เห็นว่ามีคนเล่าเรื่องเกี่ยวกับบรรพบุรุษของตัวเองที่เคยรับใช้ราชสำนักลาวและพม่ากันไปแล้ว ได้มีโอกาสสมัครพันทิป ก็ขอเล่าอีกคนครับ (บรรพบุรุษผมเองก็เป็นพวกขุนนางเหมือนกันนะ แต่ไม่ค่อยบอกกับใครในบ้านเกิดหรือกับใครเท่าไหร่นัก เพราะมันไม่ใช่ยุคที่อวดความเป็นศักดินากันแล้ว)
หลังจากที่ราชวงศ์เหงียน (จริงๆอยากเขียนว่า เหงวียน แต่เพื่อสะดวกลิ้นคนไทยล่ะกัน แฮะๆ) ผ่านมาถึง 3 สมัย ปัญหาหนึ่งที่เวียดนามพบเจอตลอดตั้งแต่หลังยุคพระเจ้าซาลอง คือ การกดขี่บรรดาคริสตศาสนิกชน เพราะชาวเวียดนามในสมัยก่อนนั้น นับถือพระพุทธศาสนาปนไปกับลัทธิขงจื้อ ซึ่งฝรั่งเศสได้เรียกร้องมาโดยตลอดว่า ไม่ควรกดขี่ แต่มีการกดขี่มาตลอดตั้งแต่ยุคพระเจ้ามินห์มาง ผ่านมาจนสมัยพระเจ้าตื่อดึก (Tự Đức) เป็นยุคที่เริ่มเกิดปัญหาในประเทศเยอะมาก ทั้งเรื่องในและนอก เช่นมีผู้ต่อต้านราชวงศ์ทั้งที่เป็นชาวคริสตศาสนิกชนและจงรักภักดีต่อราชวงศ์เก่าอยู่ ท้ายที่สุด ฝรั่งเศสจึงคิดสู้รบกับเวียดนาม จึงดึงจีน (แฝดพี่) เข้ามา แต่เนื่องจากว่าจีนเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน สงครามจบลงด้วยชัยชนะของฝรั่งเศส เวียดนามต้องเสียดินแดนส่วนที่เป็นโคชินไชน่า (เป็นส่วนที่ทางกัมพูชาอ้างมาว่าเคยเป็นของตน และยังมีกลุ่มเขมรล่างเป็นชนกลุ่มใหญ่ทางตอนใต้อีกด้วย) และท้ายที่สุดพระเจ้าตื่อดึก เสด็จสวรรคตไปเสียก่อน
เจ้าชายเหงียนฟุกอึงอั้ย พระราชโอรสบุญธรรม (พระเจ้าตื่อดึกเป็นหมันเพราะเคยประชวรด้วยไข้ทรพิษ) ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซึกดึก แต่ขึ้นครองราชย์ไม่นานปรากฎข่าวฉาวว่ามีการปลอมแปลงพระราชพินัยกรรมขึ้น ทำให้พระองค์ต้องถูกจองจำจนสิ้นพระชนม์ (บ้างว่าเสวยยาพิษปลงพระชนม์เอง) ต่อมาจักรพรรดิองค์ใหม่ พระเจ้าเหียบฮวา พระอนุชาต่างพระมารดาของพระเจ้าตื่อดึก ทำสงครามกับฝรั่งเศสอีกครั้ง แต่ผลไม่ต่างกับครั้งก่อน และยังส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศสไปในที่สุด ทำให้พระประยูรญาติไม่พอพระทัย บังคับให้พระจักรพรรดิปลงพระชนม์พระองค์เอง
ผ่านมาหลายรัชกาล จักรพรรดิบางพระองค์ก็เข้าข้างฝรั่งเศส บางพระองค์ก็เกลียดชังฝรั่งเศส จนผ่านมายุคของพระเจ้าบ่าวดั๋ย หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดมินห์ขอให้พระองค์สละราชสมบัติ ราชวงศ์จึงจบลงไปรอบที่ 1 ก่อนที่จะสถาปนาใหม่ทางตอนใต้แต่ก็จบลงในเวลาแค่อีก 10 ปีต่อมา และจบลงอย่างถาวร ซึ่งสำหรับพระเจ้าบ่าวดั๋ย แม้ว่าคนเวียดนามหลายคนจะไม่ชอบพระองค์เท่าไหร่นัก แต่จริงๆมีหลายเหตุการณ์ ที่สะท้อนความเป็นห่วงชาติบ้านเมืองได้ดีเช่น เมื่อทหารญี่ปุ่นบุกเข้าเว้ พระองค์ได้ตรัสว่า "เราไม่ต้องการให้ทหารต่างชาติต้องหลั่งเลือดประชาชนของเรา (Ta không muốn một quân đội nước ngoài làm đổ máu thần dân ta)" ถึงกระนั้น ก็ยอมรับว่า ลุงโฮท่านเข้าถึงประชาชนดีกว่า มีแนวคิดดีกว่า ผู้ชนะจึงกลายเป็นลุงโฮไป (บรรดาเหงื่อยกงซัน (ผู้นับถือลัทธิคอมมิวนิสต์) นี้ ผมชอบเฉพาะลุงโฮ แต่คนอื่นไม่ได้ใจดีเหมือนลุงเท่าไหร่เลย) แต่ความจริงที่สุดคือ ลุงโฮดวงดีกว่า เพราะแม้แต่จักรพรรดิหลายองค์ คิดก่อนลุง ยังถูกไล่เนรเทศไปต่างประเทศ
