[CR] บริการจอดรถสนามบิน

สวัสดีครับทุกๆท่าน
วันนี้ผมขอมาแชร์ประสบการณ์การใช้บริการรับฝากจอดรถที่สนามบินดมครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผม
ก่อนอื่นผมขอออกตัวก่อนนะครับ  รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของผม อาจจะยาวหน่อยครับ  ถ้าหากมีอะไรที่ผิดพลาด หรือไม่เหมาะสม ผมขอภัยในที่นี้ด้วยครับ

ผมไม่ได้อยากมา discredit  ท่านใด แต่อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ที่ผมเจอมานี้เกิดขึ้นอีกกับท่านอื่นๆ  และเพื่อพัฒนาการบคุณภาพบริการ ความรับผิดชอบ รวมถึงมารยาทที่พึงมี ระหว่างพนง. บ. กับ ผู้ใช้บริการ

ขอเริ่มเรื่องเลยครับ เนื่องจากต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมต้องไปต่างประเทศกับพ่อแม่ แต่เช้าตรู่ ต้องไปถึงสนามบินภายในเวลาตี4.30 ผมและคุณแม่จึงตัดสินใจจะนำรถไปจอดที่สนามบิน โดยใช้บริการรับฝากรถ เพื่อความสะดวก (กลัวเข้าgroupไม่ทัน)  พอไปถึงอาคาร1 ก็ จะมีพนง.ใส่เสื้อวินคอยยืนรับรถตรงกรวยสีส้มครับ พนง.มีใบรับรถ ตรวจสอบรถรอบคัน  ลงเกจ์น้ำมัน ลงเลขไมล์ และให้เซ็นใบรับรถ

ขณะส่งรถผมไม่ได้ดับเครื่องยนต์ คิดว่าเค้าคงขับออกไปจอดเลย ทุกอย่างดูเรียบร้อยเป็นปกติดีครับ ยังพูดกันว่าใช้บริการนี้ มันสะดวกสบายรวดเร็วดี
น่าจะคุ้มกับเงินที่จะต้องจ่าย  ลืมแจ้งครับ รถผมเป็นรถใหม่เพิ่งออกมา 5 เดือนครับ H16 ตัวท็อป ราคาล้านกว่า เพิ่งเปลี่ยนป้าย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยครับเกี่ยวกับตัวรถ จนกระทั่ง…

วันกลับผมกลับมา Flight ดึกเวลาประมาณ 5ทุ่มครึ่ง ผมรีบลงมาจ่ายเงินค่าบริการที่ counter รับรถยอด1,100บาท (ค่าบริการ 100+ค่าจอดวันละ 250x4วัน) รับกุญแจและเดินไปรับรถที่จอดรอไว้ด้านหน้า  พนง.ซุปผญ เดินตามมาส่งด้วย แจ้งผมว่าให้เช็ครถให้เรียบร้อยก่อนนะคะ

ผมจึงสตาร์ทรถ แต่ดันไม่ติด แถมไฟหน้าปัดโชว์เตือนมากมาย อาการเหมือนไฟไม่พอ ดังแจ๊ะแจะ  ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้กับรถใหม่ที่ไม่เคยมีปัญหามาก่อน  ผมพยายามกด push start ไปอีก 3-4 รอบ อาการเดิมครับ สตาร์ทไม่ติด มีไฟเตือนโชว์  ผมงงมาก เหงื่อแตก มึนเลยครับ รถใหม่มันจะเป็นแบบนี้ได้ยังไงนี่ พนง.ทำท่าทีเหรอหลา  

พนง.ชายจึงบอกว่าจะเอาที่จั้มแบตสำรอง มาพ่วง ระหว่างนั้นก็ไม่มีใครแจ้งอะไรเกี่ยวกับรถ มีแต่ถามว่าก่อนหน้านี้เคยมีอาการแบบนี้บ้างมั้ย ผมบอกไม่เคยมี  รถผมเพิ่งออกมา 5 เดือนและเพิ่งเปลี่ยนป้ายทะเบียนเอง

