ยังคงรู้สึกขัดแย้งในใจลึกๆ กับงานบริการในโรงพยาบาลที่ทำอยู่
หลายๆครั้งเรา concern เกี่ยวกับสิทธิ์ ของแต่ละคนที่มารับบริการที่โรงพยาบาล
แต่เราและทีมงานเราเองใช่ว่าจะได้รับสิทธิ์อันชอบธรรมตามกฏหมายแรงงาน
สำหรับการมาใช้แรงงานเพื่อแลกกับค่าตอบแทนที่เป็นเงินเดือน ในสถานที่ราชการอันทรงเกียร์ติแห่งนี้เลย
พ่อแม่เราทุกๆคนคาดหวังว่าลูกๆ โชคดีได้มาทำงานในโรงพยาบาล เพราะนอกจากการได้มีส่วนร่วมกับข้าราชการ
นักวิชาการผู้ทรงเกียร์ติทั้งหลายได้ทำบุญกับคนไข้ กับคนป่วย ที่มารับการรักษาที่นี่ แล้ว เรายังอยู่ในสถานที่ที่เป็นเสมือนโรงบำบัดทุกข์บำรุงสุข
แต่พวกเรารู้สึกทุกข์เหลือเกิน ที่สถานที่แห่งนี้ไม่ได้หวงแสนสิทธิ์ ปกป้องสิทธิ์ หรือส่งเสริมสิทธิขั้นพื้นฐานของการใช้แรงงานของพวกเราเลย
แถมยังผลักไสให้พวกเราออกจากความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติประกันสังคม ริดรอนสิทธิที่พวกเราพึงจะได้รับ ในฐานะแรงงานไทย
หลายๆครั้งเราเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องให้นำกฏหมายแรงงานมาคุ้มครองการใช้แรงงานของพวกเรา
แต่ก็ถูกเพิกเฉย มันน่าหดหู่ใจยิ่งนัก กับหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
ที่มียุทธศาสตร์สำคัญในการดูแลส่งเสริมทุกกลุ่มวัย #วัยเด็ก #วัยแม่และเด็ก #วัยทำงาน #วัยสูงอายุ
ดูเหมือนยุทธศาสตร์จะทะลุเป้าประสงค์ทุกประการได้รับรางวัล โล่ห์เกียร์ติยศเชิดชูสง่างามเป็นประจักษ์แก่คนทั้งประเทศ
แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง เราว่าสถานที่อันทรงเกียร์ติแห่งนี้สมควรที่จะตกประเมิน ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียว คือ
คุณบกพร่องต่อยุทธศาสตร์ของกรมฯ กล่าวคือ ขณะที่ยุทธศาสตร์หลักขององค์กร คือ การส่งเสริมสุขภาพของทุกกลุ่ม
แต่กลุ่มวัยทำงาน ที่มีมากถึง 40ชีวิต (ถ้ารวมทุกหน่วยงานในสังกัดในหน่วยงานที่กระจายทั่วทั้งประเทศ น่าจะมีมากถึง 300-500คน )ที่คอยขับเคลื่อนงานให้องค์กร กลับถูกคุณริดรอนสิทธิ์
นำกฏหมายและระเบียบที่ไม่เป็นธรรมกับพวกเขา มาใช้กับพวกเขา ทั้งๆที่องค์กรนี้มีนิติกรที่รู้กฏหมาย มีนักวิชาการ มีแพทย์ ที่รู้ทั้งกฏหมายและระเบียบต่างๆ ทุกๆครั้งที่พวกเราเรียกร้องสิทธิ์พื้นฐานมักจะถูกเพิกเฉย แล้วอ้างว่าระเบียบไม่เอื้อต่อสิทธิ์
แม้เราจะยกเหตุและผล และเรียกร้องให้ใช้กฏหมายแรงงานและพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ใช้แรงงาน
ก็ไม่ได้รับการตอบสนองเปลี่ยนแปลง แก้ไขใดๆ ให้พวกเราเลย
ท่านครับท่านทราบหรือไม่ว่า #ระเบียบพัสดุ ไม่ได้คุ้มครองความเป็นมนุษย์ ไม่ได้คุ้มครองสิทธิการใช้แรงงานของพวกเราเลย
พวกเราไม่ได้เรียกร้องให้โรงพยาบาลหรือกรมฯหรือกระทรวงสาธารณสุขดูแลพวกเราเป็นพิเศษที่มาทำงานในสถานพยาบาลรัฐบาล
แต่พวกเราต้องการความคุ้มครองจากกฏหมายแรงงาน ให้พวกเรามีวันหยุด วันลา ตามสิทธิ์ของแรงงานไทย
เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองดูแลจาก ประกันสังคม ตามสิทธิที่พวกเราพึงจะได้รับ ท่านคือนายจ้างของพวกเรา
เป็นนายจ้างที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ท่านก็เป็นข้าราชการที่ปฏิญาณตนว่าจะทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชนไม่ใช่หรือ
ท่านเอาธรรมะมาปฏิบัติในองค์กร ท่านเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาในองค์กร นั่นคือ การนำองค์พระสัมมาพุทธเจ้าและแนวทางวิถีพุทธมาใช้ในองค์กร ซึ่งทุกๆครั้งเรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ท่านพูดเสมอๆว่า องค์กรเราเป็นองค์กรธรรมาภิบาล
เป็นธรรมแล้วหรือ ที่ใช้ระเบียบพัสดุ ระเบียบซึ่งใช้กับคน สัตว์ สิ่งของ ที่เป็นเอกชน เป็นห้างหุ้นส่วน เป็นนิติบุคคล
ซึ่ง แรงงานที่อยู่ในเอกชน ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลเหล่านั้นถูกคุ้มครองภายใต้กฏหมายแรงงานอยู่แล้ว
