หลังจากผ่านมานานกว่า 150 ปี ในที่สุดแบรนด์วิสกี้สัญชาติอเมริกันอย่าง Jack Daniel’s ก็ตัดสินใจเผยความลับแท้จริงที่ว่าใครกันแน่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสูตรเครื่องดื่มที่ถูกปากถูกคอคนทั้งโลกจนโด่งดัง
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่รับรู้ว่านักต้มสุราเถื่อน Dan Call เป็นผู้มอบความรู้ให้กับเด็กฝึกงานของเขา Jasper Newton ‘Jack’ Daniel เพื่อช่วยดูแลโรงงานของเขาในเทนเนสซี
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ถ่ายทอดฝีมือการผลิตสุราชั้นเลิศให้กับแจ็คก็คือ Nearis Green ทาสคนหนึ่งของ Dan Call ในโรงงานต้มสุรานั่นเอง
Nelson Eddy นักประวัติศาสตร์ของ Jack Daniel เผยกับสำนักพิมพ์ New York Times ว่า “เราใช้เวลานานนับศตวรรษกว่าจะมีโอกาสได้พูดถึงประวัติศาสตร์ของเราเอง”
จากอัตชีวประวัติของ Jack Daniel ที่เขียนขึ้นในปี 1967 เจ้านายของเขา Dan Call ได้มอบหมายให้คนรับใช้สอนแจ็คทุกอย่างเท่าที่รู้เกี่ยวกับการผลิตสุรา ซึ่งคนๆ นั้นก็คือ Nearis แดนกล่าวว่า “ลุง Nearis คือคนทำวิสกี้ที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก”
อีกหนึ่งปีต่อมาแจ็คก็เปิดโรงงานกลั่นสุราของตนเองและได้ว่าจ้างบุตรชายสองคนของลุง Nearis มาทำงานด้วย ภาพถ่ายจากอดีตแสดงให้เห็นว่าครอบครัว Green มีความสำคัญต่อกิจการของแจ็คมาก แต่บทบาทของพวกเขาถูกลืมเลือนไปจนกระทั่งมีการเปิดเผยเรื่องราวที่แท้จริงจากบริษัท Jack Daniel’s เอง
Phil Epps ผู้อำนวยการแบรนด์ของ Jack Daniel’s ยอมรับว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องสำหรับการปกปิดต้นกำเนิดที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์
แต่อเมริกาในยุคสมัยนั้นยังมีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องราวของทาสและความไม่เท่าเทียม จึงทำให้นักประวัติศาสตร์พยายามละทิ้งรายละเอียดและไม่กล่าวถึงความสำคัญของทาสในการผลิตวิสกี้อเมริกัน
นักวิจารณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าการที่ทางบริษัทออกมาเปิดเผยเรื่องราวนี้ก็เพราะเริ่มตระหนักได้ว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมมากขึ้น จึงอาจจะเป็นแผนการตีตลาดด้วยการใช้เรื่องราวของทาสมาสร้างจุดเด่น
นักประวัติศาสตร์เผยว่าแท้จริงแล้วการผลิตวิสกี้นั้นไม่ใช่องค์ความรู้ดั้งเดิมของชาวอเมริกันหรืออังกฤษ แต่เป็นเทคนิคของชาวแอฟริกันที่สืบทอดต่อกันแบบรุ่นสู่รุ่น
นอกจากสุราของ Jack Daniel แล้ว เมื่อตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็จะพบว่าแท้จริงแล้วทาสชาวแอฟริกันคือผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่สร้างชื่อเสียงและความร่ำรวยให้กับเจ้านายผิวขาวของพวกเขา
ที่มา: DailyMail
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.meekhao.com/history/jack-daniel
แท้จริงแล้ว ‘ทาสโรงกลั่น’ คือผู้อยู่เบื้องหลังสูตรผลิตวิสกี้ชื่อดังของ Jack Daniel’s!?
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่รับรู้ว่านักต้มสุราเถื่อน Dan Call เป็นผู้มอบความรู้ให้กับเด็กฝึกงานของเขา Jasper Newton ‘Jack’ Daniel เพื่อช่วยดูแลโรงงานของเขาในเทนเนสซี
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ถ่ายทอดฝีมือการผลิตสุราชั้นเลิศให้กับแจ็คก็คือ Nearis Green ทาสคนหนึ่งของ Dan Call ในโรงงานต้มสุรานั่นเอง
Nelson Eddy นักประวัติศาสตร์ของ Jack Daniel เผยกับสำนักพิมพ์ New York Times ว่า “เราใช้เวลานานนับศตวรรษกว่าจะมีโอกาสได้พูดถึงประวัติศาสตร์ของเราเอง”
จากอัตชีวประวัติของ Jack Daniel ที่เขียนขึ้นในปี 1967 เจ้านายของเขา Dan Call ได้มอบหมายให้คนรับใช้สอนแจ็คทุกอย่างเท่าที่รู้เกี่ยวกับการผลิตสุรา ซึ่งคนๆ นั้นก็คือ Nearis แดนกล่าวว่า “ลุง Nearis คือคนทำวิสกี้ที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก”
อีกหนึ่งปีต่อมาแจ็คก็เปิดโรงงานกลั่นสุราของตนเองและได้ว่าจ้างบุตรชายสองคนของลุง Nearis มาทำงานด้วย ภาพถ่ายจากอดีตแสดงให้เห็นว่าครอบครัว Green มีความสำคัญต่อกิจการของแจ็คมาก แต่บทบาทของพวกเขาถูกลืมเลือนไปจนกระทั่งมีการเปิดเผยเรื่องราวที่แท้จริงจากบริษัท Jack Daniel’s เอง
Phil Epps ผู้อำนวยการแบรนด์ของ Jack Daniel’s ยอมรับว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องสำหรับการปกปิดต้นกำเนิดที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์
แต่อเมริกาในยุคสมัยนั้นยังมีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องราวของทาสและความไม่เท่าเทียม จึงทำให้นักประวัติศาสตร์พยายามละทิ้งรายละเอียดและไม่กล่าวถึงความสำคัญของทาสในการผลิตวิสกี้อเมริกัน
นักวิจารณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าการที่ทางบริษัทออกมาเปิดเผยเรื่องราวนี้ก็เพราะเริ่มตระหนักได้ว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมมากขึ้น จึงอาจจะเป็นแผนการตีตลาดด้วยการใช้เรื่องราวของทาสมาสร้างจุดเด่น
นักประวัติศาสตร์เผยว่าแท้จริงแล้วการผลิตวิสกี้นั้นไม่ใช่องค์ความรู้ดั้งเดิมของชาวอเมริกันหรืออังกฤษ แต่เป็นเทคนิคของชาวแอฟริกันที่สืบทอดต่อกันแบบรุ่นสู่รุ่น
นอกจากสุราของ Jack Daniel แล้ว เมื่อตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็จะพบว่าแท้จริงแล้วทาสชาวแอฟริกันคือผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่สร้างชื่อเสียงและความร่ำรวยให้กับเจ้านายผิวขาวของพวกเขา
ที่มา: DailyMail [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้