สักพัก พนง.ชาย มาจั้มแบต ปรากฎว่ากดstartแล้ว เครื่องยนต์ติดแต่ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ที่ติด ไฟเตือนหน้าปัด ติดทุกดวงเลยครับ ครบจริงๆ ผมเลยให้ พนง.มาดู พนง.ก็ถามอีกเคยเป็นแบบนี้มั้ย ผมกับ พนง.เครียดครับ ตอนนั้นดึกมากแล้วและพ่อแม่ผมก็รออยู่นาน ต้องให้แกเข็นรถเข็นกระเป๋ามาหาผมจุดเกิดเหตุแทนที่จะขับไปรับ

จากความสะดวกสบายกลายเป็น ความเซ็งเครียดขึ้นมาแทนทันที ผมรีบเปิดสมุดคู่มือหาปัญหาที่เกิดขึ้น ในตำรามันให้เข้าศูนย์ท่าเดียวครับ ผมให้พนง.ญ โทรเช็คกับ ศุนย์ช่วยเหลือH จนท.แจ้งว่าให้ลองขับวนดู 1 km ถ้าไฟเตือนยังอยู่อีกจะต้องขึ้นรถสไลด์นำเข้าศูนย์เท่านั้น  
ผมจึงตัดสินใจให้พนง.ชายขับ และผมนั่งไปด้วย  ระหว่างทางการขับวนในสนามบิน ก็ได้มีบทสนทนากัน

ผม: เซงมากเลยครับ นี่ผมเอารถมาจอดที่นี่เพื่ออำนวยความสะดวก แต่กลายเป็นแบบว่า ให้พ่อแม่อายุ 70 มานั่งรอแก้ปัญหารถเสียจนจะตี1แล้ว ถ้ารอบนี้ ไฟเตือนไม่ดับ คงจะต้องจอดรถไว้ และนั่งแท็กซี่กลับ มีกระเป๋าหลายใบเลย
พนง: พี่ ผมว่ารถใหม่ไม่น่าเป็นแบบนี้ได้นะครับ ผมยังชอบรุ่นนี้เลย ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าจะมีปัญหาเร็วขนาดนี้

ผม: เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มั้ยครับ ปกติเค้าทำไง ละรับผิดชอบกันยังไง
พนง: ไม่เคยมีนะครับไฟเตือนโชว์ มีแต่ขับรถลูกค้าไปชน
ผม: หืม??! จริงดิ แล้วแก้ไขยังไงกันอ่ะครับ
พนง: บ.รับผิดชอบไปครับ ดีที่รถลูกค้ามีประกัน ประกันซ่อม ส่วนบ.ออกค่ารถให้ลูกค้าระหว่างซ่อม    
พนง: ดีนะที่กรณีรถของพี่ คนที่รับรถและคนที่ขับมาจอดเป็น พนง.คนเดียวกัน  ไม่ใช่ผม  พนง.คนนั้นขับมาจอดแล้วออกกะไปแล้ว
       “วันนี้เค้าก็จั้มแบตเตอรี่รถของพี่ไปรอบนึงแล้วตอนเค้าจะเอาลงมาจอด “
ผม: อ้าวเห้ย ละทำไมจั้มแบตรถผม แล้วไม่แจ้งตั้งแต่ต้นละครับ แสดงว่าไฟเตือนหน้าจอมันต้องโชว์ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วสิ (ผมคิดในใจ ละพวกเมิงไม่บอกกูแต่แรก ว่าจั้มรถแล้วขับลงมาครั้งนึงแล้ว อมกันนี่นา)  รถมันระบบไฟฟ้าเกือบทั้งคัน มันคงรวน ผมต้องไปศูนย์รถเพื่อเช็คระบบไฟอีก
พนง: ผมไม่ทราบครับพี่ ผมมาส่งพี่หน้ารถ ผมมารับกะต่อเค้าอีกที

ผมเซ็ง&เครียด  นึกภาพก่อนออกมาเพื่อขับวน ที่บ้านบอกผมว่าซ่อมขึ้นมาและรีบขายไปนะ !  OMG

พอขับไป ใกล้ๆจะถึงจุดจอด รถ ไฟเตือนก็ดับลงไปเรื่อยๆ จนเหลือค้าง อยู่ 2 ดวงครับ ผมจึงบอกพนง.ชาย ว่าคงต้องจอดไว้ที่นี่แล้วหละ เดี้ยวติดต่อรถslide มารับ
ผมให้พนง.ดับเครื่องรถ และ เข้าไปคุยกับ พนง. ญ ที่เป็นซุปขณะนั้นเรื่องจะทิ้งรถไว้ และผมจะพาพ่อแม่กลับบ้านทางTaxi

