SOTUS the series (กึ่งรีวิว) : " Shape of my heart "

"Follow love and it will flee thee, flee love and it follow thee."
ตามรักรักจักหนี หลบลี้รักกลับมา


เมื่อเลือกทางเดินแล้วก็ต้องไปให้ถึงที่สุด .... เจ็บปวดอย่างไร แต่สุดท้ายก็ต้อง " Move on " อย่างที่พี่เปิ้ลว่านั่นแหละ เราไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยมาเพื่อความรักเสียหน่อย จริงไหม ? ความรักครั้งแรก ... ราวกับสายลม เย็นชื่นเมื่อผ่านเข้ามาสัมผัสผิวกาย แล้วก็ผ่านเลยไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นธรรมชาติของลมนั่นแหละนะ สิ่งที่ทำได้ก็เพียงการเลือกเก็บได้แค่ความทรงจำดีๆ ที่ ... อาจจะเป็น " ความทรงจำดี ๆ " ของเขาแต่เพียงผู้เดียวก็ได้ ชีวิตไม่ได้จบแค่วันนี้นี่นะ ... ถึงมันจะยากหากก้องภพก็ต้องก้าวเดินต่อไป งานแต่งงานของเฮียตั้มและพี่ฝนในวันนี้เป็นด่านแรกของการตัดสินใจ " Move on " เขาควรจะยึดเรื่องของพี่เปิ้ลกับพี่ไบรท์เป็นตัวอย่างสิ พี่เปิ้ลทำได้เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน


มันไม่สนุกซักนิด .... มันแย่ มันห่วย มัน .... ไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นถ้อยคำได้อย่างไร 9 สายไม่ได้รับ แต่ก็ไม่อยากจะสไลด์ให้ร่องรอยของคน ๆ นั้นหายไป เกียร์ในกล่องใต้เตียงตอนนี้กลับมาอยู่ในลิ้นชัก ตัวเขาที่พลิกไปพลิกมาบนเตียง ถอนหายใจไม่รู้กี่รอบ เฝ้ามองหน้าต่างห้องตรงข้ามอีกฝั่งที่มืดสนิทอย่างใจลอย เวลาที่เดินผ่านไป กับ หัวใจที่กำลังหาคำตอบ

แล้วถ้าอีกฝั่ง ... หาคำตอบได้ก่อนเราล่ะ
เรื่องของนมเย็นแก้วนั้น ... ก็พอจะเห็นลางเลา ๆ
เวลาที่เหลือให้คิด ... มีไม่มากแล้ว


" ต้องยื้อ " สัญชาตญาณบอกให้อาทิตย์ทำแบบนั้น แต่ยื้ออย่างไร แล้วยิ่ง "เขา" เป็นผู้ชายเสียด้วย แล้วสิ่งที่เราเพิ่งทำไปล่ะ ที่ปฏิเสธเขาไปแบบนั้น เดชะบาป ... เมื่อตัดสินใจว่าจะทำอะไรซักอย่าง ก็ต้องมีอะไรมาขัดจังหวะเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ แต่เอาเถอะ ... งานของเฮียกับเจ้ ทางนั้นเป็นสายรหัสเจ้ฝน ... ยังไงก็ต้องไป ยังไงก็ต้องเจอ เหลือแต่จะพูดอะไร จะทำอะไร .... ซึ่งเป็นเรื่องที่อยากที่สุด เพราะตั้งแต่วันที่รู้แน่ชัดถึงความในใจของใครอีกคน เขาก็นึกสภาพไม่ออกตลอดมาว่าควรจะทำตัวอย่างไร จริง ๆ ก็คงตั้งแต่แรกที่เริ่มสงสัย ... ถ้าไม่ใช่อย่างที่คิดคงเสียใจมาก แต่ถ้าใช่อย่างที่คิดก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ เพิ่งรู้ตัวเองเหมือนกันว่าที่แท้แล้ว ... ไม่อยากให้อะไรมันเปลี่ยนแปลง เพราะ "อยู่" แบบให้ "0062" มาวอแวแบบนี้ก็ดี

