คือผมเป็นคนมองโลกในแง่ลบมาก . . แม้จะมีหลายคนบอกให้มองแง่บวกก้ตาม แต่มันไม่สามารถมองข้ามความเป็นจริง แบบหลับตา 1 ข้าง แล้วทำให้จิตใจแจ่มใส ได้
ผมเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองสักนิดเดียว คือ กลัวทุกอย่างไปหมด ไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่าง รอให้เวลามันผ่านไป เพราะคิดแค่ว่า ก็ทำไปๆให้ดีที่สุดของชีวิต กัดฟันทนที่สุด ถ้าไม่ได้แล้วละก็ กินยาตายก็แค่นั้น มันง่ายดี
ผมเป็นคนที่มีเพื่อนน้อยมาก หรือ แทบเรียกได้ว่าโดดเดี่ยว แบบไม่รู้จักใครเลย นอกจาก พ่อแม่ , คุยกับเพื่อนไม่นาน เพื่อนก็หายกันไปหมด เพราะเราทำตัวน่าหดหู่ ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ไม่ค่อยสันสรรค์กับใคร
ผมเป็นคนที่มีความพยายามน้อย คือ อะไรที่คิดออก จะทำได้ไม่เกิน 7 วัน หลังจากนั้นก้จะไม่ทำมันละ เรียกได้ว่าไม่มีความอดทนก็ได้ เช่น การออกกำลังกาย ช่วง 7 วันแรก หรือ อย่างช้าก็ครึ่งเดือน อาจจะทำบ้างติดๆกัน จนกระทั่งหยุด เพราะมันไม่สนุกเลย แต่ต้องทำเพื่อลดน้ำหนัก ร่างกายแข็งแรงอะไรก็ว่าไป แต่ก็ไม่แน่ใจว่า ความกระตือรือร้น อยากจะทำโน่นนั่นนี่ อยากเรียนรู้ มันใช่สิ่งเดียวกับความอดทนรึเปล่า
ตัวผมนั้นไม่มีความฝัน ไม่เคยมีความคิดที่ว่าอยากจะไปทำอะไร อยากจะไปทดสอบอะไร อยากเรียนรู้อะไร , วันๆได้แต่ล่องลอยไปตาม ชีวิตที่ได้รับมา เรียนประถม จบมหาลัย ก็ไปตาม Routine เหมือนหุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรมไว้ , พอถึงจุดที่ต้องเลือก ก็ไม่ได้เลือก เพราะไม่รู้จะเลือกอะไร ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ใจเราคิดว่า ต้องเป็นอะไร อีก 5-10 ข้างหน้า ชีวิตต้องอัพเกรดไปถึงขั้นไหน ไม่มีไฟนั่นแหละ , ผมรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ ตอนอายุ 10 ต้นๆแล้ว จนกระทั่งตอนนี้อายุ 28 ก็ยังเป็นฟิลแบบนั้นอยู่ และข้างหน้าอนาคตที่จะเดินไปมันก็ยังไม่มีความมั่นคง มันก็ทำให้ผมกังวลมากขึ้นทุกๆนาทีที่ผ่านไป แต่ก็ไม่ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้มันผ่านไป
ผมเสียเวลาอย่างไร้ค่าไปหลายช่วงเวลา , เช่น ช่วงเวลาปิดเทอมของทุกปี ถ้าผมเอาเวลาไปเรียนรู้ เขียนโปรแกรมเพิ่ม เรียนภาษาอังกฤษ/จีน เพิ่ม ผมก็อาจจะมีความรู้ระดับนั้นได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำ เพราะ ผมไม่มีใจสักนิดว่า อยากจะทำ (let it down)
