ใครที่รวยแล้ว
อ่านหน่อย เพื่อช่วยดึงสติ
ส่วนใครใกล้รวย
อ่านเลย เตรียมตัวเป็นคนรวยที่ดีในเร็ววัน
ถ้าใครที่วางแผนจะเป็นคนรวย
อ่านนะ จะได้รู้ว่ารวยแล้ว ควรทำตัวยังไง
และสำหรับทุกคนเลย อ่านเถอะ
จะได้ทำตัวให้เป็นที่ชื่นชม เป็นที่รักของคนทุกหมู่เหล่า
มีคนเกลียดเยอะแล้ว หันมาทำตัวให้มีคนรักบ้างเนอะ (ฮา)
เข้าเรื่องๆ
เมื่อคุณร่ำรวยเงินทองแล้ว จะให้ดูดีครบพร้อม
ต้องรวยความรักความชื่นชมจากคนรอบข้างด้วย
จะได้กลายเป็นคนรวยทั้งเงินทอง และรวยบารมี
บารมีบางคนบอกซื้อได้ด้วยเงิน
แต่ไม่ยั่งยืน
ถ้าใครสร้างบารมีด้วยเงิน
เงินหมดบารมีหมดตาม
นี่คือหนทางที่ช่วยให้คุณสร้างบารมีแบบยั่งยืน
ด้วย
“4 รวย” มีอะไรบ้าง ก็ตามนี้
รวยเมตตา
คือเราอยากเห็นผู้อื่นมีความสุข
เราร่ำรวยครบพร้อมแล้ว
ก็ควรคิดดี คิดให้คนอื่นสุขไปด้วย
อยากเห็นคนอื่นมีความสุขแบบเรา
เห็นความสำเร็จของคนอื่น
เราก็ยินดีด้วย เขาสุขเราสุขด้วย
เขายิ้ม เรายิ้มด้วย
หรือเจอคนมีทุกข์
เราก็สงสารที่เขาทุกข์แบบนั้น
เราช่วยอะไรเขาได้มั้ย
ก็ทำตามความเหมาะสม
ไม่ใช่ เห็นคนทุกข์
เออดี สนุก สะใจ
แกจะได้ไม่มาแข่งกับฉัน
ฉันมีความสุขมากกว่าแก
คิดแบบนี้แย่ เลิกคิดงี้นะ
รวยกรุณา
มีความคล้ายเมตตา
เมตตาคือร่วมสุขสร้างสุขไปกับเขา
ถ้าเขาทุกข์เราก็เห็นใจเขา
ส่วนกรุณาคือจะมีความแสดงออก
เข้าไปช่วยคลายทุกข์แบบเป็นรูปธรรม
เช่น ผู้ประสบภัย เราช่วยหาข้าวหาน้ำให้
ช่วยหาที่พัก ช่วยบริจาคเงินให้สร้างบ้านใหม่
ช่วยให้ความรู้กับคนไม่รู้
จะได้มีความสู้ไปใช้ทำมาหากิน
หรือเพื่อนเราเศร้าโศก
เราช่วยพูดให้กำลังใจ
ช่วยทำให้เขาลดทุกข์ลงไป
ทั้งทุกข์ทางกาย และทางใจ
จึงมีคำว่า
เมตตากรุณา ติดกันเสมอ
เพราะว่าจะได้ครบกระบวน
เมตตา คือ ถ้าเจอคนมีความสุข เราก็สุขไปด้วย
ถ้าเจอคนมีทุกข์ เราเกิดความสงสารขึ้นในใจเรา
กรุณา คือ เขาทุกข์ เราแสดงออก เข้าไปช่วยเขาให้คลายทุกข์
คนที่มีเมตตากรุณาก็คือ
คิดในใจ และลงมือกระทำ
มีความสงสาร เห็นใจแล้ว
ยังยินดีเข้าร่วมแสดงออก
ให้ความช่วยเหลือต่อด้วย ไม่อยู่เฉย
จะช่วยด้วยความรู้ แรงกาย
หรือแรงเงินก็ว่ากันไป
เราถึงใช้คำว่า แผ่เมตตา
แต่ไม่ใช้คำว่า แผ่กรุณา
รวยมุทิตา
อันนี้คือไม่อิจฉา ริษยา
ไม่หงุดหงิด จิตตก ฟุ้งซ่าน
เวลาเห็นคนอื่นได้ดีมีสุข
ตัวอย่างเช่น
คนที่จนกว่าเรา
วันนี้รวยขึ้นมา เรายินดีไปด้วย
ไม่ใช่เดือดร้อน ตายแล้วๆ
ไอ้นี่ท่าจะได้ดี มีเท่ากับเราแล้ว
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
รู้สึกอิจฉาตาร้อนงี้ ไม่ดีๆ
หรือใครทำอะไรพลาด
ก็ว่ากล่าวตักเตือนให้ได้รู้จุดผิด
