... มาถึงเพลานี้ ผมว่า ศิษยานุศิษย์ ผู้ที่รักหวงแหนชื่นชม พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คงได้คำตอบทีเริ่มเป็นเนื้อเป็นหนังในเบื้องต้นแล้วว่า นับแต่นี้ต่อไปทางเดินของพระเดชพระคุณท่านจะเป็นอย่างไร?
ยังไงก็ขอ อธิบายขั้นตอน..กระบวนการให้เหล่าสานุศิษย์ ที่ยังสับสนและคิดว่า "หลวงพ่อไม่ผิด" จะติดคุกได้ไงได้เข้าใจกันอีกทีว่า บ้านนี้เมืองนี้ เค้าใช้กฎหมายบริหารประเทศ...
และที่สำคัญ กฎหมายนั้นบังคับใช้ทุกตารางนิ้วของแผ่นดิน ..ไมมีที่ว่างสำหรับอาณาจักรใครมาบังอาจจะเป็น
"เขตปกครองตนเอง" ได้ซะเมื่อไหร่
ดังนั้น เมื่อเหตุการณ์มาถึงเวลาสำคัญ คืออัยการสูงสุดตวัดลายเซ็น...มีคำสั่ง
“ฟ้อง!” ตามด้วยคำสั่งชัดว่าให้ DSI
“ไปเอาตัวมา” คือสาสน์ส่งชัดเจนว่าทั้งสองหน่วยงานกำลังจะไปในทิศทางเดียวกัน และเมื่อไฟเขียวเปิดสว่าง มิหรือที่ DSI จะไม่โชว์พาว์ให้ดู
ก่อนหน้า ...เป็นธรรมดา ที่สองหน่วยงานอาจจะกำลัง กุกๆกักๆ เพราะยังไม่แน่ใจว่า จะจัดเต็มกันมั้ย ..เพราะหาก DSI จับไปตั้งแต่เที่ยวแรก ...เกิดสำนวนอ่อน อัยการบอกให้ไปสอบเพิ่ม หรือ มีคำสั่งไม่พร้อม DSI ก็ถึงกาล
“งานเข้า!” ซวยหน่วงงานเดียว
ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ ..เมืออายุความมันยังมี ทำสำนวน..ตรวจสำนวน... พิเคราะห์พยานหลักฐาน ตรวจเส้นทางการเชื่อมโยงของผู้ร้าย ภายใต้สำนวนนับหมื่น ๆหน้า จนชัดเจนแล้ว ก็ประกาศ มีคำสั่งฟ้อง ก็เท่ากับเป็นสัญญานชัดว่า ทั้ง DSI และอัยการสูงสุด จะเดินหน้าทำเรื่องนี้แบบ
“ลุยด้วยกัน”
เมื่ออัยการกล้าลุย... มีหรือ DSI จะไม่กล้า!
ใครที่เคยดูถูกแถมท้าเหย๋ง ๆ ให้ DSI เดินทางไปแจ้งข้อหาพระเดชพระคุณในวัดนั้น.....บัดนี้ จะได้สมปรารถนา
แต่ขอโทษ...ที่ไปเที่ยวนี้ ไม่ได้ไปแจ้งข้อหาให้เสียรูปคดี เป็นช่องโหว่ให้พวกหัวหมอจานบินใช้ช่องโหว่กฎหมายว่า DSI ทำผิด ป.วิ อาญา หรอกนะ
เที่ยวนี้ ไปจับตามหมายจับ! หรือภาษากฎหมายเรียกว่าให้ “
ไปเอาตัวมา” ส่วนจะเอามาสภาพไหน กฎหมายมิได้ระบุ ..ดังนั้นจะนอนมา..นั่งมา..เข็นมา แบบไหนไม่สำคัญ แต่ต้อง
“เอาตัวมา” ขึ้นฟ้องต่อศาล
กฎหมายไทย มีกระบวนการ...มีวิธีการชัด
ถ้าเข้าไปจับ..แล้วมีขัด มีขวาง จะอ้างว่าสวดมนต์ทำเนียน แต่ตีความด้วยปัญญาแล้วว่า "ขัดขวาง" ก็เรียงหน้ากระดานแจ้งความกันไป ทั้งพระ..ทั้งโยม
บทเรียนสังคมสอนให้เห็นกันมาากมายว่า.... ทุ่มเทเพราะศรัทธา สุดท้ายถ้าขาดปัญญา ก็เป็นแค่
"เครื่องมือ" คนฉลาด
เข้าไปค้นไปจับ ..ถ้าเจอแล้วป่วยหนัก ..ก็จับใส่รถส่งโรงพยาบาลนอกวัด.. จะมาอ้างว่า
“เค้าไม่ไป๊..ไม่ไป” ไม่ได้!!
