สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านนะคะ
เราเคยตั้งกระทู้ไม่กี่ครั้ง หากแท็กห้องใดผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ
เล่าเลยนะคะ เราอาศัยอยู่กับแม่สองคนค่ะ ติดบ้านเราเป็นบ้านของตากับยาย ซึ่งท่านอายุมากแล้ว และมีน้าผู้หญิง ซึ่งเป็นน้องแท้ๆของแม่อยู่อีกคนหนึ่ง เหตุที่น้าไม่ได้แยกบ้านไปเพราะน้าไม่ได้แต่งงานค่ะ ครอบครัวเรามีอาชีพทำไร่ ทำสวน ฐานะปานกลางนะคะ เหตุการณ์แรกๆเราไม่เคยคิดหรอกค่ะว่ามันจะเกี่ยวกับคุณไสยหรือมนตร์ดำอะไร เพราะครอบครัวเราก็เป็นคนดีครอบครัวหนึ่งค่ะ ชอบเข้าวัดทำบุญตามวิสัยของชาวพุทธปกติ ตากับยายเรานั้นมีลูกสี่คนค่ะ แม่เรา น้าผู้ชายสองคน และน้าผู้หญิง ซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แต่งงาน
ครอบครัวญาติทางฝ่ายน้าสะใภ้ของเรา ที่แต่งงานกับน้าผู้ชายคนที่สามนั้นไม่ค่อยจะดีนักค่ะ เนื่องจากครอบครัวของเธอมีนิสัยที่อาจจะเรียกได้ว่าเห็นแก่ตัวค่ะ ชนิดที่ว่ามีอะไรไม่เคยจะแบ่งปันญาติฝ่ายสามีเลย คิดเล็กคิดน้อย และไม่ค่อยขยันทำงานค่ะ ส่วนครอบครัวฝั่งเรา รวมถึงน้าผู้ชายนั้นเป็นคนขยันทำมาหากิน ตากับยายที่เริ่มจากศูนย์ ตอนนี้ทำให้มีที่ดินทำกิน มีสวน มีไร่ให้ลูกหลานทำมาหากินได้ค่ะ
ทีนี้ญาติของเราที่มีศักดิ์เป็นน้องของตานั้น มีร่างทรงค่ะ ซึ่งตัวเราเองเป็นคนรุ่นใหม่เราก็ไม่ได้อะไรกับเรื่องพวกนี้มากตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ แต่เราเห็นว่าแม่และครอบครัวศรัทธา รวมถึงไม่ได้ถึงขั้นงมงาย เราจึงไม่ได้อะไรนักค่ะ ประมาณว่าให้เค้าทำในสิ่งที่เค้าสบายใจและไม่เดือดร้อนคนอื่นเราก็โอเคค่ะ
ทีนี้เรื่องมันเกิดตรงนี้ล่ะค่ะ ช่วงที่เราเข้ามหาวิทยาลัยปีแรกๆ เป็นเรื่องที่แม่เราเล่าให้ฟังนะคะ น้าสะใภ้และพี่สาวของเธอได้ไปหาร่างทรงค่ะ ด้วยเหตุที่สามีของพี่สาวเธอนั้นมีชู้ เธอจึงได้ไปขอให้ร่างทรงช่วยค่ะ และได้สัญญาไว้ว่าจะให้ของตอบแทนเป็นมโหรสพชุดหนึ่ง เวลาผ่านไปสามีเธอกลับมาค่ะ แต่ตัวเธอเองนั้นไม่ได้มามอบมหรสพ ดังที่ได้ให้สัญญาไว้ ญาติทางฝ่ายนั้นจึงได้โทรมาหาแม่เราค่ะ เนื่องจากเห็นว่าแม่คงไปช่วยบอกแทนให้ได้ แม่เราซึ่งรู้อยู่แล้วว่าญาติทางฝ่ายนั้นนิสัยเป็นอย่างไร จึงพอจะรู้คำตอบแล้วค่ะว่าคงไม่ได้ แต่แม่ก็ได้ไปบอกน้าสะใภ้เราให้ค่ะ เพื่อที่น้าสะใภ้จะได้ไปบอกพี่สาวเธอถึงสิ่งที่ได้สัญญาไว้ ทีนี้พอพี่สาวเธอทราบเรื่องก็ตามสเต็ปที่แม่เราคิดเลยค่ะ คือเธอไม่ให้ และได้โทรไปบอกกับญาติเราฝั่งที่มีร่างทรง ว่าเธอไม่เคยพูดหรือให้สัญญาอะไร จะมาโกงเธอหรอ ทำให้ญาติๆฝ่ายนั้นบอกกับเธอว่า ถ้าไม่ให้ก็ไม่ควรจะพูดแบบนี้นะ
จากเหตุการณ์นั้นเราคิดว่ามันทำให้เธอโกรธค่ะ เนื่องจากเธอคงคิดว่าญาติฝ่ายนั้นให้แม่เรามาทวง เธอจึงเป่าหู หรือใช้คำว่าร่วมมือก็คงได้ค่ะ ให้น้าสะใภ้เราขอที่ดินจากตากับยาย เพื่อที่จะเอามาเป็นของตัวเอง ซึ่งตากับยายได้บอกว่าตอนนี้ขอทำกินก่อนเลยยังไม่ให้ แต่น้าสะใภ้เรานางไม่จบค่ะ นางก็ออกอุบายให้สามีมาพาตากับยายเอาที่ดินส่วนนึงไปจำนองไว้ในธนาคารค่ะ จนกระทั่งตอนนี้ที่ดินก็ยังไม่ได้คืน และเราเข้าใจว่านางอยากได้ที่ดินที่เป็นส่วนของน้าผู้หญิงที่ตากับยายกำลังจะยกให้อีกค่ะ เนื่องจากน้าไม่มีครอบครัว ซึ่งหลังจากเรามาเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้นในบ้านหลายครั้ง รวมถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดีกับน้าสะใภ้ค่ะ จากนิสัยที่ไม่ค่อยคิดจะแบ่งปันอะไร ก็ชอบนำของกิน อาหาร ขนม มาให้ตากับยายมากขึ้น รวมๆแล้วเหมือนทำดีหวังผลนะคะ จากที่เราสังเกตตอนนี้กับเมื่อก่อน