จนถึงอายุตอนนี้ 28 ผมก็พลาดโอกาสไปหลายอย่างแล้ว ใจนึงก็เสียใจนะที่ไม่ได้ตัดสินใจ แต่อีกใจนึงก็ไม่กล้าทำ ก็ปล่อยๆมันไปอีกตามเคย ผมก้มองเห็นภาพตัวเองตั้งแต่อายุ 10 ปีแล้ว ว่า โลกเรานั้นมีข้อจำกัด ข้อบังคับ ความต้องการ มากมายก่ายกอง ที่เราต้องปรับตัวต้องเรียนรู้ ต้องพัฒนาตาม ไม่งั้นก้อาจโดนทิ้งข้างหลังได้ มันทำให้ผมไม่อยากทำอะไรเลย นอกจาก กินยาตายไปช่วงนั้นๆ ไปที่ๆไม่มีคน ไม่มีความทรงจำอะไร ไม่ต้องคิดอะไร แค่หลับตา เวลาก็ผ่านไปอย่างเป็นอนันต์
ผมมองว่า ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีการแข่งขันกับผู้คนเสมอ แม้เราจะทำอะไรที่ไม่อยากจะแข่งขันก็ตาม สุดท้ายมันก้จะบังคับ แล้วตัวเราเองถ้าทนไม่ได้ มันก็จะเหมือน ก้าวไม่ออก ถอยหลังไม่ได้ มีแต่ กระโดดลงเหวเท่านั้น , ผมชอบอยู่ในที่ๆปลอดภัย มีเพื่อนที่แบบคบกันจริงใจ อยู่กันเป็นองค์กร ทำงานกันนานๆ ผุกพันกันนานๆ ไม่ต้องแข่งขันกับใครน่ะ
ล่าสุดก็เข้าทำงานที่ๆนึงไม่ได้ เพราะกว่าจะรู้ตัว เวลามันก็ผ่านไปแล้ว เค้าจำกัดอายุที่รับสมัคร แล้วปีนี้ก็เป็นปีสุดท้าย ของ เกณฑ์อายุผม ผมทราบว่าแต่ละคนคงกระตือรือร้น เช็คมากันเป็นปีๆแล้ว แต่ผมเพิ่งจะมาเจอ ก็ตอนเวลาผ่านไปแล้ว
เรื่องเพื่อนฝูง ผมไม่เคยทะเลาะกับใคร หรือ เกลียดใคร หรือ มีคนที่เกลียดนะครับ เผื่อจะเข้าใจว่า เป็นเพราะนิสัยแย่หรือเปล่า เลยไม่มีคนคบด้วย
เรื่องความรัก ผมก้ไม่คิดว่า ชาตินี้จะสมหวังเหมือนกัน ผมไม่ได้รักคนอื่นๆ เหมือน คนปกติที่เค้ารักกัน แล้ว ก็ไม่อยากกลายเป็น อะไรที่คนทั่วไปไม่เป็นกัน ไม่อยากให้คนรอบข้างรู้ ก็เลยปลีกตัวออกมาจากทั้งสองฝั่ง ใช้ชีวิต แบบไม่เข้าไปใกล้ฝ่ายไหน จะดีที่สุด และผมยังไม่มีฟิลลิ่งเหมือน ในหนัง ที่ว่า "เพื่อเธอ ฉันทำได้ทุกอย่าง" อะไรแบบนี้น่ะ ไม่มีเลยสักนิดเดียว
เอิ่ม ผมไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ว่าอยากจะเขียนอะไรกันแน่ ได้แต่ระบายออกมา ถ้าใครไม่ชอบ ก็ขอโทษด้วยนะครับ ผมคิดแต่ว่าถ้าต้องการอยู่ชีวิตไร้จุดหมาย ไม่รู้ ไม่มีความฝัน ไม่อยากจะทำอะไรในชีวิตเลย กินยาตายไปเลยไม่เร็วกว่าหรอ ไม่ต้องรกโลกด้วย ช้าเร็วคนเราก็ตายเหมือนกัน . . . แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทางไหนจะตายแบบเจ็บปวดน้อยที่สุดเหมือนกัน ใช้มีดนี่ก็เจ็บอยู่ แต่ก็ไม่เคยลองยานอนหลับกะเค้าสักที ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง หรือจะรอสักวันที่มี สะเก็ดหินตกมาจากฟ้า แล้วกระแทกศีรษะตาย , ตกตึกคงไม่ดีแน่ เพราะโอกาสรอดมีก็พิการตลอดชีวิต
