**** ขออภัยชื่อกระทู้พิมพ์ผิดนิดหน่อยค่ะ ****
มีคนเคยกล่าวว่า
ตอนเด็กๆ เราชอบทะเลเพราะว่ามัน 'สนุก'
ตอนโต เราชอบภูเขาเพราะว่ามัน 'สงบ'
ส่วนตอนนี้ เราชอบภูเขาไฟ เพราะมัน 'สนุก' ตรงที่ได้ลุ้นว่ามันจะ 'สงบ' หรือ 'ไม่สงบ'
Mt. Bromo - Ijen Crater, Java , Indonesia
26-30 October 2016
(***สรุปค่าใช้จ่ายที่ ค.ห. 10 นะคะ***)
คอนแทคไกด์และรายละเอียดแพคเกจ ค.ห.25 นะคะ
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางไปยัง 1 ในสถานที่เที่ยวยอดฮิตของห้องบลูแพลนเน็ต ที่มีกระทู้รีวิวแทบจะทุกสัปดาห์ อย่างภูเขาไฟ โบรโม่ และเหมืองคาวาอีเจี้ยน ในมุมมองของเราให้ฟังค่ะ
หลายคนคงที่เดินทางไปยังโบรโม่ก็คงมีภาพในหัวว่า เราจะได้เห็นภาพกลุ่มภูเขาไฟที่มีควันพวยพุ่งขึ้นมาจากปากปล่อง ท่ามกลางทะเลหมอก และได้ปีนขึ้นไปปากปล่องเพื่อสัมผัสลมหายใจของพระเจ้าใกล้ๆ ตามที่ได้เห็นในรีวิวทั้งหลาย แต่ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังเสมอไป หลายๆคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางไปช่วงก่อนหน้าเรา ทำได้เพียงชื่นชมความงามของโบรโม่อยู่ห่าง ๆ บนจุดชมวิวเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปบริเวณใกล้ๆ ได้
หากเป็นไปได้เราคงอยากเห็นโบรโม่ตอนที่ยังไม่ปะทุมากกว่า แต่การจะดาดหวังหรือคาดเดาให้ภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิทแห่งนี้ไม่ปะทุเมื่อเราไปเยือนคงจะเป็นไปได้ยาก
การเดินทางครั้งนี้เราวางแผนล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน เดินทางไปกับกลุ่มเพื่อนอีก 5 คน เป็นครั้งแรกของพวกเราที่มีการซื้อแพ็คเกจจากไกด์ท้องถิ่น โดยปกติเราจะวางแผนและจองทุกอย่างกันเองในทุกขั้นตอน ไปกันเองหลงกันเอง แต่เนื่องด้วยทริปนี้เราคิดว่าซื้อแพคเกจไปจะสะดวกกว่า และก็ยังทำการบ้านไม่มากพอสำหรับการไปกันเอง
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินและนัดวันกับไกด์ที่นู่นเรียบร้อยแล้ว เราก็มักจะเข้าไปดูรูปภาพ อ่านข้อความของคนที่เช็คอินที่โบรโม่ และอีเจี้ยนแทบทุกวัน อยากรู้ว่าโบรโม่ยังสวยอยู่ไหม ยังมี Blue Flame ให้เห็นอยู่หรืเปล่า เหมือนคอยเฝ้าดูและให้ความงดงามยังคงอยู่รอจนวันที่เราไปถึง ยิ่งดูยิ่งอ่าน ยิ่งอยากไปเร็วๆ
จนมาถึงช่วงประมาณปลายเดือนกันยายน เราไปเจอไลฟ์ของคนไทยอันนึงที่ไปช่วงที่มีการปะทุของโบรโม่พอดี ทำให้ไม่สามารถปีนขึ้นไปที่ปากปล่อง และไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆ โบรโม่ได้ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เรารู้ว่าโบรโม่นั้นไม่ได้เข้าไปเที่ยวชมได้ทุกวัน เพราะจากข้อมูลที่เรามี จากรีวิวที่เคยอ่าน ถึงแม้ภาพที่เคยเห็นจะมีควันพุ่งออกจากปากปล่องตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว ยังเห็นภาพสวยๆ จากนักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปบนปากปล่อง และบริเวณใกล้ๆ โบรโม่อยู่ตลอด