สำหรับเวียดนามหลังจากนั้น คือสงครามล้วนๆ เพราะนับตั้งแต่ปี 1955 เมื่อไร้พระจักรพรรดิคอยค้ำจุน (หรือจริงๆก็คือไม่มีฝรั่งเศสไว้คอยห้าม มีแต่หมีใหญ่รัสเซียกับอินทรีอเมริกาเท่านั้น) คนเหนือต้องทุกข์ทรมานกับสารพิษจากใต้ คนใต้ต้องคอบหลบกระสุนหลบการจับกุมจากเหนือ รู้สึกอนาถใจกับเหยื่อฝนเหลือง และผลที่ตามมาก็คือ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและกัมพูชา ก็พลอยต้องเดือดร้อนไปจากสงครามด้วย เมื่อถึงปี 1975 ผลปรากฎว่าเหนือชนะ ใต้ต้องดิ้นรนหนีตาย หนีไม่รอดก็ถูกสัมมนา ทำแรงงาน หากไม่ถูกจีนปราบ ลาวกับกัมพูชาก็คงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามไปอย่างง่ายดาย เพราะเวียดนามเหนือตอนนั้น ถือว่าเหนือสุด เพราะมีโซเวียตคอยสนับสนุน (การที่จีนปราบเวียดนาม ไม่เพียงเพื่อจะช่วยกัมพูชาโดยตรงและไทยโดยอ้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะกัดกั้นอิทธิพลโซเวียตไว้ด้วย) หลังจากนั้น เวียดนามประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง มีผู้ล้มตายเป็นจำนวนมาก จนต้องบีบบังคับให้สละแนวเศรษฐกิจสังคมนิยม กลายเป็นทุนนิยมอย่างในปัจจุบัน
ถ้าจะถามว่า อยากให้เวียดนามกลับมามี "มังกร" มั้ย หากเอาตามใจสุดๆผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน อนาคตก็คืออนาคต ผมค่อนข้างโอเคกับรัฐบาลเวียดนามปัจจุบันอยู่แล้ว อะไรที่ไม่ดีก็ไม่เห็นด้วย แต่ใช่ว่าอะไรจะไม่มีทางเกิดขึ้น ผมก็รอดูต่อไป
เวียดนามก่อนสิ้นลายมังกร
หลังจากที่ราชวงศ์เหงียน (จริงๆอยากเขียนว่า เหงวียน แต่เพื่อสะดวกลิ้นคนไทยล่ะกัน แฮะๆ) ผ่านมาถึง 3 สมัย ปัญหาหนึ่งที่เวียดนามพบเจอตลอดตั้งแต่หลังยุคพระเจ้าซาลอง คือ การกดขี่บรรดาคริสตศาสนิกชน เพราะชาวเวียดนามในสมัยก่อนนั้น นับถือพระพุทธศาสนาปนไปกับลัทธิขงจื้อ ซึ่งฝรั่งเศสได้เรียกร้องมาโดยตลอดว่า ไม่ควรกดขี่ แต่มีการกดขี่มาตลอดตั้งแต่ยุคพระเจ้ามินห์มาง ผ่านมาจนสมัยพระเจ้าตื่อดึก (Tự Đức) เป็นยุคที่เริ่มเกิดปัญหาในประเทศเยอะมาก ทั้งเรื่องในและนอก เช่นมีผู้ต่อต้านราชวงศ์ทั้งที่เป็นชาวคริสตศาสนิกชนและจงรักภักดีต่อราชวงศ์เก่าอยู่ ท้ายที่สุด ฝรั่งเศสจึงคิดสู้รบกับเวียดนาม จึงดึงจีน (แฝดพี่) เข้ามา แต่เนื่องจากว่าจีนเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน สงครามจบลงด้วยชัยชนะของฝรั่งเศส เวียดนามต้องเสียดินแดนส่วนที่เป็นโคชินไชน่า (เป็นส่วนที่ทางกัมพูชาอ้างมาว่าเคยเป็นของตน และยังมีกลุ่มเขมรล่างเป็นชนกลุ่มใหญ่ทางตอนใต้อีกด้วย) และท้ายที่สุดพระเจ้าตื่อดึก เสด็จสวรรคตไปเสียก่อน
