ในวันที่ฉันเป็นภาวะซึมเศร้า
เรื่องราวต่อไปนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ในขณะที่สติสัมปชัญญะครบถ้วน เรื่องราวต่างๆที่จะเล่านี้ไม่ได้หาข้อมูลทางการแพทย์ ไม่ได้ต้องการความเห็นอกเห็นใจใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ต้องการสื่อให้หลายๆคนที่อาจจะมีคนใกล้ตัวที่กำลังจะเป็น เป็นแล้ว หรือว่ากำลังเกิดขึ้นกับตัวเองได้รับรู้เผื่อว่าจะมีประโยชน์ พร้อมที่จะรับมือกับมัน
ภาวะซึมเศร้าทางการแพทย์เรารู้กันดีว่ามันคือโรค โรคก็คือโรค คนที่เป็นก็ไม่ได้อยากจะเป็นหรือเสแสร้งแกล้งทำว่าเป็น การแสดงออกของโรคแต่ละคนแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความหนักเบาของเหตุการณ์ที่เจอและภาวะจิตใจของคนคนนั้น เค้ารู้ตัวตลอดเพราะไม่ได้บ้า เพียงแค่บางอย่างไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้
คนบางคนไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองมีความเครียดสะสม จนกระทั่งไม่สามารถบอกตัวเองได้ว่าเครียดเรื่องอะไรมาบ้าง บางคนไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้ บางคนสามารถบอกได้พูดได้แต่กลับถูกมองว่าไร้สาระ จนในที่สุดไร้ที่พึ่งกลายเป็นความสะสมกดดันในที่สุด
อยากจะบอกว่าจิตใจคนเรานั้นต่างกัน ปัญหาของใครคนหนึ่งที่เรามองว่ามันเล็กน้อยแทบจะไม่ใช่ปัญหาเลยด้วยซ้ำ แต่คุณไม่ใช่คนคนนั้น ดังนั้นกรุณาอย่ามองว่าปัญหาของคนอื่นมันเล็กมากจนเป็นเรื่องไร้สาระ ขอให้เปิดใจสักนิด
เมื่อใดที่ใครสักคนวิ่งเข้าหาคุณพร้อมกับมองคุณเป็นที่พึ่ง ได้โปรดให้ที่ว่างเค้าสักหน่อย แม้ว่าในใจคุณมันคือเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่าได้ผลักไสด้วยการมองว่าน่ารำคาญ อย่าได้ผลักไสด้วยคำพูดว่าไปวัดสิ ออกกำลังกายบ้างสิ เพราะเพียงลำพังเค้าจะพาตัวเองให้ลุกขึ้นยืนบางครั้งยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก อย่าได้ผลักไสด้วยคำว่าไม่เห็นจะเป็นไรเลย และหลายๆคำพูดที่คุณจะไล่เค้าไป
คนเหล่านี้จิตใจบอบบางมากกว่าปกติหลายเท่านัก บางคนไม่เคยคิดอยากที่จะตาย แต่คนรอบข้างมีส่วนทำให้เค้าต้องจากไป ตัวฉันเองก็รักตัวกลัวตาย ฉันเป็นคนชอบมองวิวจากมุมสูงเพราะมันรู้สึกผ่อนคลาย แต่ความคิดชั่ววูบเมื่อได้ยืนอยู่บนตึกสูง เคยคิดว่าถ้าลอยไปคงสบายดี แต่ถ้าให้คิดดีๆนั่นคือตกลงมากระแทกพื้นตัวแหลก
หากเค้าไม่พร้อมที่จะพบเจอสิ่งใดและเค้าสามารถบอกคุณได้ก็โปรดยอมรับในสภาพจิตใจของเค้า
หากเค้าไว้ใจคุณและเลือกคุณเป็นที่พึ่ง ได้โปรดละทิ้งสถานะทางสังคมชั่วครู่ ให้ฟังเค้าให้มากที่สุด แล้วโอบกอดเค้าเอาไว้ อย่าได้ใช้ความรุนแรงใดๆ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
และคำพูดที่ไม่อยากได้ยินคือ อย่าคิดมาก สู้ๆนะ หากเค้าเลือกได้เค้าก็ไม่ได้อยากจะคิดมาก และเค้าเองก็กำลังต่อสู้อยู่
อย่าอายที่จะต้องพบจิตแพทย์ ยิ่งถ้าคุณรู้ตัวเร็วเท่าไหร่โอกาสที่คุณจะหายก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น โรคนี้ไม่ใช่หวัดหรือผดผื่นที่สามารถมองเห็นได้ง่าย โปรดสังเกตตัวเองและคนรอบข้างนะคะ