ปรากฎว่าตอน พนง.ชาย ดับรถเสร็จ ก็ลืมปิดไฟหน้ารถ จนผมต้องเตือนว่าไฟหน้ายังไม่ได้ปิดนะน้อง  มันต้องหมุนด้วย  
พนง.ช ตอบกลับมาว่า "น่ากลัวสงสัย คนที่รับรถพี่เค้าลืมปิดไฟหน้ารถพี่แน่ๆเลย แล้วก็ล็อกไป เพราะไฟมันเหมือนจะปิดแล้ว"

ผมถึงกับบางอ้อว่า สิ่งที่ผมคิดมันน่าจะใช่ คือพนง.ลืมปิดไฟหน้ารถ แล้วก็จากรถผมไป3คืน
(จริงๆแล้ว รถจะมีเสียงเตือนครับ ถ้ายังไม่ปิดไฟหน้า แต่ถ้าไม่สังเกตุหรือประมาทก็จะปล่อยมันไปเพราะคิดว่าเป็นเสียงทั่วไป อันนี้ผมลองพิสูจน์แล้ว และมันก็สามารถล็อกได้ด้วย ถ้าไม่ปิดไฟ)

กลับมาที่หน้าcounter รับรถครับ  เพื่อคุยกับซุปเรื่องทิ้งรถไว้
พนง.ญ ซุปคนนี้สุภาพดี ครับ  เค้าให้พนง.ชายมาถ่ายรุปไฟที่ขึ้นโชว์อีกครั้ง เพื่อ ส่งให้กับผู้มีอำนาจมั้งครับ พอจะไปถ่ายรุปอีกทีปรากฎว่า ไฟเตือนที่ว่า ไม่ขึ้นซะแล้ว  ต่างฝ่าย ต่างโล่งใจ  

ผมจะรีบกลับ ผมแจ้งว่าผมคงจะต้องนำรถไปเช็คที่ศูนย์ หากต้องเปลี่ยนหรือมีค่าใช้จ่ายอะไร ให้ช่วยดูแลกันด้วย  และ ผมcomplain ถึงเรื่องที่ ทำไมตอนแรกมีการจั้มแบตครั้งแรกมาแล้วไม่ยอมบอกเจ้าของรถ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ + เลขไมล์ก็เขียนไม่ตรง วิ่งจริงอยู่ 9180 km แต่พนง.รับรถเขียนไว้ 10,000km  ต้องให้เค้าละเอียดกว่านี้นะครับ  
ก่อนไปผมขอให้เค้าบอกเจ้าหน้าที่รับรถผม โทรหาผมในวันรุ่งขึ้น เพื่ออยากถามรายละเอียด  เค้ารับปากอย่างดีว่าจะให้พนง.รับรถโทรมาหา แต่ก็ไม่มีการโทรมา

วันรุ่งขึ้นมีผู้ชายแสดงตัวเหมือนจะเป็นผู้จัดการ โทรมาว่าเข้าศูนย์แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งขณะนั้นผมยังไม่มีเวลาได้ไปเข้า ผมจึงบอกให้เค้าช่วย add line ผมไว้ด้วย  พรุ่งนี้ผมเข้าศูนย์แล้วผมจะถ่ายใบซ่อมศูนย์ไปให้ไว้เป็นหลักฐาน เค้าบอกมาว่า หามีค่าใช้จ่ายอะไรให้แจ้งมาก่อน เค้าจะต้องแจ้งผู้ใหญ่ก่อน ต้องมีการอนุมัติก่อน ถึงจะให้ผมเปลี่ยนในสิ่งที่ต้องเสียเงิน
  
วันถัดมา ผมนำเข้าไปตรวจเช็คที่ศูนย์ ผมบอกเหตุการณ์และอาการที่เกิดขึ้นกับรถทั้งหมด  พนง.ศูนย์รถบอกให้ทิ้งรถไว้ตั้งแต่ 10 โมง นัดรับรถ บ่าย 4 เพื่อเค้าจะเช็คระบบไฟทั้งหมดให้
กลับมาซักพัก ศูนย์โทรมาแจ้งว่าไฟแบตเตอรี่หมด จะต้องชาร์ตแบตไว้ ระบบอื่นๆยังไม่พบปัญหา ให้มารับตามนัดได้เลย
     ผมถามศูนย์ว่าเกิดจากการเปิดไฟทิ้งไว้ ได้หรือเปล่า เค้าบอกว่าเป็นไปได้ครับ

