ถ้าพูดถึงร้านซูชิในบ้านเราตอนนี้มีเยอะแยะมากมาย บ้างก็กระจุอยู่ในตัวเมือง เช่น สุขุมวิท, อโศก, สีลม เป็นต้น วันนี้เลยจะมานำเสนอร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีซูชิคุณภาพดี ๆ ที่กระจายตัวมาในย่านฝั่นธนฯ แถว ๆ เจริญนคร ขยับข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาออกมาหน่อยแต่ก็ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก กับร้าน Hotei
Hotei ชื่อเต็ม ๆ ว่า Hotei Japanese Restaurant เป็นร้านซูชิน้องใหม่เปิดมาได้ปีกว่า ๆ ปัจจุบันมี 2 สาขา คือสาขาพระราม 9 และสาขา The Lighthouse (เจริญนคร) วันนี้ที่มารีวิวจะเป็นสาขา The Lighthouse (เจริญนคร) ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของโครงการ
การเดินทางมาก็ไม่ยากนะสำหรับคนที่อยู่ระแวกนั้น แต่ใครที่ไม่เคยไป ถ้ามาจากในเมืองก็ให้ใช้เส้นทางสาทรเหนือมุ่งหน้าวงเวียนใหญ่ พอข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาโดยใช้สะพานตากสิน ก็ให้ชิดซ้ายเพื่อวกรถกลับเข้าเส้นเจริญนคร เจอแยกไฟแดงตรง Sena Fest ก็ให้เลี้ยวซ้าย ลอดผ่านใต้สะพานตากสิน แล้วตรงเลยแยกไฟแดงไปอีก 30 เมตรก็จะเห็นโครงการชัดเจนครับ ร้านจะอยู่ที่ชั้น 1 ของโครงการเลย หาไม่ยากครับ ขึ้นไปจอดรถบนอาคารได้เลย แล้วก็เอาบัตรจอดรถลงมาปั๊มที่ร้านได้ครับ
Hotei แปลว่า เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ธีมของร้านอยากให้ดูเป็นสไตล์ญี่ปุ่นทันสมัย แต่มีกลิ่นไอของความเป็นท้องทุ่งที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศร้านจะโล่งสบาย ไม่อึมครึม เลยทำให้ดูสะอาดสะอ้านน่านั่งไปในตัว
ที่เพดานจึงมีโคมไฟที่ดูคล้ายอุปกรณ์การเกษตรของชาวนาญี่ปุ่น เพื่อสื่อถึงถุงเงินถุงทอง ที่มีความเป็นศิริมงคล ตัดกับลวดลายของเมฆที่รูปลักษณ์มีความเป็นญี่ปุ่นเล็ก ๆ ก็ดูเข้ากันได้ดีนะ ยิ่งวันสบาย ๆ ของใครที่ไม่มีอะไรเร่งด่วนผมว่านั่งยาว ๆ นี่โอเคเลยครับ
ร้านเปิดตั้งแต่ 11.00 – 22.00 น. (ทั้ง 2 สาขา) ถ้าวันศุกร์และเสาร์ จะเปิดถึง 24.00 น. เลยครับ ที่นั่งในร้านมีทั้งหมดประมาณ 40 ที่นั่ง มีให้เลือก 2 แบบ โต๊ะทั่วไป หรือ นั่งห้อยขาหน้าบาร์ ก็เลือกได้ตามสะดวกครับ
เมนูอาหารของ Hotei ก็หลากหลายพอสมควร ไม่ได้มีแค่ซูชิและซาชิมิ แต่มีทั้ง Appetizer, Donburi, Salad, Teriyaki, Sushi Roll, Steak, Bento Set ฯลฯ ส่วนวันนี้ที่ได้มาลองมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยครับ ที่นี่จะมี Complimentary เป็นถั่วคั่วของบาหลีอร่อยมาก ลองให้ได้เลย และซุปที่นี่เต็มได้เรื่อย ๆ ครับ
Sashimi Set B – 650 บาท