ในวันที่ฉันเป็นภาวะซึมเศร้า (เนื่องจากไม่ได้ยืนยันตัวตนจึงต้องตั้งกระทู้แบบคำถามค่ะ)
เรื่องราวต่อไปนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ในขณะที่สติสัมปชัญญะครบถ้วน เรื่องราวต่างๆที่จะเล่านี้ไม่ได้หาข้อมูลทางการแพทย์ ไม่ได้ต้องการความเห็นอกเห็นใจใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ต้องการสื่อให้หลายๆคนที่อาจจะมีคนใกล้ตัวที่กำลังจะเป็น เป็นแล้ว หรือว่ากำลังเกิดขึ้นกับตัวเองได้รับรู้เผื่อว่าจะมีประโยชน์ พร้อมที่จะรับมือกับมัน
ภาวะซึมเศร้าทางการแพทย์เรารู้กันดีว่ามันคือโรค โรคก็คือโรค คนที่เป็นก็ไม่ได้อยากจะเป็นหรือเสแสร้งแกล้งทำว่าเป็น การแสดงออกของโรคแต่ละคนแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความหนักเบาของเหตุการณ์ที่เจอและภาวะจิตใจของคนคนนั้น เค้ารู้ตัวตลอดเพราะไม่ได้บ้า เพียงแค่บางอย่างไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้
คนบางคนไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองมีความเครียดสะสม จนกระทั่งไม่สามารถบอกตัวเองได้ว่าเครียดเรื่องอะไรมาบ้าง บางคนไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้ บางคนสามารถบอกได้พูดได้แต่กลับถูกมองว่าไร้สาระ จนในที่สุดไร้ที่พึ่งกลายเป็นความสะสมกดดันในที่สุด
อยากจะบอกว่าจิตใจคนเรานั้นต่างกัน ปัญหาของใครคนหนึ่งที่เรามองว่ามันเล็กน้อยแทบจะไม่ใช่ปัญหาเลยด้วยซ้ำ แต่คุณไม่ใช่คนคนนั้น ดังนั้นกรุณาอย่ามองว่าปัญหาของคนอื่นมันเล็กมากจนเป็นเรื่องไร้สาระ ขอให้เปิดใจสักนิด
เมื่อใดที่ใครสักคนวิ่งเข้าหาคุณพร้อมกับมองคุณเป็นที่พึ่ง ได้โปรดให้ที่ว่างเค้าสักหน่อย แม้ว่าในใจคุณมันคือเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่าได้ผลักไสด้วยการมองว่าน่ารำคาญ อย่าได้ผลักไสด้วยคำพูดว่าไปวัดสิ ออกกำลังกายบ้างสิ เพราะเพียงลำพังเค้าจะพาตัวเองให้ลุกขึ้นยืนบางครั้งยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก อย่าได้ผลักไสด้วยคำว่าไม่เห็นจะเป็นไรเลย และหลายๆคำพูดที่คุณจะไล่เค้าไป
คนเหล่านี้จิตใจบอบบางมากกว่าปกติหลายเท่านัก บางคนไม่เคยคิดอยากที่จะตาย แต่คนรอบข้างมีส่วนทำให้เค้าต้องจากไป ตัวฉันเองก็รักตัวกลัวตาย ฉันเป็นคนชอบมองวิวจากมุมสูงเพราะมันรู้สึกผ่อนคลาย แต่ความคิดชั่ววูบเมื่อได้ยืนอยู่บนตึกสูง เคยคิดว่าถ้าลอยไปคงสบายดี แต่ถ้าให้คิดดีๆนั่นคือตกลงมากระแทกพื้นตัวแหลก
หากเค้าไม่พร้อมที่จะพบเจอสิ่งใดและเค้าสามารถบอกคุณได้ก็โปรดยอมรับในสภาพจิตใจของเค้า
หากเค้าไว้ใจคุณและเลือกคุณเป็นที่พึ่ง ได้โปรดละทิ้งสถานะทางสังคมชั่วครู่ ให้ฟังเค้าให้มากที่สุด แล้วโอบกอดเค้าเอาไว้ อย่าได้ใช้ความรุนแรงใดๆ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
และคำพูดที่ไม่อยากได้ยินคือ อย่าคิดมาก สู้ๆนะ หากเค้าเลือกได้เค้าก็ไม่ได้อยากจะคิดมาก และเค้าเองก็กำลังต่อสู้อยู่
อย่าอายที่จะต้องพบจิตแพทย์ ยิ่งถ้าคุณรู้ตัวเร็วเท่าไหร่โอกาสที่คุณจะหายก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น โรคนี้ไม่ใช่หวัดหรือผดผื่นที่สามารถมองเห็นได้ง่าย โปรดสังเกตตัวเองและคนรอบข้างนะคะ