เจ้าชายเหงียนฟุกอึงอั้ย พระราชโอรสบุญธรรม (พระเจ้าตื่อดึกเป็นหมันเพราะเคยประชวรด้วยไข้ทรพิษ) ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซึกดึก แต่ขึ้นครองราชย์ไม่นานปรากฎข่าวฉาวว่ามีการปลอมแปลงพระราชพินัยกรรมขึ้น ทำให้พระองค์ต้องถูกจองจำจนสิ้นพระชนม์ (บ้างว่าเสวยยาพิษปลงพระชนม์เอง) ต่อมาจักรพรรดิองค์ใหม่ พระเจ้าเหียบฮวา พระอนุชาต่างพระมารดาของพระเจ้าตื่อดึก ทำสงครามกับฝรั่งเศสอีกครั้ง แต่ผลไม่ต่างกับครั้งก่อน และยังส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศสไปในที่สุด ทำให้พระประยูรญาติไม่พอพระทัย บังคับให้พระจักรพรรดิปลงพระชนม์พระองค์เอง
ผ่านมาหลายรัชกาล จักรพรรดิบางพระองค์ก็เข้าข้างฝรั่งเศส บางพระองค์ก็เกลียดชังฝรั่งเศส จนผ่านมายุคของพระเจ้าบ่าวดั๋ย หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดมินห์ขอให้พระองค์สละราชสมบัติ ราชวงศ์จึงจบลงไปรอบที่ 1 ก่อนที่จะสถาปนาใหม่ทางตอนใต้แต่ก็จบลงในเวลาแค่อีก 10 ปีต่อมา และจบลงอย่างถาวร ซึ่งสำหรับพระเจ้าบ่าวดั๋ย แม้ว่าคนเวียดนามหลายคนจะไม่ชอบพระองค์เท่าไหร่นัก แต่จริงๆมีหลายเหตุการณ์ ที่สะท้อนความเป็นห่วงชาติบ้านเมืองได้ดีเช่น เมื่อทหารญี่ปุ่นบุกเข้าเว้ พระองค์ได้ตรัสว่า "เราไม่ต้องการให้ทหารต่างชาติต้องหลั่งเลือดประชาชนของเรา (Ta không muốn một quân đội nước ngoài làm đổ máu thần dân ta)" ถึงกระนั้น ก็ยอมรับว่า ลุงโฮท่านเข้าถึงประชาชนดีกว่า มีแนวคิดดีกว่า ผู้ชนะจึงกลายเป็นลุงโฮไป (บรรดาเหงื่อยกงซัน (ผู้นับถือลัทธิคอมมิวนิสต์) นี้ ผมชอบเฉพาะลุงโฮ แต่คนอื่นไม่ได้ใจดีเหมือนลุงเท่าไหร่เลย) แต่ความจริงที่สุดคือ ลุงโฮดวงดีกว่า เพราะแม้แต่จักรพรรดิหลายองค์ คิดก่อนลุง ยังถูกไล่เนรเทศไปต่างประเทศ
สำหรับเวียดนามหลังจากนั้น คือสงครามล้วนๆ เพราะนับตั้งแต่ปี 1955 เมื่อไร้พระจักรพรรดิคอยค้ำจุน (หรือจริงๆก็คือไม่มีฝรั่งเศสไว้คอยห้าม มีแต่หมีใหญ่รัสเซียกับอินทรีอเมริกาเท่านั้น) คนเหนือต้องทุกข์ทรมานกับสารพิษจากใต้ คนใต้ต้องคอบหลบกระสุนหลบการจับกุมจากเหนือ รู้สึกอนาถใจกับเหยื่อฝนเหลือง และผลที่ตามมาก็คือ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและกัมพูชา ก็พลอยต้องเดือดร้อนไปจากสงครามด้วย เมื่อถึงปี 1975 ผลปรากฎว่าเหนือชนะ ใต้ต้องดิ้นรนหนีตาย หนีไม่รอดก็ถูกสัมมนา ทำแรงงาน หากไม่ถูกจีนปราบ ลาวกับกัมพูชาก็คงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามไปอย่างง่ายดาย เพราะเวียดนามเหนือตอนนั้น ถือว่าเหนือสุด เพราะมีโซเวียตคอยสนับสนุน (การที่จีนปราบเวียดนาม ไม่เพียงเพื่อจะช่วยกัมพูชาโดยตรงและไทยโดยอ้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะกัดกั้นอิทธิพลโซเวียตไว้ด้วย) หลังจากนั้น เวียดนามประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง มีผู้ล้มตายเป็นจำนวนมาก จนต้องบีบบังคับให้สละแนวเศรษฐกิจสังคมนิยม กลายเป็นทุนนิยมอย่างในปัจจุบัน
ถ้าจะถามว่า อยากให้เวียดนามกลับมามี "มังกร" มั้ย หากเอาตามใจสุดๆผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน อนาคตก็คืออนาคต ผมค่อนข้างโอเคกับรัฐบาลเวียดนามปัจจุบันอยู่แล้ว อะไรที่ไม่ดีก็ไม่เห็นด้วย แต่ใช่ว่าอะไรจะไม่มีทางเกิดขึ้น ผมก็รอดูต่อไป