เปิดกันด้วยชุดปลาดิบแบบชิ้นโต ๆ ประกอบด้วยปลาทูน่าส่วนเนื้อแดง(Akami), ปลาแซลมอน และ ปลาฮามาจิ ซึ่งเมนูนี้เท่าที่ผมได้ลองผมประทับใจฮามาจิมาก เนื้อปลาสดมาก เนื้อขาวเนียนมัน และ แน่นดี
ซาชิมิที่นี่จะหั่นชิ้นหนามาก สำหรับผมรู้สึกว่า หนาไปหน่อย แต่สำหรับบางคนที่ชอบปลาดิบชิ้นหนา ๆ กัดแล้วจมเขี้ยวก็น่าจะชอบมากครับ
เนื้อปลาแซลมอน ก็อยู่ในเกณฑ์ดีครับ เนื้อแน่นนุ่ม ไม่มันมาก ลายค่อนข้างชัด กินแล้วสะใจดีครับ ส่วน Akami ผมเฉย ๆ นะ อยู่ในระดับมาตรฐาน แต่เนื้อไม่เละ ไม่ยุ่ย ซึ่งผมว่าถ้ามันแน่นและมันได้มากกว่านี้สักหน่อยจะดีมากครับ
Hotei Wafu Salad – 350 บาท (แนะนำให้ลอง)
สลัดจานนี้สีสันน่ากินมาก เป็นผักสดวางข้างล่าง แล้วก็มีปลาดิบและไข่หวานเป็นเส้น ๆ วางอยู่ด้านบน มีงาขาว งาดำโรยมาเล็กน้อย พร้อมกับไข่แซลมอนแบบไม่ยั้ง มันน่ากินมาก เมนูนี้จะเป็นน้ำสลัดแบบใส น่าจะเป็นรสชาติที่เราคุ้นเคยกัน เค็มเปรี้ยวอมหวานมีกลิ่นหอม ๆ
ที่ร้านก็ทำ Dressing ตัวนี้เอง รสชาติผมว่าเข้มข้นมาก ถ้าใครที่ไม่ชอบรสเข็ม ๆ ก็ทยอยใส่แล้วคลุกไปเรื่อย ๆ ดีกว่า อย่าใส่หมดถ้วยในคราวเดียวนะ เพราะอาจทำให้รสจัดเกินไปสำหรับบางคน
ถ้าใส่ Dressingในปริมาณที่พอเหมาะได้แล้ว มันจะอร่อยมากเลยครับ ซอสรสชาติจัดจ้านมีกลิ่นหอมนิด ๆ กินกับผักสดกรอบและปลาดิบเนียน ๆ มีความมันของไข่แซลมอนอีกเล็กน้อย น้ำย่อยเริ่มทำงานเลยครับ
แต่สำหรับใครที่ชอบน้ำสลัดแบบน้ำข้น ก็ต้องเป็นอีกเมนูครับ เครื่องทุกอย่างเหมือนกัน แต่ Dressing จะเป็นสีส้ม ๆ คล้าย Thousand Island แบบนี้ครับ ก็อร่อยไปอีกแบบ
Yakisoba Spicy – 180 บาท
เมนูนี้ ตามชื่อเป็นเมนูญี่ปุ่นโดยแท้เลย แต่ที่ร้านนำมาประยุกต์ให้เป็นแบบไทย ๆ ซึ่งผมคิดว่าประยุกต์มากไปหน่อย มีการใส่พริกเผาและซอสพริก ทำให้รสชาติที่ได้ลองไม่ตรงกับรสชาติที่คิดไว้ในหัว และทำให้ความเป็นอาหารญี่ปุ่นค่อนข้างเลือนรางมาก ยังไม่โดนสำหรับผมครับจานนี้
Sandwich Roll – 320 บาท
เป็นตัวแทนของเมนูประเภท Sushi Roll ไส้ด้านในของ Roll เป็นปูนิ่มทอดกรอบและแตงกวา ห่อด้วยข้าวซูชิแล้วก็ไปคลุกกับเกล็ดเทมปุระ แล้วราดซอสประมาณซอสเทริยากิ มายองเนส และไข่กุ้ง
เมนูนี้ถ้าตามที่บรรยายไปมันน่าอร่อยและน่าประทับใจมาก ๆ เพราะจะได้ความนุ่ม เคลือบด้วยเกล็ดเทมปุระกรอบ ๆ ผสมผสานกับรสชาติของซอสที่ราดมา ที่น่าจะอร่อยเข้ากันได้ดี แต่เมนูนี้ตามความรู้สึกผม ผมว่ายังขาดอะไรไปนิดหน่อย
คือโดยรวม ๆ อยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว แต่ถ้าเพิ่มอะไรอีกนิดหน่อยน่าจะดีกว่านี้ได้อีกเยอะเลย เช่น ปริมาณข้าวควรบางกว่านี้, ซอสที่ราดน่าจะราดเยอะกว่านี้สักหน่อย, และไส้ข้างในถ้ามีตัวผสานระหว่างปูนิ่มและแตงกว่าที่กรอบทั้งคู่ อาจเป็นครีมชีสหรือไข่หวานอะไรทำนองนั้น น่าจะดีมาก ๆ ครับ ครั้งหน้าอาจจะต้องขอมาลอง Roll ตัวอื่นแทนบ้าง
