คืนนี้แล้วนะคะที่เรื่องจะมาถึงตอนจบ ว่าสุดท้ายแล้วอุบลจะเลือกใคร เรารู้แล้ว และก็เชื่อว่าหลายคนก็รู้แล้ว แต่บางคนก็ยังอยากจะลุ้นกัน ดังนั้นไม่สปอยล์ค่ะกระทู้นี้
แค่อยากชวนคุยว่า ถ้าหากอุบลรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว เธอควรจะให้อภัยพระอรรคมั้ย?
เริ่มแรกที่ดูละคร เราก็สงสารอุบลมาก และก็โกรธพระอรรคเหมือนคนส่วนใหญ่แหละค่ะ เพราะเรื่องมันเริ่มมาจากตรงนั้น พระอรรคเป็นตัวการทำให้อุบลต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ เราก็เข้าใจพระอรรค ว่าเค้าทำแบบนั้นเพราะอะไร เหตุผลของเค้าอาจฟังไม่ขึ้น ถ้าเอาสายตาของพวกเราที่เป็นคนปัจจุบันไปตัดสิน แต่ถ้าลองมองพระอรรคด้วยบริบทความเชื่อทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมสมัยนั้น และหน้าที่ต่อชาติที่พระอรรคแบกไว้บนบ่า เราก็เข้าใจเค้าได้ด้วยเหตุผลของเค้าค่ะ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่เราจะเขียนสำหรับกระทู้นี้ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนก็มีความคิดของตัวเองแหละค่ะ และเราก็คงไม่ไปบังคับให้ใครต้องมาเข้าใจตามเรา
ประเด็นที่เราจะเขียนคือเรื่องของอุบล จริงอยู่ว่าพระอรรคเป็นคนทำให้เธอกลายเป็นโสมเฝ้าทรัพย์ ไม่ได้ผุดได้เกิด และก็จริงที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันยากที่จะยอมรับได้ เป็นใครๆก็โกรธ แต่ยิ่งเราดูๆไป เรากลับเห็นว่าอุบลนั้นน่าสงสารในอีกรูปแบบนึง คือ น่าสงสารที่เอาความแค้นมาสุมไว้ในอกให้มันเพิ่มขึ้นทุกทีๆ จนถึงฉากเมื่ออาทิตย์ก่อนที่อุบลชูหัวกระโหลกตัวเองขึ้นมา แล้วพูดว่านี่คือร่างที่เราเคยครอง เคยภูมิใจ ท่านทำให้เราต้องกลายเป็นแบบนี้ เราสงสารอุบลจับใจเลยค่ะ เพราะอุบลเป็นคนยึดติดไม่ยอมปล่อยวางอะไรเลย เธอถึงต้องทุกข์มาถึง 249 ปี เหตุการณ์ที่พระอรรคฆ่าอุบล เกิดขึ้นแล้วหนึ่ง และมันก็จบลงไปแล้ว แต่อุบลแค้นพระอรรคทุกวัน ยิ่งเห็นเขาไปเกิดไปใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนทั่วไป ในขณะที่เธอต้องอยู่ที่นี่ อุบลก็ยิ่งแค้น เธอเอามีดมาแทงตัวเองซ้ำๆให้เป็นแผลกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ในพุทธศาสนาเรา สอนเรื่องการดับทุกข์ที่ใจ พระพุทธองค์สอนว่า ไม่มีใครทำให้เราทุกข์ได้นอกจากตัวเราเอง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นกลาง มันไม่เป็นอะไรเลย แต่มันจะเป็นอะไรขึ้นมาก็ต่อเมื่อเราไปให้ค่า ให้ความหมายกับมัน คนเราเป็นทุกข์เพราะ 2 อย่างเท่านั้นแหละ คือ อยากจะผลักไสสิ่งที่ไม่ชอบออกจากตัว และอยากจะยึดเอาสิ่งที่ชอบให้อยู่กับตัวตลอดไป เหมือนนิทานเรื่องลิงกับกะปิ ที่ลิงอยากจะผลักไสสิ่งที่เกลียด ก็คือกะปิที่ทามือ ถูจนมือแทบพัง สิ่งที่ร้ายกว่าความเกลียด ก็คือใจที่เกลียดนี่เอง อีกเรื่องก็คือลิงกับถั่ว แทนสถานการณ์ที่คนเราอยากจะยึดสิ่งที่ชอบไว้กับตัว ลิงเอามือเข้าไปคว้าถั่วในกล่องที่นายพรานเจาะเป็นรูให้เอามือเข้าไปได้ เพื่อล่อลิง ลิงเอามือเข้าไปได้แต่เอาออกไม่ได้ เพราะกำปั้นใหญ่เกินไป และไม่ยอมปล่อยเม็ดถั่วนั้นเพื่อคลายมือให้ออกมาจากกล่องได้ สุดท้ายนายพรานจึงจับลิงได้ ลิงนั้นก็เหมือนคน ที่บางทีก็ยึดติดโดยไม่ยอมปล่อยวาง ทั้งที่สัจธรรมก็คือ ไม่มีอะไรที่คงอยู่ถาวร จนในที่สุดแม้ชีวิตตัวเองก็ไม่รอด ทั้งที่ความจริงเพียงแค่คลายมือที่ยึดแน่นออกเท่านั้น ปัญหาก็จะจบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อไหร่ มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือ จนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด จะกลายเป็นว่า กะปิถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่าความเกลียดกะปิ ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะไม่ใช่เพราะกะปิ หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก สิ่งที่เราเกลียดนั้น บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา
ส่วนลิงกำถั่วนั้น เป็นนิทานเล่ากันมาว่า ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน เพราะชอบโขมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ ในกล่องมีถั่ว ซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ วันดีคืนดีลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว แต่พอถอนมือออกก็ติดฝากล่อง เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้ ลิงพยายามดึงมือเท่าไหร่ก็ไม่ออก พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้ เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายถูกคนจับได้ ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น มันก็เอาตัวรอดได้ แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยจึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก มีหลายอย่างที่เราอยากได้ใฝ่ฝัน จนถึงกับยึดถือไว้อย่างเหนียวแน่น เวลาประสบปัญหา เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย แต่เป็นเพราะว่าเราไม่ยอมปล่อย จึงเกิดผลเสียตามมามากมาย ไม่คุ้มกับสิ่งที่ยึดติด จะชอบหรือพึงพอใจกับอะไรก็ตาม อย่าถึงกับยึดติดจนเหนียวแน่นเกินไป เพราะโอกาสที่จะหน้ามืดตามัวนั้น มีสูงจนหาทางออกไม่เจอ ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น ถ้าเรารู้จักปล่อยวางบางสิ่งเสียบ้าง มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ บ่อยครั้งการปล่อยวาง ไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น หากเป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kroobannok.com/article-8536-ลิงกำถั่ว....-ปรัชญาชีวิต-นิทานธรรมะ.html