เรื่องแปลกๆที่เกิดมีหลายอย่างค่ะ โดยส่วนมากจะเป็นอาการป่วยแปลกๆที่เกิดกับคนในบ้านเรา เช่น ยายเราอายุ 80 กว่า เดินไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก มีโรคปวดหลัง ปวดเมื่อยตามปกติของคนชราค่ะ จากที่น้าเราเล่านะคะ เพราะช่วงเวลานี้เราอยู่มหาวิทยาลัย คือตกดึกคืนหนึ่ง ยายมีอาการสั่นค่ะ หนาวและสั่นเหมือนเจ้าเข้า เข้าใจใช่ไหมคะ คือสั่นจนน้าต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล และน้าเล่าว่าคืนนั้นคิดว่าคงจะไม่มียายอยู่กับเราแล้ว พอถึงมือหมอตรวจ กลับไม่พบอาการผิดปกติอะไรทั้งสิ้นค่ะ จนหมอก็งงว่ายายเป็นอะไร เกิดจากอะไร เมื่อหาสาเหตุไม่ได้หมอจึงให้นอนอยู่ดูอาการคืนหนึ่งที่โรงพยาบาล และวันต่อมาจึงให้กลับบ้านค่ะ ซึ่งน้าผู้ชายคนที่สามของเราก็เป็นคนมารับเนื่องจากบ้านครอบครัวน้าอยู่ไม่ไกลจากบ้านยายมาก ซึ่งวันนี้น้าผู้ชายมีสีหน้าแปลกๆ หมองๆ และดูโทรมมาก ระหว่างทางกลับบ้าน ถึงแยกไฟแดงที่จะเลี้ยวไปบ้านยาย น้าเราจำทางไม่ได้ค่ะ ซึ่งแปลกมาก เพราะน้าเราก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดอยู่ดีๆจะมาจำทางกลับบ้านไม่ได้ได้ยังไง จนยายเราต้องบอกว่าก็เลี้ยวตรงนี้สิ ทำไมเอ็งถึงจำไม่ได้ จากเหตุการณ์แปลกๆครั้งนี้เองค่ะ ทำให้ครอบครัวฝั่งเราเริ่มสงสัย จนกระทั่งแม่เรามีโอกาสไปพบร่างทรงญาติเราอีกครั้ง เค้าจึงบอกมาว่าครอบครัวเราเนี่ยโดนของนะจากน้าสะใภ้เรา เค้าทำทั้งบ้านเลย รวมถึงสามีเค้าด้วย แรกๆที่แม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเราก็ตามเคยค่ะ ไม่ได้เชื่ออะไรมาก เพราะตัวเองคงเรียนในสายวิทยาศาสตร์ด้วย เราก็คิดว่ายายคงมีอาการอะไรแปลกๆบ้างแต่ไม่ร้ายแรงอะไร ส่วนน้าคงหลงลืมตามอายุที่เพิ่มขึ้น รวมถึงไม่คิดว่าของพวกนี้จะรุนแรง และไม่คิดว่าน้าสะใภ้จะเป็นคนเลวร้ายถึงขั้นนั้น
แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องแปลกๆตามมาอีกไม่หยุดเลยค่ะ เช่น วันหนึ่งได้มีพระธุดงค์ประมาณ 6 - 7 รูปผ่านมา และได้ขอปักกลดที่บ้านเรา เนื่องจากหลังบ้านเรามีพื้นที่พอให้ท่านปักกลดได้ ครอบครัวเราก็ยินดีค่ะ รุ่งเช้าแม่เรายายเราก็ได้นำอาหารไปถวาย แม่เราได้ถามท่านว่าทำไมท่านจึงเลือกปักกลดที่นี่ ท่านจึงตอบว่าที่บ้านนี้น่ะกำลังจะมีเคราะห์ใหญ่นะ แต่คนในบ้านเป็นคนดี ท่านจึงเลือกปักกลดที่นี่และเมื่อคืนได้สวดมนต์ให้ ก่อนท่านจะธุดงค์ต่อ ท่านได้บอกกับแม่และยายเราว่า หากวันหน้ามีวาสนา บ้านเราอาจจะได้พบพระรูปอื่นที่ธุดงค์ผ่านมาอีก หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปเกือบสองปีค่ะ ก็ได้มีพระธุดงค์ 2 รูปผ่านมา และได้แวะปักกลดที่บ้านเราอีก ครอบครัวเราก็ยินดีค่ะ รุ่งเช้าแม่เราก็ได้นำอาหารไปถวาย และสอบถามว่าท่านจะธุดงค์ไปที่ไหน พระท่านก็ตอบค่ะว่าจะไปที่วัดอะไรสักอย่าง แต่เราจำชื่อวัดไม่ได้เนื่องจากแม่เราเล่าให้ฟัง และท่านก็ได้บอกว่าบ้านหลังนี้ยังไม่หมดเคราะห์นะ ท่านบอกว่าที่นี่มีสัญญาต่อกัน จึงได้แวะปักกลดที่นี่ ตอนนี้แม่เราบอกว่าขนลุกค่ะ เพราะไม่คิดว่าเวลาที่ผ่านไปเกือบสองปีแล้ว จะมีพระธุดงค์มาอีก ส่วนตัวเราเองก็ยังเหมือนเดิมค่ะ ยังไม่ได้ติดใจอะไร