เราเริ่มใจไม่ดี กลัวว่าไปแล้วจะไม่ได้ขึ้นไปสูดลมหายใจของพระเจ้าใกล้ๆ ก็เลยเริ่มหาข้อมูลว่าจะรู้ได้ไงว่าเปิดหรือไม่เปิดให้ขึ้น ถ้าช่วงที่ปะทุแล้วไม่ได้ปีนขึ้นปากปล่อง จะทำยังไง จะไปที่ไหนแทน ก็ไปเจอกระทู้ของคนที่ไปช่วงที่ภูเขาไฟปะทุ ก็อ่านปลอบใจตัวเองไป คุยกับเพื่อนว่าถ้าไปแล้วไม่ได้ขึ้นก็เป็นโชคดีอย่างนึงนะ ไม่ค่อยมีคนได้เห็นช่วงปะทุ แต่ในใจก็คิดว่าไปแล้วก็ต้องได้ขึ้นสิวะ ไม่งั้นเหมือนไปไม่ถึงโบรโม่
อย่างที่ทราบกันดีว่าโบรโม่นั้นเป็นภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิท และมีการปะทุอยู่เรื่อยๆ เราพยายามหาเว็บที่เป็นทางการของโบรโม่แต่ไม่เจอ ก็ลองค้นข้อมูลใน google ดู ก็ได้ไปเจอกับเว็บไซต์ vocalnodiscovery.com ก็จะมีข้อมูล และข่าวรวมถึงสถิติ เกี่ยวกับภูเขาไฟต่างๆ รวมถึงข้อมูลการปะทุของภูเขาไฟแต่ละลูก ก็ได้รู้ว่ามีการปะทุล่าสุดเมื่อวันที่ 6-8 ตุลาคม ส่วนวันที่ปิดหรือเปิดไม่ให้เข้านั้นไม่ได้มีข้อูมลบอก เท่าที่เรารู้จากเฟสบุคของคนไทยที่ไปเที่ยวมีกลุ่มควันและเถ้าถ่านออกมาปริมาณมากจนปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่ปลายกันยายน จนถึงช่วงหรือก่อนหน้าเราไปไม่กี่วัน
ในเดือนธันวาคมปี 2015 ก็ได้เกิดการปะทุและกินเวลายาวนานถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 เลยทีเดียว ส่วนครั้งที่รุนแรงจนถึงขึ้นมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 2004 มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 2 คน
การปะทุในเดือนตุลาคม 2016 นี้เป็นการเตือนภัยระดับ 3 จาก 4 สำหรับการเตือนภัยระดับ 3 นั้น จะไม่อนุญาตให้เข้าใกล้โบรโม่ในรัศมี 2.5 กิโลเมตร นั่นหมายความว่า ใครที่ไปช่วงนี้ก็จะไม่ได้ขึ้นไปปากปล่อง ไม่ได้ขี่ม้าถ่ายรูป บริเวณทะเลทราย และทุ่งหญ้าสวันน่า ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากไปให้ถึงแทบทั้งนั้น ถ้าเลือกได้เรา รวมถึงไกด์และคนท้องถิ่นที่มีรายได้มาจากการท่องเที่ยวกึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยๆ
ก่อนเดินทางประมาณ 2 สัปดาห์ มีกลุ่มเพื่อนเดินทางไปก่อนหน้าเรา ปรากฏว่าก็ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปบริเวณใกล้ๆ โบรโม่อยู่ดี แต่ทางไกด์เราก็ไม่ได้แจ้งอะไรมาเลย เราเลยไปถามได้ความว่าช่วงนี้มีการปะทุไม่ให้เข้าใกล้ ความหวังริบรี่เต็มที
ก่อนเดินทาง 5 วัน เราได้ถามไกด์อีกครั้งว่าสถานการณ์เป็นยังไง ไกด์ตอบกลับมาว่า เข้าไปบริเวณใกล้ๆ ได้แล้ว แต่ยังคงไม่ให้ปีนขึ้นไปปากปล่อง เริ่มมีความหวัง แต่ก็ยังคงเตรียมใจว่าอาจจะไม่ได้ขึ้นไป
แต่ก็มานั่งคิดว่ายังไงก็ต้องไปอยู่ดี เลยปรึกษากันว่าเราต้องเตรียมแผนสำรอง แผนของเราก็คือ “Plan is no plan” จะเกิดอะไรก็ช่างมัน ไปลุ้นเอาเลยดีกว่า วัดดวงกันไปเลย ไกด์จะพาไปไหนก็ไปนั่นแหละ เตรียมพร้อมทุกอย่างทั้งใจและกายแล้วออกเดินทาง