ดังนั้นไม่มีใครช่วยให้อุบลออกจากทุกข์นี้ได้เลย นอกจากตัวอุบลเอง เหตุการณ์ที่พระอรรคตัดคออุบล เกิดขึ้นไปแล้วหนึ่งครั้ง และก็จบลงแล้ว พระอรรคไปเกิดใหม่แล้ว เดินหน้าต่อไปได้แล้ว แต่อุบลนึกถึงเหตุการณ์นี้ซ้ำๆ ฆ่าตัวเองตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆวัน จริงอยู่ที่อุบลนั้นโดนพันธนาการโดยหน้าที่ให้ต้องติดค้างอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่ที่ไม่มีใครอยากทำ ไม่มีวันสิ้นสุด (แต่จริงๆในวันนึงทุกอย่างก็ต้องมีจุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป) แต่ถ้าอุบลวางใจใหม่ ให้อภัยปล่อยวางจากทุกๆอย่างได้ ไม่ใช่เพื่ออัคนี แต่เพื่อตัวเอง เธอก็ไม่ต้องทุกข์แบบนี้ เธอก็คงเป็นวิญญาณที่ผ่องใส รอวาระแห่งตนมาถึง เพื่อไปเวียนว่ายในวัฏสงสารต่อไป ที่พระอรรคได้เกิดใหม่ เดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้ก็เพราะเขาไม่ยึดติดเท่าอุบล เขาจึงมีความสุขกว่า ถึงแม้เขาจะสำนึกผิดอย่างไร มันก็ช่วยอะไรอุบลไม่ได้ ในเมื่อสิ่งที่อุบลต้องการ มันคือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องการให้รู้สำนึกว่าตัวเองเป็นพระอรรคที่ฆ่าอุบล ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว พระอรรคตายไปแล้ว และถึงระลึกได้ แต่เค้าก็ไม่ได้รู้สึกผิดได้เท่าที่เธอต้องการให้เขารู้สึก เพราะพระอรรคเป็นคนที่อยู่กับปัจจุบัน ทำสิ่งตรงหน้าให้ดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้ ณ เวลานั้น และไม่เสียใจอีก เขาเสียใจที่ต้องฆ่าอุบล แต่ไม่ได้เสียใจหรือรู้สึกว่าตัดสินใจผิด จิตก่อนตายนึกถึงชาติและเมีย แต่ก็เป็นการคิดถึงด้วยความรัก จิตสว่างจึงทำให้ไปเกิดต่อได้ ชาตินี้ก็เป็นมนุษย์ ถ้าจิตก่อนตายรู้สึกผิด มีแต่ภาพที่ตัวเองทำบาป พระอรรคจะต้องไปเกิดในทุคติภูมิค่ะ
นี่คือความแตกต่างกันของจิตใจมนุษย์ ใครยึดติดมากกว่าก็เป็นทุกข์ ใครปล่ออยวางได้มากกว่าก็เป็นสุข พระอรรคทำผิดต่ออุบล แต่เขากลับมีความสุขกว่า ก็เพราะยอมให้ตัวเองเดินหน้าต่อไป แต่อุบลก็ไม่ยอมให้ตัวเองพ้นจากทุกข์นั้น ก็ด้วยใจที่ยึดติดของตัวเองนั่นแหละ
เราจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่อุบลควรจะให้อภัยพระอรรค ไม่ใช่เพื่อใครก็เพื่อตัวเธอเองนั่นแหละ ถ้าเธอให้อภัย ถึงเธอจะต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป แต่เธอก็จะทำหน้าที่ด้วยความเข้าใจ จิตใจสว่างผ่องใส ไม่อยู่ในกองทุกข์แบบที่เป็นมา รอวันที่จะได้พ้นจากหน้าที่ ไปเวียนว่ายตายเกิดต่อไป และอาจจะมีหวังได้พบและครองคู่กับอัคนีในชาติภพหน้า ตรงกันข้าม ถ้าอุบลไม่ให้อภัย เลือกอัคนีมาแทน ก็คือการต่อกรรมกันต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด จิตใจอุบลก็ยังทุกข์ เพราะไม่ได้อภัย แค่ได้แก้แค้นเท่านั้น ไปเกิดชาติไหนๆก็ไม่มีความสุข ถึงไปเวียนว่ายตายเกิด แต่ใจก็ยังยึดติดอยู่ และยิ่งอุบลยังรักพระอรรคเต็มหัวใจ มันก็คือการพรากจากกันไปอีก โดยที่จิตใจก็ยังเป็นทุกข์ ก็อยู่ที่อุบลแล้วล่ะว่าจะเลือกทางไหน
#เราเป็นทีมพยาบาลค่ะคืนนี้ ถ้าใครเจ็บใครตาย เอามาส่งทางนี้ได้ เราจะรักษาให้แล้วส่งกลับไปสู้ใหม่ค่ะ รักทุกคนเลย เลือกทีมไหนไม่ได้จริงๆ
ถึงเวลารึยังที่อุบลจะให้อภัยพระอรรคและยอมให้ตัวเองมีความสุข
แค่อยากชวนคุยว่า ถ้าหากอุบลรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว เธอควรจะให้อภัยพระอรรคมั้ย?