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเรื่องแปลกๆกับน้าผู้หญิงของเราอีกค่ะ เรื่องเกิดขึ้นที่งานวัดใกล้บ้าน ต้องบอกก่อนนะคะว่าน้าเราเป็นคนที่แข็งแรงมาก สุขภาพดีมาโดยตลอด เคยเจ็บป่วยไม่กี่ครั้ง ระหว่างที่น้ากำลังยืนดูลิเก อยู่ดีๆน้าก็เป็นลมและสลบไปค่ะ จนแม่เราตกใจ รีบพาน้าไปพักและช่วยกันปลุกให้ได้สติ จนเกือบจะส่งโรงพยาบาลค่ะ แต่น้าฟื้นขึ้นมาก่อน ที่น่าแปลกคือน้าบอกว่าเวียนหัวมากและจำอะไรไม่ได้เลยอยู่ดีๆก็วูบไป ตอนนั้นไปกับน้าสะใภ้เรานี่เองค่ะ และแม่เราแอบสังเกตน้าสะใภ้ เพราะแม่คงไม่ไว้ใจตั้งแต่โดนเตือนค่ะ แม่บอกเราว่าเห็นน้าสะใภ้แอบยืนอยู่ด้านหลังก่อนที่น้าเราจะเป็นลมไปค่ะ ตอนแม่เล่าเราก็เริ่มเป็นห่วงครอบครัวแล้วค่ะ เพราะเรื่องมันชักจะเกิดบ่อยและแปลกเกินไป เราก็บอกให้แม่ไปทำบุญ หมั่นสร้างกุศล เพื่อที่แม่จะได้สบายใจขึ้น รวมถึงให้น้าไปตรวจสุขภาพด้วยค่ะ
ต่อมาประมาณต้นปี 2559 เหตุการณ์นี้เกิดกับตัวเราเองค่ะ เรากลับมาหอช่วงหัวค่ำ และเผลอหลับไป เพราะเรียนทั้งวันจึงเหนื่อยค่ะ จากนั้นก็ฝันค่ะ ว่าแม่เราหลงไปในที่ๆหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยเห็นและไม่รู้มาก่อนว่าคือที่ไหน มีควันเต็มไปหมด และมีเสียงเหมือนคนมาชวนแม่ไปอยู่ด้วย เราเองก็ไม่อยากให้แม่ไปค่ะ จึงพยายามเรียก และวิ่งเพื่อจะไปฉุดแม่ไว้ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเหนื่อยมาก กระทั่งเรารู้ตัวว่าฝันค่ะ จึงพยายามลืมตาตื่นขึ้นมา แต่เรื่องมันแปลกตรงที่เราพยายามจะลืมตาค่ะ แต่ดันลืมไม่ได้ พยายามอยู่ประมาณสิบนาทีค่ะ ก็ยังลืมไม่ได้ตอนนั้นรู้สึกหายใจไม่ออกแล้วค่ะ เราพยายามนึกถึงหน้าแม่และรวบรวมพลังเด้งตัวลุกขึ้นมา ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจแล้วค่ะตอนนั้น เหมือนเราวิ่งมาสักสิบกิโล เหนื่อยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากตั้งสติและมีแรงพอจึงรีบโทรหาแม่และเล่าความฝันให้แม่ฟังทันทีเลยค่ะ แม่เราก็เงียบไปและบอกกับเราว่า แม่ฝันแบบนี้มาสามครั้งแล้วเหมือนกัน ตอนนั้นเราตกใจค่ะ เพราะเราไม่เคยเจออะไรแบบนี้กับตัวเองมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่เรื่องเล่าจากคนอื่นๆ จึงเล่าให้น้องรหัสฟังค่ะ น้องพาเราไปหาหมอดู เราก็ไหนๆก็ไหนๆ ไม่เสียหายอะไรลองดูก็ได้ เราก็ไปค่ะ หมอดูทักเราเลยค่ะว่าบ้านเราโดนของนะ เค้าเองจะช่วยเท่าที่ทำได้ ตัวเราเองก็บอกว่าเราไม่มีเงินไม่มีรายได้อะไร เค้าก็ยืนยันจะช่วยค่ะ เราเองก็รู้สึกขอบคุณเพราะในใจก็แอบกลัวว่าจะโดนหลอก ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เรามีความคิดแบบนี้ จากนั้นผ่านไปช่วงหนึ่ง เราก็ไปหาหมอดูอีกค่ะ และเค้าบอกเราว่าเค้าเสียใจเพราะเค้าช่วยไม่ได้ ตัวเค้าเองโดนกลับเพราะของแรงมาก เอาถึงตาย เราก็ใจหายเป็นห่วงที่บ้านค่ะไม่รู้จะทำยังไงต่อ จึงโทรบอกแม่ค่ะ แม่เราก็บอกว่าจะไปหาร่างทรงญาติและจะให้เค้าช่วย