[CR] Journey to the East of Java : Mt. Bromo - Ijen Crater ตะลุยภูเขาไฟหลังการประทุระดับที่สาม
ตอนเด็กๆ เราชอบทะเลเพราะว่ามัน 'สนุก'
ตอนโต เราชอบภูเขาเพราะว่ามัน 'สงบ'
ส่วนตอนนี้ เราชอบภูเขาไฟ เพราะมัน 'สนุก' ตรงที่ได้ลุ้นว่ามันจะ 'สงบ' หรือ 'ไม่สงบ'
26-30 October 2016
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางไปยัง 1 ในสถานที่เที่ยวยอดฮิตของห้องบลูแพลนเน็ต ที่มีกระทู้รีวิวแทบจะทุกสัปดาห์ อย่างภูเขาไฟ โบรโม่ และเหมืองคาวาอีเจี้ยน ในมุมมองของเราให้ฟังค่ะ
หลายคนคงที่เดินทางไปยังโบรโม่ก็คงมีภาพในหัวว่า เราจะได้เห็นภาพกลุ่มภูเขาไฟที่มีควันพวยพุ่งขึ้นมาจากปากปล่อง ท่ามกลางทะเลหมอก และได้ปีนขึ้นไปปากปล่องเพื่อสัมผัสลมหายใจของพระเจ้าใกล้ๆ ตามที่ได้เห็นในรีวิวทั้งหลาย แต่ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังเสมอไป หลายๆคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางไปช่วงก่อนหน้าเรา ทำได้เพียงชื่นชมความงามของโบรโม่อยู่ห่าง ๆ บนจุดชมวิวเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปบริเวณใกล้ๆ ได้
หากเป็นไปได้เราคงอยากเห็นโบรโม่ตอนที่ยังไม่ปะทุมากกว่า แต่การจะดาดหวังหรือคาดเดาให้ภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิทแห่งนี้ไม่ปะทุเมื่อเราไปเยือนคงจะเป็นไปได้ยาก
การเดินทางครั้งนี้เราวางแผนล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน เดินทางไปกับกลุ่มเพื่อนอีก 5 คน เป็นครั้งแรกของพวกเราที่มีการซื้อแพ็คเกจจากไกด์ท้องถิ่น โดยปกติเราจะวางแผนและจองทุกอย่างกันเองในทุกขั้นตอน ไปกันเองหลงกันเอง แต่เนื่องด้วยทริปนี้เราคิดว่าซื้อแพคเกจไปจะสะดวกกว่า และก็ยังทำการบ้านไม่มากพอสำหรับการไปกันเอง
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินและนัดวันกับไกด์ที่นู่นเรียบร้อยแล้ว เราก็มักจะเข้าไปดูรูปภาพ อ่านข้อความของคนที่เช็คอินที่โบรโม่ และอีเจี้ยนแทบทุกวัน อยากรู้ว่าโบรโม่ยังสวยอยู่ไหม ยังมี Blue Flame ให้เห็นอยู่หรืเปล่า เหมือนคอยเฝ้าดูและให้ความงดงามยังคงอยู่รอจนวันที่เราไปถึง ยิ่งดูยิ่งอ่าน ยิ่งอยากไปเร็วๆ
จนมาถึงช่วงประมาณปลายเดือนกันยายน เราไปเจอไลฟ์ของคนไทยอันนึงที่ไปช่วงที่มีการปะทุของโบรโม่พอดี ทำให้ไม่สามารถปีนขึ้นไปที่ปากปล่อง และไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆ โบรโม่ได้ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เรารู้ว่าโบรโม่นั้นไม่ได้เข้าไปเที่ยวชมได้ทุกวัน เพราะจากข้อมูลที่เรามี จากรีวิวที่เคยอ่าน ถึงแม้ภาพที่เคยเห็นจะมีควันพุ่งออกจากปากปล่องตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว ยังเห็นภาพสวยๆ จากนักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปบนปากปล่อง และบริเวณใกล้ๆ โบรโม่อยู่ตลอด
