ดูละครจบแล้ว เราเข้าใจพระอรรคและรักตัวละครนี้มากๆ ใครเป็นทีมพระอรรคและรักตัวละครนี้บ้างคะ

เราเพิ่งได้ดูละครตอนจบเมื่อวานเองค่ะ ติดธุระเลยไม่ได้ดูสด มาคุยกับเพื่อนๆตอนนี้ยังทันมั้ยเนี่ย
กระทู้เราเขียนยาวอีกแล้ว เราอิ่มมากจริงๆกับละครเรื่องนี้ จากนี้คงหาละครที่เราดูแล้วถูกใจได้ยากขึ้นแล้ว เพราะมาตรฐานเรื่องนี้ทำไว้สูงมากจริงๆ

ที่ผ่านมาเราเขียนกระทู้ถึงตัวละครทุกตัว แต่ไม่เคยเขียนถึงพระอรรคกับอัคนีตรงๆเลย มีแต่ไปแจมตอบกระทู้คนอื่น ทั้งๆที่เราชอบตัวละครนี้มากที่สุด ที่ไม่ตั้งไม่ใช่เพราะว่าเรากลัวทีมอุบล หรือคิดว่าเราเป็นเสียงส่วนน้อย แต่ละครตั้งแต่ต้นมาจนถึงบทสุดท้าย มันเป็นการมองมาจากมุมองของอุบลแทบทั้งหมด เราจึงรอให้ถึงวันสุดท้ายที่ลานพิพากษาที่เป็นเวลาที่อัคนีจะได้แก้ตัวให้พระอรรค เราอยากฟังเหตุผลทั้งหมดก่อน ว่าเราจะยังยืนยันที่จะรักตัวละครนี้แบบเดิมมั้ย และเมื่อดูจบก็พบว่า เราเข้าใจพระอรรค และรักพระอรรคกับอัคนีมากกว่าเดิมด้วยค่ะ  

ดูละครจบแล้ว ใครเป็นทีมพระอรรค หรือรักตัวละครตัวนี้บ้างคะ

ตั้งแต่ที่อ่านหนังสือมา เราเข้าใจพระอรรค ไม่เกลียดแต่ไม่ถูกใจ คือ เข้าใจในเหตุผล แต่ก็ไม่ชอบตัวละครนี้ แต่พอมาเป็นละคร ด้วยทีมเขียนบทนี้ และด้วยฝีมือการแสดงของพี่ป้อง นอกจากจะเข้าใจพระอรรคอย่างยิ่งแล้ว เรายังรักเค้าด้วยค่ะ ขอแยกเป็นหัวข้อนะคะ

1. ทำไมเราถึงเข้าใจพระอรรค

คนที่จะเข้าใจพระอรรคได้ ต้องเข้าใจการจัดลำดับความสำคัญของเค้า ว่ารักที่สุด คือ ชาติ ต่อมาจึงเป็นเมีย สำหรับพระอรรคแล้วหน้าที่ต่อชาติเป็นหน้าที่แรกที่ต้องรับผิดชอบ ต่อมาจึงเป็นหน้าที่ต่ออุบล เพราะพระอรรคถือประโยชน์ส่วนรวมสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนตน ถ้าเทียบกันแล้วความรักชาติถือเป็นที่สุด บุคคลเป็นเพียงฝุ่นผงที่ไม่มีความหมายอะไร ไม่ว่าชีวิตตัวเองหรือชีวิตใคร ต้องพร้อมยอมสละเพื่อชาติได้ทุกเมื่อ  

