ถึงเวลารึยังที่อุบลจะให้อภัยพระอรรคและยอมให้ตัวเองมีความสุข

คืนนี้แล้วนะคะที่เรื่องจะมาถึงตอนจบ ว่าสุดท้ายแล้วอุบลจะเลือกใคร เรารู้แล้ว และก็เชื่อว่าหลายคนก็รู้แล้ว แต่บางคนก็ยังอยากจะลุ้นกัน ดังนั้นไม่สปอยล์ค่ะกระทู้นี้

แค่อยากชวนคุยว่า ถ้าหากอุบลรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว เธอควรจะให้อภัยพระอรรคมั้ย?

เริ่มแรกที่ดูละคร เราก็สงสารอุบลมาก และก็โกรธพระอรรคเหมือนคนส่วนใหญ่แหละค่ะ เพราะเรื่องมันเริ่มมาจากตรงนั้น พระอรรคเป็นตัวการทำให้อุบลต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ เราก็เข้าใจพระอรรค ว่าเค้าทำแบบนั้นเพราะอะไร เหตุผลของเค้าอาจฟังไม่ขึ้น ถ้าเอาสายตาของพวกเราที่เป็นคนปัจจุบันไปตัดสิน แต่ถ้าลองมองพระอรรคด้วยบริบทความเชื่อทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมสมัยนั้น และหน้าที่ต่อชาติที่พระอรรคแบกไว้บนบ่า เราก็เข้าใจเค้าได้ด้วยเหตุผลของเค้าค่ะ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่เราจะเขียนสำหรับกระทู้นี้ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนก็มีความคิดของตัวเองแหละค่ะ และเราก็คงไม่ไปบังคับให้ใครต้องมาเข้าใจตามเรา

ประเด็นที่เราจะเขียนคือเรื่องของอุบล จริงอยู่ว่าพระอรรคเป็นคนทำให้เธอกลายเป็นโสมเฝ้าทรัพย์ ไม่ได้ผุดได้เกิด และก็จริงที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันยากที่จะยอมรับได้ เป็นใครๆก็โกรธ แต่ยิ่งเราดูๆไป เรากลับเห็นว่าอุบลนั้นน่าสงสารในอีกรูปแบบนึง คือ น่าสงสารที่เอาความแค้นมาสุมไว้ในอกให้มันเพิ่มขึ้นทุกทีๆ จนถึงฉากเมื่ออาทิตย์ก่อนที่อุบลชูหัวกระโหลกตัวเองขึ้นมา แล้วพูดว่านี่คือร่างที่เราเคยครอง เคยภูมิใจ ท่านทำให้เราต้องกลายเป็นแบบนี้ เราสงสารอุบลจับใจเลยค่ะ เพราะอุบลเป็นคนยึดติดไม่ยอมปล่อยวางอะไรเลย เธอถึงต้องทุกข์มาถึง 249 ปี เหตุการณ์ที่พระอรรคฆ่าอุบล เกิดขึ้นแล้วหนึ่ง และมันก็จบลงไปแล้ว แต่อุบลแค้นพระอรรคทุกวัน ยิ่งเห็นเขาไปเกิดไปใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนทั่วไป ในขณะที่เธอต้องอยู่ที่นี่ อุบลก็ยิ่งแค้น เธอเอามีดมาแทงตัวเองซ้ำๆให้เป็นแผลกว้างขึ้นเรื่อยๆ