เวลาผ่านไปอะไรๆยังคงตัวค่ะ น้าสะใภ้ยังชอบเอาอาหารมาให้ตากับยายเหมือนเดิม แต่คราวนี้แปลกไปอีกตรงที่อาหารนั้นมักจะห่อหนังสือพิมพ์มาค่ะ แบบว่าไม่ได้รองพลาสติกก่อนด้วยนะคะ เป็นหนังสือพิมพ์หลายๆแผ่นห่อๆรวมกันมา พวกข้าวหมูแดง ผัดไทอะไรแบบนี้ ซึ่งแม่เราพยายามไม่ให้ยายกินโดยการโยนให้หมาที่บ้านกินไป ซึ่งก็แปลกอีกค่ะเพราะอาหารทุกอย่างที่น้าสะใภ้นำมา หมาจะไม่กินเลยทั้งๆที่หมาบ้านเรากินได้แทบทุกอย่าง ทีนี้แม่ก็ได้ข่าวจากญาติที่เป็นร่างทรงค่ะว่าเค้าช่วยไม่ได้ เพราะของแรงมากจริงๆ และตัวเค้าเองก็โดนเหมือนกัน ซึ่งเราไม่รู้ว่าเพราะเรื่องสัญญาที่นางบอกจะให้แต่นางไม่ให้หรือเปล่าที่ทำให้แค้น จากนั้นญาติฝั่งนั้นก็ล้มป่วยค่ะ แบบรุนแรง ไอเป็นเลือดจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
จนตอนนี้ปลายปี 2559 เป็นตัวแม่เราค่ะที่โดน คือประมาณต้นเดือนธันวาแม่เราประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มค่ะ ตอนแรกที่น้าโทรมาบอกเราเป็นห่วงแม่มาก เพราะแม่ขับรถมาสามสิบกว่าปี ไม่เคยล้มเลย เพราะแม่เราขับรถช้ามาก ประมาณ 20 km/h อ่ะค่ะ และแม่ใส่หมวกกันน็อคตลอด รวมถึงไม่เคยประมาทในการขับขี่เลย แต่เราไม่คิดว่าแม่จะเป็นหนักเพราะด้วยนิสัยขับรถของแม่เป็นแบบที่กล่าวไป เรารีบขึ้นรถจากมหาลัยกลับบ้านเลยค่ะ พอเราไปถึงโรงพยาบาลเราร้องไห้แทบทรุดเลยค่ะ เพราะตัวแม่เปื้อนยางมะตอยเต็มไปหมด เพราะรถล้มไปในถนนที่ทำใหม่ ปากบวมเย็บ 7 เข็ม คิ้วแตกเย็บอีก 9 เข็ม ฟันหน้าร้าว บิ่น และกระดูกข้อมือแตก ต้องใส่เฝือกอีกสองเดือน เรานี่ใจจะขาดเลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าคนที่ขับรถช้ามากๆ และใส่หมวกกันน็อคตลอดจะมีอาการขนาดนี้ ส่วนน้าผู้หญิงเราที่ซ้อน ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เราก็ดูแลแม่จนแม่กลับบ้าน แม่เล่าให้ฟังค่ะว่าตอนที่ล้มนั้นแม่ไม่รู้ตัวเลย เหมือนมีคนผลักเข้าไปในถนนที่ทำใหม่ และตอนอยู่โรงพยาบาลแม่แอบเห็นน้าสะใภ้เราที่มาเยี่ยมแอบยิ้มอยู่ปลายเตียง เราก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ และหลังจากนั้นสองอาทิตย์ ตอนนี้แม่เราเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเพราะมีอาการท้องเสียและอาเจียนอย่างรุนแรง ผ่านไปสองวันจนวันนี้แม่เราอยู่ห้อง ICU อาการยังไม่ดีขึ้น หมอตรวจเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ เอ็กซเรย์ อัลตราซาวด์ ทุกๆอย่าง ยังไม่พบสาเหตุเลยค่ะ จนตอนนี้เรากำลังจะสอบ ทำให้กลับบ้านไปดูแลแม่ไม่ได้ เป็นห่วงแม่มาก กังวลไปหมดเลยค่ะ เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกี่ยวกับเรื่องคุณไสยหรือมนตร์ดำอะไรหรือเปล่า ซึ่งเราก็ไม่อยากจะให้เกี่ยว แต่ถ้ามีวิธีไหนช่วยแม่ได้เราก็อยากจะลองดูค่ะ ตอนนี้ก็ได้แต่ถือศีล 5 สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศลอยู่ทุกวันค่ะ ไม่กล้าไปเล่าให้ใครฟัง กลัวเค้าว่างมงาย ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น วอนขอผู้รู้ให้คำแนะนำเราด้วยนะคะ