มันน่าหดหู่ใจยิ่งนัก เพราะ 40ชีวิตไม่ได้มีสิทธ์ใดๆแม้จะทำงานในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แต่ขณะที่แม่บ้านทำความสะอาดแรงงานต่างด้าวได้รับสิทธิความคุ้มครองจากกฏหมายแรงงาน ภายใต้การประกันสังคมที่นายจ้างต้องสมทบเพื่อสิทธิพื้นฐานของแรงงาน แต่ทำไมท่านเป็นนายจ้างพวกเรา ท่านไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยย
อ้าวเฮ้ย...แบบนี้ก็ได้หรอ???? หน่วยงานราชการทำแบบนี้ก็ได้หราาา? จะเล่าให้ฟ้งคร่าวๆ
เมื่อ 10ปีที่แล้ว มีนโยบายลดภาระงานหน่วยงานราชการ โดยให้ #เอกชน เข้ามาดำเนินการแทน ex.งานทำความสะอาด งานตัดแต่งกิ่งไม้ งานทาสีโรงพยาบาล ฯ โดยจ้างออกมาในรูปแบบของ การจ้างเหมางาน (จ้างเหมาเอกชนให้มาทำงานเหล่าแทน) เอกชนในที่นี้ หมายถึง บริษัท ห้างหุ้นส่วน ร้านค้า
ทีนี้กลุ่มคนที่ใช้แรงงานกลุ่มหนึ่ง เป็นบุคคลธรรมดาถูกผลักให้เข้าไปอยู่อยู่ในกลุ่มจ้างเหมา ถูกเรียกว่า #จ้างเหมาบริการ ถูกบังคับให้ทำสัญญาโดยใช้ระเบียบพัสดุ ถูกผลักออกจากความคุ้มครองภายใต้กฏหมายแรงงาน เสียสิทธิ์จาก พรบ.ประกันสังคม
เกิดข้อร้องเรียนต่างๆในหน่วยงานราชการ ทราบถึงระดับกระทรวง ทบวง กรม มีการนำเสนอปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหา ทำให้หน่วยงานราชการบางแห่ง รีบทำหนังสือเวียนเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจ้างงาน โดยในหนังสือเวียนระบุชัดเจน ว่า การจ้างงานต้องชัดเจน ใช้แรงงานก็ต้องจ้างด้วยระเบียบกฏหมายแรงงาน
จากหนังสือเวียน สธ 0201.034/ว 60 วันที่ 23 สิงหาคม 2553
เรื่อง การจ้างการเอกชนดําเนินงาน
เรียน อธิบดีกรมทุกกรม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต ผู้อํานวยการสถาบัน ผู้อํานวยการสํานัก
ผู้อํานวยการกลุ่ม ผู้อํานวยการกองทุกแห่งในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ด้วยกระทรวงการคลัง โดยหนังสือด่วนมาก ที่ กค0406.4/ว67 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม2553 ได้แจงหลักเกณฑ์การจ้างเอกชนดําเนินงาน
เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ เนื่องจากพบว่ามีส่วนราชการหลายแห่งได้ดําเนินการจ้างเอกชน ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดามาปฏิบัติงานในลักษณะ
เช่นเดียวกับการจ้างแรงงาน และมีประเด็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของผู้รับจ้างในเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ จึงกําหนดหลักเกณฑ์การจ้างเอกชนดําเนินงาน เพื่อให้ส่วนราชการสามารถดําเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้อย่างถูกต้อง ดังรายละเอียดตามหนังสือที่แนบมาพร้อมนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไปด้วยจะเป็นพระคุณ
ลงชื่อ นายไพจิตร์ นราชิต
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
(จากหนังสือเวียนที่พยายามพิมพ์ มา เพราะครอปรูป แนบรูป ไม่เป็น)
จะเห็นได้ว่ามีการแทงหนังสือเวียนถึง อธิบดีกรมทุกกรม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต ผู้อํานวยการสถาบัน ผู้อํานวยการสํานัก ผู้อํานวยการกลุ่ม ผู้อํานวยการกองทุกแห่งในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
นั้นหมายถึง เจตนาของหนังสือฉบับนี้ต้องการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขแก้ไข ปรับปรุง ระเบียบการจ้างให้เหมาะสม การจ้างแบบไหนใช้ระเบียบพัสดุ การจ้างแบบไหนเป็นการจ้างแรงงาน หลายๆหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขได้แก้ไขเพื่อสิทธิของพนักงานและลูกจ้าง แต่ยังมีบางหน่วยงานที่ อ้างเพียงแต่ระเบียบของหน่วยงานนั้นๆ
อยากให้จะขอพลังโซเชียลช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะ.......