ผมเข้าไปรับรถ 4 โมง ลองสตาร์ตรถ ปรากฎว่า ตอนสตาร์ทมีอาการไฟที่หน้าปัด สั่นๆครับ เหมือนไฟไม่พอ แต่ยังสตาร์ทติดได้อยู่แบบหน่วงๆ
ผมเลยดับและลองอีก 2 รอบ ก็ยังเป็นอยู่จึง แจ้งพนง.ส่งรถ  พนง.ได้เรียกช่างลงมาวัดค่าไฟแบต
ปรากฎว่าช่างบอกให้เปลี่ยนแบตเตอรี่เลยดีกว่า  เลยต้องนั่งรอเค้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ต่ออีก  ทั้งวันก็ยังไม่มีใคร add line และไม่มีการติดต่อมาด้วยสักนิด  สรุปการเข้าศูนย์ครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ H เป็นคนดูแล เคลมและค่าบริการ ฟรี ขอบคุณครับ

ผมเซ็งมาก คิดในใจ ทำไมต้องมาเสียเวลา และเสียค่ารถไปกลับศูนย์บริการอีก  

ตลอดทั้งวันผมหวังว่าจะมีการติดต่อมาจากบ. เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่เราต้องรอและคอยโทรหานะเรื่องแบบนี้   ผมเลยคุยกับแฟนว่าเอายังไงดี  

สรุปวันนั้นผมเลยโทรไปหาพนง. ว่าไม่มีใครadd line ผมเลย เจ้าหน้าที่ก็ไม่โทรมาเลย ทั้งที่บอกว่าจะโทรมา add line มา
พนง.ญ:  ย้อนถามมาว่าศูนย์แจ้งว่าอะไรบ้าง  
ผม: ศูนย์แจ้งว่า แบตเสีย น่าจะเกิดจากการไม่ได้ปิดไฟหน้ารถ
พนง.ญ: ทางเราไปเปิดดู กล้องแล้ว เห็นว่าพนง.รับรถปิดไฟหมด ถ้าปิดไฟไม่หมดจะล็อกรถได้หรอคะ เราไม่สามารถ add line ลูกค้าได้ เพราะโทรศัพท์บ.เป็น Samsung Hero

ผม: ก็เจ้าหน้าที่ผช คนก่อนบอกจะadd lineมานะ  
พนง ญ: คนนั้นเพิ่งเข้ามาทำงาน ยังไม่รู้เรื่องอะไร

ผม: ทำไมมีคลิปกล้องละไม่โทรมาบอกล่ะ ขอดูหน่อยจะได้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องจะให้ Manager โทรมายังไม่โทรมาเลยนะครับ รออยู่  
พนง: ก็ยังบอกว่า ผจก จะเข้าพรุ่งนี้เที่ยงแล้วจะให้ติดต่อมา

สุดท้ายวันรุ่งขึ้น…ก็เบี้ยวนัดผมอีกครับ เย็นๆผมจึงพิมพ์ใน FB ของบ.ให้ rating ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีโทรศัพท์ โทรมาหาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน พนง ญ เดิมมาถามซ้ำ ว่าสรุปทางศูนย์ H ว่าอย่างไร  และจะให้บ.รับผิดชอบอะไร

ผม: ผมเคยตอบคำถามพวกนี้คุณไปแล้ว  ศูนย์บอกว่าแบตเตอรี่เสียครับ อาจเกิดจากการไม่ได้ปิดไฟ  
พนง. ญ ก็รีบเถียงน้ำเสียงมีอารมณ์ว่าก็แบตเตอรี่เสีย แล้วลูกค้าจะมาเอาอะไรกับบริษัทหรอคะ จะให้บ.รับผิดชอบอะไร  