ทว่า .... ความพยายามจะต่อบทสนทนาและการหาเรื่องคุย "การยื้อ" ของเขาไม่ได้ผลอย่างที่ควรจะเป็น ... หากมันฝืนก็อย่าทำ ... กลายเป็นว่าคนที่เราต้องการจะยื้อเกิดเข้าใจไปในทางนั้น อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่ อยากจะบอกว่ายังไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร อยากจะเปิดใจเพื่อขอเวลา แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายคงตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้ว อาทิตย์จึงได้แต่นิ่งเงียบหากแต่ใจกระวนกระวายยิ่งนัก ยิ่งลอบมองคนที่วันนี้แต่งตัวเรียบเป๊ะทุกกระเบียดนิ้วบ่อยครั้ง ความเครียดยิ่งทับทวี

ความอึดอัดทำให้เขาตามหาเฮียตั้ม ... เรื่องของขวัญก็เรื่องนึง แต่เรื่องที่กำลังจะถามนี่สำคัญกว่า คำพูดที่หลุดออกจากปากทุกคำ ... ล้วนมีเบื้องหลังและที่มา แม้กำลังหลบหน้า ... หากสองสามวันที่ผ่านมา "ก้องภพ" กลายเป็น topic ที่อาทิตย์พูดถึงบ่อยที่สุด และ เริ่มทวีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็มาเข้มข้นที่สุดในตอนนี้ ตอนที่อยู่หน้าเฮียตั้ม " ผมรู้สึกอย่างไรกับเขากันแน่ ? "

ถ้ามีความรักจะนำพามาซึ่งความสุข ... แบบนั้นหรือ ถ้ามีความรักเราจะเป็นตัวเองไม่อึดอัด ... เช่นนั้นใช่ไหม ก็เปล่านะ ... เฮียตั้มว่า นี่ไง ... เพิ่งทะเลาะกันสด ๆ ร้อน ๆ เรื่องเค้กแต่งงาน หัวเราะ เสียใจ ดีใจ ร้องไห้ ทะเลาะ เป็นอย่างที่เราไม่เคยเป็นมาก่อน วนเวียนกันไปเป็นวัฏจักรเชียวละ ... ผ่านกันมาแล้วทุกอย่างที่ว่า ... แต่ถ้าหากให้สรุปล่ะก็ ถ้าเราเต็มใจจะวนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนั้นกับใคร เราเต็มใจจะรับทั้งเสียงหัวเราะ การทะเลาะทุ่มเถียง แม้กระทั่งรอยน้ำตาแล้วกลับมาทำความเข้าใจกันใหม่กับคนไหน ... ก็นั่นแหละ สำหรับพี่ตั้ม ... พี่ฝนก็คือคน ๆ นั้น

แล้วสำหรับเรา .... คือใคร ?


เวลามันไม่คอยท่า .... เขารู้ข้อนี้มานานแล้ว แต่ ... เขาจะรู้ได้ยังไงว่าใครคือคน ๆ นั้น แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คิดว่าดีอยู่แล้วเมื่อกาลก่อนมามันจะไม่เปลี่ยนไป ... เฮียตั้มทำหน้าพิลึก ... เด็กหนอเด็ก ตอนนี้เหมือนเดิมหรือไง ? ใช่สิ ... มันเปลี่ยนไปแล้วตั้งแต่วันที่เขารู้ความนัย ... แต่ก็ไม่อีกนั่นแหละ จริง ๆ มันคงเปลี่ยนไปตั้งนานแล้วย้อนกลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่เวลานี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว และคงเป็นอย่างที่เฮียตั้มว่า ... ปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่ทำอะไรเลย โอกาสอาจปิดประตูลงก็ได้ ถ้านึกอะไรไม่ออก ... " อยากทำอะไรก็ทำ "