หลายคนอาจจะมองว่าสมบัติก็คือของนอกกาย ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตคน และก็อาจจะเห็นแล้วว่าสุดท้ายเราก็อยู่กันมาได้ ชาติก็ถูกกู้กลับคืน โดยที่เราไม่ต้องใช้สมบัติพวกนั้นเลย แต่มันคือการมองด้วยสายตาของคนในอนาคต เอาไปตัดสินคนในอดีต สำหรับคนในเวลานั้น สมบัติเป็นสิ่งสำคัญมากในการจะใช้กู้ชาติ ส่วนคนแต่ละคนก็ต้องยอมสละชีพได้ เพื่อสิ่งที่ใหญ่กว่า คือชาติ  เราเป็นคนปัจจุบัน เราอาจจะมองภาพไม่ออก แต่ลองคิดถึงว่าเราอยู่ในยุคของสงคราม และทหารทุกคนคิดถึงตัวเอง รักตัวกลัวตาย ไม่ยอมออกไปรบ ชาติก็ย่อยยับแน่ๆ นึกถึงกำลังใจของคนที่ออกไปรบด้วยวิธีโบราณ แบบวิ่งดาหน้าถือดาบออกไปสู้กับปืนใหญ่ที่โอกาสตายมากกว่ารอด เราอยากกราบบรรพบุรุษเหล่านั้นค่ะ ส่วนที่มองว่าปู่โสมเฝ้าทรัพย์ไม่เหมือนกรณีทหาร สำหรับคนสมัยนั้นที่มีความเชื่อแบบนั้น มันไม่ได้ต่างกันเลยค่ะ ก็เป็นหน้าที่ๆได้ทำเพื่อชาติเหมือนกัน เพียงแต่เป็นหน้าที่ๆไม่จำกัดระยะเวลา และเราว่าพระอรรคก็ไม่ได้คิดด้วยว่าอุบลจะต้องเฝ้ากรุสมบัติมานานขนาดนี้โดยที่ไม่มีการขุดค้นเจอเลย

เราเข้าใจพระอรรคในบริบทของสิ่งแวดล้อมที่เค้าต้องเจอในเวลานั้น เค้าถูกบีบคั้นด้วยสถานการณ์ให้ต้องหาใครที่ไว้ใจได้มาเป็นโสมเฝ้าทรัพย์ตามที่พระเจ้าแผ่นดินสั่งลงมา และก็คิดจะเอาตัวเองไปทำหน้าที่นี้ แต่เมื่อถึงเวลาก็มีเหตุให้ต้องไปอารักขาพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่มีใครคุ้มครอง ซึ่งสำหรับพระอรรคแล้ว กษัตริย์ก็คือชาติ จำเป็นจะต้องรอดไปให้ได้ เพื่อกอบกู้กรุงศรีคืนมา ดังนั้นหน้าที่ในการเฝ้าทรัพย์จึงตกเป็นของอุบล ผู้ที่คุณพระเชื่อว่ามีหัวใจเดียวกัน คือ ความรักและยอมเสียสละทุกสิ่งได้เพื่อชาติ ถามว่าทำไมไม่เอาจัน เราเชื่อว่าคุณพระคิดว่าตัวเองเป็นนาย อุบลก็คือนายเท่าเทียมกับตัวเอง จันก็ถูกสั่งให้คอยดูแลนายหญิง แต่สถานที่แห่งนี้จำเป็นจะต้องมีนายเป็นใหญ่ที่สุดที่มีอำนาจเด็ดขาดคอยสั่งการ คุณพระบอกกับท่านโหราจารย์เมื่อถูกทักท้วงเรื่องที่จะเอาตัวเองเป็นโสมเฝ้าทรัพย์ว่า ถ้าหากเป็นสมบัติอื่นก็อาจจะเอาใครมาเฝ้าก็ได้ แต่นี่เป็นสมบัติที่สำคัญของชาติ (สำคัญมากถึงขนาดที่รวมเอาแหวนที่ถอดออกจะพระหัตถ์ของกษัตริย์เอาไว้ด้วย) จึงต้องเป็นคนที่มีบารมีและจิตใจแน่วแน่ต่อความรักชาติจริงๆ ซึ่งนอกจากตัวคุณพระเองแล้ว เขามองไม่เห็นใครอื่นอีกนอกจากอุบล เมื่อฆ่าอุบลแล้วพระอรรคก็ไปทำหน้าที่ของตัวเอง ในความคิดของพระอรรค ในเวลาเช่นนั้นใครทำหน้าที่ใดได้ดีที่สุด ก็ควรจะต้องไปทำ พระอรรคตัดสินใจในเวลาสั้นๆในสถานการณ์ที่เวลามันใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว ที่พม่าจะเข้าเมือง จึงรีบทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด จะฆ่าอุบลก็ต้องรีบทำ เพราะตัวเองก็ยังต้องไปทำหน้าที่ต่อ มัวเสียเวลามาบอกไม่ได้ เพราะอุบลก็จะไม่ยอมง่ายๆ แล้วตัวเองก็จะทำไม่ลง อีกทั้งถ้าบอกก่อนวิญญาณก็จะไม่อาฆาตพยาบาท ทำหน้าที่ได้ไม่ดี

