สวัสดีครับ ผมมีข้อมูลมาแบ่งปันเพื่อนที่น้องนักลงทุนทุกท่านน่ะครับ ผมอยากจะแบ่งกันการสรุปเนื้อหาของผม ขอฝากตัวด้วยนะครับ
เนื่องจากผมอัพโหลดรูปไม่เป็น หากใครอยากเห็นแบบมีรูปด้วย ข้อมูลเต็มจะอยู่ในลิ้งนี้น่ะครับ
https://www.facebook.com/notes/investdiary-แบ่งปันความรู้การลงทุน/cbg-บาวแดงขวด/862590000542915
เมื่อไม่นานมานี้ ตอนแรกๆก็ไม่เคยคิดว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังนั้นน่าสนใจ เพราะว่าไม่เคยกินก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร และก็ไม่ได้เห็นผู้เล่นแข่งกันเท่าไหร่ในอุตสาหกรรมนี้ แต่คาราบาวนั้นทำให้คิดผิด คาราบาวไม่ได้น่าสนใจตรงที่อยู่ในอุตสาหกรรมน่าสนใจ แต่เพราะมันกำลังกำไรเติบโตเป็นกอบเป็นกำ ทำให้อยากรู้ว่าทำไมบริษัทนี้ถึงเด่นในอุตสาหกรรม
ข้อมูลทั่วไป
บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด
บริษัททั้งผลิต ทำการตลาด และจัดจำหน่าย เครื่องดื่มบำรุงกำลังในแบรนด์ของน้า แอ๊ด คาราบาว ชื่อว่า “คาราบาวแดง” โดยเครื่องดื่มก็จะมีอยู่ 4 แบบหลักๆ
คาราบาวแดงแบบขวด เป็นเครื่องดื่มที่เราเห็นทั่วไป
คาราบาวแบบกระป๋องไม่อัดก๊าซ ส่งออกต่างประเทศแถวอาเซียนและ อีกหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งจะมีส่วนผสมต่างกันในแต่ละประเทศ
คาราวบาวกระป๋องอัดก๊าซ จำหน่ายไม่นานมานี้ โดยยังจำหน่ายไปต่างประเทศหลายประเทศ
สตาร์ท พลัส เครื่องดื่มเกลือแร่ ขายปลีกในไทย
กลุ่มเป้าหมายของคาราบาว โดยทั่วไปแล้วก็จะเจาะกลุ่มคนทำงานที่ต้องอาศัยพลังงาน รายได้น้อยถึงปานกลาง ส่วนสตาร์ทพลัสก็คือคนทั่วไป ไม่จำกัดเพศและวัย
กลุ่มบริษัทนั้นก็จะประกอบไปด้วย บริษัทที่จัดจำหน่าย บริษัทผลิต ซึ่งบริษัทหลักนั้นเป็นเพียง holding company เท่านั้นไม่ได้มีรายได้จากการดำเนินงาน
สิ่งที่ทำให้คาราบาวแดงประสบความสำเร็จก็คือการทำการตลาดแบบวงกว้างที่เข้าถึงคนมากๆ และประกอบการใช้น้าแอ๊ด คาราบาวเป็นตัวแทนสินค้า
การทำตลาดต่างประเทศก็จะมีตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้า โดยตลาดที่ใหญ่ 5 อันดับแรกคือ กัมพูชา พม่า เยเมน อัฟกานิสถาม เวียดนาม ตอนนี้บริษัทกำลังบุกตลาดอังกฤษและยุโรป
รายได้นั้นก็มีแนวโน้มเติบโตต่างประเทศมากขึ้นเพราะคาราบาวแดงแบบขวดดั้งเดิมไม่โตเลย เพราะว่าตลาดในไทยนั้นค่อนข้างไม่โต สินค้าที่จำหน่ายต่างประเทศนั้นเติบโตมากขึ้น
การผลิตก็ยังสามารถผลิตได้เพิ่มจากกำลังการผลิตปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตนั้นก็ต้องรอดูต่อไปว่าบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นหรือไม่ เพราะปัจจุบัน หากต้องการรายได้เพิ่มขึ้นสองเท่า ก็คงทำไม่ได้เพราะกำลังการผลิตนั้นไม่เพียงพอ แปลว่าหากบริษัทสามารถพิสูจน์การเพิ่มสัดส่วนของต่างประเทศได้มากขึ้น ก็มีแนวโน้มการเพิ่มกำลังการผลิต แต่ตลาดในเมืองไทยนั้นน่าจะครอบครองไปได้ ไม่อันดับ 1 ก็อันดับ 2