เริ่มแรกที่ดูละคร เราก็สงสารอุบลมาก และก็โกรธพระอรรคเหมือนคนส่วนใหญ่แหละค่ะ เพราะเรื่องมันเริ่มมาจากตรงนั้น พระอรรคเป็นตัวการทำให้อุบลต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆ เราก็เข้าใจพระอรรค ว่าเค้าทำแบบนั้นเพราะอะไร เหตุผลของเค้าอาจฟังไม่ขึ้น ถ้าเอาสายตาของพวกเราที่เป็นคนปัจจุบันไปตัดสิน แต่ถ้าลองมองพระอรรคด้วยบริบทความเชื่อทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมสมัยนั้น และหน้าที่ต่อชาติที่พระอรรคแบกไว้บนบ่า เราก็เข้าใจเค้าได้ด้วยเหตุผลของเค้าค่ะ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่เราจะเขียนสำหรับกระทู้นี้ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนก็มีความคิดของตัวเองแหละค่ะ และเราก็คงไม่ไปบังคับให้ใครต้องมาเข้าใจตามเรา
ประเด็นที่เราจะเขียนคือเรื่องของอุบล จริงอยู่ว่าพระอรรคเป็นคนทำให้เธอกลายเป็นโสมเฝ้าทรัพย์ ไม่ได้ผุดได้เกิด และก็จริงที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันยากที่จะยอมรับได้ เป็นใครๆก็โกรธ แต่ยิ่งเราดูๆไป เรากลับเห็นว่าอุบลนั้นน่าสงสารในอีกรูปแบบนึง คือ น่าสงสารที่เอาความแค้นมาสุมไว้ในอกให้มันเพิ่มขึ้นทุกทีๆ จนถึงฉากเมื่ออาทิตย์ก่อนที่อุบลชูหัวกระโหลกตัวเองขึ้นมา แล้วพูดว่านี่คือร่างที่เราเคยครอง เคยภูมิใจ ท่านทำให้เราต้องกลายเป็นแบบนี้ เราสงสารอุบลจับใจเลยค่ะ เพราะอุบลเป็นคนยึดติดไม่ยอมปล่อยวางอะไรเลย เธอถึงต้องทุกข์มาถึง 249 ปี เหตุการณ์ที่พระอรรคฆ่าอุบล เกิดขึ้นแล้วหนึ่ง และมันก็จบลงไปแล้ว แต่อุบลแค้นพระอรรคทุกวัน ยิ่งเห็นเขาไปเกิดไปใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนทั่วไป ในขณะที่เธอต้องอยู่ที่นี่ อุบลก็ยิ่งแค้น เธอเอามีดมาแทงตัวเองซ้ำๆให้เป็นแผลกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ในพุทธศาสนาเรา สอนเรื่องการดับทุกข์ที่ใจ พระพุทธองค์สอนว่า ไม่มีใครทำให้เราทุกข์ได้นอกจากตัวเราเอง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นกลาง มันไม่เป็นอะไรเลย แต่มันจะเป็นอะไรขึ้นมาก็ต่อเมื่อเราไปให้ค่า ให้ความหมายกับมัน คนเราเป็นทุกข์เพราะ 2 อย่างเท่านั้นแหละ คือ อยากจะผลักไสสิ่งที่ไม่ชอบออกจากตัว และอยากจะยึดเอาสิ่งที่ชอบให้อยู่กับตัวตลอดไป เหมือนนิทานเรื่องลิงกับกะปิ ที่ลิงอยากจะผลักไสสิ่งที่เกลียด ก็คือกะปิที่ทามือ ถูจนมือแทบพัง สิ่งที่ร้ายกว่าความเกลียด ก็คือใจที่เกลียดนี่เอง อีกเรื่องก็คือลิงกับถั่ว แทนสถานการณ์ที่คนเราอยากจะยึดสิ่งที่ชอบไว้กับตัว ลิงเอามือเข้าไปคว้าถั่วในกล่องที่นายพรานเจาะเป็นรูให้เอามือเข้าไปได้ เพื่อล่อลิง ลิงเอามือเข้าไปได้แต่เอาออกไม่ได้ เพราะกำปั้นใหญ่เกินไป และไม่ยอมปล่อยเม็ดถั่วนั้นเพื่อคลายมือให้ออกมาจากกล่องได้ สุดท้ายนายพรานจึงจับลิงได้ ลิงนั้นก็เหมือนคน ที่บางทีก็ยึดติดโดยไม่ยอมปล่อยวาง ทั้งที่สัจธรรมก็คือ ไม่มีอะไรที่คงอยู่ถาวร จนในที่สุดแม้ชีวิตตัวเองก็ไม่รอด ทั้งที่ความจริงเพียงแค่คลายมือที่ยึดแน่นออกเท่านั้น ปัญหาก็จะจบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดังนั้นไม่มีใครช่วยให้อุบลออกจากทุกข์นี้ได้เลย