"กะปิในใจ"
จะให้อะไรแก่ลิงก็ให้เถิด ขออย่างเดียวอย่าให้กะปิก็แล้วกัน ลิงนั้นเกลียดกะปิยิ่งนัก ถ้ากะปิติดมือมันเมื่อไหร่เป็นได้เรื่องเมื่อนั้น โลกจะแตก แผ่นดินจะไหวมันไม่สนใจแล้ว สนใจอย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรกลิ่นกะปิจะหลุดไปจากมือ
มันจะเอามือถู ๆ แล้วก็ดมดูว่ากลิ่นยังติดมืออยู่หรือไม่ ถ้ายังติดอยู่ มันจะถู ๆ ๆ อีก และถูแรงขึ้นๆ จนเนื้อถลอก ถ้าดมมือแล้วยังไม่พอใจ ก็ถูต่อไปแม้เลือดไหลซิบๆ ก็ยังไม่หยุด จนกว่ากลิ่นกะปิจะหายไป กว่าลิงจะเลิกถูและเลิกดม มือก็แดงไปด้วยเลือดแล้ว
มันไม่เฉลียวใจเลยว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ทำร้ายมันไม่ใช่กะปิหากได้แก่การกระทำของมันเอง กะปิทำความรำคาญแก่มันก็จริง แต่ที่มันเลือดตกยางออกก็เพราะทำร้ายตัวเอง
แล้วอะไรที่ทำให้มันรุนแรงกับตัวเองอย่างนั้น กะปิหรือ? ไม่ใช่หรอก ความเกลียดกะปิอย่างเข้ากระดูกดำต่างหาก พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สำหรับลิงแล้ว สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่กะปิ แต่ได้แก่ความเกลียดกะปิต่างหาก
จะว่าไป ปัญหาของเจ้าจ๋อนั้น ก็เป็นปัญหาของคนเราเหมือนกัน สิ่งที่เราโกรธหรือเกลียดนั้น ไม่ร้ายเท่ากับความโกรธเกลียดที่ฝังแน่นในใจเรา ถึงเขาจะดูถูกเรา กลั่นแกล้งเรา แต่การหมกมุ่นครุ่น
คิดอยู่กับคนคนนั้น และการกระทำของเขาวันแล้ววันเล่าต่างหากที่มีสิทธิ์ทำให้เราเป็นโรคหัวใจ หรือเส้นโลหิตในสมองแตกได้
ในทำนองเดียวกัน ความตายก็น่ากลัวน้อยกว่าความกลัวตาย คนเป็นอันมากทุกข์เพราะความกลัวตาย ยิ่งกว่าเพราะความตายจริงๆ เสียอีก ทันทีที่ความกลัวตายจางคลายไป ความตายกลับจะเป็นมิตรที่นำความสงบและปัญญามาสู่จิตใจ..................
เราทุกข์เพราะความกลัว และเรากลัวทุกครั้งที่คิดถึงพวกนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ จริง ๆ แล้วเรากลัวความคิดของเราเองต่างหาก เราทุกข์เพราะสิ่งที่อยู่ในใจเรายิ่งกว่าอะไรอื่น จะเรียกว่าทุกข์เพราะ
ตัวเราเองก็ได้ สิ่งอื่นคนอื่นเป็นเพียงองค์ประ กอบเท่านั้น เพราะฉะนั้น เวลาเดือดเนื้อร้อนใจอย่าไปโทษหรือเล่นงานคนอื่น จนลืมจัดการกับใจของตนเอง
กระปิคติ
"กะปิในใจ"
จะให้อะไรแก่ลิงก็ให้เถิด ขออย่างเดียวอย่าให้กะปิก็แล้วกัน ลิงนั้นเกลียดกะปิยิ่งนัก ถ้ากะปิติดมือมันเมื่อไหร่เป็นได้เรื่องเมื่อนั้น โลกจะแตก แผ่นดินจะไหวมันไม่สนใจแล้ว สนใจอย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรกลิ่นกะปิจะหลุดไปจากมือ
มันจะเอามือถู ๆ แล้วก็ดมดูว่ากลิ่นยังติดมืออยู่หรือไม่ ถ้ายังติดอยู่ มันจะถู ๆ ๆ อีก และถูแรงขึ้นๆ จนเนื้อถลอก ถ้าดมมือแล้วยังไม่พอใจ ก็ถูต่อไปแม้เลือดไหลซิบๆ ก็ยังไม่หยุด จนกว่ากลิ่นกะปิจะหายไป กว่าลิงจะเลิกถูและเลิกดม มือก็แดงไปด้วยเลือดแล้ว
มันไม่เฉลียวใจเลยว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ทำร้ายมันไม่ใช่กะปิหากได้แก่การกระทำของมันเอง กะปิทำความรำคาญแก่มันก็จริง แต่ที่มันเลือดตกยางออกก็เพราะทำร้ายตัวเอง
แล้วอะไรที่ทำให้มันรุนแรงกับตัวเองอย่างนั้น กะปิหรือ? ไม่ใช่หรอก ความเกลียดกะปิอย่างเข้ากระดูกดำต่างหาก พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สำหรับลิงแล้ว สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่กะปิ แต่ได้แก่ความเกลียดกะปิต่างหาก
จะว่าไป ปัญหาของเจ้าจ๋อนั้น ก็เป็นปัญหาของคนเราเหมือนกัน สิ่งที่เราโกรธหรือเกลียดนั้น ไม่ร้ายเท่ากับความโกรธเกลียดที่ฝังแน่นในใจเรา ถึงเขาจะดูถูกเรา กลั่นแกล้งเรา แต่การหมกมุ่นครุ่น
คิดอยู่กับคนคนนั้น และการกระทำของเขาวันแล้ววันเล่าต่างหากที่มีสิทธิ์ทำให้เราเป็นโรคหัวใจ หรือเส้นโลหิตในสมองแตกได้
ในทำนองเดียวกัน ความตายก็น่ากลัวน้อยกว่าความกลัวตาย คนเป็นอันมากทุกข์เพราะความกลัวตาย ยิ่งกว่าเพราะความตายจริงๆ เสียอีก ทันทีที่ความกลัวตายจางคลายไป ความตายกลับจะเป็นมิตรที่นำความสงบและปัญญามาสู่จิตใจ..................
เราทุกข์เพราะความกลัว และเรากลัวทุกครั้งที่คิดถึงพวกนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ จริง ๆ แล้วเรากลัวความคิดของเราเองต่างหาก เราทุกข์เพราะสิ่งที่อยู่ในใจเรายิ่งกว่าอะไรอื่น จะเรียกว่าทุกข์เพราะ
ตัวเราเองก็ได้ สิ่งอื่นคนอื่นเป็นเพียงองค์ประ กอบเท่านั้น เพราะฉะนั้น เวลาเดือดเนื้อร้อนใจอย่าไปโทษหรือเล่นงานคนอื่น จนลืมจัดการกับใจของตนเอง