สังคมกังขา!อัยการสั่งไม่ฟ้องเปรมชัย 5 ข้อหา ควรฟ้อง 6 ข้อ เรียกค่าเสียหาย 4.6 แสน
อธิบดีอัยการภาค 7 แถลงความคืบหน้าพิจารณาคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก โดยอัยการสั่งฟ้องเปรมชัย 6 ข้อกล่าวหา
ไม่ฟ้อง 5 ข้อกล่าวหา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 4.6 แสนบาท ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ส่วนข้อหาที่สั่งไม่ฟ้องส่งสำนวนไปให้ผบช.ตำรวจภูธรภาค 7 พิจารณาความอาญามาตรา 145/1
หากไม่เห็นชอบจะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด
คดีของนายเปรมชัยควรนำไปเทียบเคียงกับคดีล่าสัตว์ป่าของ พ.ต.ท.นายหนึ่งที่เข้าไปกับพวก และตรวจพบซากสัตว์ป่าจำนวนหนึ่ง ซึ่งศาลได้ตัดสินแล้ว คดีส่วนใหญ่อยู่ภายใต้ กฎหมายฉบับเดียวกัน จึงไม่แน่ใจว่าจะมีการลงโทษในฐานความผิดสูงสุดคดีเดียวหรือคิดรวมในหลายกระทง ”
น.สพ.เกษตร กล่าวว่า เชื่อว่าคดีดังกล่าวจะสู้กันถึงชั้นฎีกา และใช้เวลาอย่างน้อย 5-6 ปี ซึ่งสังคม และสื่อต้องช่วยกันติดตามกันต่อไป
หากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี กลุ่มนี้ยังมีข้อกังขาการทำคดีของตำรวจยิ่งอัยการภาค 7 สั่งคืนสำนวนให้สอบสวนเพิ่มเติมยิ่งทำให้กังวลใจว่าคดีจะยกฟ้องกลุ่มประกาศนัดรวมพล “วันป่าประท้วง” เคลื่อนขบวนมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่การฆ่าเสือดำ แต่มันเป็นการฆ่ากฎหมาย และเสือดำต้องไม่ตายฟรี
เป็นสถานการณ์ล่าสุด “คดีเสือดำ” ที่ยังไม่จบ
กลายเป็นบทเรียนของตำรวจในการทำสำนวนคดีทุกคดี
เพราะหากจุดประเด็นผลตัดสินคดีนี้ติดไปแล้ว อาจจะลุกลามมากกว่านี้ได้อีก
น่าเป็นห่วงคดี “เสือดำ” บานปลาย.
บทความจาก “เพลิงพยัคฆ์” ไทยรัฐ
พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ตำรวจเตรียมทำความเห็นแย้ง ไปยังอัยการสูงสุด
โดยยืนยันตำรวจจะมีความเห็นเดิม หลังอัยการ ภาค 7 มีความเห็นไม่สั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ในข้อหาฐานร่วมกันมีอาวุธปืน
และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
/ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
/ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ป่าหรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
/ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ ร่วมกันทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันอีกว่า คดีลักลอบล่าสัตว์ป่า อัยการ ยังคงยืนยันสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวนและคงไม่ทำให้สำนวนคดีการล่าสัตว์ป่า มีน้ำหนักอ่อนลงไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนการทำความเห็นแย้งกลับไปให้อัยการ คงเป็นดุลยพินิจของอัยการ ในการพิจารณา เพราะพ้นอำนาจการสอบสวนของตำรวจไปแล้ว
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม และยืนยันว่า ตำรวจทำสำนวนครบถ้วนอย่างละเอียดแล้ว เพราะอัยการ มีความเห็นสั่งฟ้อง นายเปรมชัย และพวก ในข้อหาหลัก แม้จะมีบางข้อหาที่สั่งไม่ฟ้อง แต่ก็ไม่ได้ส่งกลับมาให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม จึงแสดงให้เห็นว่า สำนวนคดีมีความแน่นหนา
ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กับนายเปรมชัย พลตำรวจตรีธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ยืนยันว่า
ปืนที่พบเป็นปืนที่มีทะเบียน และมีชื่อนายเปรมชัย เป็นผู้ครอบครองถูกต้องตามกฏหมาย และในชั้นพนักงานสอบสวน ก็มีความเห็นไม่สั่งฟ้องไปตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ส่วนการ พกพาปืนและเครื่องกระสุน ไปนั้น ยังคงมีอยู่ในสำนวนส่งฟ้อง
แจงข้อหา ต่อข้อหา ทำไมไม่สั่งฟ้องเปรมชัย
จากกรณี อัยการภาค 7 พิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ลงความเห็น สั่งฟ้องนายเปรมชัย และพวก 6 ข้อหา แต่ไม่สั่งฟ้อง นายเปรมชัย 5 ข้อหา
อีจันเกิดข้อสงสัย จึงสอบถามไปยัง นาย สมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 โดย นาย สมเจตน์ ชี้แจงรายละเอียดการไม่สั่งฟ้อง นายเปรมชัย ในแต่ละข้อหาดังนี้