ครอบครัวโดนทำคุณไสยใส่
เราเคยตั้งกระทู้ไม่กี่ครั้ง หากแท็กห้องใดผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ
เล่าเลยนะคะ เราอาศัยอยู่กับแม่สองคนค่ะ ติดบ้านเราเป็นบ้านของตากับยาย ซึ่งท่านอายุมากแล้ว และมีน้าผู้หญิง ซึ่งเป็นน้องแท้ๆของแม่อยู่อีกคนหนึ่ง เหตุที่น้าไม่ได้แยกบ้านไปเพราะน้าไม่ได้แต่งงานค่ะ ครอบครัวเรามีอาชีพทำไร่ ทำสวน ฐานะปานกลางนะคะ เหตุการณ์แรกๆเราไม่เคยคิดหรอกค่ะว่ามันจะเกี่ยวกับคุณไสยหรือมนตร์ดำอะไร เพราะครอบครัวเราก็เป็นคนดีครอบครัวหนึ่งค่ะ ชอบเข้าวัดทำบุญตามวิสัยของชาวพุทธปกติ ตากับยายเรานั้นมีลูกสี่คนค่ะ แม่เรา น้าผู้ชายสองคน และน้าผู้หญิง ซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แต่งงาน
ครอบครัวญาติทางฝ่ายน้าสะใภ้ของเรา ที่แต่งงานกับน้าผู้ชายคนที่สามนั้นไม่ค่อยจะดีนักค่ะ เนื่องจากครอบครัวของเธอมีนิสัยที่อาจจะเรียกได้ว่าเห็นแก่ตัวค่ะ ชนิดที่ว่ามีอะไรไม่เคยจะแบ่งปันญาติฝ่ายสามีเลย คิดเล็กคิดน้อย และไม่ค่อยขยันทำงานค่ะ ส่วนครอบครัวฝั่งเรา รวมถึงน้าผู้ชายนั้นเป็นคนขยันทำมาหากิน ตากับยายที่เริ่มจากศูนย์ ตอนนี้ทำให้มีที่ดินทำกิน มีสวน มีไร่ให้ลูกหลานทำมาหากินได้ค่ะ
ทีนี้ญาติของเราที่มีศักดิ์เป็นน้องของตานั้น มีร่างทรงค่ะ ซึ่งตัวเราเองเป็นคนรุ่นใหม่เราก็ไม่ได้อะไรกับเรื่องพวกนี้มากตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ แต่เราเห็นว่าแม่และครอบครัวศรัทธา รวมถึงไม่ได้ถึงขั้นงมงาย เราจึงไม่ได้อะไรนักค่ะ ประมาณว่าให้เค้าทำในสิ่งที่เค้าสบายใจและไม่เดือดร้อนคนอื่นเราก็โอเคค่ะ
ทีนี้เรื่องมันเกิดตรงนี้ล่ะค่ะ ช่วงที่เราเข้ามหาวิทยาลัยปีแรกๆ เป็นเรื่องที่แม่เราเล่าให้ฟังนะคะ น้าสะใภ้และพี่สาวของเธอได้ไปหาร่างทรงค่ะ ด้วยเหตุที่สามีของพี่สาวเธอนั้นมีชู้ เธอจึงได้ไปขอให้ร่างทรงช่วยค่ะ และได้สัญญาไว้ว่าจะให้ของตอบแทนเป็นมโหรสพชุดหนึ่ง เวลาผ่านไปสามีเธอกลับมาค่ะ แต่ตัวเธอเองนั้นไม่ได้มามอบมหรสพ ดังที่ได้ให้สัญญาไว้ ญาติทางฝ่ายนั้นจึงได้โทรมาหาแม่เราค่ะ เนื่องจากเห็นว่าแม่คงไปช่วยบอกแทนให้ได้ แม่เราซึ่งรู้อยู่แล้วว่าญาติทางฝ่ายนั้นนิสัยเป็นอย่างไร จึงพอจะรู้คำตอบแล้วค่ะว่าคงไม่ได้ แต่แม่ก็ได้ไปบอกน้าสะใภ้เราให้ค่ะ เพื่อที่น้าสะใภ้จะได้ไปบอกพี่สาวเธอถึงสิ่งที่ได้สัญญาไว้ ทีนี้พอพี่สาวเธอทราบเรื่องก็ตามสเต็ปที่แม่เราคิดเลยค่ะ คือเธอไม่ให้ และได้โทรไปบอกกับญาติเราฝั่งที่มีร่างทรง ว่าเธอไม่เคยพูดหรือให้สัญญาอะไร จะมาโกงเธอหรอ ทำให้ญาติๆฝ่ายนั้นบอกกับเธอว่า ถ้าไม่ให้ก็ไม่ควรจะพูดแบบนี้นะ
จากเหตุการณ์นั้นเราคิดว่ามันทำให้เธอโกรธค่ะ เนื่องจากเธอคงคิดว่าญาติฝ่ายนั้นให้แม่เรามาทวง เธอจึงเป่าหู หรือใช้คำว่าร่วมมือก็คงได้ค่ะ ให้น้าสะใภ้เราขอที่ดินจากตากับยาย เพื่อที่จะเอามาเป็นของตัวเอง ซึ่งตากับยายได้บอกว่าตอนนี้ขอทำกินก่อนเลยยังไม่ให้ แต่น้าสะใภ้เรานางไม่จบค่ะ นางก็ออกอุบายให้สามีมาพาตากับยายเอาที่ดินส่วนนึงไปจำนองไว้ในธนาคารค่ะ จนกระทั่งตอนนี้ที่ดินก็ยังไม่ได้คืน และเราเข้าใจว่านางอยากได้ที่ดินที่เป็นส่วนของน้าผู้หญิงที่ตากับยายกำลังจะยกให้อีกค่ะ เนื่องจากน้าไม่มีครอบครัว ซึ่งหลังจากเรามาเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้นในบ้านหลายครั้ง รวมถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดีกับน้าสะใภ้ค่ะ จากนิสัยที่ไม่ค่อยคิดจะแบ่งปันอะไร ก็ชอบนำของกิน อาหาร ขนม มาให้ตากับยายมากขึ้น รวมๆแล้วเหมือนทำดีหวังผลนะคะ จากที่เราสังเกตตอนนี้กับเมื่อก่อน