ดวงตาของอาทิตย์สว่างขึ้นในเวลานั้น .... เขาซ่อนตัวอยู่ในม่านหมอกเพราะกลัวว่าเบื้องหน้าจะมีหุบเหว แต่ทีแท้หลังไอสีขาวที่ลอยฟุ้งอาจะเป็นผืนดินอุดมมั่นคงที่เขาจะทรงตัวอยู่ได้เต็มก็เป็นได้ หากไม่ฉีกกระชากความืดแล้วจะเจอแสงได้อย่างไร หากไม่จัดการที่ต้นตอจะหลุดพ้นจากทุกข์ทีเป็นอยู่ได้เช่นไร ชายหนุ่มจึงตั้งหลักและมุ่งหน้าตรงไป ตามสิ่งที่ "ใจ" อยากจะทำ ต้องตอนนี้วันนี้เท่านั้นแหละ ... เขาปล่อยเวลาให้เลยผ่านมามากพอแล้ว ยังไงวันนี้ก็ต้องทำให้ได้ ชั้นแรกที่วิ่งออกมาหา ... สอดส่ายสายตาแล้วหาไม่เจอ ความร้อนรนระคนผิดหวังแล่นสู่กลางใจ หากไม่มีความลังเลอีกแล้ว ดวงตะวันจะไม่ยอมซ่อนตัวหลังม่านเมฆ เขาหยิบโทรศัพท์กดหาหมายเลขที่คุ้นเคย ... จนกระทั่ง เจอว่าใครมายืนอยู่เบื้องหลัง

รอยยิ้มโล่งใจผุดขึ้นบนใบหน้า เมื่อความลังเลหมดไป ได้เจอคนที่ต้องการจะเจอ ยอมรับได้ว่าสิ่งที่ต้องการทำคืออะไร เมื่อไม่ต้องฝืน ใบหน้าที่ผ่อนคลายจึงมีแต่รอยยิ้ม ชวนคุยได้อย่างที่เคยเป็น จับจ้องคนตรงหน้าที่ค่อนข้างจะมีอารมณ์ได้อย่างใจเย็น ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจอเบอร์นี้ก็อาจจะวางมวยกันไปแล้ว สิ่งละอันพันละน้อยค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในใจของอาทิตย์ เขามองดูคนที่นั่งตรงข้ามลงมือบริการตามนิสัยส่วนตัว เด็กคนนั้นแกะน้ำและรินใส่แก้วให้เขาก่อน เด็กคนนั้นเดินตามทิ้งระยะห่างพอประมาณ ความเคยชินที่พึ่งประจักษ์ชัดต่อจิตใจว่ามีความสำคัญแค่ไหน สำคัญจนกระทั่งต้องทำตามหัวใจให้เคลียร์กันไปในวันนี้

ที่ผ่านมา .... เด็กคนนั้นรู้ทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง ความตรงไปตรงมานั้น บวกกับความพยายามและนิสัยของเจ้าตัวเตะตาเขามาตลอด เขา .. ควรจะยอมรับได้แล้วในจุดนี้ ถึงแม้ยังบอกไม่ได้ว่าความสัมพันธ์นี้คืออะไร แต่จะมีชื่อหรือไม่ .... มันก็คงไม่สำคัญอีกต่อไป เด็กคนนั้นเข้ามาแล้ว และ เปลี่ยนหัวใจเขาไปตลอดกาล แม้บอกเหตุผลอะไรไม่ได้  หากสิ่งเดียวที่รู้คือ "เขาคนนี้" ยินดี และ เต็มใจที่จะเรียนรู้เรื่องของคนตรงหน้าให้มากขึ้น และที่สำคัญพร้อมที่จะ "เปิดใจ" รับใครคนหนึ่งเข้ามาอย่างไม่มีเงื่อนไข และ ไร้ข้อแม้

สถานะวันนี้แม้บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่เขารู้ดีทีเดียว
Just one kiss at that moment
คงเป็นคนนี้ที่เขาอยากจะหัวเราะ ร้องไห้ สุข และ ทุกข์ไปด้วยกัน


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


Lookin' back on the things I've done
I was tryin' to be someone
I played my part, kept you in the dark
Now let me show you the shape of my heart
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่