ความเสี่ยงก็คือ การแข่งขันนั้นไม่ได้สูงมากนัก แต่มีผู้เล่นหลายรายและเป็นเจ้าใหญ่ๆ เพราะฉะนั้นตลาดในไทยจิงไม่เป็นตลาดที่น่าลงทุนมากนัก บริษัทนั้นจะไม่สามารถเพิ่มกำไรโดยการเพิ่มราคาได้หากผู้เล่นอื่นไม่เพิ่ม หรือหากผู้เล่นอื่นนั้นลดราคา ของตัวเองก็ต้องลดราคา ถึงแม้จะมีชื่อแบรนด์ที่ติดหู แต่ก็จะเหมือน Oishi, Ichitan หรือน้ำดื่ม ซึ่งผู้บริโภคนั้นไม่ได้มีความ Loyalty มากสามารถสลับเปลี่ยนได้หากจำเป็น
แต่ข้อดีคือเนื่องจากเป็นตลาดที่ไม่โตแล้ว ผู้เล่นรายอื่นก็ไม่มีแนวโน้มมากนักในการเข้ามากินส่วนแบ่ง
งบการเงิน
รายได้
รายได้นั้นโตขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นสัญญานที่ดี แต่ค่าใช้จ่ายทำการตลาดนั้นจะเพิ่มขึ้นมากไปหน่อยสำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่มาก ต้นทุนที่ลดลงนั้นเกิดจากที่บริษัทผลิตขวดแก้วสีชาเองเป็นส่วนสำคัญ
รายได้จากการขายในประเทศนั้นก็ไม่มีการเติบโตที่น่าสนใจอะไร โดยเติบโตเพียงประมาณ 1 - 2% เท่านั้น แต่ว่าในต่างประเทศนั้นโตถึง 8 - 9% ซึ่งน่าสนใจกว่าในประเทศมากโดยส่วนใหญ่จะเป็นในประเทศกัมพูชา แต่อนาคตคือประเทศอังกฤษ ซึ่งต้องดูกันว่าจะเติบโตขนาดไหน
กำไรสุทธินั้นก็โตในระดับที่น่าพอใจ ต่างจากยอดขาย แปลว่าบริษัทสามารถลดต้นทุนได้ต่อเนื่องจากการผลิต
ฐานะทางการเงิน
บริษัทมีเงินสดเข้ามาทุกๆปี ไม่มีปัญหาเรื่องการหมุนเงิน การเติบโตของทรัพย์สินนั้นก็จะมาจากสินค้าคงคลังส่วนใหญ่
ทรัพย์สินส่วนใหญ่บริษัทนั้นก็คือโรงงานและที่ดินประมาณ 4000ล้าน
หนี้สินของบริษัทนั้นก็ไม่มีเปลี่ยนแปลงมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหนี้การค้า ซึ่งก็ถือว่ายังทำได้ดีในการจำกัดหนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น ถ้าเทียบอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นแล้ว บริษัทถือว่าปลอดภัยจากการล้มละลายแน่นอน
กระแสเงินสด
บริษัทนั้นมีกระแสเงินสดเข้ามาจากการดำเนินการตามปกติ
อัตราส่วน
จะเห็นได้ว่าบริษัทกำไรขึ้นต้นดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ท้ายสุดแล้วกำไรสุทธิถือว่าดีมากที่ 15% ส่วน ROE 20% ที่ลดลงมานั้นเนื่องจากเข้าตลาดทำให้อัตราส่วนต่ำลง แต่ว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะว่า20% ก็ดีมากแล้ว
แต่ที่น่าจับตามองคือ บริษัทมีวงจรเงินสดติดลบ แปลว่าบริษัทไม่ต้องการเงินหมุนในบริษัทเท่าไหร่เลย ซึ่งถือว่าหายากมากและเป็นเรื่องที่ดีมาก
คาราบาวนั้นถือว่ามีความโดนเด่นในเรื่องงบการเงินเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งอุตสาหกรรมไทยอาจจะไม่เติบโต แต่ว่าต่างประเทศนั้นมีโอกาสมากมายที่พร้อมจะให้บริษัทเจาะตลาดเข้าไป เพียงแค่ 0.1% ก็ทำให้บริษัทยอดขายหลายหมื่นล้านได้ไม่ยาก ซึ่งตรงนี้เป็นอนาคตที่ต้องดูอย่างยิ่ง แต่ในไทยนั้นไม่มีความน่าสนใจเท่าไหร่ แปลว่าถ้าบริษัทไม่สามารถโตต่างประเทศได้ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ อาจจะสนใจจากเงินปันผลที่ซึ่งมาจากงบการเงินดีและมีตลาดที่แน่นอนมีคนบริโภคที่แน่นอน