ในพุทธศาสนาเรา สอนเรื่องการดับทุกข์ที่ใจ พระพุทธองค์สอนว่า ไม่มีใครทำให้เราทุกข์ได้นอกจากตัวเราเอง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นกลาง มันไม่เป็นอะไรเลย แต่มันจะเป็นอะไรขึ้นมาก็ต่อเมื่อเราไปให้ค่า ให้ความหมายกับมัน คนเราเป็นทุกข์เพราะ 2 อย่างเท่านั้นแหละ คือ อยากจะผลักไสสิ่งที่ไม่ชอบออกจากตัว และอยากจะยึดเอาสิ่งที่ชอบให้อยู่กับตัวตลอดไป เหมือนนิทานเรื่องลิงกับกะปิ ที่ลิงอยากจะผลักไสสิ่งที่เกลียด ก็คือกะปิที่ทามือ ถูจนมือแทบพัง สิ่งที่ร้ายกว่าความเกลียด ก็คือใจที่เกลียดนี่เอง อีกเรื่องก็คือลิงกับถั่ว แทนสถานการณ์ที่คนเราอยากจะยึดสิ่งที่ชอบไว้กับตัว ลิงเอามือเข้าไปคว้าถั่วในกล่องที่นายพรานเจาะเป็นรูให้เอามือเข้าไปได้ เพื่อล่อลิง ลิงเอามือเข้าไปได้แต่เอาออกไม่ได้ เพราะกำปั้นใหญ่เกินไป และไม่ยอมปล่อยเม็ดถั่วนั้นเพื่อคลายมือให้ออกมาจากกล่องได้ สุดท้ายนายพรานจึงจับลิงได้ ลิงนั้นก็เหมือนคน ที่บางทีก็ยึดติดโดยไม่ยอมปล่อยวาง ทั้งที่สัจธรรมก็คือ ไม่มีอะไรที่คงอยู่ถาวร จนในที่สุดแม้ชีวิตตัวเองก็ไม่รอด ทั้งที่ความจริงเพียงแค่คลายมือที่ยึดแน่นออกเท่านั้น ปัญหาก็จะจบ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ดังนั้นไม่มีใครช่วยให้อุบลออกจากทุกข์นี้ได้เลย นอกจากตัวอุบลเอง เหตุการณ์ที่พระอรรคตัดคออุบล เกิดขึ้นไปแล้วหนึ่งครั้ง และก็จบลงแล้ว พระอรรคไปเกิดใหม่แล้ว เดินหน้าต่อไปได้แล้ว แต่อุบลนึกถึงเหตุการณ์นี้ซ้ำๆ ฆ่าตัวเองตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆวัน จริงอยู่ที่อุบลนั้นโดนพันธนาการโดยหน้าที่ให้ต้องติดค้างอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่ที่ไม่มีใครอยากทำ ไม่มีวันสิ้นสุด (แต่จริงๆในวันนึงทุกอย่างก็ต้องมีจุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป) แต่ถ้าอุบลวางใจใหม่ ให้อภัยปล่อยวางจากทุกๆอย่างได้ ไม่ใช่เพื่ออัคนี แต่เพื่อตัวเอง เธอก็ไม่ต้องทุกข์แบบนี้ เธอก็คงเป็นวิญญาณที่ผ่องใส รอวาระแห่งตนมาถึง เพื่อไปเวียนว่ายในวัฏสงสารต่อไป ที่พระอรรคได้เกิดใหม่ เดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้ก็เพราะเขาไม่ยึดติดเท่าอุบล เขาจึงมีความสุขกว่า ถึงแม้เขาจะสำนึกผิดอย่างไร มันก็ช่วยอะไรอุบลไม่ได้ ในเมื่อสิ่งที่อุบลต้องการ มันคือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องการให้รู้สำนึกว่าตัวเองเป็นพระอรรคที่ฆ่าอุบล ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว พระอรรคตายไปแล้ว และถึงระลึกได้ แต่เค้าก็ไม่ได้รู้สึกผิดได้เท่าที่เธอต้องการให้เขารู้สึก เพราะพระอรรคเป็นคนที่อยู่กับปัจจุบัน ทำสิ่งตรงหน้าให้ดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้ ณ เวลานั้น และไม่เสียใจอีก เขาเสียใจที่ต้องฆ่าอุบล แต่ไม่ได้เสียใจหรือรู้สึกว่าตัดสินใจผิด จิตก่อนตายนึกถึงชาติและเมีย แต่ก็เป็นการคิดถึงด้วยความรัก จิตสว่างจึงทำให้ไปเกิดต่อได้ ชาตินี้ก็เป็นมนุษย์ ถ้าจิตก่อนตายรู้สึกผิด มีแต่ภาพที่ตัวเองทำบาป พระอรรคจะต้องไปเกิดในทุคติภูมิค่ะ