พระอรรคต้องทำสิ่งที่ยากที่สุดเท่าที่มนุษย์คนนึงจะกระทำลงไปได้ คือการฆ่าคนที่ตัวเองรักเท่าชีวิต เพื่อรักษาสิ่งที่สำคัญกว่า ก็คือชาติ โดยที่ต้องทำด้วยความใจเด็ดเหี้ยมโหด ทำลงไปแล้วก็มีเวลาเสียใจเพียงครู่เดียวตรงปากทางออกอุโมงค์ แค่ช่วงที่เป็นตัวของตัวเองได้ โดยไม่มีใครมาเห็น พระอรรคทรุดตัวลงร้องไห้แทบขาดใจ ภาพเก่าๆที่เคยมีความสุขกับเมียรักพรั่งพรูกลับมาทุกอย่าง พี่ป้องทำให้เราเห็นความเจ็บปวดในฉากนี้ได้อย่างมากมาย ชายชาติทหารที่ไม่เคยเสียน้ำตา มั่นใจในการกระทำของตัวเองเสมอ กลับต้องมาหัวใจแตกสลาย เพราะได้ฆ่าหัวใจของตัวเองทิ้งไป เหลือแต่ร่างกายเท่านั้นที่ต้องออกเดินทางไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้น แล้วเขาจะตามไป ไม่มีเธอ เขาก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ฉากที่พระอรรคล้มลงไปตายแล้วสั่งคำสุดท้ายว่าแผ่นดินฝากไว้ให้ลูกหลาน หัวใจให้แก่อุบล เป็นฉากปิดตัวพระอรรคได้สมบูรณ์แบบจริงๆค่ะ แล้วร้องไห้เหมือนคนรักเราตายจริงๆเลย

ต่อมาคือเรื่องทิพ หลายคนไม่ชอบพระอรรคเพราะเรื่องที่ปฏิบัติตนต่อทิพกับอุบลต่างกัน จึงทำให้อุบลเข้าใจผิด และคิดด้วยว่า ถ้าลำพังแต่เหตุผลเรื่องชาติ อุบลคงเข้าใจคุณพระได้ไม่ยาก ถ้าไม่ได้มีเรื่องที่คุณพระปฏิบัติตัวกับอุบลไม่ดี และให้เกียรติผู้หญิงคนอื่นข้ามหน้าข้ามตาเมีย จนทำให้อุบลเข้าใจผิดว่าคุณพระรักกับทิพ ถึงได้มาฆ่าเธอตาย เราเข้าใจอุบลทุกอย่าง ว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนั้นทุกประการ แต่บทละครทำให้เราเข้าใจได้ว่า คุณพระเป็นคนจับความรู้สึกคนไม่เป็น ชอบใช้เหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์ เป็นทหารและเป็นเจ้านายของบ้าน ชอบแก้ปัญหาให้จบโดยคิดเองทำเอง ไม่พูดไม่อธิบายให้มากความ อุบลกับคุณพระนั้นคาดหวังคนละสิ่งจากคู่ของตัวเอง แล้วก็จึงปฏิบัติต่อคู่ตัวเองในแบบที่ตัวเองคิดว่าดี แต่อีกคนไม่ได้ต้องการ

เมื่อแรกรักกัน ทั้งสองคนรักกันได้ก็เพราะมีค่านิยมเดียวกัน คือ ความรักชาติยิ่งชีพ เทิดทูนไว้เหนือทุกสิ่ง พระอรรคประทับใจอุบลจนถึงกับไปขอพระราชทานมาเป็นเมีย ซึ่งไม่มีใครเค้าทำกัน ไม่ใช่เพราะอุบลสวย รำสวยถูกใจ มันไม่ใช่รักแรกพบ จริงอยู่เมื่อพระอรรคเห็นอุบลออกมารำครั้งแรก ความรู้สึกคือความประทับใจ แต่เมื่อได้คุยกัน และได้รับมาลัยสายนั้นจากอุบล ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงความขอบคุณที่ได้ทำเพื่อแผ่นดิน แล้วอุบลแสดงออกซึ่งความห้าวหาญในความตั้งใจที่จะทำเพื่อชาติแม้จะเป็นหญิง เมื่อนั้นความรักจึงเกิด อุบลคือนางแก้วอย่างแท้จริง ที่มีหัวใจเดียวกับตัว พระอรรครู้ว่าจะหาสตรีแบบนี้ได้ยากยิ่ง หรืออาจะไม่เจออีกเลย เขาจึงตัดสินใจว่าจะต้องเป็นอุบลเท่านั้นที่เขาอยากจะให้มาร่วมเรียงเคียงหมอนไปจนชั่วชีวิต