ที่มา
https://www.facebook.com/investdiary
CBG - บาวแดงขวด
เนื่องจากผมอัพโหลดรูปไม่เป็น หากใครอยากเห็นแบบมีรูปด้วย ข้อมูลเต็มจะอยู่ในลิ้งนี้น่ะครับ
https://www.facebook.com/notes/investdiary-แบ่งปันความรู้การลงทุน/cbg-บาวแดงขวด/862590000542915
เมื่อไม่นานมานี้ ตอนแรกๆก็ไม่เคยคิดว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังนั้นน่าสนใจ เพราะว่าไม่เคยกินก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร และก็ไม่ได้เห็นผู้เล่นแข่งกันเท่าไหร่ในอุตสาหกรรมนี้ แต่คาราบาวนั้นทำให้คิดผิด คาราบาวไม่ได้น่าสนใจตรงที่อยู่ในอุตสาหกรรมน่าสนใจ แต่เพราะมันกำลังกำไรเติบโตเป็นกอบเป็นกำ ทำให้อยากรู้ว่าทำไมบริษัทนี้ถึงเด่นในอุตสาหกรรม
ข้อมูลทั่วไป
บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด
บริษัททั้งผลิต ทำการตลาด และจัดจำหน่าย เครื่องดื่มบำรุงกำลังในแบรนด์ของน้า แอ๊ด คาราบาว ชื่อว่า “คาราบาวแดง” โดยเครื่องดื่มก็จะมีอยู่ 4 แบบหลักๆ
คาราบาวแดงแบบขวด เป็นเครื่องดื่มที่เราเห็นทั่วไป
คาราบาวแบบกระป๋องไม่อัดก๊าซ ส่งออกต่างประเทศแถวอาเซียนและ อีกหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งจะมีส่วนผสมต่างกันในแต่ละประเทศ
คาราวบาวกระป๋องอัดก๊าซ จำหน่ายไม่นานมานี้ โดยยังจำหน่ายไปต่างประเทศหลายประเทศ
สตาร์ท พลัส เครื่องดื่มเกลือแร่ ขายปลีกในไทย
กลุ่มเป้าหมายของคาราบาว โดยทั่วไปแล้วก็จะเจาะกลุ่มคนทำงานที่ต้องอาศัยพลังงาน รายได้น้อยถึงปานกลาง ส่วนสตาร์ทพลัสก็คือคนทั่วไป ไม่จำกัดเพศและวัย
กลุ่มบริษัทนั้นก็จะประกอบไปด้วย บริษัทที่จัดจำหน่าย บริษัทผลิต ซึ่งบริษัทหลักนั้นเป็นเพียง holding company เท่านั้นไม่ได้มีรายได้จากการดำเนินงาน
สิ่งที่ทำให้คาราบาวแดงประสบความสำเร็จก็คือการทำการตลาดแบบวงกว้างที่เข้าถึงคนมากๆ และประกอบการใช้น้าแอ๊ด คาราบาวเป็นตัวแทนสินค้า
การทำตลาดต่างประเทศก็จะมีตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้า โดยตลาดที่ใหญ่ 5 อันดับแรกคือ กัมพูชา พม่า เยเมน อัฟกานิสถาม เวียดนาม ตอนนี้บริษัทกำลังบุกตลาดอังกฤษและยุโรป
รายได้นั้นก็มีแนวโน้มเติบโตต่างประเทศมากขึ้นเพราะคาราบาวแดงแบบขวดดั้งเดิมไม่โตเลย เพราะว่าตลาดในไทยนั้นค่อนข้างไม่โต สินค้าที่จำหน่ายต่างประเทศนั้นเติบโตมากขึ้น
การผลิตก็ยังสามารถผลิตได้เพิ่มจากกำลังการผลิตปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตนั้นก็ต้องรอดูต่อไปว่าบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นหรือไม่ เพราะปัจจุบัน หากต้องการรายได้เพิ่มขึ้นสองเท่า ก็คงทำไม่ได้เพราะกำลังการผลิตนั้นไม่เพียงพอ แปลว่าหากบริษัทสามารถพิสูจน์การเพิ่มสัดส่วนของต่างประเทศได้มากขึ้น ก็มีแนวโน้มการเพิ่มกำลังการผลิต แต่ตลาดในเมืองไทยนั้นน่าจะครอบครองไปได้ ไม่อันดับ 1 ก็อันดับ 2