เราเริ่มใจไม่ดี กลัวว่าไปแล้วจะไม่ได้ขึ้นไปสูดลมหายใจของพระเจ้าใกล้ๆ ก็เลยเริ่มหาข้อมูลว่าจะรู้ได้ไงว่าเปิดหรือไม่เปิดให้ขึ้น ถ้าช่วงที่ปะทุแล้วไม่ได้ปีนขึ้นปากปล่อง จะทำยังไง จะไปที่ไหนแทน ก็ไปเจอกระทู้ของคนที่ไปช่วงที่ภูเขาไฟปะทุ ก็อ่านปลอบใจตัวเองไป คุยกับเพื่อนว่าถ้าไปแล้วไม่ได้ขึ้นก็เป็นโชคดีอย่างนึงนะ ไม่ค่อยมีคนได้เห็นช่วงปะทุ แต่ในใจก็คิดว่าไปแล้วก็ต้องได้ขึ้นสิวะ ไม่งั้นเหมือนไปไม่ถึงโบรโม่
อย่างที่ทราบกันดีว่าโบรโม่นั้นเป็นภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิท และมีการปะทุอยู่เรื่อยๆ เราพยายามหาเว็บที่เป็นทางการของโบรโม่แต่ไม่เจอ ก็ลองค้นข้อมูลใน google ดู ก็ได้ไปเจอกับเว็บไซต์ vocalnodiscovery.com ก็จะมีข้อมูล และข่าวรวมถึงสถิติ เกี่ยวกับภูเขาไฟต่างๆ รวมถึงข้อมูลการปะทุของภูเขาไฟแต่ละลูก ก็ได้รู้ว่ามีการปะทุล่าสุดเมื่อวันที่ 6-8 ตุลาคม ส่วนวันที่ปิดหรือเปิดไม่ให้เข้านั้นไม่ได้มีข้อูมลบอก เท่าที่เรารู้จากเฟสบุคของคนไทยที่ไปเที่ยวมีกลุ่มควันและเถ้าถ่านออกมาปริมาณมากจนปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่ปลายกันยายน จนถึงช่วงหรือก่อนหน้าเราไปไม่กี่วัน
ในเดือนธันวาคมปี 2015 ก็ได้เกิดการปะทุและกินเวลายาวนานถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 เลยทีเดียว ส่วนครั้งที่รุนแรงจนถึงขึ้นมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 2004 มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 2 คน
การปะทุในเดือนตุลาคม 2016 นี้เป็นการเตือนภัยระดับ 3 จาก 4 สำหรับการเตือนภัยระดับ 3 นั้น จะไม่อนุญาตให้เข้าใกล้โบรโม่ในรัศมี 2.5 กิโลเมตร นั่นหมายความว่า ใครที่ไปช่วงนี้ก็จะไม่ได้ขึ้นไปปากปล่อง ไม่ได้ขี่ม้าถ่ายรูป บริเวณทะเลทราย และทุ่งหญ้าสวันน่า ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากไปให้ถึงแทบทั้งนั้น ถ้าเลือกได้เรา รวมถึงไกด์และคนท้องถิ่นที่มีรายได้มาจากการท่องเที่ยวกึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยๆ
ก่อนเดินทางประมาณ 2 สัปดาห์ มีกลุ่มเพื่อนเดินทางไปก่อนหน้าเรา ปรากฏว่าก็ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปบริเวณใกล้ๆ โบรโม่อยู่ดี แต่ทางไกด์เราก็ไม่ได้แจ้งอะไรมาเลย เราเลยไปถามได้ความว่าช่วงนี้มีการปะทุไม่ให้เข้าใกล้ ความหวังริบรี่เต็มที
ก่อนเดินทาง 5 วัน เราได้ถามไกด์อีกครั้งว่าสถานการณ์เป็นยังไง ไกด์ตอบกลับมาว่า เข้าไปบริเวณใกล้ๆ ได้แล้ว แต่ยังคงไม่ให้ปีนขึ้นไปปากปล่อง เริ่มมีความหวัง แต่ก็ยังคงเตรียมใจว่าอาจจะไม่ได้ขึ้นไป
แต่ก็มานั่งคิดว่ายังไงก็ต้องไปอยู่ดี เลยปรึกษากันว่าเราต้องเตรียมแผนสำรอง แผนของเราก็คือ “Plan is no plan” จะเกิดอะไรก็ช่างมัน ไปลุ้นเอาเลยดีกว่า วัดดวงกันไปเลย ไกด์จะพาไปไหนก็ไปนั่นแหละ เตรียมพร้อมทุกอย่างทั้งใจและกายแล้วออกเดินทาง