รู้สึกซึมเศร้า ต้องทำยังไงดีครับ
ผมเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองสักนิดเดียว คือ กลัวทุกอย่างไปหมด ไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่าง รอให้เวลามันผ่านไป เพราะคิดแค่ว่า ก็ทำไปๆให้ดีที่สุดของชีวิต กัดฟันทนที่สุด ถ้าไม่ได้แล้วละก็ กินยาตายก็แค่นั้น มันง่ายดี
ผมเป็นคนที่มีเพื่อนน้อยมาก หรือ แทบเรียกได้ว่าโดดเดี่ยว แบบไม่รู้จักใครเลย นอกจาก พ่อแม่ , คุยกับเพื่อนไม่นาน เพื่อนก็หายกันไปหมด เพราะเราทำตัวน่าหดหู่ ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ไม่ค่อยสันสรรค์กับใคร
ผมเป็นคนที่มีความพยายามน้อย คือ อะไรที่คิดออก จะทำได้ไม่เกิน 7 วัน หลังจากนั้นก้จะไม่ทำมันละ เรียกได้ว่าไม่มีความอดทนก็ได้ เช่น การออกกำลังกาย ช่วง 7 วันแรก หรือ อย่างช้าก็ครึ่งเดือน อาจจะทำบ้างติดๆกัน จนกระทั่งหยุด เพราะมันไม่สนุกเลย แต่ต้องทำเพื่อลดน้ำหนัก ร่างกายแข็งแรงอะไรก็ว่าไป แต่ก็ไม่แน่ใจว่า ความกระตือรือร้น อยากจะทำโน่นนั่นนี่ อยากเรียนรู้ มันใช่สิ่งเดียวกับความอดทนรึเปล่า
ตัวผมนั้นไม่มีความฝัน ไม่เคยมีความคิดที่ว่าอยากจะไปทำอะไร อยากจะไปทดสอบอะไร อยากเรียนรู้อะไร , วันๆได้แต่ล่องลอยไปตาม ชีวิตที่ได้รับมา เรียนประถม จบมหาลัย ก็ไปตาม Routine เหมือนหุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรมไว้ , พอถึงจุดที่ต้องเลือก ก็ไม่ได้เลือก เพราะไม่รู้จะเลือกอะไร ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ใจเราคิดว่า ต้องเป็นอะไร อีก 5-10 ข้างหน้า ชีวิตต้องอัพเกรดไปถึงขั้นไหน ไม่มีไฟนั่นแหละ , ผมรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ ตอนอายุ 10 ต้นๆแล้ว จนกระทั่งตอนนี้อายุ 28 ก็ยังเป็นฟิลแบบนั้นอยู่ และข้างหน้าอนาคตที่จะเดินไปมันก็ยังไม่มีความมั่นคง มันก็ทำให้ผมกังวลมากขึ้นทุกๆนาทีที่ผ่านไป แต่ก็ไม่ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้มันผ่านไป
ผมเสียเวลาอย่างไร้ค่าไปหลายช่วงเวลา , เช่น ช่วงเวลาปิดเทอมของทุกปี ถ้าผมเอาเวลาไปเรียนรู้ เขียนโปรแกรมเพิ่ม เรียนภาษาอังกฤษ/จีน เพิ่ม ผมก็อาจจะมีความรู้ระดับนั้นได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำ เพราะ ผมไม่มีใจสักนิดว่า อยากจะทำ (let it down)