ผม: คุณบอกมีคลิปกล้องที่จะส่งมาให้ผมไม่ใช่หรอ ผมรออยู่ ถ้าเค้าปิดไฟจริง ตามที่คุณพูดแค่นี้ก็จบ ผจก.ก็ไม่ได้โทรมาตามนัดเลย ผมรออยู่
พนง: ได้คะ แต่ต้องไปกรอเทป   แล้วใช่ลูกค้ามั้ยที่เขียน ในกระทุ้
(ผมตอบว่าใช่ทันที ไม่รู้หรอกว่ากระทู้ไหน แต่ผมเพิ่งให้ rating และเขียนcommentในrating ของผม)

พนง: เขียนแบบนี้จะฟ้องนะคะ ทำให้บ.เสียหาย  
ผม: ฟ้องผมได้เลย ผม rating ตามความจริงที่เกิดขึ้น แต่คนที่ควรจะฟ้องควรจะเป็นผมมากกว่านะครับ ผมเป็นผู้ใช้บริการและรถผมมีปัญหานะครับ

ผม: คำถามที่คุณถามมานี่ เคยถามมาแล้วทั้งนั้น และผมบอกไปหมดแล้วว่าต้องการอะไร ผมไม่ได้ต้องการเงิน ผมแต่ต้องการเห็นการแสดงความรับผิดชอบ การดูแลลูกค้าที่มากกว่านี้  รับปากอะไรกันไว้ให้ทำตามที่พูดด้วย ให้ผมมาร้อนใจคนเดียวมันก็คงไม่ใช้งานบริการที่ดีนะครับ รถผมฝากคุณไว้ คุณเอาไปจอดแล้วมันมีปัญหาตอนผมมารับรถ แล้วคุณมาพูดจาแบบนี้กับลูกค้า ช่วยให้คนอื่นโทรมาแก้ปัญหาเถิด ผจก.คุณจะโทรมาหา ก็ยังไม่โทรมา บอกยังไม่เข้างานทุกที คลิปที่บอกว่ามีหลักฐานการจอด ก็ยังไม่มีการส่งมา  
วันนั้น ก็วางกันไปแบบขุ่นหมองครับ  

วันถัดไป รอจนถึงค่ำ ก็ยังไม่มีท่านใดโทรกลับมา
แฟนผมจึงโทรไปหาเอง เจอ พนง.ญ รับ พูดจาดี พร้อมขอโทษ ที่เรื่องดำเนินช้า แจ้งว่าพรุ่งนี้เที่ยงจะให้ ผจก โทรมาหาตอนเข้างานประมาณเที่ยง (อีกแล้วครับท่าน) ขอให้เข้าใจเค้าด้วย เพราะเค้าเป็นพนง. เป็นแค่ตัวกลาง ไม่สามารถตัดสินใจใดๆ  

แฟนผมบอกต้องการแค่คลิปที่แจ้งว่ามีการดูมาแล้ว  ไม่ได้ต้องการอะไร เค้าบอกต้องรอผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจอีกตามเคยครับ นั้นคือครั้งสุดท้ายที่ผมโทรหา บ.นี้ ด้วยความเพลีย

งง มะครับ พนง.บ นี้ บอกดูกล้องวงจรมาแล้ว แต่ไม่ถ่ายไว้ให้ลูกค้าดู ไม่โทรแจ้ง  ให้ส่งมาให้ดูก็บอกว่าได้ๆ รับปากไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ทำสักอย่าง
และจนป่านนี้ผ่านมาอีก 6 วัน ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาจาก พนง ผจก หรือผู้มีอำนาจการตัดสินใจเลยครับ

สิริรวม พรุ่งนี้จะครบ 2 อาทิตย์ครับ ที่เกิดเหตุการณ์มา ยังไม่มีการติดต่อจาก บ.นี้อย่างที่รับปากกันไว้เลยครับ

สุดท้ายขอสรุปว่า
ถ้าย้อนเวลาไปได้ ผมคงไม่เอารถไปฝากครับ ยิ่งถ้าเป็นรถใหม่ ราคาแพง หรือ รถเก่าแต่หวงแหน ผมขอไม่แนะนำนะครับ
ยอมตื่นเช้าอีกสัก 1.30 ชม. ไปเร็วขึ้น หาที่จอดเอง หรือ Taxi สบายใจ สบายกายกว่าเยอะ ไม่ต้องเป็นทุกข์ เหมือนกับผมครับ

ปล.ผมยังรอ คุณๆ โทรกลับมาอยู่นะครับ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ชื่อสินค้า:   Valet parking DM airport
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่