บางคนทำงาน ในนี้ 10 กว่าปีก็ยังไร้สิทธิ์ ไร้ความคุ้มครอง
บางคนต้องถูกผลักให้ออกไปประกันตนเอง ทั้งๆที่ มีโรงพยาบาลเป็นนายจ้าง
บางคนจะคลอดลูกก็ไม่มีสิทธิ์ใดๆควรได้รับความคุ้มครองจาก พรบ.ประกันสังคมในฐานะที่มีโรงพยาบาลเป็นนายจ้างและสมควรสมทบกองทุนประกันสังคมเพื่อสิทธิของพนักงาน
บางคน เป็นบุคคลธรรมดา เงินเดือนเกิน 15000 ก็ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เพราะเสมือนว่าตัวเองเป็นเอกชนมาทำสัญญากับโรงพยาบาลด้วยระเบียบพัสดุ ทั้งๆ บุคคลธรรมดาที่รายได้ไม่ถึง ตามที่รัฐกำหนดก็ไม่ต้องเสียภาษี
ควรแล้วหรือ ที่หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข ยังมีการจ้างแรงงานที่เป็นบุคคลธรรมดาคนไทยแบบจ้างเหมาบริการ
หลายๆครั้งเรา concern เกี่ยวกับสิทธิ์ ของแต่ละคนที่มารับบริการที่โรงพยาบาล
แต่เราและทีมงานเราเองใช่ว่าจะได้รับสิทธิ์อันชอบธรรมตามกฏหมายแรงงาน
สำหรับการมาใช้แรงงานเพื่อแลกกับค่าตอบแทนที่เป็นเงินเดือน ในสถานที่ราชการอันทรงเกียร์ติแห่งนี้เลย
พ่อแม่เราทุกๆคนคาดหวังว่าลูกๆ โชคดีได้มาทำงานในโรงพยาบาล เพราะนอกจากการได้มีส่วนร่วมกับข้าราชการ
นักวิชาการผู้ทรงเกียร์ติทั้งหลายได้ทำบุญกับคนไข้ กับคนป่วย ที่มารับการรักษาที่นี่ แล้ว เรายังอยู่ในสถานที่ที่เป็นเสมือนโรงบำบัดทุกข์บำรุงสุข
แต่พวกเรารู้สึกทุกข์เหลือเกิน ที่สถานที่แห่งนี้ไม่ได้หวงแสนสิทธิ์ ปกป้องสิทธิ์ หรือส่งเสริมสิทธิขั้นพื้นฐานของการใช้แรงงานของพวกเราเลย
แถมยังผลักไสให้พวกเราออกจากความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติประกันสังคม ริดรอนสิทธิที่พวกเราพึงจะได้รับ ในฐานะแรงงานไทย
หลายๆครั้งเราเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องให้นำกฏหมายแรงงานมาคุ้มครองการใช้แรงงานของพวกเรา
แต่ก็ถูกเพิกเฉย มันน่าหดหู่ใจยิ่งนัก กับหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
ที่มียุทธศาสตร์สำคัญในการดูแลส่งเสริมทุกกลุ่มวัย #วัยเด็ก #วัยแม่และเด็ก #วัยทำงาน #วัยสูงอายุ
ดูเหมือนยุทธศาสตร์จะทะลุเป้าประสงค์ทุกประการได้รับรางวัล โล่ห์เกียร์ติยศเชิดชูสง่างามเป็นประจักษ์แก่คนทั้งประเทศ
แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง เราว่าสถานที่อันทรงเกียร์ติแห่งนี้สมควรที่จะตกประเมิน ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียว คือ
คุณบกพร่องต่อยุทธศาสตร์ของกรมฯ กล่าวคือ ขณะที่ยุทธศาสตร์หลักขององค์กร คือ การส่งเสริมสุขภาพของทุกกลุ่ม
แต่กลุ่มวัยทำงาน ที่มีมากถึง 40ชีวิต (ถ้ารวมทุกหน่วยงานในสังกัดในหน่วยงานที่กระจายทั่วทั้งประเทศ น่าจะมีมากถึง 300-500คน )ที่คอยขับเคลื่อนงานให้องค์กร กลับถูกคุณริดรอนสิทธิ์
นำกฏหมายและระเบียบที่ไม่เป็นธรรมกับพวกเขา มาใช้กับพวกเขา ทั้งๆที่องค์กรนี้มีนิติกรที่รู้กฏหมาย มีนักวิชาการ มีแพทย์ ที่รู้ทั้งกฏหมายและระเบียบต่างๆ ทุกๆครั้งที่พวกเราเรียกร้องสิทธิ์พื้นฐานมักจะถูกเพิกเฉย แล้วอ้างว่าระเบียบไม่เอื้อต่อสิทธิ์