แต่ไม่ใช่อาฆาต โกรธเกลียด
ไม่จบไม่สิ้น ลามไปด่าว่าเรื่องอื่น
เลยเถิดไปมากกว่าเรื่องต้นเหตุ
แบบนี้ก็ไม่ควร
รวยอุเบกขา
อันนี้ก็คือความวางเฉย นิ่งๆ
พร้อมให้อภัยเวลาเจอเรื่องแย่ๆ
จากคนรอบตัว ทั้งคนรู้จัก หรือไม่รู้จัก
ไม่เอาใจไปอินกับการกล่าวร้าย
เช่น ได้ยินคนเม้าส์ นินทาเรา
ก็ถือซะว่าเป็นกรรมเรา
เป็นความธรรมดาของโลกใบนี้
ตำนานยังมีบอกว่า
พระพุทธเจ้ายังเคยโดนคนด่าว่า
นับประสาอะไรกับเรา ได้ยินก็ปล่อยผ่าน
วางเฉย เข้าใจ ให้อภัย ไม่ไปเต้นตาม
คิดได้แบบนี้ใจไม่ทุกข์ ไม่คิดแก้แค้น
หรือจะไปโวยวายหาเรื่องกัน
เราไม่คิด ไม่สร้างเรื่อง ก็ไม่มีเรื่องเกิด
ความวุ่นวาย ทะเลาะ ตบตี ก็ไม่ตามมา
รวยเมตตา รวยกรุณา รวยมุทิตา และรวยอุเบกขา
หรือแปลงเป็นคำชาวบ้านอย่างเราๆก็คือ
เห็นใจผู้อื่น ยินดีให้ความช่วยเหลือ ไม่อิจฉาริษยา และพร้อมให้อภัย
4 รวยนี้ มีไว้เยอะๆ
แล้วคุณจะเป็นคนรวยที่คนรอบตัว
ทั้งใกล้ตัว และไกลตัว ชื่นชม ยินดี
ให้เขาพูดว่า
เพราะเป็นคนแบบนี้ไงถึงได้ร่ำรวย
สมแล้วที่รวย
ไม่ใช่ ไอ้ตานี่รวยมาได้ไง
มีแต่คนสาปแช่ง
สุขกายไม่เท่าสุขใจ
การเป็นคนรวยที่สุขใจ
คือคุณรวยในสิ่งที่เงินซื้อหามาไม่ได้
นี่แหละ คือความร่ำรวยที่แท้จริง
ที่มา :
http://www.gujaruay.com/
4 รวย เพื่อความเป็นคนรวยที่น่ากราบ
อ่านหน่อย เพื่อช่วยดึงสติ
ส่วนใครใกล้รวย
อ่านเลย เตรียมตัวเป็นคนรวยที่ดีในเร็ววัน
ถ้าใครที่วางแผนจะเป็นคนรวย
อ่านนะ จะได้รู้ว่ารวยแล้ว ควรทำตัวยังไง
และสำหรับทุกคนเลย อ่านเถอะ
จะได้ทำตัวให้เป็นที่ชื่นชม เป็นที่รักของคนทุกหมู่เหล่า
มีคนเกลียดเยอะแล้ว หันมาทำตัวให้มีคนรักบ้างเนอะ (ฮา)
เข้าเรื่องๆ
เมื่อคุณร่ำรวยเงินทองแล้ว จะให้ดูดีครบพร้อม
ต้องรวยความรักความชื่นชมจากคนรอบข้างด้วย
จะได้กลายเป็นคนรวยทั้งเงินทอง และรวยบารมี
บารมีบางคนบอกซื้อได้ด้วยเงิน
แต่ไม่ยั่งยืน
ถ้าใครสร้างบารมีด้วยเงิน
เงินหมดบารมีหมดตาม
นี่คือหนทางที่ช่วยให้คุณสร้างบารมีแบบยั่งยืน
ด้วย “4 รวย” มีอะไรบ้าง ก็ตามนี้
รวยเมตตา
คือเราอยากเห็นผู้อื่นมีความสุข
เราร่ำรวยครบพร้อมแล้ว
ก็ควรคิดดี คิดให้คนอื่นสุขไปด้วย
อยากเห็นคนอื่นมีความสุขแบบเรา
เห็นความสำเร็จของคนอื่น
เราก็ยินดีด้วย เขาสุขเราสุขด้วย
เขายิ้ม เรายิ้มด้วย
หรือเจอคนมีทุกข์
เราก็สงสารที่เขาทุกข์แบบนั้น
เราช่วยอะไรเขาได้มั้ย
ก็ทำตามความเหมาะสม
ไม่ใช่ เห็นคนทุกข์
เออดี สนุก สะใจ
แกจะได้ไม่มาแข่งกับฉัน
ฉันมีความสุขมากกว่าแก
คิดแบบนี้แย่ เลิกคิดงี้นะ
รวยกรุณา
มีความคล้ายเมตตา
เมตตาคือร่วมสุขสร้างสุขไปกับเขา