Sushi (แนะนำให้ลอง)
ผมว่าเท่าที่กินอาหารหลาย ๆ ประเภทของ Hotei มา ผมชอบหมวดหมู่ซูชิมากที่สุด ถือว่าเป็นไฮไลท์ของร้านได้เลย เพราะรู้สึกว่าเค้าทำออกมาได้ดี ทั้งสัดส่วนของข้าวและเนื้อ, รสชาติและเนื้อสัมผัสโดยรวมของซูชิแต่ละคำก็พอดีมาก ๆ เหมือนผ่านการลองกินลองทดสอบมาหลายรอบ, ขนาดก็พอดี ๆ ไม่เล็ก และไม่ล้นปากจนเกินไป
วันนี้ได้ลองทั้งที่ราคาถูกจนราคาแพงประทับใจทุกคำครับ ซาบะคำละ 40 แซลมแนคำละ 80 แต่กินแล้วประทับใจเหมือนได้กินคำแพง ๆ เลย สไตล์การทำซูชิของที่นี่ผมว่าน่าจะเป็นแนวฟิวชั่น มีการเลือกใช้วัตถุดิบบางอย่างที่ช่วยเสริมกลิ่นและรสเข้าไปบ้าง แต่ก็ทำได้สมบูรณ์กลมกลืนดีมากครับ วันนี้ที่ได้ลองมีดังนี้ครับ
• Matsusaka – 320 บาท
• Engawa – 100 บาท
• Spicy Salmon – 80 บาท
• Hamachi Saikyo – 160 บาท
• Salmon Saikyo – 80 บาท
• Saba – 40 บาท
• Foie gras – 340 บาท
[SR] Hotei ร้านอาหารญี่ปุ่นน้องใหม่ในฝั่งธนฯ แนะนำว่า ซูชิเค้าอร่อยดี ซาชิมิก็เต็มปากเต็มคำมาก ๆ
ถ้าพูดถึงร้านซูชิในบ้านเราตอนนี้มีเยอะแยะมากมาย บ้างก็กระจุอยู่ในตัวเมือง เช่น สุขุมวิท, อโศก, สีลม เป็นต้น วันนี้เลยจะมานำเสนอร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีซูชิคุณภาพดี ๆ ที่กระจายตัวมาในย่านฝั่นธนฯ แถว ๆ เจริญนคร ขยับข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาออกมาหน่อยแต่ก็ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก กับร้าน Hotei
Hotei ชื่อเต็ม ๆ ว่า Hotei Japanese Restaurant เป็นร้านซูชิน้องใหม่เปิดมาได้ปีกว่า ๆ ปัจจุบันมี 2 สาขา คือสาขาพระราม 9 และสาขา The Lighthouse (เจริญนคร) วันนี้ที่มารีวิวจะเป็นสาขา The Lighthouse (เจริญนคร) ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของโครงการ
ที่เพดานจึงมีโคมไฟที่ดูคล้ายอุปกรณ์การเกษตรของชาวนาญี่ปุ่น เพื่อสื่อถึงถุงเงินถุงทอง ที่มีความเป็นศิริมงคล ตัดกับลวดลายของเมฆที่รูปลักษณ์มีความเป็นญี่ปุ่นเล็ก ๆ ก็ดูเข้ากันได้ดีนะ ยิ่งวันสบาย ๆ ของใครที่ไม่มีอะไรเร่งด่วนผมว่านั่งยาว ๆ นี่โอเคเลยครับ
เปิดกันด้วยชุดปลาดิบแบบชิ้นโต ๆ ประกอบด้วยปลาทูน่าส่วนเนื้อแดง(Akami), ปลาแซลมอน และ ปลาฮามาจิ ซึ่งเมนูนี้เท่าที่ผมได้ลองผมประทับใจฮามาจิมาก เนื้อปลาสดมาก เนื้อขาวเนียนมัน และ แน่นดี
ซาชิมิที่นี่จะหั่นชิ้นหนามาก สำหรับผมรู้สึกว่า หนาไปหน่อย แต่สำหรับบางคนที่ชอบปลาดิบชิ้นหนา ๆ กัดแล้วจมเขี้ยวก็น่าจะชอบมากครับ
เนื้อปลาแซลมอน ก็อยู่ในเกณฑ์ดีครับ เนื้อแน่นนุ่ม ไม่มันมาก ลายค่อนข้างชัด กินแล้วสะใจดีครับ ส่วน Akami ผมเฉย ๆ นะ อยู่ในระดับมาตรฐาน แต่เนื้อไม่เละ ไม่ยุ่ย ซึ่งผมว่าถ้ามันแน่นและมันได้มากกว่านี้สักหน่อยจะดีมากครับ