แต่ถ้าเจอแล้วป่วยไม่หนัก จน DSI อุทานทำนอง
“คุณหลอกดาว!”
งานนี้ รับประกันจัดหนัก ทั้งพระ ..........ทั้งโยม ว่าด้วยข้อหาปกปิดซ่อนเร้น, ช่วยเหลือ ฯลฯ
เมื่อได้ตัวส่งฟ้องศาล.... ก็เป็นธรรมเนียมปฎิบัติและกระบวนการทางกฎหมายว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่...
แต่งานนี้... คงไม่ต้องเดาว่ากว่าจะเอาตัวมาได้ ยากแสนเข็ญขนาดนี้ ขืนให้ประกัน มีหรือ จะไม่ขื้นยานแม่แห่เหาะไปไกลลิบ!
ดังนั้น...เมื่อคัดค้านประกันตัว และศาลท่านเห็นพ้อง .... สถานะก็จบลงตรง
“ไปใส่กางเกงซะ”
เมื่อเปลี่ยนจาก พระเดชพระคุณ เป็น คุณครับ .ทุกอย่างก็เริ่มปล่อยวาง.... ไม่นานอะไรที่มันเคยปิด...ก็จะเปิดให้เห็น อะไรที่ไม่เคยคิด..จะมีออกมาให้ศิษยานุศิษย์ได้อ้าปากค้างกันอีกมหาศาลเรื่อง!
ส่วนไอเรื่อง... ระดมสวด ธัมมจักฯ นั่นน่ะ.... พอที่เหอะ เพราะขนาดชาวบ้านเค้าก็ยังรู้ว่า บทสวดนี้ ไม่เหมาะสำคัญเวลากาละแบบนี้
และที่สำคัญ.... เลิกพิทักษ์หลวงพ่อด้วยชีวิตเถอะ... มันไม่คุ้มค่า
หันมา พิทักษ์พระธรรมวินัยด้วยชีวิตกันเสียที!
ธัมมชโย ..เกมเดิมพันระหว่าง "ศรัทธา" กับ "ปัญญา"
... มาถึงเพลานี้ ผมว่า ศิษยานุศิษย์ ผู้ที่รักหวงแหนชื่นชม พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คงได้คำตอบทีเริ่มเป็นเนื้อเป็นหนังในเบื้องต้นแล้วว่า นับแต่นี้ต่อไปทางเดินของพระเดชพระคุณท่านจะเป็นอย่างไร?
ยังไงก็ขอ อธิบายขั้นตอน..กระบวนการให้เหล่าสานุศิษย์ ที่ยังสับสนและคิดว่า "หลวงพ่อไม่ผิด" จะติดคุกได้ไงได้เข้าใจกันอีกทีว่า บ้านนี้เมืองนี้ เค้าใช้กฎหมายบริหารประเทศ...
และที่สำคัญ กฎหมายนั้นบังคับใช้ทุกตารางนิ้วของแผ่นดิน ..ไมมีที่ว่างสำหรับอาณาจักรใครมาบังอาจจะเป็น "เขตปกครองตนเอง" ได้ซะเมื่อไหร่
ดังนั้น เมื่อเหตุการณ์มาถึงเวลาสำคัญ คืออัยการสูงสุดตวัดลายเซ็น...มีคำสั่ง “ฟ้อง!” ตามด้วยคำสั่งชัดว่าให้ DSI “ไปเอาตัวมา” คือสาสน์ส่งชัดเจนว่าทั้งสองหน่วยงานกำลังจะไปในทิศทางเดียวกัน และเมื่อไฟเขียวเปิดสว่าง มิหรือที่ DSI จะไม่โชว์พาว์ให้ดู
ก่อนหน้า ...เป็นธรรมดา ที่สองหน่วยงานอาจจะกำลัง กุกๆกักๆ เพราะยังไม่แน่ใจว่า จะจัดเต็มกันมั้ย ..เพราะหาก DSI จับไปตั้งแต่เที่ยวแรก ...เกิดสำนวนอ่อน อัยการบอกให้ไปสอบเพิ่ม หรือ มีคำสั่งไม่พร้อม DSI ก็ถึงกาล “งานเข้า!” ซวยหน่วงงานเดียว
ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ ..เมืออายุความมันยังมี ทำสำนวน..ตรวจสำนวน... พิเคราะห์พยานหลักฐาน ตรวจเส้นทางการเชื่อมโยงของผู้ร้าย ภายใต้สำนวนนับหมื่น ๆหน้า จนชัดเจนแล้ว ก็ประกาศ มีคำสั่งฟ้อง ก็เท่ากับเป็นสัญญานชัดว่า ทั้ง DSI และอัยการสูงสุด จะเดินหน้าทำเรื่องนี้แบบ “ลุยด้วยกัน”
เมื่ออัยการกล้าลุย... มีหรือ DSI จะไม่กล้า!