เรื่องแปลกๆที่เกิดมีหลายอย่างค่ะ โดยส่วนมากจะเป็นอาการป่วยแปลกๆที่เกิดกับคนในบ้านเรา เช่น ยายเราอายุ 80 กว่า เดินไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก มีโรคปวดหลัง ปวดเมื่อยตามปกติของคนชราค่ะ จากที่น้าเราเล่านะคะ เพราะช่วงเวลานี้เราอยู่มหาวิทยาลัย คือตกดึกคืนหนึ่ง ยายมีอาการสั่นค่ะ หนาวและสั่นเหมือนเจ้าเข้า เข้าใจใช่ไหมคะ คือสั่นจนน้าต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล และน้าเล่าว่าคืนนั้นคิดว่าคงจะไม่มียายอยู่กับเราแล้ว พอถึงมือหมอตรวจ กลับไม่พบอาการผิดปกติอะไรทั้งสิ้นค่ะ จนหมอก็งงว่ายายเป็นอะไร เกิดจากอะไร เมื่อหาสาเหตุไม่ได้หมอจึงให้นอนอยู่ดูอาการคืนหนึ่งที่โรงพยาบาล และวันต่อมาจึงให้กลับบ้านค่ะ ซึ่งน้าผู้ชายคนที่สามของเราก็เป็นคนมารับเนื่องจากบ้านครอบครัวน้าอยู่ไม่ไกลจากบ้านยายมาก ซึ่งวันนี้น้าผู้ชายมีสีหน้าแปลกๆ หมองๆ และดูโทรมมาก ระหว่างทางกลับบ้าน ถึงแยกไฟแดงที่จะเลี้ยวไปบ้านยาย น้าเราจำทางไม่ได้ค่ะ ซึ่งแปลกมาก เพราะน้าเราก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดอยู่ดีๆจะมาจำทางกลับบ้านไม่ได้ได้ยังไง จนยายเราต้องบอกว่าก็เลี้ยวตรงนี้สิ ทำไมเอ็งถึงจำไม่ได้ จากเหตุการณ์แปลกๆครั้งนี้เองค่ะ ทำให้ครอบครัวฝั่งเราเริ่มสงสัย จนกระทั่งแม่เรามีโอกาสไปพบร่างทรงญาติเราอีกครั้ง เค้าจึงบอกมาว่าครอบครัวเราเนี่ยโดนของนะจากน้าสะใภ้เรา เค้าทำทั้งบ้านเลย รวมถึงสามีเค้าด้วย แรกๆที่แม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเราก็ตามเคยค่ะ ไม่ได้เชื่ออะไรมาก เพราะตัวเองคงเรียนในสายวิทยาศาสตร์ด้วย เราก็คิดว่ายายคงมีอาการอะไรแปลกๆบ้างแต่ไม่ร้ายแรงอะไร ส่วนน้าคงหลงลืมตามอายุที่เพิ่มขึ้น รวมถึงไม่คิดว่าของพวกนี้จะรุนแรง และไม่คิดว่าน้าสะใภ้จะเป็นคนเลวร้ายถึงขั้นนั้น
แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องแปลกๆตามมาอีกไม่หยุดเลยค่ะ เช่น วันหนึ่งได้มีพระธุดงค์ประมาณ 6 - 7 รูปผ่านมา และได้ขอปักกลดที่บ้านเรา เนื่องจากหลังบ้านเรามีพื้นที่พอให้ท่านปักกลดได้ ครอบครัวเราก็ยินดีค่ะ รุ่งเช้าแม่เรายายเราก็ได้นำอาหารไปถวาย แม่เราได้ถามท่านว่าทำไมท่านจึงเลือกปักกลดที่นี่ ท่านจึงตอบว่าที่บ้านนี้น่ะกำลังจะมีเคราะห์ใหญ่นะ แต่คนในบ้านเป็นคนดี ท่านจึงเลือกปักกลดที่นี่และเมื่อคืนได้สวดมนต์ให้ ก่อนท่านจะธุดงค์ต่อ ท่านได้บอกกับแม่และยายเราว่า หากวันหน้ามีวาสนา บ้านเราอาจจะได้พบพระรูปอื่นที่ธุดงค์ผ่านมาอีก หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปเกือบสองปีค่ะ ก็ได้มีพระธุดงค์ 2 รูปผ่านมา และได้แวะปักกลดที่บ้านเราอีก ครอบครัวเราก็ยินดีค่ะ รุ่งเช้าแม่เราก็ได้นำอาหารไปถวาย และสอบถามว่าท่านจะธุดงค์ไปที่ไหน พระท่านก็ตอบค่ะว่าจะไปที่วัดอะไรสักอย่าง แต่เราจำชื่อวัดไม่ได้เนื่องจากแม่เราเล่าให้ฟัง และท่านก็ได้บอกว่าบ้านหลังนี้ยังไม่หมดเคราะห์นะ ท่านบอกว่าที่นี่มีสัญญาต่อกัน จึงได้แวะปักกลดที่นี่ ตอนนี้แม่เราบอกว่าขนลุกค่ะ เพราะไม่คิดว่าเวลาที่ผ่านไปเกือบสองปีแล้ว จะมีพระธุดงค์มาอีก ส่วนตัวเราเองก็ยังเหมือนเดิมค่ะ ยังไม่ได้ติดใจอะไร