แม้เราจะยกเหตุและผล และเรียกร้องให้ใช้กฏหมายแรงงานและพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ใช้แรงงาน
ก็ไม่ได้รับการตอบสนองเปลี่ยนแปลง แก้ไขใดๆ ให้พวกเราเลย
ท่านครับท่านทราบหรือไม่ว่า #ระเบียบพัสดุ ไม่ได้คุ้มครองความเป็นมนุษย์ ไม่ได้คุ้มครองสิทธิการใช้แรงงานของพวกเราเลย
พวกเราไม่ได้เรียกร้องให้โรงพยาบาลหรือกรมฯหรือกระทรวงสาธารณสุขดูแลพวกเราเป็นพิเศษที่มาทำงานในสถานพยาบาลรัฐบาล
แต่พวกเราต้องการความคุ้มครองจากกฏหมายแรงงาน ให้พวกเรามีวันหยุด วันลา ตามสิทธิ์ของแรงงานไทย
เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองดูแลจาก ประกันสังคม ตามสิทธิที่พวกเราพึงจะได้รับ ท่านคือนายจ้างของพวกเรา
เป็นนายจ้างที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ท่านก็เป็นข้าราชการที่ปฏิญาณตนว่าจะทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชนไม่ใช่หรือ
ท่านเอาธรรมะมาปฏิบัติในองค์กร ท่านเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาในองค์กร นั่นคือ การนำองค์พระสัมมาพุทธเจ้าและแนวทางวิถีพุทธมาใช้ในองค์กร ซึ่งทุกๆครั้งเรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ท่านพูดเสมอๆว่า องค์กรเราเป็นองค์กรธรรมาภิบาล
เป็นธรรมแล้วหรือ ที่ใช้ระเบียบพัสดุ ระเบียบซึ่งใช้กับคน สัตว์ สิ่งของ ที่เป็นเอกชน เป็นห้างหุ้นส่วน เป็นนิติบุคคล
ซึ่ง แรงงานที่อยู่ในเอกชน ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลเหล่านั้นถูกคุ้มครองภายใต้กฏหมายแรงงานอยู่แล้ว
มันน่าหดหู่ใจยิ่งนัก เพราะ 40ชีวิตไม่ได้มีสิทธ์ใดๆแม้จะทำงานในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แต่ขณะที่แม่บ้านทำความสะอาดแรงงานต่างด้าวได้รับสิทธิความคุ้มครองจากกฏหมายแรงงาน ภายใต้การประกันสังคมที่นายจ้างต้องสมทบเพื่อสิทธิพื้นฐานของแรงงาน แต่ทำไมท่านเป็นนายจ้างพวกเรา ท่านไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยย
อ้าวเฮ้ย...แบบนี้ก็ได้หรอ???? หน่วยงานราชการทำแบบนี้ก็ได้หราาา? จะเล่าให้ฟ้งคร่าวๆ
เมื่อ 10ปีที่แล้ว มีนโยบายลดภาระงานหน่วยงานราชการ โดยให้ #เอกชน เข้ามาดำเนินการแทน ex.งานทำความสะอาด งานตัดแต่งกิ่งไม้ งานทาสีโรงพยาบาล ฯ โดยจ้างออกมาในรูปแบบของ การจ้างเหมางาน (จ้างเหมาเอกชนให้มาทำงานเหล่าแทน) เอกชนในที่นี้ หมายถึง บริษัท ห้างหุ้นส่วน ร้านค้า
ทีนี้กลุ่มคนที่ใช้แรงงานกลุ่มหนึ่ง เป็นบุคคลธรรมดาถูกผลักให้เข้าไปอยู่อยู่ในกลุ่มจ้างเหมา ถูกเรียกว่า #จ้างเหมาบริการ ถูกบังคับให้ทำสัญญาโดยใช้ระเบียบพัสดุ ถูกผลักออกจากความคุ้มครองภายใต้กฏหมายแรงงาน เสียสิทธิ์จาก พรบ.ประกันสังคม
เกิดข้อร้องเรียนต่างๆในหน่วยงานราชการ ทราบถึงระดับกระทรวง ทบวง กรม มีการนำเสนอปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหา ทำให้หน่วยงานราชการบางแห่ง รีบทำหนังสือเวียนเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจ้างงาน โดยในหนังสือเวียนระบุชัดเจน ว่า การจ้างงานต้องชัดเจน ใช้แรงงานก็ต้องจ้างด้วยระเบียบกฏหมายแรงงาน