ความเสี่ยงก็คือ การแข่งขันนั้นไม่ได้สูงมากนัก แต่มีผู้เล่นหลายรายและเป็นเจ้าใหญ่ๆ เพราะฉะนั้นตลาดในไทยจิงไม่เป็นตลาดที่น่าลงทุนมากนัก บริษัทนั้นจะไม่สามารถเพิ่มกำไรโดยการเพิ่มราคาได้หากผู้เล่นอื่นไม่เพิ่ม หรือหากผู้เล่นอื่นนั้นลดราคา ของตัวเองก็ต้องลดราคา ถึงแม้จะมีชื่อแบรนด์ที่ติดหู แต่ก็จะเหมือน Oishi, Ichitan หรือน้ำดื่ม ซึ่งผู้บริโภคนั้นไม่ได้มีความ Loyalty มากสามารถสลับเปลี่ยนได้หากจำเป็น
แต่ข้อดีคือเนื่องจากเป็นตลาดที่ไม่โตแล้ว ผู้เล่นรายอื่นก็ไม่มีแนวโน้มมากนักในการเข้ามากินส่วนแบ่ง
งบการเงิน
รายได้
รายได้นั้นโตขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นสัญญานที่ดี แต่ค่าใช้จ่ายทำการตลาดนั้นจะเพิ่มขึ้นมากไปหน่อยสำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่มาก ต้นทุนที่ลดลงนั้นเกิดจากที่บริษัทผลิตขวดแก้วสีชาเองเป็นส่วนสำคัญ
รายได้จากการขายในประเทศนั้นก็ไม่มีการเติบโตที่น่าสนใจอะไร โดยเติบโตเพียงประมาณ 1 - 2% เท่านั้น แต่ว่าในต่างประเทศนั้นโตถึง 8 - 9% ซึ่งน่าสนใจกว่าในประเทศมากโดยส่วนใหญ่จะเป็นในประเทศกัมพูชา แต่อนาคตคือประเทศอังกฤษ ซึ่งต้องดูกันว่าจะเติบโตขนาดไหน
กำไรสุทธินั้นก็โตในระดับที่น่าพอใจ ต่างจากยอดขาย แปลว่าบริษัทสามารถลดต้นทุนได้ต่อเนื่องจากการผลิต
ฐานะทางการเงิน
บริษัทมีเงินสดเข้ามาทุกๆปี ไม่มีปัญหาเรื่องการหมุนเงิน การเติบโตของทรัพย์สินนั้นก็จะมาจากสินค้าคงคลังส่วนใหญ่
ทรัพย์สินส่วนใหญ่บริษัทนั้นก็คือโรงงานและที่ดินประมาณ 4000ล้าน
หนี้สินของบริษัทนั้นก็ไม่มีเปลี่ยนแปลงมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหนี้การค้า ซึ่งก็ถือว่ายังทำได้ดีในการจำกัดหนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น ถ้าเทียบอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นแล้ว บริษัทถือว่าปลอดภัยจากการล้มละลายแน่นอน
กระแสเงินสด
บริษัทนั้นมีกระแสเงินสดเข้ามาจากการดำเนินการตามปกติ
อัตราส่วน
จะเห็นได้ว่าบริษัทกำไรขึ้นต้นดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ท้ายสุดแล้วกำไรสุทธิถือว่าดีมากที่ 15% ส่วน ROE 20% ที่ลดลงมานั้นเนื่องจากเข้าตลาดทำให้อัตราส่วนต่ำลง แต่ว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะว่า20% ก็ดีมากแล้ว
แต่ที่น่าจับตามองคือ บริษัทมีวงจรเงินสดติดลบ แปลว่าบริษัทไม่ต้องการเงินหมุนในบริษัทเท่าไหร่เลย ซึ่งถือว่าหายากมากและเป็นเรื่องที่ดีมาก
คาราบาวนั้นถือว่ามีความโดนเด่นในเรื่องงบการเงินเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งอุตสาหกรรมไทยอาจจะไม่เติบโต แต่ว่าต่างประเทศนั้นมีโอกาสมากมายที่พร้อมจะให้บริษัทเจาะตลาดเข้าไป เพียงแค่ 0.1% ก็ทำให้บริษัทยอดขายหลายหมื่นล้านได้ไม่ยาก ซึ่งตรงนี้เป็นอนาคตที่ต้องดูอย่างยิ่ง แต่ในไทยนั้นไม่มีความน่าสนใจเท่าไหร่ แปลว่าถ้าบริษัทไม่สามารถโตต่างประเทศได้ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ อาจจะสนใจจากเงินปันผลที่ซึ่งมาจากงบการเงินดีและมีตลาดที่แน่นอนมีคนบริโภคที่แน่นอน
ที่มา https://www.facebook.com/investdiary