นอกจากตัวอุบลเอง เหตุการณ์ที่พระอรรคตัดคออุบล เกิดขึ้นไปแล้วหนึ่งครั้ง และก็จบลงแล้ว พระอรรคไปเกิดใหม่แล้ว เดินหน้าต่อไปได้แล้ว แต่อุบลนึกถึงเหตุการณ์นี้ซ้ำๆ ฆ่าตัวเองตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆวัน จริงอยู่ที่อุบลนั้นโดนพันธนาการโดยหน้าที่ให้ต้องติดค้างอยู่ที่นี่ ทำหน้าที่ที่ไม่มีใครอยากทำ ไม่มีวันสิ้นสุด (แต่จริงๆในวันนึงทุกอย่างก็ต้องมีจุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป) แต่ถ้าอุบลวางใจใหม่ ให้อภัยปล่อยวางจากทุกๆอย่างได้ ไม่ใช่เพื่ออัคนี แต่เพื่อตัวเอง เธอก็ไม่ต้องทุกข์แบบนี้ เธอก็คงเป็นวิญญาณที่ผ่องใส รอวาระแห่งตนมาถึง เพื่อไปเวียนว่ายในวัฏสงสารต่อไป ที่พระอรรคได้เกิดใหม่ เดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้ก็เพราะเขาไม่ยึดติดเท่าอุบล เขาจึงมีความสุขกว่า ถึงแม้เขาจะสำนึกผิดอย่างไร มันก็ช่วยอะไรอุบลไม่ได้ ในเมื่อสิ่งที่อุบลต้องการ มันคือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องการให้รู้สำนึกว่าตัวเองเป็นพระอรรคที่ฆ่าอุบล ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว พระอรรคตายไปแล้ว และถึงระลึกได้ แต่เค้าก็ไม่ได้รู้สึกผิดได้เท่าที่เธอต้องการให้เขารู้สึก เพราะพระอรรคเป็นคนที่อยู่กับปัจจุบัน ทำสิ่งตรงหน้าให้ดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้ ณ เวลานั้น และไม่เสียใจอีก เขาเสียใจที่ต้องฆ่าอุบล แต่ไม่ได้เสียใจหรือรู้สึกว่าตัดสินใจผิด จิตก่อนตายนึกถึงชาติและเมีย แต่ก็เป็นการคิดถึงด้วยความรัก จิตสว่างจึงทำให้ไปเกิดต่อได้ ชาตินี้ก็เป็นมนุษย์ ถ้าจิตก่อนตายรู้สึกผิด มีแต่ภาพที่ตัวเองทำบาป พระอรรคจะต้องไปเกิดในทุคติภูมิค่ะ
นี่คือความแตกต่างกันของจิตใจมนุษย์ ใครยึดติดมากกว่าก็เป็นทุกข์ ใครปล่ออยวางได้มากกว่าก็เป็นสุข พระอรรคทำผิดต่ออุบล แต่เขากลับมีความสุขกว่า ก็เพราะยอมให้ตัวเองเดินหน้าต่อไป แต่อุบลก็ไม่ยอมให้ตัวเองพ้นจากทุกข์นั้น ก็ด้วยใจที่ยึดติดของตัวเองนั่นแหละ
เราจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่อุบลควรจะให้อภัยพระอรรค ไม่ใช่เพื่อใครก็เพื่อตัวเธอเองนั่นแหละ ถ้าเธอให้อภัย ถึงเธอจะต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป แต่เธอก็จะทำหน้าที่ด้วยความเข้าใจ จิตใจสว่างผ่องใส ไม่อยู่ในกองทุกข์แบบที่เป็นมา รอวันที่จะได้พ้นจากหน้าที่ ไปเวียนว่ายตายเกิดต่อไป และอาจจะมีหวังได้พบและครองคู่กับอัคนีในชาติภพหน้า ตรงกันข้าม ถ้าอุบลไม่ให้อภัย เลือกอัคนีมาแทน ก็คือการต่อกรรมกันต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด จิตใจอุบลก็ยังทุกข์ เพราะไม่ได้อภัย แค่ได้แก้แค้นเท่านั้น ไปเกิดชาติไหนๆก็ไม่มีความสุข ถึงไปเวียนว่ายตายเกิด แต่ใจก็ยังยึดติดอยู่ และยิ่งอุบลยังรักพระอรรคเต็มหัวใจ มันก็คือการพรากจากกันไปอีก โดยที่จิตใจก็ยังเป็นทุกข์ ก็อยู่ที่อุบลแล้วล่ะว่าจะเลือกทางไหน
#เราเป็นทีมพยาบาลค่ะคืนนี้ ถ้าใครเจ็บใครตาย เอามาส่งทางนี้ได้ เราจะรักษาให้แล้วส่งกลับไปสู้ใหม่ค่ะ รักทุกคนเลย เลือกทีมไหนไม่ได้จริงๆ