ใครที่เคยดูถูกแถมท้าเหย๋ง ๆ ให้ DSI เดินทางไปแจ้งข้อหาพระเดชพระคุณในวัดนั้น.....บัดนี้ จะได้สมปรารถนา
แต่ขอโทษ...ที่ไปเที่ยวนี้ ไม่ได้ไปแจ้งข้อหาให้เสียรูปคดี เป็นช่องโหว่ให้พวกหัวหมอจานบินใช้ช่องโหว่กฎหมายว่า DSI ทำผิด ป.วิ อาญา หรอกนะ
เที่ยวนี้ ไปจับตามหมายจับ! หรือภาษากฎหมายเรียกว่าให้ “ไปเอาตัวมา” ส่วนจะเอามาสภาพไหน กฎหมายมิได้ระบุ ..ดังนั้นจะนอนมา..นั่งมา..เข็นมา แบบไหนไม่สำคัญ แต่ต้อง “เอาตัวมา” ขึ้นฟ้องต่อศาล
กฎหมายไทย มีกระบวนการ...มีวิธีการชัด
ถ้าเข้าไปจับ..แล้วมีขัด มีขวาง จะอ้างว่าสวดมนต์ทำเนียน แต่ตีความด้วยปัญญาแล้วว่า "ขัดขวาง" ก็เรียงหน้ากระดานแจ้งความกันไป ทั้งพระ..ทั้งโยม
บทเรียนสังคมสอนให้เห็นกันมาากมายว่า.... ทุ่มเทเพราะศรัทธา สุดท้ายถ้าขาดปัญญา ก็เป็นแค่ "เครื่องมือ" คนฉลาด
เข้าไปค้นไปจับ ..ถ้าเจอแล้วป่วยหนัก ..ก็จับใส่รถส่งโรงพยาบาลนอกวัด.. จะมาอ้างว่า “เค้าไม่ไป๊..ไม่ไป” ไม่ได้!!
แต่ถ้าเจอแล้วป่วยไม่หนัก จน DSI อุทานทำนอง “คุณหลอกดาว!”
งานนี้ รับประกันจัดหนัก ทั้งพระ ..........ทั้งโยม ว่าด้วยข้อหาปกปิดซ่อนเร้น, ช่วยเหลือ ฯลฯ
เมื่อได้ตัวส่งฟ้องศาล.... ก็เป็นธรรมเนียมปฎิบัติและกระบวนการทางกฎหมายว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่...
แต่งานนี้... คงไม่ต้องเดาว่ากว่าจะเอาตัวมาได้ ยากแสนเข็ญขนาดนี้ ขืนให้ประกัน มีหรือ จะไม่ขื้นยานแม่แห่เหาะไปไกลลิบ!
ดังนั้น...เมื่อคัดค้านประกันตัว และศาลท่านเห็นพ้อง .... สถานะก็จบลงตรง “ไปใส่กางเกงซะ”
เมื่อเปลี่ยนจาก พระเดชพระคุณ เป็น คุณครับ .ทุกอย่างก็เริ่มปล่อยวาง.... ไม่นานอะไรที่มันเคยปิด...ก็จะเปิดให้เห็น อะไรที่ไม่เคยคิด..จะมีออกมาให้ศิษยานุศิษย์ได้อ้าปากค้างกันอีกมหาศาลเรื่อง!
ส่วนไอเรื่อง... ระดมสวด ธัมมจักฯ นั่นน่ะ.... พอที่เหอะ เพราะขนาดชาวบ้านเค้าก็ยังรู้ว่า บทสวดนี้ ไม่เหมาะสำคัญเวลากาละแบบนี้
และที่สำคัญ.... เลิกพิทักษ์หลวงพ่อด้วยชีวิตเถอะ... มันไม่คุ้มค่า
หันมา พิทักษ์พระธรรมวินัยด้วยชีวิตกันเสียที!