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเรื่องแปลกๆกับน้าผู้หญิงของเราอีกค่ะ เรื่องเกิดขึ้นที่งานวัดใกล้บ้าน ต้องบอกก่อนนะคะว่าน้าเราเป็นคนที่แข็งแรงมาก สุขภาพดีมาโดยตลอด เคยเจ็บป่วยไม่กี่ครั้ง ระหว่างที่น้ากำลังยืนดูลิเก อยู่ดีๆน้าก็เป็นลมและสลบไปค่ะ จนแม่เราตกใจ รีบพาน้าไปพักและช่วยกันปลุกให้ได้สติ จนเกือบจะส่งโรงพยาบาลค่ะ แต่น้าฟื้นขึ้นมาก่อน ที่น่าแปลกคือน้าบอกว่าเวียนหัวมากและจำอะไรไม่ได้เลยอยู่ดีๆก็วูบไป ตอนนั้นไปกับน้าสะใภ้เรานี่เองค่ะ และแม่เราแอบสังเกตน้าสะใภ้ เพราะแม่คงไม่ไว้ใจตั้งแต่โดนเตือนค่ะ แม่บอกเราว่าเห็นน้าสะใภ้แอบยืนอยู่ด้านหลังก่อนที่น้าเราจะเป็นลมไปค่ะ ตอนแม่เล่าเราก็เริ่มเป็นห่วงครอบครัวแล้วค่ะ เพราะเรื่องมันชักจะเกิดบ่อยและแปลกเกินไป เราก็บอกให้แม่ไปทำบุญ หมั่นสร้างกุศล เพื่อที่แม่จะได้สบายใจขึ้น รวมถึงให้น้าไปตรวจสุขภาพด้วยค่ะ
ต่อมาประมาณต้นปี 2559 เหตุการณ์นี้เกิดกับตัวเราเองค่ะ เรากลับมาหอช่วงหัวค่ำ และเผลอหลับไป เพราะเรียนทั้งวันจึงเหนื่อยค่ะ จากนั้นก็ฝันค่ะ ว่าแม่เราหลงไปในที่ๆหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยเห็นและไม่รู้มาก่อนว่าคือที่ไหน มีควันเต็มไปหมด และมีเสียงเหมือนคนมาชวนแม่ไปอยู่ด้วย เราเองก็ไม่อยากให้แม่ไปค่ะ จึงพยายามเรียก และวิ่งเพื่อจะไปฉุดแม่ไว้ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเหนื่อยมาก กระทั่งเรารู้ตัวว่าฝันค่ะ จึงพยายามลืมตาตื่นขึ้นมา แต่เรื่องมันแปลกตรงที่เราพยายามจะลืมตาค่ะ แต่ดันลืมไม่ได้ พยายามอยู่ประมาณสิบนาทีค่ะ ก็ยังลืมไม่ได้ตอนนั้นรู้สึกหายใจไม่ออกแล้วค่ะ เราพยายามนึกถึงหน้าแม่และรวบรวมพลังเด้งตัวลุกขึ้นมา ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจแล้วค่ะตอนนั้น เหมือนเราวิ่งมาสักสิบกิโล เหนื่อยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากตั้งสติและมีแรงพอจึงรีบโทรหาแม่และเล่าความฝันให้แม่ฟังทันทีเลยค่ะ แม่เราก็เงียบไปและบอกกับเราว่า แม่ฝันแบบนี้มาสามครั้งแล้วเหมือนกัน ตอนนั้นเราตกใจค่ะ เพราะเราไม่เคยเจออะไรแบบนี้กับตัวเองมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่เรื่องเล่าจากคนอื่นๆ จึงเล่าให้น้องรหัสฟังค่ะ น้องพาเราไปหาหมอดู เราก็ไหนๆก็ไหนๆ ไม่เสียหายอะไรลองดูก็ได้ เราก็ไปค่ะ หมอดูทักเราเลยค่ะว่าบ้านเราโดนของนะ เค้าเองจะช่วยเท่าที่ทำได้ ตัวเราเองก็บอกว่าเราไม่มีเงินไม่มีรายได้อะไร เค้าก็ยืนยันจะช่วยค่ะ เราเองก็รู้สึกขอบคุณเพราะในใจก็แอบกลัวว่าจะโดนหลอก ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เรามีความคิดแบบนี้ จากนั้นผ่านไปช่วงหนึ่ง เราก็ไปหาหมอดูอีกค่ะ และเค้าบอกเราว่าเค้าเสียใจเพราะเค้าช่วยไม่ได้ ตัวเค้าเองโดนกลับเพราะของแรงมาก เอาถึงตาย เราก็ใจหายเป็นห่วงที่บ้านค่ะไม่รู้จะทำยังไงต่อ จึงโทรบอกแม่ค่ะ แม่เราก็บอกว่าจะไปหาร่างทรงญาติและจะให้เค้าช่วย