ต่อมาเมื่อแต่งงานกันไป อุบลมีความรักสามีเป็นอย่างยิ่ง รักชาตินั้นก็ยังรักอยู่ ถ้าสองสิ่งนี้ไม่ขัดกันอุบลก็พร้อมจะอุทิศตัวให้กับทั้งสองอย่าง แต่ในบางคราวเมื่อผลประโยชน์ของสองสิ่งนี้ขัดกัน และเธอจำเป็นจะต้องเลือก อุบลขอเลือกเอาสามี ในขณะที่พระอรรคแม้จะรักเมียเท่าใด แต่ความรักชาติไม่เคยลดน้อยถอยลง กลับจะยิ่งทวีความสำคัญขึ้นเมื่อถึงเวลาที่กรุงศรีใกล้จะพ่ายแพ้ ในความตั้งใจของพระอรรคที่เป็นทหารและหัวหน้าครอบครัว เขาจะต้องปกป้องทุกอย่างที่เขามีหน้าที่คุ้มครองให้ดีที่สุด แต่ถ้าถึงคราวต้องเลือกระหว่างชาติกับตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือเมีย หรือใคร พระอรรคไม่ลังเลที่จะเลือกชาติ เมื่อมาถึงจุดนี้ความคาดหวังของทั้งสองคนจึงต่างกัน อุบลหวังให้พระอรรครักครอบครัวเป็นที่หนึ่ง แต่พระอรรคหวังที่จะให้อุบลเห็นแก่ชาติเป็นที่หนึ่ง ดังนั้นสองคนจึงเริ่มมีปัญหากัน ฉากที่เห็นได้ชัดที่สุด คือฉากที่พระอรรคไปออกจบแล้วเจ็บกลับมา ระหว่างทำแผล อุบลด้วยความรักสามีจับใจ จึงเอ่ยปากขอให้คุณพระเป็นห่วงตัวเองบ้างและให้คิดถึงเธอบ้าง ว่าไม่มีคุณพระแล้วเธอจะอยู่อย่างไร คุณพระโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที แล้วออกปากว่าไป ว่าถ้าทุกคนคิดถึงแต่ตัวเองแบบนี้ เห็นทีกรุงศรีคงไม่รอด ในฉากนั้นคุณพระผิดหวังในตัวอุบล ที่เมื่อเริ่มรัก ก็เห็นใจกันในความรักชาติ แต่มาบัดนี้จะมาเห็นแก่ตัว ส่วนอุบลนั้นก็ผิดหวังในตัวคุณพระว่า เมื่อมีครอบครัวแล้วกลับยังไม่นึกห่วงตัวเอง ห่วงคนในครอบครัว กลับนึกถึงแต่ชาติ ต่างคนจึงต่างผิดหวังซึ่งกันและกัน

ในเรื่องของทิพนั้นพระอรรคเห็นเป็นน้อง สนิทกันมาแต่เล็กแต่น้อย เป็นคนที่ตัวเองไว้ใจปรึกษาได้โดยไม่กลัวต้องเสียหน้า มีอะไรจึงไปคุยกับทิพ ก็ทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำมา พระอรรคเป็นคนไม่ละเอียดอ่อนในการจับความรู้สึกคน จึงไม่เคยรู้เลยว่าอุบลแคลงใจทิพ และไม่รู้ด้วยว่าทิพแอบชอบตัวเอง ถ้าพระอรรครู้ความรู้สึกของสองคนนี้คนใดคนหนึ่ง เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อไม่มีใครบอกอะไร พระอรรคจึงคิดว่าทุกอย่างราบรื่นดี เมื่อไม่พูด แปลว่าไม่มีเรื่อง ทุกคนในเรือนกินอิ่มนอนหลับ ถือว่าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้ว

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่