นี่คือความแตกต่างกันของจิตใจมนุษย์ ใครยึดติดมากกว่าก็เป็นทุกข์ ใครปล่ออยวางได้มากกว่าก็เป็นสุข พระอรรคทำผิดต่ออุบล แต่เขากลับมีความสุขกว่า ก็เพราะยอมให้ตัวเองเดินหน้าต่อไป  แต่อุบลก็ไม่ยอมให้ตัวเองพ้นจากทุกข์นั้น ก็ด้วยใจที่ยึดติดของตัวเองนั่นแหละ

เราจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่อุบลควรจะให้อภัยพระอรรค ไม่ใช่เพื่อใครก็เพื่อตัวเธอเองนั่นแหละ ถ้าเธอให้อภัย ถึงเธอจะต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป แต่เธอก็จะทำหน้าที่ด้วยความเข้าใจ จิตใจสว่างผ่องใส ไม่อยู่ในกองทุกข์แบบที่เป็นมา รอวันที่จะได้พ้นจากหน้าที่ ไปเวียนว่ายตายเกิดต่อไป และอาจจะมีหวังได้พบและครองคู่กับอัคนีในชาติภพหน้า ตรงกันข้าม ถ้าอุบลไม่ให้อภัย เลือกอัคนีมาแทน ก็คือการต่อกรรมกันต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด จิตใจอุบลก็ยังทุกข์ เพราะไม่ได้อภัย แค่ได้แก้แค้นเท่านั้น ไปเกิดชาติไหนๆก็ไม่มีความสุข ถึงไปเวียนว่ายตายเกิด แต่ใจก็ยังยึดติดอยู่ และยิ่งอุบลยังรักพระอรรคเต็มหัวใจ มันก็คือการพรากจากกันไปอีก โดยที่จิตใจก็ยังเป็นทุกข์ ก็อยู่ที่อุบลแล้วล่ะว่าจะเลือกทางไหน

#เราเป็นทีมพยาบาลค่ะคืนนี้ ถ้าใครเจ็บใครตาย เอามาส่งทางนี้ได้ เราจะรักษาให้แล้วส่งกลับไปสู้ใหม่ค่ะ รักทุกคนเลย เลือกทีมไหนไม่ได้จริงๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
อุบลควรให้อภัยไม่ใช่เพื่ออะไรเพื่อตัวเองจะได้หลุดพ้น หลุดพ้นทั้งจากความอาฆาตแค้นและหลุดพ้นจาก "ผู้ชาย" คนนี้ เขารักอุบลแต่เขาเองก็ไม่เข้าใจอุบล และ คาดหวังให้อุบลเข้าใจการกระทำของเขาด้วย ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองฝ่ายเดียวนะ มันก็เป็นความรักแบบหนึ่งนั่นแหละ ถ้ามองในมุมคุณพระมันก็อ่อนหวานน่ารักเหลือเกิน แต่การตกอยู่ในสภาพนั้นจริง ๆ "ไม่สนุก" ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย กับการที่เราจะต้องทำอะไร ๆ ฝ่ายเดียวตลอด ทั้งการถูกรัก ทั้งการให้ความเข้าใจ ดูเหมือนว่าคุณพระท่านจะเรียกร้องความต้องการเหล่านี้จากอุบลไปเสียทุกอย่าง ก็ฉันรักเธอแล้วยังไงจะเอาอะไรอีก เธอต้องเข้าใจฉันบ้างสิ เธอไม่ได้รู้จักฉันเลย แม้กระทั่งการสื่อสารก็เป็นทางเดียว มันเป็นความรักที่ล้นเหลือ แต่มันก็ทำให้อีกฝ่าย "เหนื่อย" จริง ๆ ว่าไปแล้วก็คือเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ ก็สู้จบไปโดยไม่มีอะไรติดค้างกันแม้แต่ "ความรัก" ก็น่าจะดี ปลดปล่อยกันและกันสู่อิสรภาพเถอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่