ข้อหาที่ 1.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่สั่งฟ้องเพราะ ข้อหานี้ นายเปรมชัยได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนทั้ง 3 กระบอกตามกฎหมาย เมื่อเขาได้รับอนุญาตให้มีปืนดังกล่าว ก็จะไม่เป็นความผิดทางกฎหมาย
ข้อหาที่ 2.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่สั่งฟ้องเพราะ เขาได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คือหัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์ให้สามารถเข้าไปได้ ข้อหานี้ตามกฎหมายแล้วกำหนดเป็นความผิด แต่ไม่ได้กำหนดโทษไว้ เพียงแต่มีโทษทางปกครองคือให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าก็คือหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า มีอำนาจทางการปกครองเป็นกลาง ที่จะให้ออกจากสถานที่นั้น
เช่นเดียวกับข้อหาที่
3. ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับการล่าสัตว์ป่า ทั้ง 2 ข้อหานี้มีลักษณะอย่างเดียวกัน คือมีบทกฎหมายความผิด แต่ไม่ได้กำหนดโทษไว้ อย่างเช่น จำคุก ปรับ กักขัง หรือยึดทรัพย์สิน ไม่มีกำหนดโทษไว้
ข้อหาที่ 4. ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่สั่งฟ้องเพราะ ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงแต่ว่า ผู้ต้องหาที่ 4 (ธานี ทุมมาศ) เป็นคนพยายามล่าสัตว์ป่า และ ขณะที่ ผู้ต้องหาที่ 4 พยายามยิงสัตว์นั้น นายเปรมชัย นายยง และนายนที ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แต่ในความผิดล่าสัตว์ป่า มีการสั่งฟ้อง นายเปรมชัย แล้ว
ข้อหาที่ 5.ร่วมกันกระทำการทารุณสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร ไม่สั่งฟ้องเพราะ กฎหมายยังไม่มีบัญญัติว่าเสือดำเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และไม่มีอะไรที่แสดงให้เห็นว่าการที่พวกเขายิงเสือดำ เป็นการกระทำที่ทารุณ
ขณะนี้ พนักงานอัยการภาค 7 ส่งสำนวนคดีกลับไปให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พิจารณาว่ามีความเห็นชอบแล้ว ซึ่งหากเห็นชอบก็จะส่งสำนวนคดีกลับมาให้พนักงานอัยการภาค 7 ยื่นฟ้องต่อศาลภายใน 1-2 วัน แต่หากมีความเห็นแย้งก็จะต้องส่งสำนวนให้สำนักอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด
จาก ช่องไทยพีบีเอส ช่อง7 ข่าวสด ไทยรัฐ เพจอีจัน
https://www.ejan.co/news/5ac4af3a70fca
ไม่เข้าใจทำไมออกมาในรูป แบบนี้ อย่างนี้โทษก็น้อยลงหรือเปล่า ผู้รู้คิดยังไงกันบ้าง ค่าเสียหายที่เรียกจากนายเปรมชัยและพวก ก็น้อยเกินไปหรือเปล่า
คาใจ " 5 ข้อหา" อัยการสั่งไม่ฟ้องเปรมชัย วอนสังคมช่วยติดตาม คาใจมากสังคมเริ่มสงสัยกันหรือยัง
อธิบดีอัยการภาค 7 แถลงความคืบหน้าพิจารณาคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก โดยอัยการสั่งฟ้องเปรมชัย 6 ข้อกล่าวหา
ไม่ฟ้อง 5 ข้อกล่าวหา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 4.6 แสนบาท ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ส่วนข้อหาที่สั่งไม่ฟ้องส่งสำนวนไปให้ผบช.ตำรวจภูธรภาค 7 พิจารณาความอาญามาตรา 145/1
หากไม่เห็นชอบจะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
น.สพ.เกษตร กล่าวว่า เชื่อว่าคดีดังกล่าวจะสู้กันถึงชั้นฎีกา และใช้เวลาอย่างน้อย 5-6 ปี ซึ่งสังคม และสื่อต้องช่วยกันติดตามกันต่อไป
หากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี กลุ่มนี้ยังมีข้อกังขาการทำคดีของตำรวจยิ่งอัยการภาค 7 สั่งคืนสำนวนให้สอบสวนเพิ่มเติมยิ่งทำให้กังวลใจว่าคดีจะยกฟ้องกลุ่มประกาศนัดรวมพล “วันป่าประท้วง” เคลื่อนขบวนมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่การฆ่าเสือดำ แต่มันเป็นการฆ่ากฎหมาย และเสือดำต้องไม่ตายฟรี
เป็นสถานการณ์ล่าสุด “คดีเสือดำ” ที่ยังไม่จบ
กลายเป็นบทเรียนของตำรวจในการทำสำนวนคดีทุกคดี
เพราะหากจุดประเด็นผลตัดสินคดีนี้ติดไปแล้ว อาจจะลุกลามมากกว่านี้ได้อีก
น่าเป็นห่วงคดี “เสือดำ” บานปลาย.