จนถึงอายุตอนนี้ 28 ผมก็พลาดโอกาสไปหลายอย่างแล้ว ใจนึงก็เสียใจนะที่ไม่ได้ตัดสินใจ แต่อีกใจนึงก็ไม่กล้าทำ ก็ปล่อยๆมันไปอีกตามเคย ผมก้มองเห็นภาพตัวเองตั้งแต่อายุ 10 ปีแล้ว ว่า โลกเรานั้นมีข้อจำกัด ข้อบังคับ ความต้องการ มากมายก่ายกอง ที่เราต้องปรับตัวต้องเรียนรู้ ต้องพัฒนาตาม ไม่งั้นก้อาจโดนทิ้งข้างหลังได้ มันทำให้ผมไม่อยากทำอะไรเลย นอกจาก กินยาตายไปช่วงนั้นๆ ไปที่ๆไม่มีคน ไม่มีความทรงจำอะไร ไม่ต้องคิดอะไร แค่หลับตา เวลาก็ผ่านไปอย่างเป็นอนันต์
ผมมองว่า ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีการแข่งขันกับผู้คนเสมอ แม้เราจะทำอะไรที่ไม่อยากจะแข่งขันก็ตาม สุดท้ายมันก้จะบังคับ แล้วตัวเราเองถ้าทนไม่ได้ มันก็จะเหมือน ก้าวไม่ออก ถอยหลังไม่ได้ มีแต่ กระโดดลงเหวเท่านั้น , ผมชอบอยู่ในที่ๆปลอดภัย มีเพื่อนที่แบบคบกันจริงใจ อยู่กันเป็นองค์กร ทำงานกันนานๆ ผุกพันกันนานๆ ไม่ต้องแข่งขันกับใครน่ะ
ล่าสุดก็เข้าทำงานที่ๆนึงไม่ได้ เพราะกว่าจะรู้ตัว เวลามันก็ผ่านไปแล้ว เค้าจำกัดอายุที่รับสมัคร แล้วปีนี้ก็เป็นปีสุดท้าย ของ เกณฑ์อายุผม ผมทราบว่าแต่ละคนคงกระตือรือร้น เช็คมากันเป็นปีๆแล้ว แต่ผมเพิ่งจะมาเจอ ก็ตอนเวลาผ่านไปแล้ว
เรื่องเพื่อนฝูง ผมไม่เคยทะเลาะกับใคร หรือ เกลียดใคร หรือ มีคนที่เกลียดนะครับ เผื่อจะเข้าใจว่า เป็นเพราะนิสัยแย่หรือเปล่า เลยไม่มีคนคบด้วย
เรื่องความรัก ผมก้ไม่คิดว่า ชาตินี้จะสมหวังเหมือนกัน ผมไม่ได้รักคนอื่นๆ เหมือน คนปกติที่เค้ารักกัน แล้ว ก็ไม่อยากกลายเป็น อะไรที่คนทั่วไปไม่เป็นกัน ไม่อยากให้คนรอบข้างรู้ ก็เลยปลีกตัวออกมาจากทั้งสองฝั่ง ใช้ชีวิต แบบไม่เข้าไปใกล้ฝ่ายไหน จะดีที่สุด และผมยังไม่มีฟิลลิ่งเหมือน ในหนัง ที่ว่า "เพื่อเธอ ฉันทำได้ทุกอย่าง" อะไรแบบนี้น่ะ ไม่มีเลยสักนิดเดียว
เอิ่ม ผมไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ว่าอยากจะเขียนอะไรกันแน่ ได้แต่ระบายออกมา ถ้าใครไม่ชอบ ก็ขอโทษด้วยนะครับ ผมคิดแต่ว่าถ้าต้องการอยู่ชีวิตไร้จุดหมาย ไม่รู้ ไม่มีความฝัน ไม่อยากจะทำอะไรในชีวิตเลย กินยาตายไปเลยไม่เร็วกว่าหรอ ไม่ต้องรกโลกด้วย ช้าเร็วคนเราก็ตายเหมือนกัน . . . แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทางไหนจะตายแบบเจ็บปวดน้อยที่สุดเหมือนกัน ใช้มีดนี่ก็เจ็บอยู่ แต่ก็ไม่เคยลองยานอนหลับกะเค้าสักที ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง หรือจะรอสักวันที่มี สะเก็ดหินตกมาจากฟ้า แล้วกระแทกศีรษะตาย , ตกตึกคงไม่ดีแน่ เพราะโอกาสรอดมีก็พิการตลอดชีวิต