จากหนังสือเวียน สธ 0201.034/ว 60 วันที่ 23 สิงหาคม 2553
เรื่อง การจ้างการเอกชนดําเนินงาน
เรียน อธิบดีกรมทุกกรม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต ผู้อํานวยการสถาบัน ผู้อํานวยการสํานัก
ผู้อํานวยการกลุ่ม ผู้อํานวยการกองทุกแห่งในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ด้วยกระทรวงการคลัง โดยหนังสือด่วนมาก ที่ กค0406.4/ว67 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม2553 ได้แจงหลักเกณฑ์การจ้างเอกชนดําเนินงาน
เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ เนื่องจากพบว่ามีส่วนราชการหลายแห่งได้ดําเนินการจ้างเอกชน ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดามาปฏิบัติงานในลักษณะ
เช่นเดียวกับการจ้างแรงงาน และมีประเด็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของผู้รับจ้างในเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ จึงกําหนดหลักเกณฑ์การจ้างเอกชนดําเนินงาน เพื่อให้ส่วนราชการสามารถดําเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้อย่างถูกต้อง ดังรายละเอียดตามหนังสือที่แนบมาพร้อมนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไปด้วยจะเป็นพระคุณ
ลงชื่อ นายไพจิตร์ นราชิต
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
(จากหนังสือเวียนที่พยายามพิมพ์ มา เพราะครอปรูป แนบรูป ไม่เป็น)
จะเห็นได้ว่ามีการแทงหนังสือเวียนถึง อธิบดีกรมทุกกรม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต ผู้อํานวยการสถาบัน ผู้อํานวยการสํานัก ผู้อํานวยการกลุ่ม ผู้อํานวยการกองทุกแห่งในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
นั้นหมายถึง เจตนาของหนังสือฉบับนี้ต้องการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขแก้ไข ปรับปรุง ระเบียบการจ้างให้เหมาะสม การจ้างแบบไหนใช้ระเบียบพัสดุ การจ้างแบบไหนเป็นการจ้างแรงงาน หลายๆหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขได้แก้ไขเพื่อสิทธิของพนักงานและลูกจ้าง แต่ยังมีบางหน่วยงานที่ อ้างเพียงแต่ระเบียบของหน่วยงานนั้นๆ
อยากให้จะขอพลังโซเชียลช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะ.......
บางคนทำงาน ในนี้ 10 กว่าปีก็ยังไร้สิทธิ์ ไร้ความคุ้มครอง
บางคนต้องถูกผลักให้ออกไปประกันตนเอง ทั้งๆที่ มีโรงพยาบาลเป็นนายจ้าง
บางคนจะคลอดลูกก็ไม่มีสิทธิ์ใดๆควรได้รับความคุ้มครองจาก พรบ.ประกันสังคมในฐานะที่มีโรงพยาบาลเป็นนายจ้างและสมควรสมทบกองทุนประกันสังคมเพื่อสิทธิของพนักงาน
บางคน เป็นบุคคลธรรมดา เงินเดือนเกิน 15000 ก็ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เพราะเสมือนว่าตัวเองเป็นเอกชนมาทำสัญญากับโรงพยาบาลด้วยระเบียบพัสดุ ทั้งๆ บุคคลธรรมดาที่รายได้ไม่ถึง ตามที่รัฐกำหนดก็ไม่ต้องเสียภาษี