บทความจาก “เพลิงพยัคฆ์” ไทยรัฐ
พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ตำรวจเตรียมทำความเห็นแย้ง ไปยังอัยการสูงสุด
โดยยืนยันตำรวจจะมีความเห็นเดิม หลังอัยการ ภาค 7 มีความเห็นไม่สั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ในข้อหาฐานร่วมกันมีอาวุธปืน
และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
/ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
/ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ป่าหรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
/ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ ร่วมกันทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากกรณี อัยการภาค 7 พิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ลงความเห็น สั่งฟ้องนายเปรมชัย และพวก 6 ข้อหา แต่ไม่สั่งฟ้อง นายเปรมชัย 5 ข้อหา
อีจันเกิดข้อสงสัย จึงสอบถามไปยัง นาย สมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 โดย นาย สมเจตน์ ชี้แจงรายละเอียดการไม่สั่งฟ้อง นายเปรมชัย ในแต่ละข้อหาดังนี้
ข้อหาที่ 1.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่สั่งฟ้องเพราะ ข้อหานี้ นายเปรมชัยได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนทั้ง 3 กระบอกตามกฎหมาย เมื่อเขาได้รับอนุญาตให้มีปืนดังกล่าว ก็จะไม่เป็นความผิดทางกฎหมาย
ข้อหาที่ 2.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่สั่งฟ้องเพราะ เขาได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คือหัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์ให้สามารถเข้าไปได้ ข้อหานี้ตามกฎหมายแล้วกำหนดเป็นความผิด แต่ไม่ได้กำหนดโทษไว้ เพียงแต่มีโทษทางปกครองคือให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าก็คือหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า มีอำนาจทางการปกครองเป็นกลาง ที่จะให้ออกจากสถานที่นั้น
เช่นเดียวกับข้อหาที่
3. ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับการล่าสัตว์ป่า ทั้ง 2 ข้อหานี้มีลักษณะอย่างเดียวกัน คือมีบทกฎหมายความผิด แต่ไม่ได้กำหนดโทษไว้ อย่างเช่น จำคุก ปรับ กักขัง หรือยึดทรัพย์สิน ไม่มีกำหนดโทษไว้
ข้อหาที่ 4. ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่สั่งฟ้องเพราะ ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงแต่ว่า ผู้ต้องหาที่ 4 (ธานี ทุมมาศ) เป็นคนพยายามล่าสัตว์ป่า และ ขณะที่ ผู้ต้องหาที่ 4 พยายามยิงสัตว์นั้น นายเปรมชัย นายยง และนายนที ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แต่ในความผิดล่าสัตว์ป่า มีการสั่งฟ้อง นายเปรมชัย แล้ว
ข้อหาที่ 5.ร่วมกันกระทำการทารุณสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร ไม่สั่งฟ้องเพราะ กฎหมายยังไม่มีบัญญัติว่าเสือดำเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และไม่มีอะไรที่แสดงให้เห็นว่าการที่พวกเขายิงเสือดำ เป็นการกระทำที่ทารุณ
ขณะนี้ พนักงานอัยการภาค 7 ส่งสำนวนคดีกลับไปให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พิจารณาว่ามีความเห็นชอบแล้ว ซึ่งหากเห็นชอบก็จะส่งสำนวนคดีกลับมาให้พนักงานอัยการภาค 7 ยื่นฟ้องต่อศาลภายใน 1-2 วัน แต่หากมีความเห็นแย้งก็จะต้องส่งสำนวนให้สำนักอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด
จาก ช่องไทยพีบีเอส ช่อง7 ข่าวสด ไทยรัฐ เพจอีจัน https://www.ejan.co/news/5ac4af3a70fca
ไม่เข้าใจทำไมออกมาในรูป แบบนี้ อย่างนี้โทษก็น้อยลงหรือเปล่า ผู้รู้คิดยังไงกันบ้าง ค่าเสียหายที่เรียกจากนายเปรมชัยและพวก ก็น้อยเกินไปหรือเปล่า