เวลาผ่านไปอะไรๆยังคงตัวค่ะ น้าสะใภ้ยังชอบเอาอาหารมาให้ตากับยายเหมือนเดิม แต่คราวนี้แปลกไปอีกตรงที่อาหารนั้นมักจะห่อหนังสือพิมพ์มาค่ะ แบบว่าไม่ได้รองพลาสติกก่อนด้วยนะคะ เป็นหนังสือพิมพ์หลายๆแผ่นห่อๆรวมกันมา พวกข้าวหมูแดง ผัดไทอะไรแบบนี้ ซึ่งแม่เราพยายามไม่ให้ยายกินโดยการโยนให้หมาที่บ้านกินไป ซึ่งก็แปลกอีกค่ะเพราะอาหารทุกอย่างที่น้าสะใภ้นำมา หมาจะไม่กินเลยทั้งๆที่หมาบ้านเรากินได้แทบทุกอย่าง ทีนี้แม่ก็ได้ข่าวจากญาติที่เป็นร่างทรงค่ะว่าเค้าช่วยไม่ได้ เพราะของแรงมากจริงๆ และตัวเค้าเองก็โดนเหมือนกัน ซึ่งเราไม่รู้ว่าเพราะเรื่องสัญญาที่นางบอกจะให้แต่นางไม่ให้หรือเปล่าที่ทำให้แค้น จากนั้นญาติฝั่งนั้นก็ล้มป่วยค่ะ แบบรุนแรง ไอเป็นเลือดจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
จนตอนนี้ปลายปี 2559 เป็นตัวแม่เราค่ะที่โดน คือประมาณต้นเดือนธันวาแม่เราประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มค่ะ ตอนแรกที่น้าโทรมาบอกเราเป็นห่วงแม่มาก เพราะแม่ขับรถมาสามสิบกว่าปี ไม่เคยล้มเลย เพราะแม่เราขับรถช้ามาก ประมาณ 20 km/h อ่ะค่ะ และแม่ใส่หมวกกันน็อคตลอด รวมถึงไม่เคยประมาทในการขับขี่เลย แต่เราไม่คิดว่าแม่จะเป็นหนักเพราะด้วยนิสัยขับรถของแม่เป็นแบบที่กล่าวไป เรารีบขึ้นรถจากมหาลัยกลับบ้านเลยค่ะ พอเราไปถึงโรงพยาบาลเราร้องไห้แทบทรุดเลยค่ะ เพราะตัวแม่เปื้อนยางมะตอยเต็มไปหมด เพราะรถล้มไปในถนนที่ทำใหม่ ปากบวมเย็บ 7 เข็ม คิ้วแตกเย็บอีก 9 เข็ม ฟันหน้าร้าว บิ่น และกระดูกข้อมือแตก ต้องใส่เฝือกอีกสองเดือน เรานี่ใจจะขาดเลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าคนที่ขับรถช้ามากๆ และใส่หมวกกันน็อคตลอดจะมีอาการขนาดนี้ ส่วนน้าผู้หญิงเราที่ซ้อน ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เราก็ดูแลแม่จนแม่กลับบ้าน แม่เล่าให้ฟังค่ะว่าตอนที่ล้มนั้นแม่ไม่รู้ตัวเลย เหมือนมีคนผลักเข้าไปในถนนที่ทำใหม่ และตอนอยู่โรงพยาบาลแม่แอบเห็นน้าสะใภ้เราที่มาเยี่ยมแอบยิ้มอยู่ปลายเตียง เราก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ และหลังจากนั้นสองอาทิตย์ ตอนนี้แม่เราเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเพราะมีอาการท้องเสียและอาเจียนอย่างรุนแรง ผ่านไปสองวันจนวันนี้แม่เราอยู่ห้อง ICU อาการยังไม่ดีขึ้น หมอตรวจเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ เอ็กซเรย์ อัลตราซาวด์ ทุกๆอย่าง ยังไม่พบสาเหตุเลยค่ะ จนตอนนี้เรากำลังจะสอบ ทำให้กลับบ้านไปดูแลแม่ไม่ได้ เป็นห่วงแม่มาก กังวลไปหมดเลยค่ะ เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกี่ยวกับเรื่องคุณไสยหรือมนตร์ดำอะไรหรือเปล่า ซึ่งเราก็ไม่อยากจะให้เกี่ยว แต่ถ้ามีวิธีไหนช่วยแม่ได้เราก็อยากจะลองดูค่ะ ตอนนี้ก็ได้แต่ถือศีล 5 สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศลอยู่ทุกวันค่ะ ไม่กล้าไปเล่าให้ใครฟัง กลัวเค้าว่างมงาย ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น วอนขอผู้รู้ให้คำแนะนำเราด้วยนะคะ