สลัดจานนี้สีสันน่ากินมาก เป็นผักสดวางข้างล่าง แล้วก็มีปลาดิบและไข่หวานเป็นเส้น ๆ วางอยู่ด้านบน มีงาขาว งาดำโรยมาเล็กน้อย พร้อมกับไข่แซลมอนแบบไม่ยั้ง มันน่ากินมาก เมนูนี้จะเป็นน้ำสลัดแบบใส น่าจะเป็นรสชาติที่เราคุ้นเคยกัน เค็มเปรี้ยวอมหวานมีกลิ่นหอม ๆ
ที่ร้านก็ทำ Dressing ตัวนี้เอง รสชาติผมว่าเข้มข้นมาก ถ้าใครที่ไม่ชอบรสเข็ม ๆ ก็ทยอยใส่แล้วคลุกไปเรื่อย ๆ ดีกว่า อย่าใส่หมดถ้วยในคราวเดียวนะ เพราะอาจทำให้รสจัดเกินไปสำหรับบางคน
ถ้าใส่ Dressingในปริมาณที่พอเหมาะได้แล้ว มันจะอร่อยมากเลยครับ ซอสรสชาติจัดจ้านมีกลิ่นหอมนิด ๆ กินกับผักสดกรอบและปลาดิบเนียน ๆ มีความมันของไข่แซลมอนอีกเล็กน้อย น้ำย่อยเริ่มทำงานเลยครับ
แต่สำหรับใครที่ชอบน้ำสลัดแบบน้ำข้น ก็ต้องเป็นอีกเมนูครับ เครื่องทุกอย่างเหมือนกัน แต่ Dressing จะเป็นสีส้ม ๆ คล้าย Thousand Island แบบนี้ครับ ก็อร่อยไปอีกแบบ
เมนูนี้ ตามชื่อเป็นเมนูญี่ปุ่นโดยแท้เลย แต่ที่ร้านนำมาประยุกต์ให้เป็นแบบไทย ๆ ซึ่งผมคิดว่าประยุกต์มากไปหน่อย มีการใส่พริกเผาและซอสพริก ทำให้รสชาติที่ได้ลองไม่ตรงกับรสชาติที่คิดไว้ในหัว และทำให้ความเป็นอาหารญี่ปุ่นค่อนข้างเลือนรางมาก ยังไม่โดนสำหรับผมครับจานนี้
เป็นตัวแทนของเมนูประเภท Sushi Roll ไส้ด้านในของ Roll เป็นปูนิ่มทอดกรอบและแตงกวา ห่อด้วยข้าวซูชิแล้วก็ไปคลุกกับเกล็ดเทมปุระ แล้วราดซอสประมาณซอสเทริยากิ มายองเนส และไข่กุ้ง
เมนูนี้ถ้าตามที่บรรยายไปมันน่าอร่อยและน่าประทับใจมาก ๆ เพราะจะได้ความนุ่ม เคลือบด้วยเกล็ดเทมปุระกรอบ ๆ ผสมผสานกับรสชาติของซอสที่ราดมา ที่น่าจะอร่อยเข้ากันได้ดี แต่เมนูนี้ตามความรู้สึกผม ผมว่ายังขาดอะไรไปนิดหน่อย
คือโดยรวม ๆ อยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว แต่ถ้าเพิ่มอะไรอีกนิดหน่อยน่าจะดีกว่านี้ได้อีกเยอะเลย เช่น ปริมาณข้าวควรบางกว่านี้, ซอสที่ราดน่าจะราดเยอะกว่านี้สักหน่อย, และไส้ข้างในถ้ามีตัวผสานระหว่างปูนิ่มและแตงกว่าที่กรอบทั้งคู่ อาจเป็นครีมชีสหรือไข่หวานอะไรทำนองนั้น น่าจะดีมาก ๆ ครับ ครั้งหน้าอาจจะต้องขอมาลอง Roll ตัวอื่นแทนบ้าง
วันนี้ได้ลองทั้งที่ราคาถูกจนราคาแพงประทับใจทุกคำครับ ซาบะคำละ 40 แซลมแนคำละ 80 แต่กินแล้วประทับใจเหมือนได้กินคำแพง ๆ เลย สไตล์การทำซูชิของที่นี่ผมว่าน่าจะเป็นแนวฟิวชั่น มีการเลือกใช้วัตถุดิบบางอย่างที่ช่วยเสริมกลิ่นและรสเข้าไปบ้าง แต่ก็ทำได้สมบูรณ์กลมกลืนดีมากครับ วันนี้ที่ได้ลองมีดังนี้ครับ
• Matsusaka – 320 บาท
• Engawa – 100 บาท
• Spicy Salmon – 80 บาท
• Hamachi Saikyo – 160 บาท
• Salmon Saikyo – 80 บาท
• Saba – 40 บาท
• Foie gras – 340 บาท
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น