงก่ำเพราะความโมโห คงผสมกับความอายที่โดนผู้หญิงดูถูก แกรี่กับวิลเลี่ยมก็ยืนเงียบกริบลงทันควัน ลูอิสหันรีหันขวางแล้วก็ต้องก้าวถอยหลัง เมื่อเจสซี่เป็นฝ่ายย่างเท้าเข้าใส่อย่างเอาจริง ส่วนลูกสมุนก็พากันถอยกรูดตามลูกพี่
"นังตัวดี วันนี้ฝากเอาไว้ก่อน ฉันยังไม่อยากรังแกผู้หญิง เฮ้ย พวกเรากลับ..."

เจ้าหมูตอนลูอิสพาลูกน้องสองคนล่าถอยไปแล้ว เจสซี่ปาไม้ที่ถืออยู่ทิ้ง ตาโตใสแจ๋วหันมามองหน้าผมซึ่งคงซีดเผือด ผมมักถูกเจ้าอันธพาลสามคนนี้ดักรอข่มขู่เอาเงินค่าขนมหรือของเล่นเป็นประจำ พวกมันเกลียดขี้หน้าผมด้วยเรื่องที่ผมแก้มยุ้ยหน้าตาเหมือนเด็กผู้หญิง แถมพวกมันยังขู่เด็กนักเรียนในห้องไม่ให้ใครมาเล่นกับผมอีกด้วย เด็กพวกนั้นไม่อยากมีเรื่องกับคนเลว ๆ แบบมัน เพราะกลัวเดือดร้อนเหมือนแดริลที่ถูกพวกมันแกล้งขวางทางจักรยานจนรถล้ม หัวฟาดก้อนหินจนแตกเป็นแผล ตั้งแต่มีเรื่องแดริลเกิดขึ้นก็ไม่มีใครเข้ามาสนิทสนมกับผมอีก ผมเกลียดพวกมันแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่กล้าฟ้องแม่ เพราะบางทีผลลัพธ์อาจแย่กว่าที่แม่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้  เธอทำหน้าซีเรียสใส่ผม ถามเสียงเครียด
"เธอกลัวพวกมันเหรอ"
"ฉัน...ฉันเปล่ากลัว แค่ไม่อยากมีเรื่องกับพวกมัน เดี๋ยวแม่รู้เข้าฉันจะโดนดุเอา"
"บ้าน่า...ฉันรู้ว่าเธอกลัว ก็เพราะเธอมัวแต่กลัวไงพวกมันถึงได้ใจแกล้งเธอไม่หยุด" เสียงใสพูดใส่หน้าผมฉอดๆ
"สู้มันบ้างสิ เหมือนฉันเมื่อกี้"
"ฉัน...ฉันต่อยไม่เป็น" หน้าขาวของเธอมีวี่แววสังเวช
"เธอเป็นผู้ชายนะต้องหัดต่อสู้ป้องกันตัวสิ หรืออีกหน่อยเธอมีแฟน เธออาจต้องปกป้องคุ้มครองแฟนของเธอก็ได้"
เจสซี่จีบปากจีบคอบอกราวกับเป็นผู้ใหญ่ คำว่าแฟนที่เธอพูดทำเอาผมเขิน เด็กอายุสิบปีอย่างผมยังไม่เคยมีแฟนหรอก แต่ผมก็รู้ว่าแฟนหมายถึงผู้ชายกับผู้หญิงรักกัน เหมือนที่พ่อเคยรักกันกับแม่
"ฉันจะสอนเธอชกมวยเอง"
"เธอชกมวยเป็นด้วยเหรอ"
ผมถามเพราะความสงสัย แม้ท่าทางเจสซี่จะแก่นแก้วว่องไว แต่ผมก็คาดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงอย่างเธอจะชกมวยเป็น
"ฉันเป็นตั้งหลายอย่าง คาราเต้ เทควนโด ยูโด แล้วก็มวยไทย"
โอ้โฮ...สิ่งที่เธอบอกทำผมทึ่งมาก ซึ่งเธอคงเห็นผมเบิกตาโต อุทานเบา ๆ ในลำคอเพราะทึ่งเธอมากมายเลยหัวเราะร่วน เจสซี่เก่งอย่างที่ผมนึกไม่ถึง เธอเก่งเหมือนอัศวิน
"ฉันสอนเธอได้จริงนะ แต่อันดับแรกเธอต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรงเสียก่อน"
พูดแล้วยังกวาดตามองทั่วตัวผมแล้วย่นจมูก ทำให้ผมต้องก้มลงมองตัวเองตาม
"เธอตัวผอมไปหน่อย กินเยอะ ๆ แล้วออกกำลังกายด้วยนะ มาที่ห้องฉันสิ พ่อฉันมีเครื่องออกกำลังกายหลายอย่างเลย"

ชีวิตเงียบเหงาของผมเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเจสซี่มาอยู่ห้องข้าง ๆ เมื่อก่อนถ้าแม่บอกว่าต้องเดินทางไปทำธุระที่รัฐอื่นหลายวัน ทิ้งผมไว้ที่ห้องคนเดียว ผมก็มักเศร้าซึมและเบื่อหน่าย ผมเกลียดที่เป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องให้เล่นด้วย หรือเอาไว้นอนคุยกันเวลาแม่ไม่อยู่ด้วยกับเรา แต่ที่เป็นอยู่ก็คือรอโทรศัพท์ราตรีสวัสดิ์จากแม่ก่อนเข้านอนบนเตียงในห้องที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวตามลำพังในคืนที่ไม่มีแม่อยู่ด้วย
แต่วันนี้ผมไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว เวลาแม่ไม่อยู่บ้านซึ่งมักเป็นเวลาเดียวกันกับที่บาร์ต พ่อของเจสซี่มักไม่อยู่เหมือนกัน เราสองคนจะเข้ามาเล่นในห้องของเธอเพราะที่นี่มีของเล่นเยอะแยะ มีเครื่องออกกำลังกายให้ผมได้ใช้มัน มีหนังสือแปลก ๆ มากมาย ในนั้นมีรูปภาพที่ชวนตื่นตาตื่นใจ เจสซี่มีความรู้รอบตัวดีมาก เธอรู้หมดทุกอย่างราวกับในหัวมีคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูล ซึ่งคงเป็นเพราะเธอต้องเดินทางไปจนเกือบทั่วโลกก็ได้
"นั่นอะไรน่ะ"
ผมชี้ไปที่สิ่งของในกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่กล่องหนึ่งที่วางอยู่ข้างเก้าอี้โยกตัวใหญ่ ซึ่งเจสซี่บอกว่าเป็นเก้าอี้ตัวโปรดของพ่อเธอ ของสิ่งนั้นมันมีลักษณะกลมรีโตเท่าไข่ไก่ โผล่พ้นออกมาจากผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินที่โปะคลุมอยู่
"อ๋อ ไข่ทองคำไง พ่อชอบเอาออกมาจับเล่น"
ร่างในชุดกระโปรงติดกันสีสวยเหมือนชุดตุ๊กตาเดินไปหยิบมันออกมาจากกล่อง แล้วหันมากวักมือเรียกผมให้เข้าไปดูใกล้ๆ ซึ่งเมื่อผมเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องทั้งหมดหลังเธอเปิดผ้าที่คลุมอยู่ออกก็ต้องร้อง ว้าวๆ เสียงดัง เพราะเห็นในกล่องนั้นบรรจุของสวยๆงามๆอยู่เกือบเต็มกล่อง ส่วนมากจะเป็นรูปปั้นสัตว์หรือผลไม้ที่มีสีทองสุกปลั่งอร่ามเรืองรอง เจสซี่บอกผมว่ามันทำมาจากทองคำทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีเครื่องประดับพวกสร้อยคอ สายสร้อย กำไลและแหวน ที่มีอัญมณีสีสวยประดับจนละลานตา เมื่อเห็นผมทำท่าตื่นตาตื่นใจออกมาแบบนั้นเธอก็ยื่นไข่ทองคำที่ถืออยู่ในมือให้ผม
"ฉันให้"
เธอบอกเสียงเรียบ พอๆกับท่าทางที่ธรรมดามากเหมือนยื่นของเล่นให้เพื่อนสักชิ้นยังไงยังงั้น
"ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเธอโดนพ่อดุ"
"ฉันมีสิทธิ์ให้ ของพวกนี้เป็นสมบัติของฉันเอง"
มือขาวของเธอยังยื่นสิ่งของล้ำค่านั้นมาตรงหน้าผม ตาโตของเธอจ้องเป๋ง มันเหมือนมีมนต์สะกดให้ผมต้องทำตามสิ่งที่เธอบอก พอรับมาแล้วถึงรู้ว่ามันมีน้ำหนักมากไม่ใช่เล่น
"เอามันไปขายแล้วให้แม่เธอซื้อบ้านอยู่สิ ถ้ายังไม่พอฉันจะให้เงินเธออีกก็ได้"
พูดจบเธอก็เดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งที่วางสุมอยู่กับสิ่งของอื่นๆตรงมุมห้อง พอเปิดออกดูผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นธนบัตรปึกใหญ่อัดอยู่เต็มกระเป๋า

จบตอน 1
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่