ถ้าเขาทุกข์เราก็เห็นใจเขา
ส่วนกรุณาคือจะมีความแสดงออก
เข้าไปช่วยคลายทุกข์แบบเป็นรูปธรรม
เช่น ผู้ประสบภัย เราช่วยหาข้าวหาน้ำให้
ช่วยหาที่พัก ช่วยบริจาคเงินให้สร้างบ้านใหม่
ช่วยให้ความรู้กับคนไม่รู้
จะได้มีความสู้ไปใช้ทำมาหากิน
หรือเพื่อนเราเศร้าโศก
เราช่วยพูดให้กำลังใจ
ช่วยทำให้เขาลดทุกข์ลงไป
ทั้งทุกข์ทางกาย และทางใจ
จึงมีคำว่า เมตตากรุณา ติดกันเสมอ
เพราะว่าจะได้ครบกระบวน
เมตตา คือ ถ้าเจอคนมีความสุข เราก็สุขไปด้วย
ถ้าเจอคนมีทุกข์ เราเกิดความสงสารขึ้นในใจเรา
กรุณา คือ เขาทุกข์ เราแสดงออก เข้าไปช่วยเขาให้คลายทุกข์
คนที่มีเมตตากรุณาก็คือ
คิดในใจ และลงมือกระทำ
มีความสงสาร เห็นใจแล้ว
ยังยินดีเข้าร่วมแสดงออก
ให้ความช่วยเหลือต่อด้วย ไม่อยู่เฉย
จะช่วยด้วยความรู้ แรงกาย
หรือแรงเงินก็ว่ากันไป
เราถึงใช้คำว่า แผ่เมตตา
แต่ไม่ใช้คำว่า แผ่กรุณา
รวยมุทิตา
อันนี้คือไม่อิจฉา ริษยา
ไม่หงุดหงิด จิตตก ฟุ้งซ่าน
เวลาเห็นคนอื่นได้ดีมีสุข
ตัวอย่างเช่น
คนที่จนกว่าเรา
วันนี้รวยขึ้นมา เรายินดีไปด้วย
ไม่ใช่เดือดร้อน ตายแล้วๆ
ไอ้นี่ท่าจะได้ดี มีเท่ากับเราแล้ว
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
รู้สึกอิจฉาตาร้อนงี้ ไม่ดีๆ
หรือใครทำอะไรพลาด
ก็ว่ากล่าวตักเตือนให้ได้รู้จุดผิด
แต่ไม่ใช่อาฆาต โกรธเกลียด
ไม่จบไม่สิ้น ลามไปด่าว่าเรื่องอื่น
เลยเถิดไปมากกว่าเรื่องต้นเหตุ
แบบนี้ก็ไม่ควร
รวยอุเบกขา
อันนี้ก็คือความวางเฉย นิ่งๆ
พร้อมให้อภัยเวลาเจอเรื่องแย่ๆ
จากคนรอบตัว ทั้งคนรู้จัก หรือไม่รู้จัก
ไม่เอาใจไปอินกับการกล่าวร้าย
เช่น ได้ยินคนเม้าส์ นินทาเรา
ก็ถือซะว่าเป็นกรรมเรา
เป็นความธรรมดาของโลกใบนี้
ตำนานยังมีบอกว่า
พระพุทธเจ้ายังเคยโดนคนด่าว่า
นับประสาอะไรกับเรา ได้ยินก็ปล่อยผ่าน
วางเฉย เข้าใจ ให้อภัย ไม่ไปเต้นตาม
คิดได้แบบนี้ใจไม่ทุกข์ ไม่คิดแก้แค้น
หรือจะไปโวยวายหาเรื่องกัน
เราไม่คิด ไม่สร้างเรื่อง ก็ไม่มีเรื่องเกิด
ความวุ่นวาย ทะเลาะ ตบตี ก็ไม่ตามมา
รวยเมตตา รวยกรุณา รวยมุทิตา และรวยอุเบกขา
หรือแปลงเป็นคำชาวบ้านอย่างเราๆก็คือ
เห็นใจผู้อื่น ยินดีให้ความช่วยเหลือ ไม่อิจฉาริษยา และพร้อมให้อภัย
4 รวยนี้ มีไว้เยอะๆ
แล้วคุณจะเป็นคนรวยที่คนรอบตัว
ทั้งใกล้ตัว และไกลตัว ชื่นชม ยินดี
ให้เขาพูดว่า
เพราะเป็นคนแบบนี้ไงถึงได้ร่ำรวย
สมแล้วที่รวย
ไม่ใช่ ไอ้ตานี่รวยมาได้ไง
มีแต่คนสาปแช่ง
สุขกายไม่เท่าสุขใจ
การเป็นคนรวยที่สุขใจ
คือคุณรวยในสิ่งที่เงินซื้อหามาไม่ได้
นี่แหละ คือความร่ำรวยที่แท้จริง
ที่มา : http://www.gujaruay.com/